หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ ”กุหลาบหิน” กันมาบ้างใช่มั๊ยครับ วันนี้สวนหลังบ้านจะพามารู้จักกับกุหลาบหินกัน มันจะสวยงามแค่ไหน หน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนดอกกุหลาบ หรือจะแข็งเหมือนหินรึเปล่า ห้ามพลาดเลย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ เห็นแล้ว อยากจะซื้อมาเลี้ยงไว้ที่บ้านของเราอย่างแน่นอนฮะ
กุหลาบหิน
กุหลาบหิน คือไม้อวบน้ำชนิดหนึ่งครับ จะมีลักษณะเฉพาะของใบค่อนข้างกลม มีความหยักมนและซ้อนกันคล้าย ๆ กับดอกกุหลาบ แต่เนื่องจากไม่มีความอ่อนช้อยเท่ากับกุหลาบธรรมดา จึงถูกเรียกว่า “กุหลาบหิน” นั่นเอง เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ปลูกได้ทั้งในและนอกอาคาร แต่จะเจริญเติบโตได้ดีเมื่ออยู่กลางแจ้ง เพราะเป็นไม้อวบน้ำที่ชอบแดด ชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า “Succulent” และ ชื่อวิทยาศาสตร์ “Kalanchoe blossfeldiana” (กาลังโช) ซึ่งคำว่า Succulent มาจากภาษาละติน Succos หมายถึงน้ำผลไม้หรือน้ำหล่อเลี้ยงภายใน
กุหลาบหิน สามารถเป็นไม้ประดับตกแต่งบ้าน อาคาร และสำนักงานได้ ด้วยความที่ปลูกง่าย ทนทาน จะปลูกในแสงรำไรหรือกลางแจ้งก็ได้ (ถ้ากลางแจ้งจะทำให้เติบโตได้เร็วกว่า แต่ขอให้พรางสแลนด้วยนะครับ) นอกจากความสวยงามและเลี้ยงง่ายแล้ว หลายคนนิยมปลูกไว้เป็นไม้มงคลด้วย เพราะเชื่อว่าปลูกแล้วจะร่ำรวยครับ ได้ยินแบบนี้ต้องหามาปลูกแล้วนะ 5555
ความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกุหลาบหิน คือทุกส่วนของต้นจะมีความอวบอิ่ม อ่อนนิ่ม เนื่องจากมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ภายในเนื้อเยื่อเป็นจำนวนมาก โดยกุหลาบหินหรือไม้อวบน้ำจะปิดปากใบในช่วงกลางวันที่มีแดดร้อน และจะเปิดปากใบในช่วงกลางคืน เพื่อดูดซับความชื้นของน้ำค้างหรือไอน้ำในอากาศ รวมทั้งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อนำไปสังเคราะห์แสงและสร้างอาหารในวันถัดไป
กุหลาบหินมีถิ่นกำเนิดมาจากหลายแห่งด้วยกัน ตั้งแต่ตอนเหนือของทวีปยุโรปไปจนถึงตะวันออก แต่จะพบมากที่สุดทางตอนใต้และทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา กุหลาบหินมีหลากหลายสายพันธุ์มาก มากกว่า 100 สายพันธุ์อีกครับ และในแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป โดยมากเราจะแบ่งตามลักษณะรูปร่างของกุหลาบหินนั้นๆ ผมขอจำแนกลักษณะโดยทั่วไปไว้ดังนี้
1. Lithops (ไลทอป)
ไลทอปเป็นไม้อวบน้ำที่ได้รับความนิยม มีรูปร่างคล้ายกับหิน มีรอยแยกตรงกลาง ซึ่งรอยแยกตรงกลางคือส่วนที่ดอกจะงอกออกมาครับ
2. Agave (อะกาเว)
อะกาเวจะมีลักษณะใบหนาและแข็ง แตกเป็นกระจุกเหนือพื้นดิน และมีหนามบริเวณปลายใบ
3. Portulacaria (พอร์ทูลาคาเรีย)
พอร์ทูลาคาเรีย หรือต้นสายรุ้ง มีส่วนลำต้นที่ชัดเจน ใบขนาดเล็กแตกออกจากทางลำต้น
4. Haworthia (ฮาโวเทีย)
ฮาโวเทีย มีลักษณะหน้าใบเหมือนถูกตัด ทำให้หน้าใบใส และแสงสามารถส่องเข้าไปด้านในได้
5. Crassulaceae Succulent
เป็นกลุ่มที่มีความสวยงามของใบ จัดเรียงซ้อนกันคล้ายกลีบดอกไม้ มีลำต้นหรือส่วนรากที่อวบและมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งสายพันธุ์ของกุหลาบหินตามลักษณะสีด้วยครับ
กุหลาบหินสายพันธุ์ Romona และ Tetra Vulcan
ดอกกุหลาบหินเป็นสีแดง และได้รับความนิยมสูงสุดเลย
กุหลาบหินสายพันธุ์ Adagio และ Largo
สายพันธุ์นี้ดอกกุหลาบจะเป็นสีชมพู
กุหลาบหินสายพันธุ์ Yellow Torm Thum และ Morning Sun
ดอกจะเป็นสีเหลือง
กุหลาบหินสายพันธุ์ Exotica Nugget ,Pixie และ Rhumba
ดอกเป็นสีส้ม
กุหลาบหินสายพันธุ์ดาหลา
สายพันธุ์นี้จะมีหลายแบบ ทั้งแบบหินด่าง เสือพราน ด่างชมพู และด่างขาว เป็นพันธุ์ที่เน้นใบมากกว่าจะรอชื่นชมดอก มีสีเขียวเข้มไปจนถึงเขียวอ่อน
สายพันธุ์ยอดนิยมของกุหลาบหิน
Lithops (ไลทอป)
หลายๆ คนอาจจะเคยเลี้ยงไลทอปแล้วตาย เพราะเราอาจจะยังไม่เข้าใจถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง ด้วยตัวของไลทอปสามารถสะสมน้ำไว้ที่ลำต้น และสามารถดึงน้ำจากลำต้นมาใช้เมื่อขาดน้ำได้ทุกเมื่อ ไลทอปจึงมีความสามารถในการอดน้ำยาวนานนับเดือน เพราะฉะนั้นไลทอปจะไม่ชอบความชื้นเลยนะครับ เมื่อชื้นจะเน่าตาย เพราะเป็นพืชในเขตร้อนนั่นเอง
เคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับไลทอป
- ดินปลูกต้องผสมต้องโปร่งน้ำไหลผ่านได้ดี และไม่ควรนำไลทอปลงปลูกลึกเกินไป เพราะสามารถทำลายผิวสวยๆ ของไลทอปได้
- ช่วงแรกหลังจากลงปลูกเรียบร้อยแล้ว ควรรดน้ำ 3 วันติดต่อกัน เพื่อเรียกราก แต่รดพอให้ดินชื้นก็พอ หลังจากนั้นก็ให้รดน้ำ 3 วันครั้ง หรือห่างออกกว่านั้นก็ได้ ทั้งนี้ดูที่หน้าดินว่าแห้งแล้วหรือยัง ถ้าแห้งก็สามารถรดได้เลย
Haworthia (ฮาโวเทีย)
ฮาโวเทียมีหลากหลายพันธุ์ ส่วนสายพันธ์ุที่นิยมเลี้ยงกันมาก มีดังนี้
- Haworthia Cooperi หรือหยดน้ำ
ลักษณะใบสั้นกลมมน เรียงตัวชิดซ้อนกันคล้ายกุหลาบ สีใสส่องเป็นประกายคล้ายหยดน้ำ มีหลายสี เช่น เขียว และดำ
- Haworthia Trungata, Haworthia Truncate, Haworthia Maughanii มักเรียกกันว่า “ม้าตัด”
ลักษณะหน้าใบเรียบคล้ายถูกตัด
- Haworthia Pumila, Haworthia Fasciata, Haworthia Attenuata, Haworthia Maxima หรือเรียกว่า ม้าโดนัท ม้าลาย ม้าสาคู
มีลักษณะเด่นด้วยลายสีขาวตัดบนพื้นใบสีเขียวเข้ม โดยม้าลายแต่ละต้นมักมีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไป
เคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับฮาโวเทีย
- ฮาโวเทียชอบสภาพอากาศที่มีการถ่ายเท แสงแดดรำไร เติบโตได้ดีในดินที่โปร่ง ระบายน้ำได้ดี
- ควรเลือกใช้กระถางปลูกที่เป็นดินเผาจะดีกว่าพลาสติก เพราะมีความเย็นและแห้งเร็ว ทำให้รากออกมาได้เยอะ และมีขนาดใหญ่
จะปลูกกุหลาบหินต้องใช้อะไรบ้าง?
- จัดเตรียมกระถาง หรืออุปกรณ์ที่จะใช้ในการปลูก ใช้ดินร่วน 2 ส่วน ผสมกับทรายหยาบ 1 ส่วน เพื่อให้ได้ดินสำหรับปลูกหรือขยายพันธุ์ นำต้นกุหลาบหินลงเพาะปลูกในกระถางที่เตรียมไว้
- การรดน้ำต้นกุหลาบหิน อาจจะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยมากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ลำต้นเน่า
การขยายพันธุ์
กุหลาบหินสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี ถ้าเพื่อนๆ อยากเพิ่มจำนวนกุหลาบหิน ทำตามวิธีนี้เลยฮะ
- การเพาะเมล็ด โดยหว่านเมล็ดลงในวัสดุที่ใช้เพาะ และไม่ต้องกลบเมล็ดปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน เมล็ดก็จะงอกออกมา
- ปักชำใบ โดยเลือกใบของกุหลาบหินที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง และดึงใบนั้นออกจากลำต้นวางทิ้งไว้ให้แห้ง ก่อนจะนำไปวางบนดินที่เตรียมเพาะปลูก วางกาบมะพร้าวเพื่อช่วยรักษาความชื้นให้เหมาะสม แล้วโรยทับด้วยดินปลูกเพราะกาบมะพร้าวจะช่วยรักษาความชื้นได้ดีทำให้รากมาไว้ขึ้นและรดน้ำให้ชุ่ม แค่นี้ก็เรียบร้อย
ข้อเสนอแนะ วิธีปักชำใบ รากจะงอกออกมาช้ากว่าการเพาะเมล็ด โดยหลังจากปักชำใบแล้ว รากจะออกที่โคนก้านใบภายใน 2 สัปดาห์ เมื่อผ่านไปประมาณ 6-7 สัปดาห์ ต้นที่เราชำก็จะเริ่มแข็งแรง และออกใบเพิ่มมากขึ้น
ข้อควรระวัง ในระหว่างที่ปักชำใบ ไม่ควรหยิบจับตัวใบมาดูบ่อยๆ เพราะรากค่อนข้างอ่อนแอ อาจทำให้รากเสียหายได้
สาระจัดเต็มมากๆ สำหรับ “กุหลาบหิน” เป็นยังไงกันบ้างฮะ มีเสน่ห์อย่างที่ผมบอกรึเปล่า เริ่มอยากลองไปซื้อมาเลี้ยงดูบ้างรึยังฮะ มีมากมายหลากหลายชนิดให้ได้เลือกเลย นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเลี้ยงง่ายด้วย ช่วยเพิ่มมุมน่ารักๆ ให้กับบ้านของเราได้ฮะ ว่าแล้วผมขอไปหาต้นกุหลาบหินมาเลี้ยงบ้างดีกว่าาา 🚶🏻♂️💨