ในทุกๆ วันร่างกายของคนเราต้องได้รับสารอาหารให้เพียงพอและครบถ้วนเพื่อการเจริญเติบโต กระบองเพชร (แคคตัส) ก็เช่นเดียวกันนะครับเค้าต้องได้รับแสงแดด น้ำ ดิน ที่เหมาะสมจึงจะเติบโต แข็งแรง สมวัย แต่นอกจากอาหารหลักที่ได้รับแล้ว ถ้าอยากเพิ่มพลังให้กับกระบองเพชรของเราทุกคนเติบโตเร็ว ออกดอกไว เราต้องมีตัวช่วย… วันนี้สวนหลังบ้าน LivingPop ขอเสนอตัวช่วยเพิ่มพลังให้กับแคคตัสของเรา นั้นคือ “ปุ๋ยออสโมโค้ท” หลายคนเริ่มงง และสงสัยว่าปุ๋ยนี้คืออะไร แล้วดีจริงหรือไม่ วันนี้ LivingPop มีคำตอบมาฝากกันครับ
ปุ๋ยออสโมโค้ทคืออะไร
อย่างที่บอกไว้นะครับว่า ปุ๋ยออสโมโค้ท คืออาหารเสริมชั้นดีที่กระบองเพชรชื่นชอบ เพราะปุ๋ยออสโมโค้ท เป็นปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติเด่นของปุ๋ยตัวนี้นั่นคือ เป็นปุ๋ยละลายช้า ตัวปุ๋ยจะค่อยๆปล่อยธาตุอาหารช่วยให้กระบองเพชรของเราเจริญเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งธาตุอาหารนี้สามารถอยู่ในดินได้ถึง 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรที่เราเลือกใช้ ซึ่งปุ๋ยออสโมโคสจะแตกต่างจากปุ๋ยชนิดอื่นๆ เช่น ปุ๋ยยูเรียที่มีความระเหยของธาตุอาหารเร็วกว่ามากทำให้ต้นไม้เติบโตไม่สม่ำเสมอ
เมื่อมีข้อดีก็ย่อมจะมีข้อเสียเหมือนกันนะครับ หากเราใช้ในปริมาณมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดผลเสียกับดินและต้นไม้ได้เช่นกัน ซึ่งปุ๋ยออสโมโค้ท มีอยู่ด้วยกันหลายประเภทซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปนะครับ เรามาดูกันครับว่าปุ๋ยออสโมโค้ทในแต่ละสูตรมีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง
ปุ๋ยออสโมโค้ทมีสูตรอะไรบ้าง
เราก็พอทราบกันมาแล้วว่า ปุ๋ยออสโมโค้ท เป็นอาหารเสริมที่มีธาตุอาหารที่ดีสำหรับกระบองเพชร ( แคคตัส ) ซึ่งในท้องตลาดมีอยู่ด้วยกัน 3 สูตร นั้นคือ
- สูตร 13-13-13 ( 3เดือน )
- สูตร 16-16-16 ( 4 เดือน)
- 13-25-6 (6 เดือน)
แต่สูตรที่เป็นที่นิยมใช้กัน จะเป็นสูตร 13-13-13 และ 13-25-6 เรามาดูรายละเอียดในแต่ละสูตรกันครับ
1. ออสโมโค้ท สูตร 13-13-13 ( 3 เดือน)
ปุ๋ยออสโมโค้ทสูตรนี้ เมื่อใส่ปุ๋ยลงในดิน ปุ๋ยจะค่อยๆละลายธาตุอาหารที่และซึมผ่านชั้นเคลือบออกมาโดยขบวนการออสโมซิส (osmosis) อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอนาน 3 เดือน
สูตรนี้จะประกอบด้วยปริมาณธาตุอาหาร
- ไนโตรเจนทั้งหมด (N) 13%
- ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ (P2O5) 13%
- โพแทสที่ละลายน้ำ (K2O) 13%
เหมาะสำหรับต้นไม้ : ต้นไม้ที่เป็น ไม้ดอก ไม้ประดับ เช่น แคคตัส กล้วยไม้ พืชผัก ไม้กระถาง ไม้คลุมดิน ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น
2. ออสโมโค้ท สูตร 16-16-14 ( 4 เดือน)
สูตรนี้จะมีคล้ายๆกับ สูตร 13-13-13 แต่จะมีระยะเวลาที่ปุ๋ยอยู่ในดินได้นานกว่า คือ 4 เดือน สูตรนี้ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากราคาที่จะแพงกว่าทำให้คนนิยมใช้สูตร 13-13-13 มากกว่าครับ
สูตรนี้จะประกอบด้วยปริมาณธาตุอาหาร
- ไนโตรเจนทั้งหมด (N) 16%
- ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ (P2O5) 16%
- โพแทสที่ละลายน้ำ (K2O) 16%
เหมาะสำหรับต้นไม้ : ต้นไม้ที่เป็น ไม้ดอก ไม้ประดับ เช่น แคคตัส กล้วยไม้ พืชผัก ไม้กระถาง ไม้คลุมดิน ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น
3. ออสโมโค้ท สูตร 13-25-6 ( 6 เดือน)
สูตรนี้ควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน โดยอาศัยความชื้นในดินค่อยๆละลายธาตุอาหารในปุ๋ยแล้วค่อย ๆ ซึมผ่านชั้นเคลือบผิวของเม็ดปุ๋ยได้ตลอดระยะเวลาและสม่ำเสมอ
สูตรนี้จะประกอบด้วยปริมาณธาตุอาหาร
● ไนโตรเจนทั้งหมด (N) 12%
● ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ (P2O5) 25%
● โพแทสที่ละลายน้ำ (K2O) 6%
เหมาะสำหรับต้นไม้ : แคคตัส ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้กระถาง กล้วยไม้ หรือต้นไม้ที่ต้องการฟอสฟอรัสมาก เช่น ระยะออกดอกและออกรากใหม่
ซึ่งทั้ง 3 สูตร เมื่อธาตุอาหารของปุ๋ยหมดแล้วเม็ดปุ๋ยจะใสเหมือนมีแต่น้ำอยู่ข้างใน ซึ่งเม็ดปุ๋ยจะสลายตัวได้เองโดยธรรมชาติ จากคุณสมบัตินี้ ปุ๋ยออสโมโค้ทจึงปลอดภัยต่อระบบรากพืช หรือ ใบไหม้หลังการใช้ปุ๋ย และไม่ทำให้ดินแข็งนะครับ
ปริมาณและการใช้ปุ๋ยออสโมโค้ทในแต่ละประเภท
เราได้เรียนรู้และรู้จักสูตรของปุ๋ย ออสโมโค้ท กันแล้วนะครับ ที่นี้ถึงเวลาที่จะต้องนำมาปรับใช้กับต้นไม้กันแล้ว โดยสามารถแยกเป็นประเภทต่างๆ ได้แบบนี้ครับ
1. การเพาะเมล็ด
เริ่มต้นด้วย นำวัสดุรองก้นกระถาง ประมาณ 1/3 ส่วน ของกระถางเพาะเมล็ด หลังจากนั้นเติมพีทมอสลงไปเล็กน้อยก่อน แล้วตามด้วยสตาร์เกิลจีเล็กน้อยและใส่ปุ๋ยออสโมโค้ทลงไป (กระถางขนาด 5 -6 นิ้ว ประมาณ 1 ช้อนชา, กระถาง 2-3 นิ้ว ประมาณ 3-5 เม็ด) ให้กระจายทั่วกระถาง แล้วเติมพีทมอสเพิ่ม เกือบถึงปากกระถาง แล้วทำการปาดดินให้เรียบ นำกระถางเพาะเมล็ดไปแช่ในถาดที่มีน้ำผสมกันราและยาเร่งราก รอให้ดินเริ่มดูดน้ำขึ้นมาจนชุ่ม หลังจากนั้นก็โรยเมล็ดแคคตัสให้ทั่ว นำกระถางใส่ถุงพลาสติกใส่ปิดปากถุงให้สนิท แล้วนำไปตั้งไว้ในที่โดนแสง แต่ไม่โดนแดดเท่านี้การเพาะเมล็ดก็เรียบร้อย
2. การแยกกระถาง
ในการนำแคคตัสมาปลูกแยกกระถาง หรือชำหน่อนั้น เพื่อนๆ ใส่วัสดุรองก้นกระถางประมาณ 1/3 ส่วนของกระถาง หลังจากนั้นใส่ดินแคคตัสเข้าไปในกระถางเล็กน้อย เติมสตาร์เกิลจีเล็กน้อยและปุ๋ยออสโมโค้ทลงไป (กระถางขนาด 5 -6 นิ้ว ประมาณ 1ช้อนชา, กระถาง 2-3 นิ้ว ประมาณ 3 – 5 เม็ด) กระจายให้ทั่ว หลังจากนั้น นำแคคตัสที่มีรากมาวางในกระถางแล้วเติมดินให้เกือบถึงขอบกระถาง แต่หากเป็นการชำหน่อให้เติมดินเกือบเต็มกระถางแล้วค่อยนำหน่อแคคตัสที่จะมาล่อรากวางด้านบนแล้วกดเบาๆ ให้ตัวลำต้นฝั่งลงดินเล็กน้อย สุดท้ายนำวัสดุเติมด้านบน เช่น ดินญี่ปุ่น, หินโรย มาโรยให้ทั่วกระถ่างเพื่อช่วยพยุงต้นไม้ เสร็จแล้วนำต้นไปที่แยกปลูกไปวางในที่ไม่โดนแดดประมาณ 5-7 วัน หลังจากนั้นค่อยนำไปตั้งในที่ๆ โดนแดดภายใต้สแลนได้เลย
3. การผสมดินปลูก
หากเพื่อนๆ มีดินแคคตัสที่ทำการผสมเองไว้ใช้ในปริมาณมาก แต่ยังไม่ได้เติมปุ๋ยออสโมโค้ท เพื่อนๆสามารถใส่ปุ๋ยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ต่อดินแคคตัส 5 กิโลกรัม และสตาร์เกิลจีประมาณ 2 ช้อนโต๊ะเช่นกัน (ปรับสัดส่วนของปุ๋ย, สตาร์เกิลจี ตามอัตราส่วนของน้ำหนักหรือตามสูตรของเพื่อนๆ) หลังจากนั้นก็คลุกดินแคคตัสให้ปุ๋ยและสตาร์เกิลจีให้ทั่วๆ หลังจากนั้นก็สามารถตักดินใส่กล่องหรือถุงที่ปิดสนิทเก็บไว้ใช้ได้เลย
4. การเติมปุ๋ยใส่ต้นเดิม
หลังจากปลูกแคคตัสมาระยะเวลาหนึ่งแล้วถึงเวลาที่ต้องเติมสารอาหารให้แคคตัส แต่ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนดิน เพื่อนๆ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงโรยปุ๋ยออสโมโค้ทไว้ด้านบนดินหรือหินโรยหน้า หลังจากนั้นใช้ไม้ลูกชิ้นหรือไม้จิ้มฟันค่อยๆกดให้ปุ๋ยฝั่งดินลงไป เพื่อที่ว่าจะไม่ให้ปุ๋ยโดนแสงแดดโดยตรงจนเสื่อมประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้แคคตัสของเราก็จะได้รับสารอาหารต่อเนื่องและเติบโตงอกงามต่อไป
ทั้งนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวในการใช้ โดยเพื่อนๆ สามารถปรับอัตราส่วนและสูตรสำหรับการใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีปลูก และต้นไม้ที่เพื่อนๆ ต้องการที่จะบำรุงเป็นแบบไหนด้วยนะครับ
แล้วพบกันใหม่ในตอนถัดไป ด้วยรัก ฟาร์มลับหนาม@สวนหลังบ้าน LivingPop