ก่อนจะเริ่มบทความขอออกตัวก่อนว่ารีวิวนี้ไม่ได้รับเงินโฆษณาจาก Xiaomi มานะฮะ แต่ซื้อมาใช้เองแล้วค่อนข้างแฮปปี้ เลยเอามาเขียนให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับเจ้าหุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวนี้กัน
เรื่องมันเริ่มมาจากโดยพื้นฐานของตัวทีมงานเองเนี่ยแหละ ก็เป็นคนขี้เกียจอยู่ประมาณนึง สิ่งที่เกิดก็คือห้องเวลาไม่ได้กวาดไม่ได้ถูสักพักฝุ่นมันก็จะเริ่มมา และด้วยความที่รอบข้างคอนโดเองมีตึกกำลังก่อสร้างอยู่ 5-6 ตึกพร้อมกัน ก็จะมีฝุ่นเยอะเป็นพิเศษ กว่าจะรวบรวม สู้รบกับความขี้เกียจ ไปกวาดห้องถูห้องได้แต่ละทีฝุ่นก็ค่อนข้างจะเต็มห้องละ
แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ใช่คนสกปรก เราแค่เป็นคนขี้เกียจ ซึ่งก็เคยได้ยินมานานแล้วแหละว่าโลกมันมีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนะ แต่ด้วยความที่เราเคยเห็นรุ่นเก่าๆ แต่ก่อนที่มันจะเดินแบบงงๆ หน่อย เดินไปเรื่อยแบบไม่ค่อยมีสติเหมือน screensaver เครื่องเล่นดีวีดี (ถ้านึกไม่ออกมีภาพประกอบด้านล่าง) หรือถ้าตัวดีๆ ราคาก็ไปนู่นน สามหมื่นกว่าก็มี เราก็เลยพักก่อน สู้รบกับความขี้เกียจตัวเองต่อไป
จนมาล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว คนรอบตัวเริ่มซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Xiaomi มาใช้กันทีละคนสองคน แล้วแต่ละคนก็ค่อนข้างจะชมว่ามันใช้ดีอย่างงั้นอย่างงี้ ราคาไม่แรงอยู่ในหลัก 9 พันถึงหมื่นต้นๆ กลางๆ เริ่มมีการป้ายยาเกิดขึ้น จนในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับแคมเปญ 11.11 จากเว็บช๊อปปิ้งออนไลน์แห่งหนึ่งที่ชื่อขึ้นต้นว่าลา ลงท้ายว่าด้า (ก็มันลดราคาอ่ะ) ถอยมาจนได้
รุ่นของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi
อยากจะขออธิบายคร่าวๆ กับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Xiaomi ที่มีขายในไทยก่อนครับ เนื่องจากจะมีอยู่สองสามรุ่น ฟังก์ชั่นต่างกันนิดหน่อย กลัวจะสับสนกัน
1. Mi Robot Vacuum (รุ่นที่ 1)
ตัวนี้มีขายในไทยผ่านตัวแทนจำหน่าย Official ที่เห็นในชอปของห้างจะเป็นรุ่นนี้ครับ ราคาอยู่ประมาณ 9 พันกว่า ซื้อผ่านศูนย์มีประกัน 1 ปีตามปกติ
2. Mi Roborock S5 – S50, S51, S55 (รุ่นที่ 2)
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 อัพเกรดมาจากรุ่น 1 ตัวแทนจำหน่ายยังไม่ได้นำเข้ามาขายในไทย ที่ขายในไทยตอนนี้ (พฤษภาคม 62) จะเป็นเครื่องหิ้วกันมาเอง ประกันก็แล้วแต่ร้านที่หิ้วมา ราคาจะอยู่ 12,xxx – 15,xxx แล้วแต่ประกันครับ
– รุ่นที่เอามารีวิวคือรุ่นนี้นะ –
ซึ่งความสามารถหลักๆ ของรุ่นนี้จะคล้ายกับรุ่นแรก แต่เพิ่มระบบถูพื้น, กำหนดจุดที่บล๊อกไม่ให้ทำความสะอาดผ่านแอป กับ ปรับปรุงตัวเซนเซอร์กับกลไกต่างๆ ของเครื่องให้ดีขึ้น
3. Mi Roborock S6 (รุ่นที่ 3)
ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ความสามารถหลักๆ ยังคล้ายรุ่นที่ 2 แต่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตัวนี้ราคาในต่างประเทศจะแพงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 150 เหรียญ (4 พันกว่าบาท) สำหรับในไทย ยังไม่เห็นใครนำเข้ามาจำหน่ายครับ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นหมื่นต้นๆ ทำอะไรได้บ้าง
สำหรับของยี่ห้อ Mi จุดเด่นอย่างมากของยี่ห้อนี้เลยคือการเชื่อมต่อ “แอป” เป็นอุปกรณ์ Smart Home และสามารถทำงานกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Mi ได้อย่างดีครับ โดยจะมีแอป Mi home ที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทุกอย่างของ Xiaomi ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอก, เครื่องดูดฝุ่น, พัดลม ไปจนถึงหม้อหุงข้าว ซึ่งอันนี้แหละเป็นหนึ่งใน Killing Feature ที่ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาหมื่นต้นๆ ตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย ยังไงบ้างเดี๋ยวเรามาดูกัน
เริ่มแรกเราต้องเชื่อมต่อหุ่นยนต์ตัวนี้เข้ากับแอป Mi Home เพื่อเพิ่มอุปกรณ์ในแอปก่อนครับ ซึ่งการเพิ่มอุปกรณ์จะให้ตั้งชื่อเครื่อง ….หน้าที่ทำความสะอาดคอนโดแบบนี้ จะชื่ออย่างอื่นไปไม่ได้เลย ก็เลยตั้งชื่อให้ว่า
“ป้ารุจน์”
ลักษณะการเดิน
การทำงานของป้ารุจน์ ป้ารุจน์จะมีเซนเซอร์อยู่กับตัว แล้วเดินไปทั่วห้อง ดูดฝุ่นในจุดที่เดินผ่านไปตลอดทางเมื่อครบแล้วก็กลับมาชาร์จที่เดิม
แต่ป้ารุจน์ก็ไม่ได้เดินแบบมั่วๆ ไปเรื่อยนะครับ ที่ตัวป้ารุจน์จะมีเซนเซอร์ที่ค่อนข้างละเอียด จะทำการยิงเลเซอร์ไปทั่วห้องก่อนเพื่อหาผนังห้อง แล้วแมพรูปร่างของห้องก่อนว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจะทำการเดินตามบริเวณขอบของห้องทั้งหมดก่อนจนได้ผังของห้องที่แน่นอน
หลังจากนั้นถึงจะค่อยกลับมาไล่ทำความสะอาดพื้นที่ ที่อยู่ในบริเวณที่ตีกรอบไว้จนครบทั้งพื้นที่ ด้วยความที่ป้ารุจน์รู้ผังห้องอย่างละเอียด ก็เลยสามารถดูดฝุ่นได้ครบทั้งห้องในเวลาไม่นานไม่ไปเสียเวลาดูดฝุ่นซ้ำตรงที่เคยดูดแล้ว และต่อให้เป็นกลางคืนที่ปิดไฟหมดก็ยังสามารถทำงานได้ เนื่องจากใช้เลเซอร์ในการตรวจจับครับ
มีลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ อีกอย่างคือถ้าป้ารุจน์ขึ้นไปบนพรมเมื่อไหร่ จะมีโหมดเพิ่มแรงดูดแบบออโต้ได้ด้วย แต่ลงจากพรมก็จะลดแรงดูด ทำงานตามเดิม
ยังเล่นกับผังห้องที่มีได้อีก
หลังจากที่การทำความสะอาดรอบแรก ป้ารุจน์ได้เรียนรู้กับลักษณะของผังห้องเราไปแล้ว ในการทำความสะอาดรอบต่อๆ ไปเราก็สามารถใช้ผังห้องเดิมได้เลย โดยในแอป Mi home เราจะสามารถขีดเส้นในห้องเพิ่ม เพื่อบอกป้ารุจน์ไม่ให้เดินไปในที่ที่ไม่อยากให้เข้าได้ เช่น ในตอนแรกเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้ ป้ารุจน์ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเฉยเลย หลังจากรอบแรกแค่ลากเล่นไม่ให้ป้ารุจน์เดินผ่านประตูห้องน้ำ แค่นี้ป้ารุจน์ก็จะไม่เข้าไปในห้องน้ำแล้ว หรือจะวงพื้นที่ส่วนที่ไม่อยากให้ป้ารุจน์เข้าไปก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้จะมีฟีเจอร์ Zone Cleanup เอาไว้ใช้เวลาที่อยากจะให้ป้ามาดูดฝุ่นเฉพาะจุด ก็ให้วงแผนที่ได้เลย เดี๋ยวป้าก็จะเดินมาทำความสะอาดเฉพาะจุดนั้น เสร็จแล้วก็เดินกลับไปพักผ่อนชาร์จแบตที่แท่นของป้า
ป้าถูพื้นได้ด้วย
ในรุ่นนี้สิ่งนึงที่เพิ่มมาจากรุ่นแรกคือระบบถูพื้น อันนี้ส่วนตัวมองเป็นเหมือนฟังก์ชั่นเสริมมากกว่าครับ ระบบตัวนี้ไม่ซับซ้อนอะไรมากวิธีการคือจะมีถาดใส่น้ำ เมื่อจะใช้ระบบถูก็นำถาดใส่น้ำใส่เข้ามา แล้วใต้ถาดจะมี filter ให้น้ำหยดซึมลงผ้า ไม่ได้สเปรย์น้ำเหมือนของพวก irobot แล้วเครื่องจะวิ่งถูไปทั้งห้อง เท่าที่ลองพื้นห้องจะเปียกหมาดๆ พอใช้งานได้อยู่ แต่ถ้าคราบหนักๆ ไม่น่าไหว ส่วนน้ำในถาดจะไม่มีปริมาณบอกในแอปว่าเหลือแค่ไหนต้องดูเอง เอาเป็นว่าถ้าใช้ถูเพื่อเก็บฝุ่นเล็กๆ ในห้องอันนี้ทำได้ดีครับ
ตามติดชีวิตป้ารุจน์
ระหว่างที่ป้ารุจน์ทำงานอยู่ เราจะดูการทำงานของป้าแบบ real time ผ่านแอปได้เลย ประหนึ่งว่าเป็นรายการบ้าน AF ไม่ว่าป้าจะวิ่งไปตรงไหน ดูดห้องไหนไปบ้างแล้ว เราจะเห็นหมด จริงๆ การควบคุมเกือบทุกอย่างจะผ่านแอปหมดเลย เช่น
- การตั้งค่าความแรง มีตั้งแต่ระดับเสียงเบาๆ ไปจนถึงเครื่องบินเทคออฟ
- ดูอายุการใช้งานต่างๆ เช่นฟิลเตอร์กรองฝุ่น, อายุอะไหล่ว่าต้องถึงเวลาเปลี่ยนหรือยัง
- ตั้งเวลาให้ป้าทำงานเองออโต้ ในแต่ละวัน เช่น ทุกบ่ายโมงเวลาไม่มีใครอยู่บ้าน
- ดาวน์โหลดภาษาที่ป้าพูด (มีภาษาอังกฤษให้เลือก แต่ส่วนใหญ่จะจีน)
- แจ้งเตือนในมือถือตอนทำความสะอาดเสร็จ
นอกจากโหมดออโต้ที่ให้ป้าวิ่งไปเอง จะมีโหมดที่ให้เราขับป้ารุจน์ผ่านแอปด้วยเหมือนกัน บังคับเดินหน้าซ้ายขวาเองได้เลย
แล้วใช้งานจริงหล่ะ เป็นยังไง??
หลังจากที่ใช้งานมา 6 เดือนกว่าๆ แบบให้ทำงานเองทุกวัน บอกเลยว่าค่อนข้างโอเคมากทีเดียว ฝุ่นในห้องลดลงไปมาก พื้นไม่เดินแล้วสากเท้า ไม่ต้องกวาดถูเองเลย อย่างในรูปแค่เวลาประมาณเดือนนึง ป้ารุจน์ก็เก็บฝุ่นมาได้ขนาดนี้ (ห้องเป็นห้องปิดตลอดไม่ได้เปิดหน้าต่างเลย)
ความสะอาดในการดูดฝุ่นและถูแต่ละครั้งถือว่าทำได้ดีครับ ถามว่าสู้เครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่หรือระบบถูมันสู้เราถูพื้นเองได้ไหม ก็คงสู้ไม่ได้ แต่จะเน้นในการทำความสะอาดบ่อยๆ หรือทุกวันแทน ลองนึกภาพว่าห้องที่ทำความสะอาดทุกวัน ดูดฝุ่นทุกวัน พลังของเครื่องขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าเพียงพอแล้วครับ
ข้อจำกัดของเครื่องก็จะมีบ้าง เช่นเข้ามุมไม่ได้ ซอกบางซอกไปไม่ถึง เพราะขนาดของตัวเครื่อง จุดนี้แก้ปัญหาด้วยซื้อที่ดูดฝุ่นมือถือมาด้วยอีกตัว ราคาไม่ถึงพัน ตรงไหนป้ารุจน์เข้าไม่ถูกก็ใช้ที่ดูดไปดูด แปปเดียวเสร็จ เพราะป้าก็เก็บงานไปให้เกือบทั้งห้องแล้ว
“พรม” อันนี้ถ้าพรมแบบไม่แข็งหรือแบบเบาๆ จะตีกะป้านิดนึง คือบางทีป้าก็จะดันพรมบ้าง ลากพรมไปด้วยบ้าง แต่ถ้าพรมไม่หนามาก หรือเป็นพรมผืนใหญ่ๆ หนักๆ อันนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ ป้าก็จะพยายามตะกายขึ้นไปได้ กับอีกเรื่องคือสายไฟในห้องที่อาจจะต้องเก็บให้เรียบร้อยนิดนึง เพราะป้าดึงสายเก่ง
ด้านแบตเตอรี่ ก็สามารถใช้งานได้นานไม่มีปัญหาครับ สำหรับคอนโดห้องขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร ใช้เวลาทำความสะอาดประมาณ 15 นาที แบตก็ยังเหลือ 80 กว่าเปอร์เซ็น หรือลองในบ้านพื้นที่ทั้งชั้นประมาณ 120 ตารางเมตร ทำความสะอาดเสร็จแบตก็ยังเหลือประมาณครึ่งนึงครับ
สรุป
ทีมงานค่อนข้างแฮปปี้มากกะป้ารุจน์ รู้สึกว่าฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ค่อนข้างคิดมาแล้ว และก็ใช้งานได้จริง ฉลาดจริง ไม่จกตา ราคากับฟังก์ชั่นที่ได้ถือว่าคุ้มเลยครับ ประหยัดเวลากวาดถูห้องไปได้เยอะ
แต่ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าป้ารุจน์ไม่ได้เน้นทำงานหนักๆ ถ้าสภาพห้องคือหลังปาร์ตี้หมูกระทะออนเดอะฟลอ เสร็จแล้วต้องให้ป้ามาทำความสะอาด ป้าก็คงไม่ไหว แต่ถ้าเป็นงานกวาดถูปกติอันนี้คือทางของป้าเลย รับรองว่าทำได้ดีแน่นอนครับ จะให้ป้าทำทุกวันป้าก็ไม่เหนื่อย
ปี 2019 แล้ว เราลองมาปล่อยให้งานที่ต้องทำซ้ำๆ น่าเบื่อ เป็นเรื่องของหุ่นยนต์กันเถอะครับ
LivingPop.com