เพื่อนๆ เคยสงสัยเหมือนผมมั๊ยฮะ ว่าการจะแต่งคอนโดสักห้องนึงเนี่ย มันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กันนะ? แล้วมันต้องเสียค่าอะไรบ้าง? ควรจะจ้างอินทีเรียหรือแต่งห้องเองดี? แล้วมันต่างกันยังไง? แบบไหนดีกว่ากัน? ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้จบแค่ตอนที่เราเซ็นสัญญาซื้อขาย และรับโอนสินทรัพย์ (จริงๆ คือหนี้สินชั่วคราว) เป็นของเราครับ นั่นถือว่าเป็นภาค 1 ของหนังไตรภาค
เพราะภาค 2 ที่จะตามมาหลังจากนี้ก็คือ ‘การแต่งบ้าน – แต่งคอนโด’ ก็แหม่… ซื้อบ้านมาแล้วจะนอนบนพื้นบ้านเลยก็คงไม่ได้เนอะ มันก็ต้องมีงบสำหรับตกแต่งบ้าน เลยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ แล้วเตรียมไว้เท่าไหร่กำลังดี? วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกันฮะ
ก่อนที่เราจะแต่งคอนโด เราก็ต้องมีงบหรือเงินทุนในการแต่งก่อนครับ ซึ่งบางคนอาจจะเก็บเงินไว้อยู่แล้ว อันนี้ก็จะสบายหน่อย แค่คุมงบให้อยู่ ไม่บานปลาย ก็แต่งห้องได้ชิวๆ เลย หรือบางคนก็อาจจะใช้การกู้ธนาคารเอา ก็จะเสียค่าผ่อนตามมา และงบที่กู้ได้อาจจะมีจำกัดครับ
กู้เงินธนาคารมาตกแต่งห้อง
หากดูจากข้อมูลของธนาคารที่ปล่อยกู้ ส่วนใหญ่เขาจะอนุมัติวงเงินตกแต่งบ้านที่ประมาณ 5 – 10% ของราคาที่อยู่อาศัยครับ หากกู้ 3,000,000 บาท ก็อาจจะยื่นกู้เป็นวงเงินเพิ่มอีก 150,000 – 300,000 บาท เป็นค่าตกแต่งต่อเติมก็ได้ครับ ตัวเลขนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่อ้างอิงได้เบื้องต้นว่า งบที่ทำให้บ้านสามารถตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ได้ ก็ไม่เกิน 5 – 10% ของราคาบ้านนี่แหละ
แล้ว 5 – 10% ของราคาที่อยู่อาศัยมันพอไหม? สมมติว่าคอนโด ขนาด 25 ตร.ม. ราคา 2 ล้านบาท งบแต่งคอนโดอยู่ที่ 1 – 2 แสนบาท บอกตรงๆ ว่า ‘พอครับ’ ยิ่งหากไม่ได้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ที่คอนโดให้มา (ซึ่งคอนโดส่วนมากจะให้เป็นแบบ Fully Fitted) เน้นเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว กับของตกแต่งที่ราคาไม่สูงก็ยิ่งทำได้เลย
ใครที่งงๆ คำว่า Fully Fitted หรือเรื่องประเภทของการขายบ้าน – คอนโดแบบต่างๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ครับ https://livingpop.com/4-category-for-sale/ (หรือคลิ๊กที่รูปด้านล่างได้เลยน้า)
ถ้าจ้างมืออาชีพออกแบบ และตกแต่งให้ ก็มีหลายราคาที่เป็นไปได้ ถ้าไม่ได้ตั้งสเป็กไว้สูงมากๆ ตอนนี้มีหลายบริษัทที่รับออกแบบ และตกแต่งคอนโดตามงบอย่างคอนโดของแอดมินเอง ก็ใช้บริการของบริษัทรับเหมาตกแต่งภายในเหมือนกัน โดยห้องขนาด 34.5 ตารางเมตร ก็กำหนดงบบิ๊วอินเอาไว้ประมาณ 3.5 แสนบาท รวมพวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอีกนิดหน่อย ก็ตกราวๆ 4.5 แสนแบบสวยๆ ครับ เดี๋ยวถ้ามีโอกาสผมว่าจะมารีวิว (อวด) การแต่งห้องตัวเองอีกที 5555+
แล้วหากเป็นบ้านราคา 3 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. งบแต่งบ้านอยู่ที่ 3 แสนบาทล่ะพอไหม? ก็เป็นงบที่ไม่ได้น้อยเกินไป ถ้าไม่ต่อเติมครัวหลังบ้าน งบเท่านี้ทำได้สบายเลยครับ หากเน้นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเป็นหลัก ไม่เน้นบิวท์อิน ไม่ได้ทำอะไรกับโครงสร้างบ้าน ไม่กรุผนัง ไม่ทำฝ้าหลุม บ้านสวยๆ ทำได้ไม่ยากในราคานี้ …แต่หากจะจ้างอินทีเรียมาออกแบบ และตกแต่ง ก็ต้องเตรียมเงินไว้ราว 400,000 – 600,000 บาท หรือประมาณเกือบ 15 – 20% ของราคาบ้านเอาไว้ก่อนเลย บ้านสวยๆ ที่อยากได้ จะเป็นของคุณได้ไม่ยาก ขอแค่มีเงิน บางคนอาจจะบอกว่า ยากตรงต้องมีเงินนี่แหละ…5555+
สรุป คือถ้าเป็นบ้าน 5% เนี่ยไม่พอแน่ๆ (แค่เตียง ที่นอน โต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน ก็จะเกินงบแล้ว…) แต่ 10% ก็จัดว่าไหวอยู่ครับ
จ้างแต่ง VS แต่งเอง แบบไหนประหยัดกว่า?
แล้วระหว่างการจ้างออกแบบและตกแต่ง หรือตกแต่งเอง แบบไหนประหยัดงบกว่ากันหรือดีกว่ากัน? คำถามนี้ตอบยาก แต่ก็มีเหตุผลที่สนับสนุนได้ทั้ง 2 แบบ แล้วแต่จะพิจารณานะครับ
จ้างผู้เชี่ยวชาญมาออกแบบและตกแต่ง
การจ้างผู้เชี่ยวชาญมาออกแบบและตกแต่งให้ จะมีราคาที่แพงกว่าแน่นอน แต่ได้สิ่งที่ต้องการ การจ้างอินทีเรีย หรือผู้รับเหมามาช่วยตกแต่ง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคุมงบได้ดีกว่าการแต่งเอง สมมติว่าเราแต่งเอง ตั้งงบไว้ 1 แสนบาท ทำไปทำมา นั่นก็ดี นี่ก็สวย … เอ้า! เกินเฉย แถมไม่เหมือนแบบที่คิดไว้ เพราะเลือกเฟอร์นิเจอร์ผิด หรือซื้อมาเยอะไปนิด จะแต่งแบบ minimalist ทำไปทำมา อ้าว… หมดกัน จากห้อง Muji กลายเป็นห้องอบซาวน่าเฉย ไม้เยอะเกิ๊น! จากที่จะเสียน้อย กลายเป็นเสียมากแทน
แต่ถ้าตัดสินใจเพราะจะใช้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มาดูแลจัดการให้การแต่งบ้านของเราอยู่ในงบประมาณ ไม่บานปลาย มีงบเท่าไหร่ก็คุยกันไปเลยตั้งแต่แรกๆ ให้เคลียร์ ยิ่งถ้าจ้างบริษัทที่น่าเชื่อถือ นอกจากงบไม่บานแล้ว ยังได้บ้านที่เราพอใจ อยากได้ค่อยมาซื้อเติมที่หลังก็ได้ แถมประหยัดเวลากว่าแต่งเองเยอะ อันนี้ยืนยันจากคนใกล้ตัว ส่วนถ้างบจะบานจากการจ้างแต่ง และออกแบบก็มีนะ ถ้าเจอผู้รับเหมาไม่ดี หรือเราเองแหละที่อยากได้เพิ่ม อันนี้ต้องว่ากันไปตามกรณีไปครับ
ข้อดี
- ได้ตามแบบที่เราต้องการ
- คุมงบง่าย ไม่บานปลาย
- มีคนจัดการให้ เราไม่ต้องทำเอง
- ประหยัดเวลาเราได้เยอะ
ข้อเสีย
- ราคาแพงกว่าการแต่งเอง
- ถ้าเจอบริษัทไม่ดี อาจจะทำให้งบเราบานปลาย
ตกแต่งเองและออกแบบเอง
แน่นอนว่าถ้าเราแต่งเองจะต้องประหยัดกว่าแน่นอน แต่อยู่ที่ความชำนาญจริงๆ ส่วนจะมากหรือน้อยกว่า แล้วแต่บุคคลและสไตล์การตกแต่ง เพราะเราจะมีเวลาคัดสรร เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เข้ากับโทนบ้านที่เลือกไว้ บางคนเข้าใจว่าแต่งบ้านเองก็ทำได้แต่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาวางเองเฉยๆ ป่าว …ไม่เสมอไปครับ แต่งบ้านเองในที่นี้คือ บางครั้งเราก็ออกแบบบ้านในฝันโดยใช้โปรแกรมที่มีฟังก์ชันนั้น แล้วทำตามแบบเอง หรือไปหาผู้รับเหมามาทำตามแบบ คุมงาน คุมงบ คุมคุณภาพเองโดยไม่ต้องผ่านบริษัทไหน
ข้อดีคือถูกกว่าและเราเลือกเองทุกอย่าง แต่ข้อเสียคือเราต้องมาคุมงานเอง อาจต้องไปซื้อของเอง ดูแลจัดการทุกอย่างเองให้เข้าที่เข้าทาง ถ้ามีความสามารถและมีเวลาในการจัดการก็ไม่ยาก ถ้าไม่ใช่ทางสายนี้ ก็อาจเจอความขลุกขลักในการประสานงาน และเสียเวลาชีวิตไปเยอะเหมือนกันในการคุมงาน (คุมงานทำบ้านนี่ไม่สนุกเลย เหนื่อย ปวดหัวด้วย ฮืออออ) รวมถึงอาจจะโดนผู้รับเหมาเทงาน ทิ้งไว้กลางก็ได้ถ้าดวงไม่ดี
ข้อดี
- ราคาถูกกว่าจ้างมืออาชีพ
- เราสามารถเลือกทุกสิ่งอย่างเองได้ทั้งหมด
- อยากแต่งตอนไหนก็แต่ง ถ้าไม่รีบ ค่อยๆ ทยอยซื้อของยังได้เลย
ข้อเสีย
- งบอาจจะบานปลายได้โดยไม่รู้ตัว (ซื้อไปเรื่อยๆ เข้าบ้างไม่เข้ากับห้องบ้าง 555+)
- เสียเวลาในการคุมงานเอง
- ต้องซื้อ และหาทุกสิ่งอย่างเอง ตั้งแต่ผู้รับเหมา วัสดุ อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ จุดนี้ต้องทำเอง ต้องให้เวลาเยอะมากๆ
หากอยากให้การแต่งบ้านและคอนโดออกมาดีที่สุด ก็ต้องทุ่มเทครับ ใช้เวลากับสิ่งนั้นเยอะๆ แล้วผลลัพธ์ที่ได้ยังไงก็คุ้มค่ากับเงิน และเวลาที่จ่ายไปแน่นอนฮะ เพราะการตกแต่งที่อยู่อาศัย คงไม่ได้ทำได้บ่อยๆ อาจต้องใช้เวลาให้เยอะเหมือนตอนที่เลือกซื้อที่อยู่อาศัยในการตัดสินใจ ให้สอดคล้องกับงบที่เตรียมไว้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ 😃