บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก โครงการพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา
เมื่อรถไฟฟ้าเริ่มขยายมาในย่านรามอินทรา โครงการคอนโดต่างๆ ย่อมผุดขึ้นตามแนวของรถไฟฟ้าไม่ต่างจากในเมือง ไม่ว่าจะสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) หรือสายสีเขียว (ห้าแยกลาดพร้าว-คูคต) การอาศัยอยู่ในคอนโดติดรถไฟฟ้าอาจจะมีการเดินทางที่สะดวกกว่าก็จริง แต่ถ้าราคาที่เราซื้อคอนโด 3 – 4 ล้าน เราสามารถซื้อทาวน์โฮมได้ด้วย ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากนะครับ ยิ่งถ้าเราใช้รถยนต์เป็นพาหนะประจำอยู่แล้วด้วย นอกจากเราจะได้บ้าน ได้พื้นที่ใช้สอย ยังจะได้ที่ดินเป็นของตัวเองอีกด้วย
วันนี้ LivingPop จะพาไปดูบ้านทาวน์โฮมในราคาที่ไม่หนีไปจากคอนโดแบบ 2 ห้องนอนกันครับ รับรองว่าคุ้มค่าแน่ๆ ถ้าใครอยากจะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ และเผื่อจะขยายครอบครัวในอนาคต ทาวน์โฮมก็เป็นตัวเลือกที่ดีและราคาไม่สูงมากครับ แต่สำหรับใครที่อาจจะอยากได้บ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาโครงการนี้ยังมีทาวน์โฮม 2.5 ชั้นแบบ Duplex ที่มีเพดานแบบ double-volume สูงถึง 5.2 เมตรด้วย เรียกว่าสูงโปร่งอยู่สบายไม่แพ้บ้านเดี่ยวเลยครับ
จุดเด่นของทำเลพหลโยธิน-รามอินทรา
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าช่วงนี้กรุงเทพฯ ของเรามีรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้างและทยอยเปิดหลายสาย พื้นที่ย่านพหลโยธิน-รามอินทราก็เป็นพื้นที่อีกจุดนึงที่มีการพัฒนารถไฟฟ้า โดยสายหลักๆ ที่จะมาช่วยให้การเดินทางในย่านนี้สะดวกขึ้น ได้แก่ 1. รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่วิ่งอยู่บนถนนพหลโยธิน เส้นนี้จะตรงเข้าสู่ใจกลางเมือง กับ 2. รถไฟฟ้าสายสีชมพู วิ่งอยู่บนถนนรามอินทรา เส้นนี้ก็จะวิ่งรอบนอกไปจุดต่างๆ เช่นเมืองทอง, แฟชั่นไอส์แลนด์ ฯลฯ
ก่อนจะพูดถึงทำเลโครงการพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทราแบบเจาะลึก เรามาทำความรู้จักรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายนี้กับแบบคร่าวๆ กันก่อนครับ
รถไฟฟ้าสายสีเขียว
วิ่งตรงเข้าเมือง (ห้าแยกลาดพร้าว > สยาม > สุขุมวิท)
รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน หรือที่เราเรียกกันว่ารถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทปัจจุบันกำลังมีส่วนต่อขยายในส่วนเขียวเหนือ ต่อมาจากสถานีหมอชิตเดิม เส้นทางของส่วนต่อขยายจะวิ่งข้ามโทล์เวย์ ผ่านหน้า Central ลาดพร้าว มาทางถนนพหลโยธิน ผ่านแยกรัชโยธิน > เกษตรศาสตร์ > วงเวียนหลักสี่ > สะพานใหม่ ไปจบที่ถนนลำลูกกาที่สถานีคูคต
ปัจจุบันส่วนต่อขยายเริ่มเปิดให้บริการบางสถานีแล้ว เช่นสถานีห้าแยกลาดพร้าว และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดบริการเพิ่มเติมอีก 4 สถานี ไปจนถึง ม.เกษตรศาสตร์ คาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งหมดภายในปี 2563 นี้
ข้อดีของรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนเลยคือ เป็นรถไฟฟ้าในไทยสายแรกและเป็นสายที่ผ่านจุดสำคัญหลักๆ ในเมืองเยอะมาก เรียกได้เป็นรถไฟฟ้าสายแกนสำคัญสายนึงของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ จุดที่ผ่านก็เช่น 5 แยกลาดพร้าว, หมอชิต, อารีย์, อนุสาวรีย์ชัยฯ, พญาไท (ต่อ Airport Rail Link), สยาม, เพลินจิต, อโศก, ทองหล่อ, เอกมัย, BITEC บางนา ไปจนถึงสมุทรปราการ (เป็นสายที่ค่อนข้างยาวมาก)
ดังนั้นถ้าขึ้นรถที่สายนี้ก็ค่อนข้างที่จะไปจุดสำคัญในเมืองได้หลากหลาย แบบไม่ต้องเปลี่ยนรถเลย นั่งทีเดียวยาวๆ ไป (ถ้าไปไกลมากก็อาจจะใช้เวลานิดนึง แต่ก็สะดวกกว่าขับรถอยู่ดี นึกภาพว่าจากสะพานใหม่ไปไบเทคด้วยรถไฟฟ้าต่อเดียวถึง)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมของรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนได้ที่ : www.livingpop.com/bts-lightgreen-sukhumvit-line/
รถไฟฟ้าสายสีชมพู
เชื่อมต่อรอบนอก (ศูนย์ราชการนนทบุรี, อิมแพคเมืองทองฯ, มีนบุรี)
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ลักษณะจะต่างกับสายสีเขียวตรงที่สายนี้จะเน้นวิ่งในเขตรอบนอก เชื่อมต่อกับสายสีม่วงที่ศูนย์ราชการนนทบุรี วิ่งมาทางติวานนท์ และเข้าแจ้งวัฒนะ ผ่านเมืองทอง วิภาวดี และตัดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่วงเวียนหลักสี่ ก่อนจะวิ่งเข้ารามอินทราทั้งเส้น ผ่านแฟชั่นไอส์แลนด์ไปถึงมีนบุรีและเลี้ยวไปจบที่รถไฟฟ้าสายสีส้มที่ตอนปลายของถนนรามคำแหง
ปัจจุบันสายนี้กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งก่อสร้างไปได้ค่อนข้างไวมากพอสมควร จากที่เริ่มสร้างมาปีกว่าปัจจุบันจะเห็นได้ว่าโครงการคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งส่วนนึงที่สามารถก่อสร้างได้ไว เพราะสายนี้จะเป็นการใช้รถไฟฟ้าแบบ monorail ทำให้โครงสร้างมีขนาดเล็กกว่า ก่อสร้างได้ไวกว่าด้วย คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ในปี 2564 นี้
จุดเด่นของรถไฟฟ้าสายสีชมพูคือ จะเน้นพาคนจากจุดต่างๆ ของรอบนอก เข้าสู่รถไฟฟ้าสายหลักอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง, สายสีเขียว, สายสีแดง หรือสายสีส้มครับ สังเกตว่าจะไม่ได้วิ่งเข้าเมืองตรงๆ แต่จะวิ่งไปรอบนอกตัดรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ดังนั้นการเข้าเมืองอาจจะไม่ได้สะดวกเท่าสายสีเขียว แต่ก็จะได้ข้อดีในเรื่องของการที่สามารถไปจุดสำคัญต่างๆ ที่อยู่รอบนอกได้ อย่างเช่น ห้างต่างๆ เช่น เซ็นทรัลรามอินทรา, แฟชั่นไอส์แลนด์/พรอมานาด, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, เมืองทองธานี เป็นต้น และนอกจากนี้สายสีชมพูยังมีแผนจะทำส่วนต่อขยายเป็นกิ่งเพิ่ม เข้าไปถึงในอิมแพ็คเมืองทองธานีด้วยครับ
พฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา
บ้านที่ใกล้รถไฟฟ้าทั้งสองสาย
ทำเลโครงการ
ทำเลของโครงการพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา จะตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 5 โดยเข้ามาในซอยประมาณ 2 กม. กว่าๆ ก็จะถึงตัวโครงการเลยครับ เเต่ถ้าหากเรามาจากฝั่งเลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา ก็สามารถกลับรถที่แยกลาดปลาเค้า แล้วเข้า-ออกที่ซอย รามอินทรา 19, 21 เเละ 23 ก็ได้เช่นกันครับ
ความพิเศษของซอยนี้ก็คือนอกจากจะเข้าจากทางรามอินทราได้แล้ว อีกด้านนึงของซอยยังสามารถออกไปเชื่อมกับถนนตัดใหม่เทพรักษ์ (พหลโยธิน 50) ซึ่งถนนเส้นนี้จะไปเชื่อมเข้าถนนพหลโยธิน อีกทีนึง จากทางด้านนี้จะใช้ระยะทางประมาณ 4 กม. จากโครงการถึงรถไฟฟ้าสถานีสายหยุด
ถนนเทพรักษ์ ถนนตัดใหม่เชื่อมจากพหลโยธินไปถึงวัชรพล-สุขาภิบาล 5
ทำให้โครงการนี้ในระยะ 2-4 กม. จากตัวโครงการ มีรถไฟฟ้าถึง 2 สายมาให้เลือก อยากเข้าเมืองตรงๆ ก็ไปสายสีเขียวทางพหลโยธินที่สถานีสายหยุด หรือไปโซนรามอินทรา/แจ้งวัฒนะก็ไปทางสายสีชมพูได้ที่สถานี ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (เดิมจะชื่อสถานีรามอินทรา 3) หรือจะขึ้นสายสีชมพูไปเชื่อมกับสายสีเขียวก็ได้เช่นกัน เนื่องจากสายสีชมพูจะใกล้กับโครงการมากกว่า
จุดขายที่เด่นมากข้อนึงของที่นี่ คือเรื่องทำเลที่ถือว่าใกล้รถไฟฟ้าสำหรับหมู่บ้านที่เป็นแนวราบครับ ซึ่งระยะที่ใกล้อาจจะไม่ถึงกับเดินได้ แต่ก็เป็นระยะที่ถ้าลงรถไฟฟ้ามาไม่ว่าจะเป็นสายไหน ก็ต่อรถมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่เข้ามาแปปเดียว ด้วยระยะ 2-4 กม. และราคาของโครงการเริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้าน ก็ถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจในระดับราคานี้ครับ
ถ้าเทียบกับคอนโดในราคาเท่ากันละก็ ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับโจทย์ของแต่ละคนครับ อย่างคอนโดมิเนียมก็จะได้เปรียบเรื่องของความใกล้รถไฟฟ้ากว่า ด้วยระยะเดินไม่เกิน 500 เมตร ถ้าหากเป็นคอนโดในด้านรามอินทรา จะมีโครงการอย่างเช่น H2 หรือ Magnix Ramintra ซึ่งเฉลี่ยราคาต่อตารางเมตรประมาณ 70,000 บาท/ตารางเมตร ในงบประมาณ 3 ล้าน จะได้ห้อง 2 ห้องนอน ขนาดประมาณเกือบ 50 ตารางเมตรครับ (บางโครงการอาจจะไม่มี 2 ห้องนอนให้เลือก)
ส่วนถ้าเป็นฝั่งพหลโยธินสถานีสายหยุด เช่นโครงการ Brown Condo, The Base คอนโดในฝั่งนี้ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง อยู่ที่เฉลี่ย 90,000 – 110,000 บาท/ตารางเมตร ถ้าคอนโดที่ระยะเดินเกิน 500 เมตรจากสถานีสายหยุดอย่างเช่นโครงการ The Origin, Episode ราคาเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 70,000 – 80,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งในงบที่เท่ากัน คอนโดฝั่งนี้ก็จะได้ห้องที่อาจจะเล็กลงกว่าฝั่งรามอินทราหน่อยครับ
แต่ถ้าขยับออกมาอีกนิด สิ่งที่ต่างกันเลยก็คือที่นี่จะได้บ้านทั้งหลังที่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3 เท่าตัว มีพื้นที่ดินที่เป็นของเราจริงๆ รวมไปถึงมีที่จอดรถและความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า รองรับครอบครัวที่อาจจะขยายใหญ่ขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นสำหรับใครที่ปกติมีรถส่วนตัวอยู่แล้ว หรือก็โอเคกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า แล้วต่อรถอีกซัก 5 นาทีถึงบ้าน ที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจกับการที่ “ขยับออกมาอีกนิด ก็ได้บ้านทั้งหลัง” ครับ
การเดินทางในรูปแบบอื่นนอกจากรถไฟฟ้า
รถยนต์ : สำหรับรถยนต์ อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าสามารถเข้าออกถนนหลักได้ 2 ทางคือทางรามอินทรา และทางถนนเทพรักษ์เพื่อไปพหลโยธินและวัชรพลได้ แต่นอกจากเส้นหลัก 2 เส้นนี้แล้ว ในบริเวณนี้จะมีซอยย่อยๆ สามารถทะลุไปออกพหลโยธิน, รามอินทรา, สุขาภิบาล 5 ได้เช่นกัน เป็นทางที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดในเวลาเร่งด่วนได้
ทางด่วน : ทางด่วนที่ใกล้กับโครงการจะมี 2 สายด้วยกัน ได้แก่ ดอนเมืองโทลเวย์ ห่างออกไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะสะดวกสำหรับใครที่เข้าเมืองในย่านดินแดง, สุขุมวิทตอนต้น, พระราม 4, สีลม, สาทร และทางด่วนอีกสายคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจนรงค์ อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 กิโลเมตร เส้นนี้ก็จะสะดวกสำหรับใครที่จะไปในย่านพระราม 9, รัชดา, สุขุมวิทตอนกลาง-ปลาย และบางนา
รถเมล์ : สำหรับถนนรามอินทราและถนนพหลโยธิน เป็นถนนสายดั้งเดิมที่มีมานานและเป็นถนนสายหลัก ดังนั้นจะมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสายอยู่แล้วครับ สามารถใช้เป็นทางเลือกในการเข้าเมืองหรือไปในที่ต่างๆ ได้
เครื่องบิน : โครงการจะอยู่ห่างจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 9.5 กิโลเมตรครับ ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะเปิดทางให้สามารถเข้าสนามบินดอนเมืองจากถนนพหลโยธินได้ด้วยเช่นกัน ทำให้จากโครงการจะเข้าสนามบินได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเข้าจากฝั่งวิภาวดีฝั่งเดียวแล้ว
สิ่งอำนวยความสะดวก
ต้องบอกว่าย่านรามอินทรา เป็นย่านที่พักอาศัยมาอย่างยาวนาน ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวก และความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็ค่อนข้างมีพร้อมอยู่ในระดับนึงเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นห้างในบริเวณใกล้ๆ กับโครงการก็จะมี Big C สะพานใหม่, Big C รามอินทรา, Tesco Lotus, Central รามอินทรา (ซึ่งกำลังจะ renovate เร็วๆ นี้รับรถไฟฟ้าเปิดใหม่) หรือถัดไปหน่อยไม่ไกลมากก็จะมี Central Eastville, แฟชั่นไอส์แลนด์, Plearnary mall วัชรพล
ในส่วนของโรงพยาบาลที่ใกล้กับโครงการจะมีโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล (3.4 กม.) , รพ.ภูมิพลอดุลยเดช (5.7 กม.) และสถานศึกษาที่ใกล้กับโครงการได้แก่ ม.ราชภัฎพระนคร (6.1 กม.) , รร.สารวิทยา (8.2 กม.) , ม.เกษตรศาสตร์ (8.4 กม.) เป็นต้น
โครงการในอนาคต
สำหรับในแถบนี้ จะมีโครงการในอนาคตหลายโครงการที่อยู่ในช่วงระหว่างการศึกษา ซึ่งต้องบอกก่อนว่ายังไม่มีกำหนดในการเริ่มโครงการที่แน่นอนหรือโครงการอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้อีก แต่เราขอนำมาเล่าคร่าวๆ ให้พอเห็นภาพการพัฒนาในอนาคตที่น่าจะเกิดขึ้นในย่านนี้ครับ
รถไฟฟ้าสายสีเทา
รถไฟฟ้าสายสีเทาจะเป็นสายที่วิ่งจากรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ ผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบด่วนฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) มาจบที่ถนนรามอินทราครับ เส้นนี้ก็จะช่วยให้เข้าเมืองในฝั่งด้านถนนสุขุมวิทด้วยรถไฟฟ้าได้สะดวกขึ้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ถนนตัดใหม่เข้าสนามบินดอนเมืองจากฝั่งพหลโยธิน (ง.1)
ถนนสายนี้จะเป็นถนนที่ต่อจากถนนเทพรักษ์เดิมที่เป็น 3 แยก ให้กลายเป็น 4 แยกบนถนนพหลโยธิน วิ่งมาเชื่อมกับวิภาวดีซอย 72 ซึ่งในถนนนี้จะมีทางเชื่อมเข้ากับสนามบินดอนเมืองด้วย ทำให้จากโครงการเมื่อออกมาจากถนนเทพรักษ์สามารถตรงเข้าสนามบินได้เลย คาดว่าจะเปิดปี 2564 (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ถนนตัดใหม่รามอินทรา – สายไหม (ข.10)
เป็นถนนที่อยู่ในแผนในอนาคต ยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน โดยจะวิ่งจากแยกลาดปลาเค้า ขึ้นมาผ่านถนนเทพรักษ์ และจบที่เขตสายไหม ถนนสายนี้จะผ่านตัวโครงการโดยตรง แต่ตัวโครงการได้ทำการแยกเป็นพฤกษาวิลล์ รามอินทรา – พหลโยธิน (1) และพฤกษาวิลล์ รามอินทรา – พหลโยธิน (2) ซึ่งแยกส่วนกลางและทางเข้ากัน โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเพื่อรองรับสำหรับแนวถนนสายนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากถนนสายนี้สร้างเสร็จ โครงการก็จะกลายเป็นหมู่บ้านติดถนนใหญ่ในอนาคตการเดินทางก็จะสะดวกยิ่งขึ้น (ข้อมูลเพิ่มเติม)
รถไฟฟ้า 3 สนามบิน
โครงการนี้เป็นโครงการที่คล้ายกับส่วนต่อขยายของ Airport Rail Link เดิม จากที่วิ่งพญาไท-สุวรรณภูมิ จะมีการสร้างต่อเพื่อมาเชื่อมกับสนามบินดอนเมือง และอีกด้านไปถึงสนามบินอู่ตะเภา ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ปัจจุบันประมูลโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว CP เป็นผู้ชนะการประมูลไป คาดว่าจะเปิดบริการได้ในปี 2567 (ข้อมูลเพิ่มเติม)
ข้อมูลโครงการ
โครงการที่เราจะพาไปดู คือ “บ้านพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา” ตัวผังโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะครับ คือทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น และทาวน์โฮมแบบ Duplex 2.5 ชั้น มีถนนภาระจำยอมคั่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งทั้งสองฝั่งก็จะมีซุ้มทางเข้าและป้อม รปภ. แยกเป็นของตัวเอง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์และฟิตเนส ก็มีแยกทั้งสองฝั่งเช่นกันครับ
โดยที่นี่เป็นบ้านพฤกษาวิลล์แบบใหม่ ที่อัพเกรดความพรีเมี่ยมให้ลูกบ้านมากกว่าเดิม ตั้งแต่ทางเข้าโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง แบบบ้านสไตล์ Colonial ไปจนถึงเทคโนโลยีที่แถมมากับตัวบ้าน
จุดเด่นของบ้านพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทรา
- Smart Camera กล้องวงจรปิดภายในบ้านที่รักษาความปลอดภัยได้แบบ Real Time
- LED Lighting ดวงไฟประหยัดพลังงานและช่วยถนอมสายตา
- Pruksa Precast นวัตกรรมที่จะช่วยให้โครงสร้างบ้านแข็งแรง ทนทาน และช่วยลดเสียงรบกวน
- Home Automation สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นไฟ แอร์ หรือกล้องวงจรปิด
- Smart Switch สวิตช์ไฟระบบสัมผัส สั่งการผ่านสมาร์ทโฟนได้ครับ
- Sky Light ช่องแสงธรรมชาติภายในบ้าน ช่วยประหยัดการใช้ไฟในตอนกลางวันได้
แค่จุดเด่นก็เห็นถึงความน่าสนใจแล้วใช่มั๊ยครับ ต่อไปเรามาดูแบบบ้านและบ้านตัวอย่างกันดีกว่าว่าจะสวยแค่ไหน เริ่มจากทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น จะแบ่งออกเป็น 2 Type คือ Victorian และ Empire ทั้งหมดจะมี 172 ยูนิต เราจะไปดูขนาดที่เล็กที่สุดอย่าง Victorian กันก่อนครับ
บ้านแบบ Victorian
แปลนบ้าน (เลื่อนแถบตรงกลางเพื่อดูระหว่างชั้น 1 และชั้น 2)
เมื่อเราเดินเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเลยครับ หากมองลึกเข้าไปก็จะเห็นโซนทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัวด้วย ถ้าเป็นบ้านของจริง จะไม่มีพื้นที่ครัวด้านหลังนะครับ ตัวบ้านจะสิ้นสุดที่ประตูบานเลื่อนโซนทานอาหารเท่านั้น แต่ทางโครงการได้วางเสาเข็มด้านหลังบ้านเอาไว้ด้วย ถ้าเพื่อนๆ อยากจะต่อเติมครัวเองก็ทำได้ ไม่ต้องกลัวว่าพื้นที่ยุบหรือเอียงครับ
โซนทานอาหาร จะวางโต๊ะแบบสี่ที่นั่งหรือหกที่นั่งก็ได้ครับ มีพื้นที่เหลือเฟือเลย ข้อดีของบ้านพฤกษาวิลล์แบบใหม่ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ความสูงจากพื้นถึงเพดานที่สูงถึง 2.8 เมตร เวลาเราเข้ามาในบ้าน รู้สึกได้เลยว่ามีความโปร่ง โล่ง สบาย ไม่ว่าจะมุมไหนๆ ของบ้าน ก็อยู่แล้วไม่อึดอัดครับ
ภายในห้องครัว เราสามารถ Built-in เองได้ทั้งหมดเลย แต่ถ้าเราไม่ทำเป็นห้องครัว ส่วนนี้จะเป็นลานหลังบ้านยาวๆ โล่งๆ ครับ เราต้องต่อเติมเอง ทางโครงสร้างฝังเสาเข็มสำหรับต่อเติมให้แล้ว เราไม่ต้องห่วงว่าพื้นบ้านจะยุบหรือเอียงครับ
ตรงข้ามโซนทานอาหาร จะเป็นห้องอเนกประสงค์ จะทำเป็นห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องอะไรก็ได้ตามไลฟ์สไตล์ของเราเลยครับ จากรูปด้านล่าง เราจะเห็นว่า นอกจากจะมีประตูไปยังห้องอเนกประสงค์แล้ว ภายในห้องอเนกประสงค์เองก็มีห้องเล็กๆ อีกห้อง ซึ่งบ้านของจริงจะไม่มีนะครับ ถ้าเราอยากได้ก็ต้องต่อเติมเอง เหมือนกับห้องครัว เพราะพื้นที่ของทั้งห้องครัวและห้องอเนกประสงค์เล็กจะเป็นพื้นที่นอกบ้านที่ยาวติดกันทั้งหมด
มาต่อกันที่ชั้น 2 เลยครับ ถ้าเราเดินขึ้นบันไดมาเนี่ย จะเห็นได้ชัดเลยว่าเพดานยกสูงมาก ถ้าเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นช่องแสง Sky Light ที่เพิ่มความสว่างด้วยแสงธรรมชาติให้กับบ้านของเราด้วยครับ พอมาถึงชั้นสองแล้วจะเห็นห้องทั้งหมดเลย โดยทางขวาสุดจะเป็นห้องน้ำ ส่วนที่เหลือเป็นห้องนอนอีก 3 ห้อง ห้องนอนห้องแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก สามารถวางเตียงนอนขนาดเล็ก โต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้
ห้องน้ำจะมีฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อนแบบทึบ ทำให้เวลามีคนอยู่ที่บ้านหลายคนแล้วต้องการใช้ห้องน้ำในเวลาเดียวกัน เราสามารถเข้าห้องน้ำไปทำกิจกรรมพร้อมๆ กันได้ด้วยนะครับ อย่างเช่น เราแปรงฟันอยู่ แล้วแม่อยากอาบน้ำ ส่วนน้องชายอยากปัสสาวะ ในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆ ก็สามารถเข้าร่วมกันได้เลย
มาอีกห้องนอนกันบ้างครับ ถ้าเป็นบ้านจริง สองห้องนี้จะเป็นผนังทึบ ไม่ได้มีประตูบานเลื่อนเพื่อเชื่อมต่อกันนะครับ แต่บ้านตัวอย่างทำให้ดูเป็นห้องที่เชื่อมต่อกัน เป็นเหมือนห้องลูกเล็กๆ พ่อแม่สามารถเดินเข้ามาหาได้ตลอดเวลา ค่อนข้างสะดวกเลย สำหรับห้องนอนใหญ่จะมีระเบียงด้วย ภายในห้องมีเตียงขนาดใหญ่และตู้เสื้อผ้า แถมจุดของบ้านตัวอย่างที่เราอยู่นี้สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้จากห้องนอนของเราด้วย
แบบบ้าน Empire
แปลนบ้าน (เลื่อนแถบตรงกลางเพื่อดูระหว่างชั้น 1 และชั้น 2)
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามา จะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนครับ ตัวบ้านจะเป็นตอนลึก ทำให้เราเห็นโซนทานอาหารและห้องครัวด้วย จริงๆ บ้านขนาดกำลังดี ไม่ต้องใหญ่มากก็ดีตรงที่ เราสามารถมองทั่วทั้งบ้านได้ ไม่ต้องคอยมองหาว่าแม่เราจะอยู่ห้องไหน หรือใครทำอะไรอยู่ เพราะแต่ละสัดส่วนเชื่อมต่อกันทั้งหมด สำหรับ Empire แปลนบ้านจะต่างกับ Victorian เล็กน้อยครับ ที่เห็นได้ชัดเลยคือบันไดที่ย้ายจากตรงกลางมาไว้ด้านหน้า ค่อนข้างลงตัวทีเดียว
ติดกับห้องอเนกประสงค์จะเป็นห้องน้ำ มีอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในจะเป็นโถสุขภัณฑ์และฝักบัวครับ ห้องอเนกประสงค์จะวางเตียงขนาดเล็กและตู้เสื้อผ้าได้ด้วย ถ้าใครไม่อยากให้เป็นห้องนอน จะดัดแปลงเป็นห้องอื่นก็ได้ครับ
โซนทานอาหารวางชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 6 คนได้แบบสบายๆ บ้านจริงของ Empire ก็จะไม่มีโซนครัวให้นะครับ เราต้องต่อเติมเอง ซึ่งทางโครงการต่อเติมให้ดูเป็นครัวแนวยาว มาพร้อม Sky Light ด้านบน ส่วนด้านในจะดัดแปลงเป็นโซนซักรีด
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 โถงค่อนข้างกว้าง ห้องน้ำของชั้นนี้จะเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ คือจากโถงทางเดิน และจากห้องนอนใหญ่ ขนาดห้องน้ำถือว่ากว้างทีเดียว แบ่งสัดส่วนอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และโถสุขภัณฑ์ออกจากกันอย่างชัดเจน มีช่อง Sky Light ขนาดไม่ใหญ่ เป็นแนวยาวจากฝั่งโถสุขภัณฑ์ไปจนถึงห้องอาบน้ำครับ ส่วนห้องนอนเล็ก 2 ห้องที่อยู่ติดกัน การแต่งห้องให้อารมณ์เหมือนเป็นครอบครัวที่มีลูก 2 คน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ของผู้ชายจะมาในโทนสีน้ำเงิน และโทนสีชมพูสำหรับผู้หญิงครับ
สำหรับห้องนอนใหญ่จะกินพื้นที่โซนด้านหน้าทั้งหมดเลยครับ นอกจากจะกว้างแล้ว ยังยาวมากด้วย แบ่งออกเป็นสองฝั่งได้เลย อย่างห้องตัวอย่างด้านซ้ายจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ ส่วนด้านขวาทำชั้นเก็บของต่างๆ ซึ่งเราสามารถ Built-in เพิ่มได้ตามต้องการเลยครับ
และนี่ก็เป็นแบบบ้านทั้ง 2 Type คือ Victorian กับ Empire ทาวน์โฮม 2 ชั้น จากพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน-รามอินทราครับ สวยคนละแบบ แปลนไม่ได้ต่างกันมาก แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.4 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่ากับการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายมากครับ
ดูทาวน์โฮม 2 ชั้นกันไปแล้ว ทีนี้เราจะพาไปดูทาวน์โฮมแบบ Duplex 2.5 ชั้นกันบ้าง ความพิเศษของทางฝั่งนี้คือความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่มากขึ้น พื้นที่ใช้สอยที่จัดเต็มมากขึ้น สามารถรองรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย โดยทาวน์โฮมแบบ Duplex 2.5 ชั้น จะมีแบบบ้าน Type เดียว คือ Emperor มีทั้งหมด 71 ยูนิตครับ
แบบบ้าน Emperor
แปลนบ้าน Type Emperor
มองจากนอกบ้านฝ้าว่าสูงแล้ว เข้ามาในบ้านก็ดูสูงไม่ต่างกันครับ จากพื้นถึงฝ้าเนี่ยสูงถึง 5.20 เมตร เมื่อเราเข้ามาในตัวบ้านจะเจอห้องนั่งเล่นก่อนเลย ค่อนข้างกว้างขวางและโปร่งมากๆ แถมทางโครงการยังติดกระจกมาให้เยอะด้วย เพิ่มแสงสว่างในบ้านได้แบบเต็มๆ แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนมากๆ ควรปิดม่านเอาไว้ จะช่วยลดแสงที่สาดส่องเข้ามา เพื่อไม่ให้แอร์ของเราทำงานหนักจนเกินไปครับ
โซนทานอาหารเองก็ไม่แออัดคับแคบเลย ในบ้านของจริงครัวด้านหลังจะไม่มีนะครับ เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ ที่เป็นพื้นที่โล่ง ดังนั้นโซนนี้ก็จะได้รับแสงแดดเต็มๆ ไม่ต่างจากหน้าบ้านเลย แนะนำให้เลือกผ้าม่านกันดีๆ นะครับ เพราะถ้าผ้าม่านไม่ช่วยกันแดด ก็จะทำให้บ้านยิ่งร้อนกว่าเดิมห้องครัวที่ต่อเติมเพิ่มเข้ามาจะเป็นครัวแนวยาว เพื่อนๆ สามารถ Built-in ได้ตามใจชอบ ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดก็มากพอที่จะใส่ทุกสิ่งอย่างให้ครบสำหรับงานครัวครับ
ห้องอเนกประสงค์ ทำเป็นห้องนอนเล็ก สามารถวางเตียงขนาดเล็กกับตู้เสื้อผ้าได้ มีประตูบานเลื่อนเชื่อมไปยังอีกห้องอเนกประสงค์หนึ่ง จริงๆ ถ้าไม่ทำเป็นห้องนอน แล้วทำเป็นห้องทำงานแทน เราสามารถทำเชื่อมทั้งสองห้องได้เลย เป็นเหมือนสตูดิโอเล็กๆ ที่เราใช้เวลาอยู่ในนี้ได้ทั้งวันครับ
ห้องน้ำด้านล่าง อ่างล้างหน้าจะอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในมีโถสุขภัณฑ์กับฝักบัวครับ สามารถอาบน้ำด้านล่างได้ นอกจากทางโครงการจะให้กระจกเยอะมากแล้ว ยังมีหน้าต่างบานเกล็ดสีดำติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งตำแหน่งอยู่ตรงทางขึ้นบันไดพอดีครับ เป็นช่องที่ช่วยรับลมเข้ามาในบ้าน ทำให้มีอากาศถ่ายเทมากยิ่งขึ้น
พอขึ้นมาชั้นลอย จะมีระเบียง และห้องอเนกประสงค์อีกห้อง พื้นที่ตรงระเบียง เราสามารถมองลงไปด้านล่างได้ด้วยนะครับ เห็นทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นโซนนั่งเล่น โซนทานอาหาร หรือโซนครัว เวลาแขกมาบ้าน เราก็แอบส่องจากข้างบนได้ ว่าใครมายืนอยู่หน้าบ้านของเรา ส่วนห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นลอย ไม่ได้แคบนะครับ มีพื้นที่พอสมควร สามารถทำเป็นห้องนอนได้ หรือจะทำห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือก็ได้ จะสังเกตเห็นหน้าต่างภายในห้อง เราสามารถเลื่อนเปิดได้นะครับ เผื่ออยากจะคุยกับคนชั้นล่าง แต่ขี้เกียจลงไป ก็ตะโกนคุยจากตรงนี้ได้เลย
มาดูชั้นบนสุดกันบ้าง ชั้นบนจะแบ่งออกเป็น 4 ห้อง คือ ห้องนอน 3 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาดเล็ก ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานได้ ส่วนอีกห้องสามารถวางเตียงขนาดใหญ่พร้อมตู้เสื้อผ้าได้ แต่วางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งไม่ได้ครับ เหมาะไว้ใช้เป็นห้องสำหรับนอนและพักผ่อน ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ทำที่มุมต่างๆ ของบ้านก็สะดวกสบายดีครับ
ห้องน้ำด้านบน จะมีผนังกั้นระหว่างโภสุขภัณฑ์และฝักบัว ของจริงจะมีฉากบานเลื่อนแบบทึบกั้นห้องให้นะครับ ซึ่งเป็นโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านของพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน – รามอินทรา จะได้ฉากกั้นหน้าตาแบบของบ้าน Type Victorian ไปเลยครับ
มาถึงห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนี้จะยาว กินพื้นที่ฝั่งหน้าบ้านทั้งหมด เราสามารถแบ่งออกเป็นสองฝั่งได้ ซึ่งในบ้านตัวอย่างจะแบ่งฝั่งขวาเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ ส่วนฝั่งซ้ายเป็น Walk-in Closet ที่มีทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งครับ จริงๆ พื้นที่ห้องนอนเยอะมาก จะทำเป็นห้อง Walk-in Closet ขนาดใหญ่ยังได้เลย
พื้นที่ส่วนกลางและ Facilities
ทาวน์โฮมที่นี่มีพื้นที่ส่วนกลางด้วยนะครับ มีคลับเฮ้าส์เป็นศูนย์กลางที่รวมฟิตเนส สระว่ายน้ำ Playground Co-working Space และสวนสาธารณะขนาดใหญ่เอาไว้ เป็นเหมือนพื้นที่ให้ลูกบ้านได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ได้พบปะ พูดคุยและทำความรู้จักกันครับ รูปด้านล่างจะเป็นคลับเฮ้าส์ของทาวน์โฮม 2 ชั้น บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสระว่ายน้ำก็จะได้วิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำด้วย ไม่ต้องชนกับหน้าบ้านของคนอื่นครับ
ส่วนรูปด้านล่างนี้จะเป็นคลับเฮ้าส์ของทาวน์โฮมฝั่ง Duplex 2.5 ชั้น มีสระว่ายน้ำที่ดูมิดชิดกว่า ทั้งยังมีสวนสีเขียว พื้นที่นั่งเล่น ฟิตเนส และ Playground ทั้งสองโครงการจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือ “โครงการพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน – รามอินทรา” บ้านที่ยกระดับความพรีเมี่ยมและนวัตกรรมต่างๆ ให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตให้ทันเทรนด์การอยู่อาศัยของลูกบ้าน ซึ่งเป็นบ้านดีไซน์สไตล์ Colonial ดูเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ก็เต็มไปด้วยความสวยงามที่จับต้องได้ ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีชมพู ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.4 ล้านบาทครับ
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับใครที่สนใจโครงการพฤกษาวิลล์ พหลโยธิน – รามอินทรา ทาวน์โฮม 2 ชั้น และทาวน์โฮมแบบ Duplex 2.5 ชั้น สไตล์ Colonial จากพฤกษา สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โทร 1739 หรือคลิกลงทะเบียนเพื่อให้ทีมงานฝ่ายขายติดต่อกลับได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
หรือถ้าอยากไปดูบ้านตัวอย่างหรือบ้านจริง สามารถปักหมุดไปตามแผนที่นี้ได้เลยครับ คลิกเปิดแผนที่บน Google Maps
ก่อนจะจากไป เรามีความน่าสนใจเล็กๆ น้อยๆ ในการแต่งบ้านมาฝากกันครับ ปกติเวลาเราไปดูบ้านตัวอย่างของโครงการต่างๆ เนี่ย ทางโครงการจะตกแต่งบ้านมาทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และแบบลอยตัว เพื่อเป็นตัวอย่างให้เราได้ดูว่าถ้าเราวางเฟอร์นิเจอร์ วางของ วางอุปกรณ์ต่างๆ ตรงนี้ พออกมาจริงๆ แล้วหน้าตาจะเป็นแบบไหน ซึ่งเราจะโชว์ให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่า บ้านเปล่าๆ โล่งๆ เมื่อแต่งออกมาแล้วจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยยยยย