คราวก่อนเราพาเพื่อนๆ ขึ้นเหนือไปแอ่วที่เชียงใหม่กันมาแล้ว รอบนี้เราจะพาลงใต้ไปที่จังหวัดกระบี่กันบ้างครับ แน่นอนว่าเวลาจะหาที่เที่ยวทะเลสักแห่งนึง กระบี่ก็จะโผล่มาเป็นชื่อแรกๆ ไม่แพ้กับภูเก็ตเลย ซึ่งที่เที่ยวของกระบี่คือเยอะมาก แถมยังมีที่พักสวยๆ เต็มไปหมด วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาพักผ่อน รับลมทะเล และอาบแดดที่ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) กันครับ
ฮูลาฮูล่า ฮูล่าฮูล้าไปทะเล ฮูเร ฮูเหร่ เยเย้~~ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ล่องใต้มาที่กระบี่ครับ ซึ่งกระบี่คือแสนจะฮิต เมื่อก่อนตอนผมไปนึกว่าอยู่เมืองนอก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากเว่อออ หันไปทางไหนไม่เจอคนไทยเลย รอบนี้ผมมาพักผ่อนช่วงซัมเมอร์ ลมทะเลกำลังดี มาอาบแดดก็คือปัง และที่เราจะนอนกันคือ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) นั่นเองค้าบบบ
รายาวดี รีสอร์ท
Rayavadee Resort
“รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) นั้นเป็นหนึ่งในโรงแรมของเครือบริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ท แอนด์ โฮเทลล์ จำกัด ที่เป็นเจ้าของเดียวกับ “แทมมาริน วิลเลจ” และ “รายา เฮอริเทจ” ที่เชียงใหม่ ซึ่งเราเพิ่งไปรีวิวมาให้เพื่อนๆ ได้ดูนั่นเอง สามารถอ่านรีวิวของทั้ง 2 ที่ได้นะค้าบบบ คลิ๊กที่รูปด้านล่างได้เล้ยย
การเดินทางมาที่ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) นั้นต้องนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินของจังหวัดกระบี่ จากนั้นก็นัดแนะกับทางรีสอร์ทให้ไปรับที่สนามบิน จากนั้นรถตู้ของทางรีสอร์ทก็จะพาเรามาที่ท่าเรือ เพื่อต่อเรือเข้าไปยังที่รีสอร์ท โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาที จากนั้นก็จะนั่งเรือสปีดโบ้ทต่ออีก 15 – 20 นาที และ นั่งรถแทร๊คเตอร์เข้ามายังบริเวณหน้าล๊อบบี้ ซึ่งตรงนี้จะสามารถมองเห็นจุดปีนผาได้พอดีเลย
ที่นี่จะต้อนรับด้วยผ้าเย็นและ Welcome Drink ที่ขอบอกว่าอร่อยมากๆ เป็นน้ำมะพร้าวที่มีไอติมซอร์เบท์รสมะนาว เพิ่มความสดชื่นจากการเดินทางได้อย่างมากเลยทีเดียว หลังจากนั้นทางรีสอร์ทก็จะแนะนำสถานที่ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตของรีสอร์ท เพราะรีสอร์ทนั้นใหญ่มาก ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 52 ไร่ ซึ่งจะโอบล้อมด้วยภูเขาทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำที่สำคัญอีกอย่างคือ น้องลิงที่แวะไปเวียนมาทั่วรีสอร์ทแห่งนี้ค่อนข้างซนมากๆ ทางรีสอร์ทก็จะแนะนำว่าควรปิดประตูห้องให้มิดชิด ไม่งั้นจะโดนน้องลิงเข้ามาแย่งคุกกี้กินแน่ๆ รวมถึงอย่าไปให้อาหารน้องลิงด้วย และอย่าพยายามทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ภายนอกห้องพักเป็นอันขาด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินนั่นเองฮะ
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของทางรีสอร์ท คือ บัตเลอร์ (Butler) หรือว่าผู้ดูแลให้เราโดยเฉพาะ ซึ่งเราได้ “คุณอีฟ” มาเป็นบัตเลอร์ของเราครับ หน้าที่ของคุณอีฟนั้นจะเป็นคนประสานงานหลักและให้บริการเราในทุกเรื่องเลย ตั้งแต่การรับประทานอาหารเช้า การสั่งอาหารต่างๆ คอยเรียกรถรับส่งให้ หรือถ้าอยากเข้าร่วมกิจกรรมของทางรีสอร์ทก็สามารถจองผ่านคุณอีฟได้เลย รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าเราต้องการอะไรก็ตาม ซึ่งขอบอกเลยว่าคุณอีฟทำหน้าที่ได้แบบสมบูรณ์แบบมากๆ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน เรียกว่าได้ใจพวกเราไปเต็มๆ เลยฮะ ทำให้การพักผ่อนของเราในครั้งนี้ ทุกๆ วินาทีที่อยู่ที่นี่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมี Afternoon Tea ให้บริการอีกด้วย อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นเฉพาะวิลล่าใหญ่หรือเปล่าที่มี Afternoon Tea ให้บริการทุกวัน เพราะจากที่จองมาเหมือนว่าจะไม่ได้มีให้ทุกวัน
ส่วนใหญ่การเดินทางในรีสอร์ทก็จะใช้รถกอล์ฟเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ของรีสอร์ทค่อนข้างกว้างใหญ่มากๆ สถานที่ทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะกระจายตัวอยู่ทั่วทุกบริเวณนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ของที่นี่ มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ตามความชอบของผู้เข้าพักเลยทีเดียว ไม่ว่าจะพาไปเที่ยวตามเกาะ เที่ยวในตัวเมือง บริการนวดและสปา หรือจะเป็นคลาสเรียนก็มีเหมือนกัน เช่น คลาสเรียนสอนจัดดอกไม้ คลาสเรียนต่อยมวย คลาสเรียนโยคะ มีฟิตเนสให้บริการ รวมไปถึงห้องสควอทและสนามเทนนิส หรือนอกจากนั้นก็จะยังมีบริการ Paddleboard, SUP Board รวมไปถึงเรือคายัค ฟรีสำหรับผู้เข้าพักทุกท่าน
ห้องพักของที่นี่ก็จะมีทั้งหมด 9 แบบ จำนวนกว่า 101 ห้องและอีก 3 ห้องจะเป็นวิลล่าใหญ่ รวมทั้งหมดกว่า 104 ห้อง แบ่งออกเป็นห้อง Deluxe Pavilion, Terrace Pavilion, Pool Pavilion, Family Paviliion, Family Pool Pavilion, Family Villa, Raitalay Villa, Rayavadee Villa และสุดท้ายเป็นห้อง Phranang Villa ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีขนาดแตกต่างกันไป และอยู่กันคนละโซน ซึ่งที่ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) นั้นจะอยู่ติดกับหาดพระนาง ส่วนทางขวาก็จะติดกับหาดไร่เลย์ และด้านหน้าตรงทางเข้าก็จะอยู่ติดกับหาดน้ำเมา ซึ่งบริเวณทางเดินไปที่พักนั้นจะรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ตลอด 2 ข้างทางจนกว่าจะถึงบริเวณห้องพักเลย
ส่วนใหญ่ห้องพักที่นี่จะเป็นแบบ 2 ชั้นโดยชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น และด้านบนจะเป็นโซนห้องนอน โดย Deluxe Pavilion, Terrace Pavilion และ Family Pavilion จะเป็น 3 ห้องที่ไม่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ นอกนั้นจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ทั้งหมด และจะมีแค่ 3 ห้องที่เป็นวิลล่าขนาดใหญ่นั่นก็คือ “Phranang Villa”, “Rayavadee Villa” และ “Raitalay Villa” นั่นเอง
Phranang Villa
วันนี้เรามาพักกันที่ห้อง Phranang Villa 401 เป็นห้องที่อยู่หน้าหาดพระนาง (มองเห็นทั้งหาดทั้งทะเลเลย) เป็นวิลล่าขนาดใหญ่กว่า 417 ตารางเมตร มีถึง 3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว มีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและห้องครัว แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในวิลล่าอีกด้วย โดยบริเวณวิลล่าก็จะรายล้อมไปด้วยต้นไม้ต่างๆ และมีผาหินปูนอยู่ด้านข้างๆ เหมือนได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
ที่เห็นว่ามีวิลล่าหลายหลัง คือเขาแยกห้องนอนทั้ง 3 ห้องออกจากกันเลยครับ คนละหลังไปเลย ส่วนพวกห้องครัวห้องทานอาหารก็จะอยู่อีกหลังนึง ถ้ามาพักกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว จะค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวกับแต่ละคนมาก เพราะพื้นที่รวมตัวกันก็มี พื้นที่ส่วนตัวก็มี เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนมากทีเดียว
ห้องนอนจะแบ่งเป็น 3 ห้อง มี 1 ห้องนอนใหญ่ และอีก 2 ห้องนอนที่ขนาดเล็กลงมา ทั้ง 2 ขนาดจะต่างกันตรงที่ห้องนอนใหญ่มีห้องนั่งเล่นเพิ่มเข้ามา ในส่วนของห้องน้ำและห้องแต่งตัวก็ค่อนข้างอลังการ แถมมีอ่างให้แช่ตัวด้วย
ผมค่อนข้างชอบโทนสีของห้องน้ำนะ คือเวลาแดดส่องลงมา มันทำให้อ่างอาบน้ำน่าเข้าไปนั่งแช่ตัว เปิดเพลงฟัง จิบแชมเปญ แล้วก็อัปไอจีสตอรี่ลงสวยๆ อ่ะ
Pool Pavillion
ห้องนี้เองก็จะเป็นพาวิลเลียนที่มี 2 ชั้นครับ ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น และห้องน้ำ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอน มีห้องน้ำในตัว เอาจริงสำหรับพาวิลเลียนนี้ผมว่าเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ด้านนอก คือมีสวน มีต้นไม้ มีธรรมชาติโอบล้อมพาวิลเลียนและสระว่ายน้ำขนาด 3 x 8 เมตรอีกที มาพร้อมเตียงอาบแดด และพื้นที่นั่งเล่น ให้อารมณ์เหมือนบ้านพักตากอากาศครับ จะอยู่ในบ้านก็ได้ อยู่กลางแจ้งก็ได้ เล่นน้ำก็ได หรือจะนั่งชิวๆ จิบกาแฟท่ามกลางสวนสีเขียวก็ได้ แถมยังให้ความเป็นส่วนตัวแบบสุด
สิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่ก็ครบครันครับ ตั้งแต่ทีวี อินเทอร์เน็ตไร้สาย เครื่องเป่าผม ไฟฉาย เสื้อคุลมอาบน้ำ รองเท้าแตะ อุปกรณ์ชงชากาแฟ และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ
Family Villa
“Family Villa” จะมีห้องนอนขนาดใหญ่ 2 ห้อง มาพร้อมห้องนั่งเล่น ชานนอกวิลล่า และสระว่ายน้ำขนาด 3 x 13 เมตร อ้อ! แต่ห้องนอนเขาจะแยกออกจากกันนะครับ ไม่ได้อยู่รวมกันในหลังเดียว โดยจะแบ่งเป็นพาวิลเลียน 2 ชั้น คล้ายกับห้อง Pool Pavillion แปลนห้องไม่ได้ต่างกัน มีห้องนั่งเล่นด้านล่าง และห้องนอนด้านบน ส่วนอีกหลังจะเป็นชั้นเดียว อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำเลย จะไม่มีโซนห้องนั่งเล่นนะครับ แต่ด้านหน้าห้องมีชานค่อนข้างกว้างขวาง มานั่งเล่นชิวๆ ได้เลย
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม
ดูห้องพักไปแล้ว ทีนี้มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกหรือ Facilities อื่นๆ กันครับ ว่าที่นี่มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้างน้า อย่างแรกเลยคือสนามเทนนิส เป็นสนามเทนนิสที่วิวดีเว่อ ต้นไม้สีเขียวล้อมรอบเต็มไปหมด เปลี่ยนบรรยากาศการเล่นเทนนิสได้ดีเหมือนกันนะครับ หรือใครอยากจะเข้าฟิตเนส ที่นี่ก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน หรือใครจะมาเล่นปิงปองก็ได้นะฮะ เขามีโต๊ะพร้อมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน
การเข้าพักครั้งนี้เราก็ได้มาลองใช้บริการสปาของที่นี่ด้วยเช่นกัน โดยวันนี้เรามาลอง “Rayavadee Signature Massage” ที่เป็นตัวซิกเนเจอร์ของที่นี่เลย เป็นการนวดด้วยนำ้มันหอมระเหยและการประคบตัว ซึ่งการนวดชนิดนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษและจะช่วยกระชับผิวและข่วยให้สบายตัว โดยมีน้ำมันหอมระเหยอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียดและความตึงในจุดต่างๆ เป็นวิธีการรักษาอาการปวดเมื่อยแบบโบราณในบรรยากาศที่เงียบสงบของทาง “รายาวดี สปา” นั่นเอง การนวดนั้นจะใช้เวลาทั้งหมด 75 นาทีด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การแช่เท้าในน้ำอุ่น การนวด และเครื่องดื่มสมุนไพรปิดท้ายคอร์สฮะ
The Grotto
ถ้าเพื่อนๆ ได้มาพักที่นี่ เขามีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลย นั่นก็คือการไปทานอาหารที่ห้องอาหาร “The Grotto” เป็นห้องอาหารที่อยู่หน้าหาดพระนาง โดยจะสามารถมองเห็นเกาะ Happy Islands ที่ตั้งอยู่บริเวณหาดพระนางได้ สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกใต้อ้อมกอดของภูเขาหินปูน สุดแสนจะโรแมนติก มีมุมที่สามารถถ่ายรูปได้เยอะมากๆ เลยครับ แค่เห็นรูปผมว่าวิวเต็มร้อยผมให้ล้านไปเลย นั่งทานอาหารเย็นริมหาด มองเห็นวิวทะเล บรรยากาศแสนสงบ กับเสียงคลื่นที่ซัดสาด อะไรมันจะฮีลพลังชีวิตของเราได้มากไปกว่านี้อีกจริงมั๊ยครับ
ห้องอาหาร “The Grotto” นั้นจะให้บริการอาหารสไตล์อิตาเลียนเป็นหลัก แต่ก็ยังมีอาหารทานเล่น อาหารจานเดียวต่างๆ ให้บริการด้วยเช่นกัน ซึ่งรสชาติของอาหารนั้นก็จะเป็นสไตล์ฝรั่ง รสชาติไม่ได้จัดจ้านมาก ก็จะช่วยให้คนที่ไม่ได้รับประทานอาหารรสจัดทานได้ง่ายขึ้น
หน้าตาอาหารคือน่าทานมากกก จัดจานมาสวยๆ นอกจากจะอิ่มอกอิ่มใจกับบรรยากาศแล้ว ยังอิ่มท้องไปอีกยาวๆ เลยฮะ
ในช่วงเย็นก็จะมีเมนูพิเศษที่เป็นบาร์บีคิวเพิ่มเข้ามาอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบาร์เครื่องดื่มด้วยนะครับ บรรยากาศดีๆ แบบนี้ก็ต้องหาอะไรมาจิบให้ชุ่มปากชุ่มคอกันบ้าง ผมแนะนำเลยว่าถ้าเกิดเพื่อนๆ ได้มาเข้าพักที่ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) หรือแวะมาที่กระบี่ ต้องลองมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร “The Grotto” ดู จะได้มาดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกริมทะเลแบบนี้ คุ้มค่าแน่นอนครับ
ห้องอาหารหลากหลายสไตล์
นอกจากจะมีห้องอาหาร “The Grotto” แล้ว ทาง “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) ก็จะมีห้องอาหารอีก 3 ห้องอาหารด้วยกัน ได้แก่ “รายาไดน์นิ่ง” ที่จะให้บริการอาหารเช้า “ครัวพระนาง” ให้บริการอาหารค่ำที่จะเน้นเป็นอาหารไทยตำรับดั้งเดิม สามารถชมทัศนียภาพของหาดพระนางและหมู่เกาะน้อยใหญ่ได้ และสุดท้ายจะเป็น “ไร่ทะเลเทอเรส” ที่จะนำเสนอเมนูอาหารที่มาจากทุกภูมิภาคทั่วเอเชียเลยทีเดียว เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของหาดไร่เล หรือชมวิวสระว่ายน้ำได้ด้วยฮะ
อาหารเช้าเขามีให้เลือกเยอะจริงๆ ครับ แต่ที่เห็นจานเยอะๆ แบบนี้ผมไม่ได้ทานคนเดียวนะ 5555
ของหวานเขาก็มีเหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นมื้อเช้าที่อิ่มหนำสำราญมากครับ
จากที่ได้บินลงใต้ไปพักผ่อนที่ “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) จ. กระบี่ ผมว่าที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว ที่พักคือดี รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ใบหญ้า ภูเขา ชายหาด ทะเล บรรยากาศคือที่สุดของที่สุด การบริการก็น่าประทับใจ กิจกรรมก็มีให้ทำมากมาย เรียกได้ว่าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจอย่างมากครับ ไม่ว่าจะมาเที่ยว มาพักผ่อน มาฉลองวันสำคัญ หรือวันไหนๆ ผมเชื่อว่า “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน คอนเฟิร์มเล้ยยย!
ช่องทางการติดต่อ
เว็บไซต์ : www.rayavadee.com
Facebook : www.facebook.com/rayavadeekrabithailand
เบอร์โทร : 075 817 630