อโลไฮบริด หรือ อโลลูกผสม หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง หรือบางคนไม่เคยรู้จักต้นนี้เลย ต้นนี้คือต้นอะไร ชื่อเหมือน อโล ที่เป็นว่านหางจระเข้ แล้วเค้าเป็นญาติกันไหม วันนี้เรามาไขข้อสงสัย พร้อมวิธีการเลี้ยงดูสำหรับมือใหม่หัดปลูกอย่างเราๆ กันครับ
มาทำความรู้จักกับอโลไฮบริด
อโล เป็นพืชท้องถิ่นในทวีปแอฟริกา อโลพันธุ์แท้หรืออโลสปีชีส์ นั้นมีอยู่มากกว่า 300 ชนิด เช่น อโลเวร่า (Aloe vera) หรือว่านหางจระเข้ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นเอง
(เรียกได้ว่าเค้าก็เป็นต้นตระกูลของอโลไฮบริดนั่นเองครับ)
สำหรับอโลไฮบริด (Aloe Hybrid) หรืออโลลูกผสม คืออโลที่ถูกผสมข้ามชนิดกัน ซึ่งใช้วิธีผสมเกสร โดยเลือกต้นแม่และพ่อพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นตามที่ต้องการมาจับคู่กัน เพื่อให้ได้เมล็ด และนำมาเพาะจนได้สายพันธุ์และสีที่หลากหลาย
การที่ต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นอโลไฮบริดก็เนื่องจากอโลสปีชีส์ หรืออโลพันธุ์แท้ในธรรมชาตินั้น ส่วนใหญ่มักจะมีขนาดใหญ่มาก รูปทรงใบเรียวยาวเก้งก้าง ผิวใบมักจะเรียบ มีหนามบ้างตามขอบใบ ไม่ค่อยมีสีสันอื่นนอกจากสีเขียว บางชนิดจะมีสีอื่นบ้างเช่น สีแดง สีฟ้า
ซึ่งนักพัฒนาสายพันธุ์จึงดึงเอาลักษณะเด่นออกมาผสมกัน ทำให้อโลไฮบริดมีลักษณะเด่นมากขึ้นและมีเฉดสีของใบหลากหลายมากขึ้น เพราะมาจากการผสมข้ามชนิดกันนั่นเอง
วิธีการเลี้ยงดู
สำหรับมือใหม่อย่างเราคงจะกลัวว่า ต้นนี้จะเลี้ยงยากไหม จริงๆแล้วอโลไฮบริดเป็นไม้ที่เลี้ยงง่ายมาก ถ้าเข้าใจและรู้ใจธรรมชาติของน้อง เรามาเริ่มดูแลน้องกันเลย
ด้านแสงแดด
อโลไฮบริดชอบแดดตลอดทั้งวัน แต่ต้องเป็นแดดที่พรางด้วยสแลน 50% แต่ถ้าเราไม่มีสแลน ก็สามารถให้รับแดดช่วงเช้าตั้งแต่ช่วง 8.30 – 12.00 ได้ครับ หรือถ้าคนพื้นที่น้อยเลี้ยงริมระเบียงที่โดนแดดช่วงเช้าก็ได้เช่นกัน สำหรับช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไป ไม่แนะนำให้เลี้ยงแบบแดด 100% โดยไม่มีสแลนพรางเพราะน้องจะได้รับแดดเต็มๆเกินไปจนทำให้ผิวที่ใบของอโลไฮบริดไหม้แดด ทำให้ใบไม่สวยงาม
ด้านการรดน้ำ
สำหรับการรดน้ำของอโลไฮบริดสามารถรดน้ำ อาทิตย์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ทั้งนี้การรดน้ำในแต่ละครั้งสามารถดูที่ความชื้นในดินก่อนรดน้ำ โดยทริคง่ายๆลองนำไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้นก็ได้นะครับ มาจิ้มลงในกระถางที่เราปลูก หากมีดินติดขึ้นมากับไม้แสดงว่าดินยังชื้นอยู่ ยังไม่ต้องรดนำ้ แต่ถ้าไม่มีดินติดมาที่ไม้แสดงว่าดินร่วนและแห้งแล้วครับ สามารถรดน้ำได้เลย
ด้านดินปลูก
สามารถปรับสูตรดินได้นะครับ แต่ต้องเน้นดินที่มีความโปร่ง โดยสัดส่วนเนื้อดินประมาณ 30-40% ที่เหลือจะเป็นหินภูเขาไฟและอื่นๆ อันนี้เป็นสูตรดินแนะนำนะครับ
- หินภูเขาไฟ เบอร์ 00 = 40%
- หินภูเขาไฟ เบอร์ 02 = 10%
- ดินถุงร่อนแล้ว = 40% (หลีกเลี่ยงดินที่ผสมแกลบ หรือแกลบเผา หรือดินหมักใบก้ามปู)
- เวอร์มิคิวไลต์ = 4%
- เพอร์ไลท์. =4%
- สตาร์เกิลจี + ปุ๋ยออสโมโค๊ด 13-13-13 = 2%
สิ่งต้องห้าม สำหรับอโลไฮบริดคือ ห้ามใส่ปุ๋ยมูลไส้เดือน เพราะจะมีจุลลินทรีย์บางตัว ที่จะทำให้น้องตายได้ครับ หรือพวกปุ๋ยคอก จะทำให้ทรงใบยืด สีหาย ได้ครับ
ด้านอากาศ
อโลชอบอากาศเย็นๆ และมีแดด โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวอโลไฮบริดจะมีสีสันที่สดใส เม็ดสีเด้งเด่นขึ้นมาก และยิ่งในประเทศที่มีอากาศเย็นมากๆ อย่างเช่น จีน อเมริกา อโลไฮบริดสีก็จะจัดกว่าในไทยอย่างมากเลยละครับ
สำหรับการขยายพันธุ์ของอโลไฮบริด
การแยกหน่อ
ที่ได้รับความนิยมก็คือ การแยกหน่อ เพราะจะได้ต้นที่โตไว และต้นที่ได้ก็จะเหมือนต้นแม่เป๊ะๆ เมื่อต้นโตเต็มที่ ก็จะสามารถแตกหน่อด้านข้างออกมาให้เห็น รอให้ต้นโตสักหน่อย ก็สามารถแยกหน่อไปปลูกได้ หรือถ้าอยากได้ฟอร์มกอสวยๆ ก็ยังไม่ต้องแยกหน่อออกมา
การผสมเกสร
การผสมเกสร อโลไฮบริดควรจะผสมข้ามต้นกัน เพื่อจะได้สายพันธุ์ที่แตกต่างและอาจจะได้สีที่แปลกตาได้ด้วยนะ แต่ก็สามารถผสมในต้นเดียวกันโดยผสมจากดอกบนลงดอกล่าง เพื่อที่จะได้สายพันธุ์ที่มีลักษณะเหมือนกับต้นแม่นั่นเองครับ
โดยสำหรับดอกของอโล (Aloe) ดอกที่พร้อมจะทำการผสมเกสรจะมีลักษณะบานออก โดยที่จะไล่จากดอกข้างล่างขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงดอกข้างบน
การผสมเกสร สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- การใช้ฟอเซป หรือแหนบก็ได้ ขอให้มีลักษณะปากแบนๆ เริ่มจากเด็ดกลีบออกให้หมดเพื่อที่เราจะได้เห็นเกสรตัวเมีย กับเกสรตัวผู้แบบชัดเจนซึ่งนำทั้งคู่มาผสมเกสรกัน
- สามารถใช้พู่กันในการผสมเกสรได้เช่นกันนะครับ โดยเกสรตัวเมียจะมีก้านที่ชูชันออกมา ส่วนเกสรตัวผู้จะมีลักษณะคล้ายๆกันแต่ปลายก้านจะมีละอองเกสรสีเหลืองนั้นเอง ซึ่งการผสมแบบนี้แนะนำให้ผสมแบบข้ามต้นจะได้ผลสำเร็จที่มากกว่า และยังได้ต้นที่สวยและมีสีที่แปลกตาไปจากต้นเดิม
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ อโลไฮบริด เห็นแบบนี้แล้วต้องมีไว้สักต้นแล้วละ หากอ่านแล้วชอบก็ลองไปหาซื้อมาเลี้ยงกัน พร้อมทำตามวิธีที่ทางสวนหลังบ้านแนะนำกันได้นะค้าบบบบบ