สระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นหนึ่งในสิ่งที่โครงการจัดสรร ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด เลือกใช้กันอย่างแพร่หลายมากๆ รู้ตัวอีกทีคือ ทุกโครงการที่เราเข้าไปเยี่ยมชม เซลจะบอกเสมอว่า
“โครงการของเราใช้สระว่ายน้ำของเราเป็นระบบเกลือค่ะ…”
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่ไปดูทั้งบ้านและคอนโด ยังไม่เคยเจอโครงการไหนบอกว่า “โครงการของเราใช้สระว่ายน้ำคลอรีนค่ะ….” เลย 🤣 นั่นแปลว่าตอนนี้สระว่ายน้ำระบบเกลือมาทดแทนสระว่ายน้ำที่ใช้คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อแทนเรียบร้อยแล้ว
คำถามก็คือ ทำไมต้องใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือล่ะ ถ้าเปลี่ยนกันทั้งประเทศแบบนี้ก็แสดงว่ามันต้องมีอะไรดีกว่าคลอรีนแน่ๆ เดี๋ยวผมสรุปให้ฟังนะครับ..
สระแบบเกลือกับคลอรีน ต่างกันยังไง?
ว่ากันที่ความต่างก่อนเลยครับ สระว่ายน้ำจะต้องมี #ระบบบำบัดน้ำเพื่อความสะอาด เพราะคงเปลี่ยนน้ำทุกวันไม่ได้ โดยเทคโนโลยีตอนนี้มีอยู่ 3 ระบบคือ
- ระบบคลอรีน ระบบฆ่าเชื้อที่ราคาถูกที่สุด วิธีการคือใส่สารคลอรีนลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อฆ่าเชื้อ สะอาดจริง ถูกจริง แต่มีผลต่อผู้ที่แพ้คลอรีน
- ระบบเกลือ ระบบฆ่าเชื้อที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน แต่ราคาติดตั้งสูง
- ระบบโอโซน ระบบฆ่าเชื้อที่ราคาสูงที่สุด แต่ไม่แพร่หลาย เป็นการใช้ก๊าซโอโซนจากเครื่องอัดอากาศมาบำบัดน้ำในสระโดยตรง เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ไม่มีสารตกค้าง แต่มีระยะเวลาในการฆ่าเชื้อสั้นกว่าทุกระบบ เลยต้องบำบัดบ่อย
แล้วทำไมโครงการจัดสรรยุคใหม่ถึงใช้สระว่ายน้ำระบบเกลือ?
เมื่อเทียบกับทั้ง 3 ระบบแล้ว การฆ่าเชื้อด้วยระบบเกลือ ถือว่าอยู่ระหว่างกลางของ ระบบคลอรีน และระบบโอโซน คือฆ่าเชื้อได้ดี ไม่มีสารตกค้าง และราคามิตรภาพ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
แล้วระบบบำบัดน้ำด้วยเกลือทำงานอย่างไร?
อันที่จริงมันมีความซับซ้อนมากที่เดียว แต่ผมขอสรุปเอามาสั้นๆ คือ จริงๆ แล้วสระว่ายน้ำระบบเกลือ ยังมี ‘คลอรีน’ ผสมอยู่ครับ แต่เป็นคลอรีนธรรมชาติซึ่งมาจากเกลือที่เราเติมลงไปในสระว่ายน้ำนี่แหละครับ การบำบัดน้ำในสระระบบเกลือนั้น จะมีการเติมเกลือธรรมชาติ หรือโซเดียมคลอไรด์ ลงไปในสระน้ำ
จากนั้นระบบบำบัดจะแยกคลอรีนและโซเดียมในเกลือออกจากกัน (ด้วยประจุไฟฟ้า) จากนั้นจะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เปลี่ยนให้เป็น “โซเดียมไฮโปคลอไรด์” ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยฆ่าเชื้อในสระว่ายน้ำ เมื่อมีการฆ่าเชื้อเสร็จก็จะเปลี่ยนสถานะกลับไปเป็นเกลือเหมือนเดิม
อธิบายให้เห็นภาพก็จะทำงานประมาณนี้ครับ
เกลือ > คลอรีน > โซเดียมไฮโปคลอไรด์ (สารประกอบที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อ) > เกลือ
แล้วก็วนลูปไปแบบนี้เรื่อยๆ ผู้ดูแลแค่ทำหน้าที่เปิดระบบบำบัดเพื่อเปลี่ยนจาก ‘โซเดียมคลอไรด์’ ไปเป็น ‘โซเดียมไฮโปคลอไรด์’ แค่นั้นเอง หรือถ้าค่าปริมาณคลอรีนในน้ำลดลง ก็เติมเกลือลงไปเพิ่มเฉยๆ
สรุปคือนี่มันเป็นคอมโบทำความสะอาดสระว่ายน้ำในตำนานนี่นา!! บะ…บ้าน่า ยูกิ นายคิดคอมโบนี้ได้ยังไง
ดักแก่มากเลยอ่ะ ยูกิ เนี่ย…
ไม่ทำให้น้ำในสระเป็นกรด
นอกจากเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานแล้ว สระว่ายน้ำระบบเกลือยังเป็นมิตร ต่อตัวโครงสร้างของสระว่ายน้ำด้วยครับ เพราะปกติสระว่ายน้ำที่เป็นคลอรีน มักจะใช้การเติมคลอรีนแบบผงหรือก้อน ซึ่งจะมีส่วนประกอบเป็นกรดไอโซไซยานูริก ซึ่งสะสมตกค้างในน้ำได้ แม้คลอรีนจะสลายตัวไปแล้ว ทำให้หากดูแลคุณภาพน้ำไม่ดี น้ำในสระจะมีโอกาสที่จะเป็นกรดสูงเกินมาตรฐานได้ ซึ่งกรดก็มีผลต่อยาแนว กระเบื้อง พลาสติก หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในสระว่ายน้ำที่มีโอกาสโดนกัดกร่อนง่ายครับ
เมื่อเทียบกับระบบคลอรีน หรือระบบโอโซน แล้วยังไงก็คุ้มค่าครับ
ขนาดที่ว่าปี 2019 คอนโดแบรนด์หนึ่งที่มีสระระบบคลอรีน ก็มีการประกาศว่าจะเปลี่ยนสระเดิมของคอนโดเก่าในเครือ จากระบบคลอรีน ให้เป็นสระระบบเกลือให้หมดด้วย… สุดยอดไปเลย
สระว่ายน้ำระบบเกลือจะต้องติดตั้งระบบฆ่าเชื้อ ซึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 50,000 บาท สำหรับสระขนาดเล็ก 4×8 เมตร และต้องเสียค่าดูแลรักษาต่อเดือนประมาณ 400 – 600 บาท ถ้าสระขนาดใหญ่กว่านี้ ก็จะสูงขึ้นไปอีกทั้งระบบที่ติดตั้ง และค่าดูแลรักษารายเดือน (ตัวเลขนี้เป็นราคาเบื้องต้นเท่านั้น)
แต่เมื่อดูจากตัวเลขที่เริ่มเพียงหลักร้อยในการดูแลรักษาคุณภาพน้ำในสระ ถือว่าถูกมาก แม้ช่วงแรกอาจจะต้องยอมจ่ายแพงในการติดตั้งระบบบำบัดน้ำสักหน่อย แต่ระยะยาวมีความคุ้มค่า และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน หากไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่ดีกว่านี้เข้ามา ก็ถือว่าเป็นระบบที่คุ้มค่า คุ้มราคา
ลูกบ้านที่ใช้สระระบบเกลืออยู่ ก็สบายใจได้ว่าโครงการจัดสรรที่ตัวเองอยู่ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกบ้านได้ถูกต้องแล้วครับ
