fbpx
รีวิวที่พัก-โรงแรม

รีวิว “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) โรงแรมสไตล์ล้านนาริมแม่น้ำปิง เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน

วันนี้เรายังอยู่กันที่เชียงใหม่ แต่ลองย้ายมาพักที่ “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) ซึ่งต้องขับรถออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 15 – 20 นาที โรงแรมอยู่ริมแม่น้ำปิงในเขตตำบลดอนแก้ว จุดเด่นของที่นี่จะเป็นความการตกแต่งสไตล์ล้านนาประยุกต์ ที่ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว และบริการที่น่าประทับใจมากๆ จากพนักงาน

ซึ่ง “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) นั้นเป็นหนึ่งในโรงแรมในเครือบริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ทส์ แอนด์ โฮเทลส์ จำกัด ที่เป็นเจ้าของเดียวกับ “แทมมาริน วิลเลจ” โรงแรมบูทีคแห่งแรกในเมืองเชียงใหม่ และ “รายาวดี” โรงแรมหรูชื่อดังบนหาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ครับ


เมื่อก้าวเข้าเข้าสู่ “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) เราก็จะพบกับการต้อนรับแสนอบอุ่นของพนักงานต้อนรับทุกคน ซึ่งเริ่มจาก Welcome Drink ดอกมะลิ และเนื่องจากยังอยู่ในช่วงของโควิด-19 ทางโรงแรมก็จะมีชุดเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยให้ด้วย พอเราทำการเช็กอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมเดินทางไปดื่มด่ำกับธรรมชาติได้ทันที

สิ่งแรกที่เราจะพบตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโซนของล๊อบบี้ และถือเป็นมุมถ่ายรูปมหาชนของที่นี่เลยก็คือ ต้นสะเดาและต้นเหียงต้นใหญ่ ซึ่งสามารถมองผ่านจากล๊อบบี้ได้ และจะมีวิวของแม่น้ำปิงอยู่ด้านหลังอีกทอดนึง ทางโรงแรมจะปลูกต้นไม้ต่างๆ ไว้ตกแต่งทั่วทุกบริเวณ และยังสามารถนำดอกผลของมันมาทำอาหารให้แขกผู้มาเยือนได้อีกด้วย เรียกได้ว่าร่มรื่นไปทุกส่วนเลยจริงๆ ครับ โดยการตกแต่งของที่นี่จะเน้นในเรื่องของ Riverside Life โดยจะมีเครื่องดักจับปลาทั้งหลายมาตกแต่ง รวมไปถึงการก่อสร้างก็จะหันออกไปทางแม่น้ำ ด้วยวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่จะหันบ้านออกไปทางแม่น้ำเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

สำหรับ Cross Road หรือการผสมผสานด้านวัฒนธรรมจะเห็นได้ชัด จากอาหารที่ผสมผสานอาหารเมืองให้เข้ากับอาหารแนวไทยใหญ่ เช่น น้ำพริกเขมร เป็นต้น ส่วนในเรื่องของ Community หรือชุมชน จะเห็นได้จากสินค้าและงานต่างๆ คนในชุมชนจะทำมาให้ สุดท้ายเรื่องของภูมิปัญญาก็จะมาจากชาวบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือและพัฒนากับชุมชนเพื่อให้เติบโตไปพร้อมๆ กันนั่นเอง


ห้องพัก (Accommodation)

ห้องพักของ “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) มีทั้งหมด 38 ห้อง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Rin Terrace Suites, Huen Bon Suites และ Kraam Pool Suites ซึ่งการตกแต่งของโรงแรมนั้นมีความพิเศษมากๆ ตรงที่เวลาเราขึ้นมาชั้น 2 จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ชั้น 1 มาก เพราะมีต้นไม้ปลูกเต็มไปหมด ไม่เหลือความรู้สึกว่านี่คือชั้น 2 อยู่เลย และห้องที่อยู่ชั้น 3 นั้นจะให้ความเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะต้องขึ้นบันไดไปอีก และในทุกๆ ห้องก็จะมี Day Bed อยู่ตรงระเบียงด้านนอกด้วยครับ จะมีเฉพาะ Kraam Pool Suites ที่จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่หน้าห้อง และในทุกๆ ห้องก็จะมีชุดชงชา พร้อมใบชาสมุนไพรอีกหลากหลายชนิดให้เราเลือกชงได้ตามใจชอบเลยทีเดียว หรือถ้าไม่ใช่แนวดื่มชา ก็จะมีเครื่องดริปกาแฟให้ หรือถ้าไม่ชอบอันไหนเลยก็ลองถือเป็นพร๊อบถ่ายรูปแทนดูครับ ทำ Content ลงโซเชียลไปหนึ่งกรุบ ส่วนข้างในทุกห้องจะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ให้แช่พักผ่อนได้ด้วย

Rin Terrace Suites

เป็นห้องขนาด 75 ตารางเมตร มีจำนวน 13 ห้อง ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม สามารถเดินขึ้นมาหรือจะขึ้นลิฟท์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งชั้นนี้ก็จะใช้โทนสีดำในการตกแต่งห้อง เข้าคู่กันกับสีขาวและสีครีมที่เป็นสีหลักแล้ว ก็ทำให้ห้องมีความหรูหรามากขึ้น มีระเบียงให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ มองออกไปก็จะเจอต้นไม้มากมายหลากหลายชนิด เป็นวิวอยู่คู่กับแม่น้ำปิง ทำให้ลมพัดผ่านได้แบบสบายๆ สามารถนั่งรับลมเย็นๆ ได้ทั้งวัน ในห้องมีงานศิลปะที่ทำด้วยมือ เช่น ผ้าทอมือ ตะกร้าสาน งานแกะสลักไม้ต่างๆ เรียกว่ามีความหรูหรา ซึ่งเชื่อมเข้ากับเอกลักษณ์ภาคเหนือของไทยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวฮะ

Huen Bon Suites

เป็นห้องขนาด 75 ตารางเมตร เท่ากับห้อง Rin Terrace Suites เลย แต่จะตั้งอยู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ เป็นห้องที่เรามาพักกันในค่ำคืนนี้ด้วยครับ โดยห้องนี้จะต้องเดินขึ้นบันไดมา ไม่สามารถขึ้นลิฟท์ได้ ความพิเศษคือเป็นห้องที่เห็นวิวแม่น้ำปิงได้ชัดเจนที่สุด ด้วยความสูงของห้องทำให้พ้นแนวต้นไม้ ซึ่งห้องนี้ก็จะยึดสีขาวและสีครีมเป็นหลัก การตกแต่งก็จะเสริมด้วย ตะกร้าสาน งานแกะสลักไม้ และงานสานต่างๆ ให้เข้ากับสไตล์ล้านนาประยุกต์และวัฒนธรรมชาวเหนือของไทยนั่นเอง

Kraam Pool Suites

เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของที่นี่มีขนาด 100 ตารางเมตร มีทั้งหมด 11 ห้อง โดยชื่อห้องก็มาจากสีครามที่ใช้เป็นสีหลักในการตกแต่งห้อง ความพิเศษของห้องนี้คือมีสระว่ายน้ำขนาด 7 x 3 เมตร อยู่หน้าห้องแล้วก็มีไม้ไผ่ล้อมรอบเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยทั้งในห้องและนอกห้องก็จะมีโซนให้นั่งพักผ่อน แถมบริเวณหน้าห้องยังมีสวนเล็กๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้ที่ได้มาพักอีกด้วย เป็นห้องที่สามารถเดินออกมาชมแม่น้ำปิงได้เลย ซึ่งทุกๆ ห้องของไทป์นี้จะอยู่ที่ชั้น 1 หมดเลยครับ


ห้องอาหาร (Dining)

ในส่วนของห้องอาหารโรงแรมจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ก็คือ “ห้องอาหารคุข้าว” ที่เป็นห้องอาหารหลักสำหรับรับประทานอาหารเช้าหรืออาหารเย็น ต่อมาจะเป็น “ลานชา” ที่สามารถมารับประทาน Afternoon Tea พร้อมชมวิวแม่น้ำปิง และสุดท้ายจะเป็น “บ้านท่า” ที่จะเป็นโซนนั่งดื่ม Cocktail ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ก็คือ “ลองแม่ปิง” ที่จะมีส่วนผสมของรัมและผลไม้ต่างๆ ผสมผสานให้รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งที่บ้านท่านี้ก็จะมีพวกของกินเบาๆ ให้บริการด้วย เช่น แซนวิช ซุป และของกินพื้นเมืองต่างๆ

ห้องอาหารคุข้าว (Khu Khao)

ห้องอาหาร “คุข้าว” เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้ายาวไปจนถึง 4 ทุ่ม ซึ่งช่วงเช้าก็จะบริการอาหารเช้า ถ้าเราเข้ามาพักที่นี่ ส่วนใหญ่ก็จะรวมอาหารเช้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็สามารถรับประทานได้เลย ส่วนถ้าใครไม่ได้จองแบบรวมอาหารเช้ามา ราคาจะอยู่ที่ 990 บาทต่อคน โดยอาหารเช้านั่นจะมีให้เลือกหลากหลายเลย ทั้งอาหารแบบไทย อาหารต่างประเทศ ส่วนเครื่องดื่มจะมีให้เลือกตั้งแต่ชา กาแฟ และนม หรือน้ำผลไม้คั้นสด แล้วก็เมนูไข่ที่เป็นไข่ออแกนิค ไม่ว่าจะเป็น Scrambled หรือ Omelette หรือจะเป็น Poached Eggs ก็ได้เช่นกัน ส่วนเมนูเสริมก็จะเป็นพวกเบคอน ไส้กรอกต่างๆ มันฝรั่งและสลัด 

หรือถ้าไม่ได้อยากกินพวกเมนูที่ทำจากไข่ ทางโรงแรมก็จะมีพวกเมนูข้าวต้มกุ๊ย ข้าวมันไก่ หรือแม้กระทั่งบะหมี่เป็ดตุ๋นให้เลือกเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเมนูเฮลตี้ด้วย เช่น Acai Bowl หรือพวกโยเกิร์ตต่างๆ ซีเรียล และผลไม้สด ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นแพนเค้ก หรือเฟรนโทส เป็นตัวปิดท้าย ทั้งนี้อาหารเช้าสามารถโทรแจ้งว่าขอรับประทานที่ห้องพักได้เช่นกัน จะมีค่าบริการเพิ่มเติม 200 บาทต่อคน ซึ่งในห้องพักจะมีใบที่ให้เราสั่งอาหาร พร้อมระบุเลขห้องและเวลาที่จะรับประทาน และนำไปแขวนไว้ที่หน้าประตูห้องก่อนเวลา 21.30 น.ของวันก่อนที่จะรับประทาน เพื่อให้ทางโรงแรมได้เตรียมเมนูที่เราเลือกได้ทันและตรงเวลา

ในส่วนของอาหารเย็นหรือกลางวัน ก็จะมีเมนูให้เลือกหลากหลายมากๆ แบ่งเป็น อาหารไทย อาหารพื้นเมือง อาหารนานาชาติ ของหวาน หรือเมนูอาหารสำหรับเด็กก็มีเช่นกัน ซึ่งเราได้ไปลองทั้งหมด 3 เมนู ก็คือหมูกรอบซอสพริกมะขาม ต้มยำกุ้งแม่น้ำ และ แกงเผ็ดเป็ดย่างลิ้นจี่ครับ สามารถดูเมนูอาหารเช้าของห้องอาหารคุข้าวได้ที่นี่ (คลิ๊กเล้ย) สามารถดูเมนูอาหารกลางวันและเย็นของห้องอาหารคุข้าวได้ที่นี่ (คลิ๊กเล้ย)

ลานชา (Laan Cha Tea Terrace)

“ลานชา” ตั้งอยู่ชั้น 2 ของโรงแรม โดยจะให้บริการเฉพาะ Afternoon Tea สำหรับแขกที่มาพัก หรือคนทั่วไปที่อยากจะเข้ามาใช้บริการก็ได้เช่นกัน บรรยากาศของลานชา จะเป็นที่นั่งกึ่งๆ Outdoor มีอากาศถ่ายเทสะดวก สามารถนั่งจิบชาแล้วชมแม่น้ำปิงได้ตลอดทั้งวัน โดยลานชา จะให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น โดยราคาอยู่ที่ 690 บาทต่อ 1 ท่าน สามารถเลือกเครื่องดื่มได้ 1 แก้วและขนมทั้งหมด 6 อย่าง ซึ่งเมนูแนะนำที่อยากแนะนำก็คือ ชาพะยอม สามารถดูเมนูของลานชาได้ที่นี่ (คลิ๊กเล้ย)

บ้านท่า (Baan Ta Lounge & Lawn)

สำหรับ “บ้านท่า” จะเป็นโซนที่ให้บริการ Cocktail หรือ อาหารว่าง หรือถ้าอยากรับประทานอาหารเย็นก็สามารถรับประทานที่นี่ได้เช่นกัน โดย “บ้านท่า” จะอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม อยู่ใต้ “ลานชา” พอดี ซึ่งโทนการตกแต่งจะเน้นสีดำเป็นหลัก ผสมผสานกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว สามารถดูเมนูของบ้านท่าได้ที่นี่ (คลิ๊กเล้ย)


สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities)

ที่ “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) ถือว่าเป็นโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ใช้อย่างครบครัน ซึ่งนอกเหนือจากห้องอาหารทั้ง 3 แล้ว ทางโรงแรมก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีก เช่น 

  • ห้องฟิตเนส (Fitness Room) เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม มีลู่วิ่งไฟฟ้าและที่ปั่นจักรยาน พร้อมดัมเบลอีกเซทใหญ่ๆ 
  • สระว่ายน้ำ (Swimming Pool) เปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม แถมอยู่ติดริมแม่น้ำปิงเลย พร้อมด้วยเตียงนอนอาบแดด และล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อเพิ่มความร่มรื่น 
  • ไอว่านสปา (Ai Waan Spa) เปิดให้บริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม ซึ่งการนวดก็จะมีหลากหลายแบบมากๆ เช่น การนวดแผนไทย นวดเฉพาะส่วน เป็นต้น ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือการนวด Bamboo Massage เป็นการผสมผสานการนวดไทยและจีน โดยมีไม้ไผ่เป็นส่วนหนึ่งของการนวด ซึ่งจะเป็นการนวดผ่อนคลาย ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่มากๆ หรืออีกอันนึงก็จะเป็น Silk Massage ที่จะเป็น Body Stretching เน้นยืดเหยียดร่างกายโดยมีผ้าไหมเป็นส่วนหนึ่งของการนวดกับน้ำมันโดยจะเน้นที่คอ บ่า ไหล่ หลัง และขา นั่นเอง สามารถดูโปรแกรมการนวดของไอว่าน สปาได้ที่นี่ (คลิ๊กเล้ย

โปรโมชั่น (Promotions)

ตอนนี้ทาง “รายา เฮอริเทจ” (Raya Heritage) มีโปรโมชั่นที่เรียกได้ว่าสุดคุ้มเลย เมื่อจองห้องพักจำนวน 2 คืน ได้นอนฟรีเพิ่มอีก 1 คืนทันที และยังสามารถใช้ร่วมกับ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อใช้เป็นส่วนลดห้องพักได้อีกต่อนึง โดยโปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 ไปจนถึง 31 มีนาคม 64 เลยครับ

  • Rin Terrace Suites 
    • วันจันทร์-พฤหัส ราคาเต็ม 7,300 บาทต่อคืน เหลือเพียง 4,380 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”
    • วันศุกร์-อาทิตย์ ราคาเต็ม 8,900 บาทต่อคืน เหลือเพียง 5,900 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”
  • Huen Bon Suites
    • วันจันทร์-พฤหัส ราคาเต็ม 8,300 บาทต่อคืน เหลือเพียง 5,380 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”
    • วันศุกร์-อาทิตย์ ราคาเต็ม 9,900 บาทต่อคืน เหลือเพียง 6,900 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”
  • Kraam Pool Suites 
    • วันจันทร์-พฤหัส ราคาเต็ม 9,300 บาทต่อคืน เหลือเพียง 6,300 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”
    • วันศุกร์-อาทิตย์ ราคาเต็ม 10,900 บาทต่อคืน เหลือเพียง 7,900 บาทต่อคืน เมื่อใช้ “เราเที่ยวด้วยกัน”

ทั้งนี้ในโปรโมชั่นจะมีบริการรถรับส่งที่สนามบินเชียงใหม่ อาหารเช้าที่ห้องอาหารคุข้าว 2 ที่และสำหรับเข้าพัก 2 คน เท่านั้น ซึ่งขั้นต่ำต้องจองที่พัก 2 คืนขึ้นไปต่อการเข้าพัก 1 ครั้ง 


ด้วยความสวยงามของดีไซน์โรงแรมที่ประยุกต์กับเข้ากับวัฒนธรรมพื้นเมืองได้อย่างดีในทุกๆ ส่วนของโรงแรม พื้นที่กว้างขวาง ความสงบและความร่มรื่นของต้นไม้ที่ปกคลุมไปทั่วโรงแรม บรรยากาศของโรงแรมที่เหมาะกับการมาพักผ่อน และหลีกหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองเชียงใหม่ แถมพนักงานทุกๆคน ยังใส่ใจ มีความนอบน้อม ใจบริการคือที่สุดมากๆ สำหรับเรา ไม่ว่าจะไปไหน เมื่อเจอพนักงานก็จะทักทายด้วยการไหว้ตลอดเวลา เรียกว่าไม่เจอความผิดพลาดใดๆ ในการจัดการเลย ห้องพักก็สวย แม้กระทั่งห้องอาบน้ำ ก็สามารถเป็นจุดถ่ายรูปได้ เชื่อว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ลองมาพักจะได้รับบริการที่ดีและมีความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอนเลยครับ

ช่องทางการติดต่อโรงแรม (Contact)

โรงแรมรายาเฮอริเทจ
157 หมู่ 6 ตำบล ดอนแก้ว
อำเภอ แม่ริม เชียงใหม่ 50180 ประเทศไทย
โทร : (+66) 053 111 670
โทรสาร : (053) 111 674
อีเมลล์ : [email protected] 

ติดต่อแผนกจองห้องพัก
อีเมลล์ : [email protected]
โทร : (+66) 2 301 1861-3
โทรสาร : (+66) 2 399 1060


Related posts
รีวิวที่พัก-โรงแรม

หนีความวุ่นวายในเมือง มาพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวริมแม่น้ำเจ้าพระยากับ "ศาลาบางปะอิน"

รีวิวที่พัก-โรงแรม

รีวิว “รายาวดี รีสอร์ท” (Rayavadee Resort) ที่พักสุดหรู กับวิวหลักล้าน บรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัว

รีวิวที่พัก-โรงแรม

รีวิว "โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่" สถานที่พักผ่อนสบายๆ สไตล์ล้านนา กลางเมืองเชียงใหม่

รีวิวที่พัก-โรงแรม

รีวิว "Cape Fahn" ที่พักแบบส่วนตั๊วส่วนตัวววบนเกาะสมุย กับบริการทุกระดับประทับใจ (รึป่าว?) ฉบับโรงแรม 6 ดาว