หลังจากที่ได้พูดเรื่องการเลือกผ้าม่านในบทความที่แล้ว เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่าจริงๆ แล้ว ‘ผ้าม่าน’ ไม่จำเป็นต้องทำจากผ้าเพียงอย่างเดียว สามารถทำจากวัสดุประเภทอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งนอกจากจะเด่นเรื่องฟังก์ชันการใช้งานแล้ว เรื่องความสวยงามที่เกิดขึ้นภายในห้อง ก็น่าสนใจไม่น้อย ‘ม่าน’ ถือว่าเป็นผนังสำคัญที่ทำหน้าที่กำหนดรูปแบบการเข้ามาของแสงธรรมชาติ ค่อนข้างมีความจำเป็นและห้องของเราจะขาด ‘ม่าน’ ไปไม่ได้เลย มาดูกันดีกว่าครับว่าการเลือก ‘ม่าน’ ให้เข้ากับห้องและไลฟ์สไตล์นั้น จะช่วยเสริมให้ห้องน่าอยู่ขึ้นอีกได้อย่างไร
ม่านแบบมู่ลี่
คือม่านที่มีลักษณะเป็นระแนงซี่ๆ เรียงตัวกันในแนวนอน ซึ่งการควบคุมและกันแสงของม่านเกิดจากการที่เราสามารถหมุนปรับองศาของระแนงได้นั่นเอง โดยส่วนมากตัวระแนงจะถูกออกแบบให้ปรับได้เกือบๆ 270 องศาเลยทีเดียว แสงจะเข้ามาได้มากที่สุดเมื่อหมุนระแนงขนานกับพื้น เป็นการเปิดรับแสงเข้าห้อง แต่ขณะเดียวกัน ตัวระแนงเองก็ยังช่วยเรื่อง Privacy ได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อเราต้องการเปิดรับวิวเต็มๆ ม่านแบบนี้ยังสามารถดึงรอกให้ระแนงทั้งเซ็ต รวบขึ้นไปเก็บด้านบนรางม่านได้อีกด้วย เรียกได้ว่า Flexible สุดๆ สำหรับม่านชนิดนี้
วัสดุของม่านแบบมู่ลี่ที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- มู่ลี่ไม้ ทำจากวัสดุไม้ประเภทต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ ไม้รามิน ไม้บาสวูด จุดเด่นของการใช้ไม้ คือสีและผิวสัมผัส เมื่อเรามองหรือได้จับจะให้ความรู้สึกอบอุ่น Cozy เนื่องจากเป็นสีจากไม้จริงๆ
- มู่ลี่โฟมวูด วัสดุที่ใช้คือ Polystyrene คุณภาพสูง คุณสมบัติของโฟมวูดคือความคงทน แถมยังใช้ในบริเวณที่มีความชื้นได้ด้วย จะทำสีเพิ่มก็ได้นะครับ แล้วแต่ความชอบของเพื่อนๆ เลย
- มู่ลี่อลูมิเนียม จุดเด่นของตัววัสดุคือ มีความบาง สามารถเลือกขนาดความกว้างของระแนงที่เล็ก บาง หรือละเอียดได้ ลักษณะของแสงที่เข้ามาจะมีความนุ่มนวล ผิวและการทำสีของอลูมิเนียมบางครั้งก็ให้ความรู้สึกแบบ Modern Industrial นิดๆ ด้วยครับ
นอกจากการเลือกวัสดุของมู่ลี่แล้ว อีกสิ่งที่ต้องเลือกก็คือขนาดของชิ้นระแนง โดยทั่วไปจะมีความกว้างประมาณ 2 – 5 ซม. และจะแคบได้กว่านี้ สำหรับมู่ลี่อลูมิเนียม เราอยากจะแนะนำให้เลือกขนาดที่เล็กๆ เพราะเมื่ออยู่ในห้องของสเกลการพักอาศัย จะให้ความรู้สึกที่ สบายๆ ละเอียด สวยงาม และมั่นใจได้เลยว่า แสงที่ลอดผ่านเข้ามาจะมีความละมุนละไม หรือแม้แต่ตอนที่โดนแสงโดยตรง ลำแสงจะคมเป็นเส้นๆ ห้องจะดูมีมิติมากขึ้น แต่ต้องโน้ตไว้ด้วยเช่นกันว่าม่านชนิดนี้จะไม่สามารถกันแสงได้ 100% เพราะแสงจะลอดมาได้เรื่อยๆ ระหว่างใบของระแนง จึงอาจจะเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องนอนสำหรับคนที่ไม่ต้องการความมืดสนิทมากกว่าครับ
ม่านแบบม้วน (Roller Blinds)
ม่านม้วนเป็นม่านอีกชนิดที่เป็นที่นิยมใช้ในการตกแต่ง เนื่องจากลักษณะของม่านที่ดูทันสมัย มีความเรียบที่เหมาะกับการตกแต่งแบบ Modern การใช้งานของม่านชนิดนี้ เมื่อเราเปิดและปิดม่านจะใช้การดึงม่านขึ้นและลง โดยม่านจะม้วนเก็บไว้บริเวณรางด้านบนครับ
วัสดุของตัวม่านผลิตจาก Polyester ซึ่งสามารถเลือกระดับความทึบโปร่งได้ ดังนี้
- Blackout คือชนิดทึบแสง ตัวม่านกันแสงได้มากที่สุด และกันความร้อนได้มากเช่นกัน
- Dimout ความทึบจะรองลงมากจากแบบ Blackout แสงสามารถผ่านเข้ามาได้เล็กน้อย
- Sunscreen เป็บแบบที่มีความโปร่งมากกว่าแบบอื่นๆ ในระดับที่สามารถมองทะลุผ่านได้เล็กน้อย แบบลางๆ แสงก็สามารถผ่านเข้ามาแบบนุ่มๆ ได้เช่นกัน
ม่านม้วนสามารถเลือกใช้ได้แทบทุกฟังก์ชันการใช้งาน ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องครัว เนื่องจากลักษณะม่านเป็นผืนกว้างๆ การดูแลรักษาและการทำความสะอาดจึงไม่ได้ยุ่งยากมากนัก จะเลือกใช้กับห้องครัว ก็เลือกใช้ได้สบายๆ หรือหากเป็นห้องนอนก็เลือกให้ทึบหน่อย ส่วนห้องนั่งเล่นก็เลือกให้โปร่งมากขึ้นได้ครับ
ม่านแบบปรับแสง
คือม่านที่มีลักษณะที่เป็นใบระแนงกว้างๆ ขนาดประมาณ 10 ซม. ขึ้นไป เรียงตัวกันในแนวตั้ง โดยที่ตัวใบระแนงสามารถปรับองศาเพื่อบังคับทิศทางของแสง กำหนดมุมมองทางสายตาได้ และสามารถรวบเก็บเพื่อเปิดมุมมองให้โล่งได้เช่นกัน วัสดุส่วนมากจะทำจาก Polyester ที่สามารถเลือกความทึบความโปร่งได้ทั้งแบบ Dimout, Blackout และแบบ Sunscreen ตามลักษณะของวัสดุเช่นเดียวกับม่านม้วน สีที่นิยมเลือกใช้ก็มักจะเป็นโทนสีเรียบๆ ที่เข้ากับการตกแต่งของห้อง
ก็ค่อนข้างครบถ้วนสำหรับ ‘ม่าน’ ยอดฮิตเป็นตัวเลือกไว้ติดบ้าน จะเลือกแบบมู่ลี่ แบบม้วน หรือแบบปรับแสง ขึ้นอยู่กับความชอบและไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆ เลยครับ ใครที่กำลังมองหาหรือเลือกม่านอยู่ และยังไม่ได้อ่าน Part 1 อย่าพลาดเชียวนะครับ เพราะเราได้แนะนำ ‘ผ้าม่าน’ ในหลายๆ แบบ ไว้เป็นข้อมูลให้แล้วเช่นกัน ซึ่งในบ้านหรือคอนโดมิเนียม เราสามารถ Mix & Match ม่านหลายๆ แบบตามการใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด เพื่อความหลากหลาย ต่างสไตล์ และการใช้งานของแต่ละฟังก์ชันครับ