ใครเคยได้ยินแคคตัส ชื่อคางคก กันบ้างไหมครับ? ถ้าเพื่อนๆ เคยได้ยิน แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมน้องถึงได้ชื่อนี้มา บางคนอาจจะยังไม่รู้จัก หรือบางคนอาจจะพอเคยเห็นกันมาบ้าง ด้วยหน้าตาเอกลักษณ์ที่แปลกแหวกแนวของน้อง ทำให้แคคตัสต้นนี้เป็นอีกหนึ่ง Collection ของนักสะสมเลยก็ว่าได้ครับ วันนี้เราเลยจะพามารู้จักกับน้องคางคกให้มากขึ้นกัน รับรองว่าหน้าตาน่ารักน่าเลี้ยงแน่นอนฮะ

แคคตัสคางคก
(Pseudolithos)
แคคตัสคางคก เป็นชื่อเล่นที่ตั้งขึ้นมาจากรูปทรงแปลกประหลาด ผิวเป็นตะปุ่มตะปั่ม อวบๆ ไม่มีหนาม คล้ายกับคางคก แต่เค้าก็มีชื่อเท่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ว่า Pseudolithos ส่วนความหมายของชื่อนี้คือ “pseudo” ในภาษาละตินแปลว่า “ปลอม” ส่วน “lithos” แปลว่า “หิน” ดังนั้นชื่อนี้จึงหมายถึง “หินปลอม” เพราะลักษณะที่คล้ายก้อนหินในธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปกับก้อนกรวดก้อนหินรอบข้าง

ปัจจุบันสกุล Pseudolithos มีการจำแนกอยู่ราวๆ 8 ชนิด แทบทุกชนิดมาจากเขตแห้งแล้งของประเทศโซมาเลีย Pseudolithos มาจากวงศ์ Asclepiadaceae ซึ่งมีสมาชิกร่วมสายพันธุ์ เช่น โฮย่า เดป และเก๋ง
- P. caput-viperae Lavranos
- P. cubiformis Bally
- P. (Anomalluma) dodsoniana (Lavranos) Bruyns & Meve
- P. gigas Dioli
- P. harardheranus Dioli
- P. horwoodii Bally & Lavranos
- P. (Anomalluma) mccoyi Lavranos & Meve
- P. migiurtinus (Chiovenda) Bally.
ต้นแคคตัสคางคกสามารถออกดอกได้อย่างต่อเนื่องเกือบทั้งปี ซึ่งดอกมักมีขนาดเล็กไม่สวยงามมากนัก และดอกก็มีกลิ่นเหม็นที่แรงมาก ทำให้แมลงวันมาตอมเยอะ แต่ก็เป็นข้อดีนะครับ เพราะสายพันธุ์นี้ใช้แมลงวันในการผสมเกสร แทนที่จะเป็นผึ้งหรือผีเสื้อ
วิธีการเลี้ยงดู

แสงแดด
เจ้าแคคตัสคางคกต้องการแสงแดดมาก ดังนั้นควรวางในตำแหน่งที่โดนแดดตรงๆอย่างน้อย 5 – 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ควรเป็นแสงแดดที่ผ่านการกรองแสง หรือ กางสแลนแบบ 50% เพราะบางครั้งถ้าน้องโดนแสงแดดเผาแบบตรงๆ มากเกินไป จะทำให้ผิวน้องไหม้หรือเบิร์นได้ครับหาก ข้อพึงระวัง หากน้องได้รับแดดไม่เพียงพอ ลำต้นจะยืดยาวเสียรูปทรง และไม่สามารถกลับมามีทรงกลมปรกติได้ ดังนั้นปริมาณแสงที่ได้รับจึงสำคัญมากฮะ
ด้านการรดน้ำ
อย่างที่รู้กันว่าแคคตัสไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะขาดน้ำได้ ถ้าขาดน้ำบ่อยๆ น้องอาจตายได้เหมือนกันครับ ดังนั้นเราควรรดน้ำเมื่อเห็นว่าดินแห้งจะดีที่สุด หากช่วงหน้าฝนแล้วไม่มีเวลาวิ่งเก็บหลบฝนเวลาฝนตก ก็อาจจะต้องมีการทำหลังคาใส พรางสแลนพรางให้น้อง เพราะเจ้าแคคตัสคางคกหากได้รับฝนสาดมาก จะทำให้เน่าตายได้อย่างรวดเร็ว
ดินที่ใช้ปลูก
เจ้าคางคกชอบดินที่มีความโปร่งสูงมากและแห้งเร็ว วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะได้ดินที่เหมาะสม ก็คือการใช้ดินแคคตัสสำเร็จรูปสูตรใดก็ได้ที่มีขายตามท้องตลาด และนำมาผสมกับหินภูเขาไฟเม็ดเล็ก 1 ส่วนต่อ 3 ส่วนของดิน หรือแล้วแต่ความแน่นของเนื้อดินที่ซื้อมา สูตรดินมักไม่มีกฎตายตัวใดๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทดลองหาอัตราส่วนและความโปร่งที่เหมาะกับน้องมากที่สุด
เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนกระถางเพราะน้องเติบโต
แคคตัสคางคกเป็นต้นที่มีระบบรากเป็นรากฝอยและมีรากจำนวนน้อย หากรากเดิมยังดูแข็งแรงอยู่ ก็ควรจะเก็บรากไว้ในตุ้มดินเดิมพอสมควร พยายามอย่าให้ดินเก่าหลุดออกจากรากเดิมทั้งหมด และหากไม่จำเป็นไม่ควรล้างราก ซึ่งล้างรากหรือตัดแต่งรากจะทำก็ต่อเมื่อระบบรากเดิมเน่าหรือมีโรคแมลงเท่านั้น การนำลงปลูกในกระถางใหม่ ข้อควรระวังคืออย่าฝังโคนต้นเด็ดขาด! พยายามปลูกให้ลำต้นถูกฝังที่ตำแหน่งเดิมหรือต่ำกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นโอกาสโคนต้นจะเน่ามีสูง โดยเฉพาะต้นที่ยังมีอายุน้อยต้นยังไม่ค่อยแข็งแรง
เมื่อเปลี่ยนกระถางแล้ว ต้องงดการรดน้ำและวางไว้ในที่ร่มประมาณสองสัปดาห์ การรดน้ำครั้งแรกควรรดให้ชุ่ม และผสมยาฆ่าเชื้อราไปกับน้ำที่รด เพื่อป้องกันการเน่า เมื่อรดน้ำแล้วก็สามารถนำมาตั้งไว้ในตำแหน่งโดนแดดเช่นเดิม กระถางสำหรับใส่ปลูกควรเป็นกระถางทรงตื้น เนื่องต้นคางคกมีระบบรากฝอยที่เล็กจึงไม่จำเป็นต้องใช้กระถางลึก และกระถางทรงตื้นรดน้ำแล้วดินจะแห้งเร็วกว่า ลดปัญหาการเน่าได้
โรคและศัตรูพืช
โรคเน่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับแคคตัสกลุ่มนี้ เนื่องจากบางทีก็ดูเหมือนเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีสาเหตุและไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเกิดแล้วก็จะลามไปทั่วต้นอย่างรวดเร็วจนส่วนใหญ่เราจะไม่สามารถยื้อชีวิตน้องไว้ได้ทัน ข้อแนะนำที่ดีที่สุดควรระวังเรื่องการรดน้ำ เราควรรดก็ต่อเมื่อดินแห้ง และรดน้ำน้อยลงในช่วงหน้าฝน อีกอย่างที่สำคัญคือการใช้ดินที่สะอาด อย่านำดินเก่าที่ใช้แล้วมารีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่
การขยายพันธุ์
ดอกของแคคตัสคางคกสามารถออกต่อเนื่องเกือบทั้งปี ซึ่งดอกมักมีขนาดเล็กไม่สวยงามมาก กลิ่นดอกของต้นนี้อนุภาพกลิ่นรุนแรงมาก คือ กลิ่นเหม็นนะ ไม่ใช่กลิ่นหอม ยิ่งเวลากลางวันแดดร้อนๆ กลิ่นจะตะหลบอบอวนมากจริงๆ จริงๆ กลิ่นเหม็นเน่าจากดอกนี้เป็นสิ่งที่ล่อแมลงวันน้อยใหญ่เข้ามาดอมดม หรือแม้แต่วางไข่! โดยแคคตัสกลุ่มนี้จะใช้แมลงวันเป็นตัวช่วยผสมเกสร และได้ผลดีมากจริงๆ เมื่อวางไว้ในที่ๆ แมลงวันตอมเยอะๆ มักจะได้ฝักในไม่ช้าครับ
แต่ถ้าใครคิดว่าอยากจะผสมเกสรสายพันธุ์นี้ด้วยตัวเองก็ต้องลองคิดใหม่ เพราะลักษณะดอกของพืชกลุ่มนี้และเกสรตัวผู้เก็บไว้ในโครงสร้างพิเศษที่เรียกว่า pollinium คล้ายๆ ของกล้วยไม้ แต่จะมีขนาดเล็กมากจนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องเพื่อการผสม จึงทำให้การผสมมือค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้ความชำนาญมากทีเดียว

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับแคคตัสที่มีรูปร่างและเนื้อผิวแปลกตา เอาจริงผมว่าก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เลยนะสำหรับเจ้าแคคตัสคางคกนี้ เพราะมันดูแตกต่างจากแคคตัสชนิดอื่นๆ ดีฮะ เอามาแต่งห้องสวยแน่นอน แต่ก็อาจจะต้องใส่ใจในการเลี้ยงนิดนึง ไม่งั้นน้องอาจจะเน่าตายได้ง่ายๆ เลย ถ้าเพื่อนๆ สนใจลองไปหาซื้อมาเลี้ยงกันได้นะครับ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้ต้นโปรดต้นใหม่ก็ได้นะ