ปัจจัยสำคัญสำหรับการปลูกแคคตัสที่เราห้ามมองข้ามเลยก็คือ “การเลือกใช้ดินให้เหมาะสม” กับแคคตัสที่เราปลูก อย่าคิดว่าก็แค่ดินเองใช้แบบไหนก็ปลูกได้ ก็โตได้เหมือนๆ กัน ถ้าคุณคิดเช่นนั้นคุณคิดผิดตั้งแต่เริ่มเลี้ยงแล้วละครับ เพราะดินคืออาหารหลักสำหรับแคคตัส เป็นแหล่งสะสมของสารอาหารต้นไม้เกือบทุกชนิด ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็ต้องการลักษณะดินที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ก็ต้องการสารอาหารจากดินที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงเวลาเติบโต
ดินสำหรับปลูกแคคตัสและไม้อวบน้ำโดยทั่วๆ ไป มีหลักสำคัญ ขอเน้นว่าสำคัญจริงๆ จะต้องเป็นดินที่ระบายน้ำได้ง่าย เพราะเค้าไม่ชอบแฉะใดๆ เลยครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องดินโดยแยกลักษณะของดินเป็น 2 แบบ ดังนี้
- ดินสำหรับแคคตัส
- ดินสำหรับไม้อวบน้ำ
“ดินปลูกที่ดี” ควรมีลักษณะอย่างไร
ก่อนจะไปยังสูตรผสมดินสำหรับปลูกนั้น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสำหรับแคคตัสและไม้อวบน้ำชอบดินที่มีลักษณะแบบไหนกัน เพื่อที่เหล่าต้นไม้ของเราจะได้เติบโตสมวัย โดยเราจะสรุปเป็น 3 ข้อง่ายๆ นะครับ
- แคคตัสและไม้อวบน้ำชอบดินที่มีความโปร่ง โล่งสบาย และระบายน้ำได้ดี หากดินแน่นเกินไปจะส่งผลทำให้รากไม่สามารถขยายลงไปด้านล่างของกระถางได้ ทำให้ไม้ไม่โต เพราะดูดสารอาหารในดินได้น้อย
- ดินเก็บความชื้นดีแต่ต้องไม่อุ้มน้ำ เพราะถ้าดินชื้นหรืออุ้มน้ำมากไปจะทำให้รากเน่า เพราะฉะนั้นต้องผสมดินให้พอดี
- สัดส่วนดินและหินควรใกล้เคียงกัน หากมีดินเยอะเกินจะทำให้ดินจับตัวเป็นก้อนและอุ้มน้ำมากเกินไป
พอเรารู้แล้วว่าแคคตัสกับไม้อวบน้ำชอบดินแบบไหน ทีนี้เรามาดูสูตรที่ใช้ในการผสมดินที่เราหามาให้เพื่อนๆ เอาไว้ไปทดลองผสมดินด้วยตัวเองกันดูครับ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยากแน่นอน
ส่วนผสมของดินที่ต้องมี
ขอออกตัวก่อนนะครับว่าสูตรดินของผู้เลี้ยงแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จะไม่มีสูตรดินที่ดีที่สุด จะมีแต่สูตรดินที่ทางเพื่อนๆ ลองใช้แล้วเหมาะกับการเลี้ยงของแต่ละคน ซึ่งการเลี้ยงแคคตัสและไม้อวบน้ำ ควรสังเกตว่าดินสูตรที่เราใช้ในตอนนี้ทำให้น้องเติบโตดีไหม ฟีบรึเปล่า หากมีอาการไม่สบายเช่นฟีบอาจจะเพราะระบายน้ำดีเกินไปทำให้ไม่กักเก็บน้ำ หรือดินแน่นไปทำให้รากไม่สามารถขยายได้ ก็ควรปรับสูตรดินกันไปครับ
ขออธิบายองค์ประกอบเพิ่มเติมอีกนิดสำหรับการใส่ดินลงกระถาง โดยใน 1 กระถางจะประกอบไปด้วย 3 ชั้นด้วยกัน คือ
- ชั้น 1 ล่างสุด วัสดุรองก้นกระถาง (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสมและงบประมาณ) หินภูเขาไฟ 02 03 / ถ่านดำ / มะพร้าวสับ
- ชั้น 2 ตรงกลาง วัสดุเนื้อดิน ( เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสมและงบประมาณ) : ดินใบกล้ามปูร่อน / ดินมูลไส้เดือน / พีทมอส / เพอร์ไรท์ / เวอร์มิคุไลท์ / ทรายหยาบ / ออสโมโคท / สตาร์เกิลจี / ขุยมะพร้าว / แกลบดำ / ดินญี่ปุ่น M,L
- ชั้นที่ 3 ด้านบน วัสดุโรยหน้า ( เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสมและงบประมาณ) : หินญี่ปุ่น S,SS , เม็ดดินเผา หินป๊อปเปอร์, หินเกล็ดโรยหน้ากระถางมีหลายสี
สูตรดินสำหรับแคคตัส
แคคตัส เป็นพืชที่ชอบดินระบายน้ำได้ดี และต้องสะสมสารอาหารจำนวนมากเพื่อใช้ในการเติบโต ออกดอก สัดส่วนในการผสมดินจึงต้องเป็นดินที่โปร่ง ระบายน้ำได้ดี แต่อุดมไปด้วยสารอาหาร ดังนั้นสูตรดินที่เราแนะนำก็จะเป็น
สูตรดินแนะนำสำหรับแคคตัส :
ส่วนผสม – ดินใบก้ามปู + ทราย + หินภูเขาไฟ + เพอร์ไลต์ + ดินญี่ปุ่น
อัตราส่วนในการผสม – 2:1:1:1:1
เท่ากับ ดินใบก้ามปู 2 // ทราย 1 // หินภูเขาไฟ 1 // เพอร์ไรท์ 1 // ดินญี่ปุ่น 1 // สตาร์เกิล จี และออสโมโค้ท กะปริมาณตามความเหมาะสมได้
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับส่วนผสมของดิน
- ดิน จะมีทรายผสมด้วยเพื่อเพิ่มความโปร่งให้กับดิน และมีค่าเป็นกรดเป็นด่างไม่สูงจนเกินไป
- หินภูเขาไฟ ที่ใช้ผสมกับวัสดุปลูกส่วนมากจะใช้ขนาด 00, 01 และ 02 เพราะมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ประโยชน์ของหินภูเขาไฟคือ ช่วยทำให้ดินร่วนซุย ไม่แน่น และมีธาตุอาหารที่ดี คือ ซิลิกา โพรแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส ตัวหินจะช่วยจับแร่ธาตุเหล่านี้ไว้พอรากของต้นไม้ได้เกาะและดูดซับจะทำให้ได้อาหาร มากกว่า ดินที่ไม่ได้ผสมหินภูเขาไฟ
- เพอร์ไรท์ (Perlite) เป็นวัสดุเพาะปลูก จะมีอยู่สองขนาดด้วยกัน คือ เล็ก S ( fine size , 0.1 – 0.3 mm. ) , ใหญ่ M ( expand size , 0.5 – 0.7 mm. ) ส่วนประกอบหลัก เป็น ซิลิก้า ประมาณ 70 % คุณสมบัติคือ ดูดซับความชื้นได้ และเป็น ชนวน กันความร้อน และมีธาตุอาหารเสริมอีกหลายชนิดในเพอร์ไลท์ ที่สำคัญคือ อลูมิเนียม และ โซเดียม เมื่อผสมในดินจะช่วยปรับค่า กรดด่างให้เป็นกลาง
สูตรดินสำหรับไม้อวบน้ำ
ไม้อวบน้ำชอบดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดี คล้ายๆ กับแคคตัส แต่ต้องการสารอาหารน้อยกว่า ส่วนใหญ่จึงมักนิยมใช้ดินที่เหลือจากการปลูกแคคตัสมาปลูกไม้อวบน้ำต่อ แต่ถ้าอยากจะประหยัดก็สามารถลดส่วนผสมดินได้ครับ
สูตรดินแนะนำสำหรับไม้อวบน้ำ :
ส่วนผสม – ดินใบก้ามปู + ทราย + ถ่านป่น
อัตราส่วนในการผสม – 2:3:1
อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับส่วนผสมของดิน
- ทราย (Sand) เป็นวัสดุปลูกกระบองเพชร และ ไม้อวบน้ำที่นิยมมากที่สุด ทรายเกิดจากหินที่แตกละเอียดจนมีขนาดเล็กป่น แต่ควรจะหาทรายมีขนาดเม็ดที่ใหญ่หน่อย ส่วนมากเป็นทรายแม่น้ำ เหมาะสมกับการปลูกพืช เพราะ จะทำให้ดินร่วนซุย และ ไม่แน่นจนเกินไป
- ถ่านป่น ช่วยรักษาความชื้นในดินและป้องกันการเกิดวัชพืชด้วย หรือสามารถนำถ่านมาใส่รองก้นกระถาง ถ่านก็จะช่วยอุ้มน้ำเอาไว้ ไม่ให้น้ำระบายออกเร็วเกินไป แถมยังช่วยเพิ่มแร่ธาตุให้กับดินอีกด้วย
เกร็ดความรู้ท้ายบทความ
การใช้วัสดุโรยหน้ากระถาง
- ดินญี่ปุ่น : น้ำหนักเบา สังเกตุว่าดินยังชื้นอยู่ไหม, ป้องกันดินกระเด็นตอนรดน้ำ, ประคองไม้ของเรา
- วัสดุโรยหน้าอื่นๆ : ป้องกันดินกระเด็นตอนรดน้ำ, ประคองไม้ของเรา
**ไม่ควรกดดินมากเกินไปเพราะจะทำให้ดินอัดแน่นเกิน
ส่วนผสมของดินเพิ่มเติม
นอกจากส่วนผสมของดินที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นแล้วยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ทางเพื่อนๆ สามารถนำมาใช้ผสมในดินได้อีกนะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของเราเอง เพราะสูตรดินไม่มีผิด ไม่มีถูกนะ
- หินลาวาดำ (Black lava) หินตัวนี้ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจาก อินโดนีเซีย มีลักษณะแข็ง แต่มีรูพรุนจำนวนมาก คล้ายหินภูเขาไฟ (Pumice) แต่มีน้ำหนักมากกว่า ขนาดเม็ด จะอยู่ระหว่าง 0.2 – .07 mm. ขนาด เหมาะสมที่จะเป็นวัสดุปลูก หรือ โรยหน้าดิน ใช้ประคองต้นแคคตัสและไม้อวบน้ำให้มั่นคงอยู่ในกระถาง ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมไม่แพ้หินภูเขาไฟ (Pumice)
- เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) เป็นสารไมคา เป็นอินทรีย์วัตถุที่ได้จากการสังเคราะห์ เป็นกลุ่ม Aluminosilicate เป็นคอลลอยด์ที่มีอยู่ในดินมากที่สุดในโครงสร้างของแร่ดินเหนียว สามารถดูดน้ำได้ดี ไม่ละลายน้ำ ช่วยเป็นที่ยึดเกาะของราก และ ช่วยเก็บกักสารอาหารสำหรับพืช หรือปุ๋ยที่เราที่เราใส่ลงไป ธาตุอาหารโปแตสเซียม 5-8% แมกนีเซียม 9-12% และอยู่ในรูปพืชจะนำไปใช้ประโยชน์มีค่า Cec สูง คือประมาณ 100-150 me/100g
และนี่ก็เป็นเกร็ดความรู้ในเรื่องของดินที่เราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเลย เพราะอย่างที่เราบอกไปว่าดินมีความสำคัญมากกกกจริงๆ เป็นแหล่งสะสมอาหารหลักของเหล่าต้นไม้เลย อย่าลืมนะครับว่าดินไม่ได้มีสูตรตายตัว สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเลย เพื่อนๆ จะนำสูตรของเราไปปรับใช้หรือคิดค้นสูตรใหม่ขึ้นมาเองก็ได้ ใครมีสูตรดีๆ ก็นำมาแชร์กันได้นะฮะ 😉👍🏻