เชื่อไหมครับว่าระหว่างตื่นนอนตอน 05:30 น. กับตอน 06:30 น. ผลลัพธ์ในการใช้ชีวิตของแต่ละคนต่างกันมาก คนอ่านอาจจะงงว่าอะไรกัน (วะ…🤐) แค่ตื่นเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง มันจะเพิ่มเวลาชีวิตได้มากมายแค่ไหนกันเชียว
…ก็มากพอจะทำให้ชีวิตเรามีเวลาว่างมากขึ้นเลยแหละครับ
มีข้อมูลบอกไว้ว่า หากแต่ละวันเราตื่นเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ทุกวัน เราจะมีเวลาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 วันต่อปีในจากการจัดการชีวิต อาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าเราอยากจะได้เวลาเพิ่ม วิธีที่ทำได้ตอนนี้ก็คือนอนให้เร็วแล้วตื่นให้เช้า
คุณอาจจะกำลังสงสัยว่าเวลาในชีวิตมนุษย์เรามันมีเพียงพอจะทำให้เราตื่นได้เร็วขึ้นแล้วไม่กระทบเวลาพักผ่อนได้จริงเหรอ…
เคยได้ยินสูตร ‘8️⃣ : 8️⃣ : 8️⃣’ ไหมครับ?
นี่คือสูตรการบริหารตารางเวลาชีวิตที่ง่ายมากๆ ในการทำความเข้าใจ และการแบ่งเวลาชีวิตให้สมดุล โดยแบ่งการบริหารเวลาออกมาได้ตามนี้
- 8 ชั่วโมงแรก เวลาพักผ่อน
- 8 ชั่วโมงต่อมา เวลาทำงาน
- 8 ชั่วโมงสุดท้าย เวลาส่วนตัว หรือเวลาทำกิจวัตรประจำวัน
เมื่อเอามารวมกันแล้ว มันก็คือเวลา 24 ชั่วโมงที่เรามีใน 1 วันนี่แหละครับ ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีทางทำได้เป๊ะตรงตามนี้ อย่างน้อยๆ เรื่องงานก็น่าจะเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และเวลานอนน่าจะน้อยกว่า 8 ชั่วโมง
เวลาส่วนตัวเหรอ… ถ้าวันธรรมดา ไม่น่าจะเหลือถึง 8 ชั่วโมง เพราะโดนเวลางานกินไปหมด บ้าเอ้ย! ฮือออ เศร้า!!
จริงๆ แล้วเราสามารถเอาสูตรนี้ไปจัดตารางชีวิตได้ใหม่ได้ อยู่ที่ตารางชีวิตแต่ละคนจะกำหนดขอบเขตไว้ ชีวิตเราก็จะ Productive มากขึ้น ไม่มีการแย่งโควต้าเวลากัน แถมไม่จำเป็นต้องใช้สูตร 8 : 8 : 8 มาช่วยควบคุมเสมอไป
ตัวอย่างเช่น 7️⃣ : 🔟 : 7️⃣ หมายถึง
- 7 ชั่วโมง สำหรับนอน (ผลวิจัยบอกว่าวัยทำงานควรนอน 7 – 8 ชั่วโมงก็เพียงพอ แต่อย่าต่ำกว่านี้)
- 10 ชั่วโมง สำหรับทำงาน (งานทุกอย่างที่สร้างรายได้ ไม่สร้างรายได้ ไม่นับเป็นงาน)
- 7 ชั่วโมง สำหรับทำกิจวัตรประจำวัน เดินทาง กินข้าว หรือกิจกรรมส่วนตัว
สังเกตไหมครับว่าสูตรการแบ่งเวลาที่ผมยกตัวอย่างไป มีการปรับลดเวลาส่วนตัวลงไป 1 ชั่วโมง ลดเวลานอนไป 1 ชั่วโมง แล้วไปเพิ่มเวลาทำงาน หรือเวลาที่ทำให้เราสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ซึ่งการตื่นนอนเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง สามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง? ก็อาจจะเป็น
- 1 ชั่วโมง ใช้เคลียร์งานที่ค้างในแต่ละวัน ก่อนไปเริ่มงานใหม่ที่ออฟฟิศ
- 1 ชั่วโมง ใช้ทำงานอื่นๆ เพิ่มเติมที่รับมาอีกที (งานฝิ่นนั่นแหละ)
- 1 ชั่วโมง ใช้เวลาไปวิ่ง ประมาณ 1 ชั่วโมงจะวิ่งได้ราวๆ 7 – 10 กิโลฯ
- 1 ชั่วโมง ใช้ทำอาหารกินเองในมื้อเช้า หรือมื้อกลางวัน
- 1 ชั่วโมง ใช้เวลาไปฟิตเนส (หรือเอาเวลานี้ไปเพิ่มเวลาฟิตเนสแต่ละวันก็ได้)
- 1 ชั่วโมง ใช้ดูซีรีย์ที่ค้างไว้
- 1 ชั่วโมงใช้อ่านหนังสือ
- 1 ชั่วโมง ใช้เล่นเกมส์ที่อยากเล่น
- 1 ชั่วโมง ใช้เดินทางไปออฟฟิศให้เร็วขึ้น ทำให้ทำงานทัน และเลิกงานได้ตรงเวลา
เห็นไหมครับว่าเรามีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองมากขึ้น หรือเอาเวลาไปทำอย่างอย่างอื่นได้ใน 1 ชั่วโมงที่ตื่นขึ้น มาเพื่อให้ทั้งวันมีความสมดุลย์ และเกิดประโยชน์ที่สุด
แต่หากเราตื่น 6 โมงครึ่ง เวลาว่างเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน แล้วถ้าสังเกตดูจะเห็นว่า เวลา 1 ชั่วโมงกับกิจกรรมที่เรายกตัวอย่าง ‘ไม่ได้มีแต่งานเสมอไป’ แต่มีกิจกรรมอื่นๆ ด้วย ที่เอาเวลา 1 ชั่วโมงนั้นไปทดแทน เพื่อให้ชีวิตมีความคุ้มค่า
ดังนั้นสูตรการแบ่งเวลา 24 ชั่วโมง นั้นอาจจะมีทั้ง
7️⃣ : 8️⃣ : 9️⃣ – นอน 7 ชั่วโมง ทำงาน 8 ชั่วโมง กิจกรรมส่วนตัว 9 ชั่วโมง
7️⃣ : 🔟 : 7️⃣ – นอน 7 ชั่วโมง ทำงาน 10 ชั่วโมง กิจกรรมส่วนตัว 7 ชั่วโมง
8️⃣ : 9️⃣ : 7️⃣ – นอน 8 ชั่วโมง ทำงาน 9 ชั่วโมง กิจกรรมส่วนตัว 7 ชั่วโมง
สูตรการจัดสรรเวลานั้นแล้วแต่บุคคล ขอแค่ตื่นให้เช้าขึ้นกว่าปกติ 1 ชั่วโมงก็พอ ในที่นี้ยกตัวอย่างเป็นการตื่น 05:30 น. แต่ก็สามารถปรับตามตารางของแต่ละคนได้อีกเช่นกัน เพราะชีวิตแต่ละคน มีเวลาไม่เหมือนกัน
สุดท้ายไม่ว่าจะตื่นเวลาไหน ถ้าตื่นก่อนปกติ 1 ชั่วโมง เราก็จะมีเวลาเหลือให้ทำอย่างอื่นอีกมากมายในชีวิตเลยนะครับ แถมยังทำให้ตารางชีวิตไม่รวน การบริหารเวลาก็จะมีคุณภาพ โดยที่ไม่ต้องอดนอน หรือนอนไม่เพียงพอ หากเปลี่ยนตารางชีวิตได้ ก็สามารถเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้ ไปจนถึงเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้
แต่ถ้าคุณทำได้ ชีวิตจะมีเวลาเหลือเยอะเลยครับ ไม่เชื่อลองพรุ่งนี้เลย