มาแต่งบ้านกัน

จะทำบ้านทั้งที เลือกใช้วัสดุปูพื้นแบบไหนถึงจะดี ไม่มีปัญหาจุกจิกตามมา

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด หอพัก หรือร้านค้าต่างๆ เพื่อนๆ เคยเจอปัญหาพื้นไม้บวม พอใช้ไปนานๆ ก็เกิดการยวบ หรือไม่ก็มีปลวกมากินบ้าง เป็นรอยง่ายบ้าง บางทีเดินอยู่ชั้น 2 แต่ได้ยินเสียงทั้งบ้าน หรือพื้นลื่นแสนลื่น เดินทีต้องมีสติ ไม่งั้นหัวอาจจะแตกได้ง่ายๆ เลย แล้วการเลือกลายพื้นก็เป็นอะไรที่ยากมาก ลังเลใจ จะใช้พื้นลายไหนสีไหนดี ลายจะไปซ้ำกับของคนอื่นมั๊ย คนจะใช้เยอะรึเปล่า สัมผัสของการใช้พื้นจะดูเหมือนไม้จริงแค่ไหน ไม่อยากได้พื้นที่ดูปลอมเกินไป เวลาสัมผัสจะได้รู้สึกเหมือนเราเดินอยู่บนพื้นจริงๆ

ปัญหาเหล่านี้คือปัญหาพื้นฐานที่เรามักเจอ เพราะเมื่อก่อนเวลาทำบ้าน สร้างบ้าน วัสดุปูพื้นที่หลายๆ บ้านนิยมใช้กันมักจะเป็นพื้นไม้ปาเกต์หรือพื้นไม้จริงต่างๆ ครับ แต่ความพื้นไม้ปาเกต์ เป็นไม้จริง มีความสวยงาม ได้ผิวสัมผัสของพื้นไม้จริงๆ แต่ข้อเสียเองก็มีเยอะนะ อย่างที่บ้านของทีมงานเราคนนึงก็ใช้พื้นไม้ปาเกต์ เวลาใช้ไปนานๆ หน้าไม้จะลอก เป็นรอยง่าย แค่ลากเก้าอี้ ลากของนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นรอยแล้ว แถมโดนปลวกกินได้ง่ายอีก ที่สำคัญคือ พื้นไม้ปาเกต์เดี๋ยวนี้เริ่มหายากแล้วครับ

เขาเลยหันมาใช้วัสดุปูพื้นอย่างพื้นลามิเนตกัน โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต่างๆ นิยมชมชอบการใช้พื้นลามิเนตมากๆ ด้วยความที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ง่ายต่อการตกแต่งและรีโนเวท เพราะบางและน้ำหนักไม่เยอะ ไม่กระทบต่อโครงสร้างอาคารมากนัก แถมมีลวดลายให้เลือกเยอะแยะมากมาย ติดตั้งง่ายและราคาไม่แรง แต่พื้นลามิเนตก็ยังมีข้อเสียอยู่ฮะ คือเขาไม่ค่อยจะถูกกับน้ำและความชื้นเท่าไหร่ ค่อนข้างจะบวมน้ำได้ง่ายกว่าพื้นไม้อื่นๆ

ก็เลยมีวัสดุปูพื้นอย่างอื่นมาลบปัญหาของพื้นลามิเนตและพื้นไม้ปาเกต์ คือกระเบื้องยาง, กระเบื้องไวนิล, กระเบื้องยางไวนิล, พื้นไม้ SPC หรือพื้น SPC ชื่อเหล่านี้น่าจะผ่านๆ หู ผ่านๆ ตากันมาบ้าง แต่พื้นไม้ SPC และ กระเบื้องยางไวนิลไม่เหมือนกันนะครับ

ความแตกต่างระหว่างกระเบื้องยางไวนิล กับพื้น SPC

กระเบื้องยางไวนิล หรือ Vinyl Tile เป็นกระเบื้องยางที่ผลิตด้วยไวนิล หรือ Pure PVC แบบ 100% เลย ทำให้กระเบื้องยางไวนิลมีความยืดหยุ่นสูง กันน้ำได้ 100% กันการลามไฟ  กันปลวก มีความแข็งแรง และทนรอยขีดข่วน การติดตั้งอาจจะใช้เวลา เพราะต้องทากาวด้วย ส่วนข้อเสียคือพื้นจะมีการยืดหดตัวตามสภาพอากาศ

สำหรับ SPC ย่อมาจาก Stone Plastic Composite มีการผสมระหว่างหินธรรมชาติกับพลาสติก PVC 100% ด้วยความที่ไม่ได้เป็นไวนิลล้วน ทำให้ตัวพื้นมีความแข็งแรง ลดการยืดหดตัวได้ด้วย สภาพอากาศแบบไหนก็รับได้ กันน้ำ กันปลวก กันการลามไฟเหมือนกัน ทั้งยังรับน้ำหนักและลดแรงกระแทกได้ดี ทนรอยขีดข่วน ที่สำคัญคือติดตั้งง่าย ใช้เวลาไม่นาน

พื้นไม้ SPC และกระเบื้องยางไวนิล เหมือนเข้ามาเติมเต็มและแก้ปัญหาของวัสดุปูพื้นอื่นๆ คุณสมบัติเพียบ เหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นบ้าน คอนโด ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ

วันนี้ LivingPop เลยอยากมาแนะนำวัสดุปูพื้นดีๆ เป็นแผ่นปูพื้นสำเร็จรูปให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นอีกทางเลือกนึงครับ


วัสดุปูพื้นจาก LT by COTTO

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินหรือยังไม่เคยได้ยินชื่อของ LT by COTTO เขาจะผลิตสินค้าในส่วนของวัสดุปูพื้นกับวัสดุปูผนัง มีทั้งผลิตภันฑ์ที่เป็นพื้นไม้ SPC ชื่อว่า Soft+ Floor กับ พื้นกระเบื้องยางไวนิลที่ดูพรีเมียมมากขึ้นอย่าง V-Class ส่วนวัสดุปูผนังจะเป็น Deco Wall ที่ทำหน้าที่เหมือนวอลเปเปอร์ แค่ 3 อย่างนี้ก็สามารถตอบโจทย์ในการตกแต่ง ออกแบบ และรีโนเวทที่อยู่อาศัยของเราได้แล้ว เดี๋ยวเราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักทั้ง 3 ตัวนี้ให้มากขึ้นกันครับ

Soft+ Floor

คุณสมบัติของพื้น Soft+ Floor

วัสดุปูพื้นแรกที่ผมอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักก็คือ Soft+ Floor นั่นเองครับ เจ้า Soft+ Floor เป็นแผ่นปูพื้นลายไม้ ที่มีคุณสมบัติเยอะมากๆ อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าเราเจอปัญหาเวลาเดินบนพื้นไม้ เสียงเท้าค่อนข้างดัง เดินทีก็ได้ยินทั้งบ้าน แต่พื้น Soft+ Floor ไม่เป็นแบบนั้นฮะ เพราะเลเยอร์พื้นของเขามีความหนาแน่นสูง ด้านล่างจะมีถึง 3 เลเยอร์ด้วยกัน ทำให้ดูดซับเสียงได้ดี เวลาเราเดิน พื้นก็จะไม่ดัง ซึ่งผมไปลองเดินที่ Showroom ของเขามาแล้ว ก็คือเงียบจริง นอกจากนี้ยังช่วยลดแรงกระแทกได้ดีกว่าวัสดุปูพื้นทั่วๆ ไปถึง 2.3 เท่า

เรื่องความแข็งแรงก็ไม่ต้องห่วงฮะ เขามีนวัตกรรม EMT Core Multi Layer Structure ที่ช่วยให้พื้นมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้ไปนานๆ ก็ยังไม่เป็นรอยบุ๋มหรือยุบตัว ในเรื่องของการดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยาก ทำความสะอาดง่าย กันน้ำ กันปลวกได้ 100% ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี สีก็ไม่ซีดจางด้วย

Soft+ Floor เป็นวัสดุพื้นที่ค่อนข้างใส่ใจทั้งคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ เด็ก สัตว์เลี้ยง และทุกคนในครอบครัว เพราะว่าพื้น Soft+ Floor จะช่วยลดความเสี่ยงในการลื่นได้ถึง 1.5 เท่า คือนอกจากจะช่วยลดแรงกระแทกแล้ว ก็ยังช่วยลดความเสี่ยงในการลื่นได้อีกด้วย ป้องกันข้อต่อของผู้สูงอายุได้ดี

ในเรื่องการดีไซน์ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะพื้นเขาทำให้เหมือนไม้จริงๆ เลย มีลวดลายร่องลึก มีเสี้ยนไม้ให้ดูเป็นธรรมชาติ มีสีให้เลือกหลากหลายแบบ ถ้าเพื่อนๆ ได้ลองสัมผัสกับตัวพื้น จะรู้สึกว่าพื้นมี Texture มีรายละเอียดที่เหมือนไม้จริง แต่เป็นความเหมือนไม้จริงที่เราได้สัมผัสนุ่มสบายเท้านะ เวลาเราเดินไปมาหรือวิ่งเล่นที่พื้น มันจะมีความนุ่มอยู่ฮะ ไม่แข็งกระด้าง

ความแตกต่างระหว่างพื้น Soft+ Floor กับพื้นไม้ SPC อื่นๆ

ถ้าถามว่าพื้น Soft+ Floor แตกต่างจากพื้นไม้ SPC อื่นๆ ยังไง ก็ต้องบอกว่าจะแตกต่างกันที่เลเยอร์ ซึ่งเลเยอร์ด้านล่างปกติพื้นไม้ SPC ทั่วๆ ไปจะใส่มาประมาณ 2 ชั้น แต่ Soft+ Floor ใส่มาถึง 3 ชั้น ทำให้พื้นมีความนุ่มกว่า แน่นกว่า แข็งแรงกว่า และลดแรงกระแทกได้ดีกว่าวัสดุปูพื้นทั่วๆ ไปครับ เขาเคลมว่าเวลาแก้วตกลงบนพื้น แก้วก็ไม่แตกด้วยนะ

ต้องบอกเลยว่าตัวพื้น Soft+ Floor สามารถแก้ปัญหาที่เรากล่าวมาข้างต้นได้หมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นบวม ไม่กันน้ำ ปัญหาพื้นไม่แข็งแรง พื้นยวบ ปัญหาพื้นเป็นรอยง่าย ปัญหาเดินแล้วพื้นเสียงดัง และปัญหาพื้นลื่นง่าย ทำให้ Soft+ Floor เองก็ตอบโจทย์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์เลย

วัสดุปูพื้น Soft+ Floor เหมาะกับใคร?

จริงๆ ก็เหมาะกับทุกคน ทุกวัย ทุกเจเนอเรชั่น รวมไปถึงคนที่กำลังจะทำบ้านเอง จะรื้อพื้นในคอนโด เปลี่ยนพื้นห้อง หรือรีโนเวทพื้นต่างๆ จากคุณสมบัติที่เรากล่าวมาทั้งหมด Soft+ Floor ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลองไม่น้อยเลยฮะ


V-Class

คุณสมบัติของพื้น V-Class

ต้องเล่าก่อนว่าพื้นแบบพรีเมียมของ LT by COTTO ไม่ได้มีแค่ V-Class นะครับ เขามี E-Class กับ C-Class ด้วย แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกตัวที่พรีเมียมที่สุดอย่าง V-Class กัน สำหรับตัว V-Class จะเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิล หรือ LVT จุดเด่นคือ มีความเหมือนไม้จริงมาก มีร่องลึก มีเสี้ยนไม้ เพราะลายมีต้นแบบมาจากไม้จริงๆ มีการนำไม้จริง มาลอกลายลงบนพื้น V-Class เลยมีลวดลายให้เลือกเยอะมาก แถมยังมีความ Random ลายด้วย โอกาสที่ลายไม้จะซ้ำกันน้อยมากๆ ใครที่ชอบความลายไม่ซ้ำกับใคร ต้องลองมาดูครับ

วัสดุปูพื้น V-Class จะมีทั้งหมด 5 เลเยอร์ หนา 7 มิลลิเมตร มีคุณสมบัติคือ กันน้ำ ทนชื้น พื้นไม่บวม กันปลวก ทำความสะอาดง่าย ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี มีความยืดหดตัวน้อยกว่า 0.2% มีนวัตกรรม Perfect Whip เนื้อโฟมแบบพิเศษที่จะช่วยป้องกันเสียงและลดแรงกระแทกได้ ตัว V-Class เขาทำขนาดพิเศษขึ้นมาด้วยนะครับ คือขนาด XL หน้ากว้างและยาวจะเริ่มที่ 19×60-180 เซนติเมตรเลย

ความแตกต่างระหว่างพื้น V-Class กับพื้นกระเบื้องยางไวนิลทั่วไป

แล้วพื้นไม้ V-Class ต่างจากพื้นกระเบื้องยางทั่วๆ ไปยังไง อย่างแรกเลยคือลวดลายครับ ถ้าเป็นพื้นกระเบื้องยางทั่วๆ ไป เขาก็จะปั๊มลายซ้ำๆ เดิมๆ ออกมาเยอะๆ แต่ถ้าเป็นตัว V-Class ด้วยความที่เขาเอาหน้าไม้จริงมาลอกลงบนพื้น V-Class ทำให้ลายไม้มีเยอะมาก เพราะเขาไม่ได้ใช้หน้าไม้ซ้ำๆ มาปั๊มไปเรื่อยๆ แต่เขาคัดลอกไม้ต่อไม้เลย Pattern ก็เลยมีโอกาสยากมากที่จะซ้ำกัน นอกจากนี้เขายังทำร่องลึกหรือเสี้ยนต่างๆ ตามลายไม้จริงที่คัดลอกมาด้วย ทำให้แต่ละแผ่นค่อนข้างจะ Unique มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป แล้วหน้าไม้ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงมากครับ

ในเรื่องของขนาดก็แตกต่างกัน พื้นกระเบื้องยางทั่วๆ ไปอาจจะมีขนาดให้เลือกไม่เยอะ แต่ V-Class ทำขนาดออกมาหลากหลายเลย รวมไปถึงความหนาและราคาด้วย ยิ่งราคาแพงพื้นก็ยิ่งหนา อย่างที่บอกไปว่า V-Class หนา 7 มิลลิเมตร ราคาจะอยู่ที่ 1500 บาท/ตารางเมตร เมื่อเทียบกับพื้นกระเบื้องยางทั่วไปแล้ว ราคาไม่เกิน 1,000 บาท แต่ความหนาก็ยังคงน้อยกว่า 7 มิลลิเมตรครับ

แล้ววัสดุปูพื้นอย่าง V-Class เหมาะกับใคร?

เอาจริงก็เหมาะสำหรับทุกคนนะครับ คุณสมบัติเขาก็ไม่แพ้ Soft+ Floor เลยนะ แต่ถ้าอยากได้ความพรีเมียมเรื่องของลวดลายต่างๆ ตัว V-Class ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ หรือจะเป็นคนที่กำลังสร้างบ้าน อยากรื้อพื้น เปลี่ยนพื้น หรือรีโนเวทพื้น ก็สามารถใช้ V-Class ได้หมดเลย


ทาง LT by COTTO เองก็ได้บอกเราว่ามีโครงการบ้านจัดสรรมากมายเลยที่เลือกใช้พื้นของที่นี่ ทั้งตัว Soft+ Floor และ V-Class โดยส่วนใหญ่แล้ว V-Class จะใช้กับโครงการที่ค่อนข้างแพง มีความหรูหรา มักจะเลือกปูที่ชั้น 2 ของบ้านครับ ซึ่งเราเองก็ได้ไปดูโครงการที่ใช้วัสดุปูพื้นตัว V-Class มาจริงๆ ด้วย จะได้มาดูของจริงว่าเวลาปูเจ้าตัวพื้น V-Class ไปแล้ว บรรยากาศของบ้านจะเป็นแบบไหนกันนะ

ถ้าใช้วัสดุปูพื้น V-Class จะออกมาหน้าตาเป็นยังไง?

เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูบ้านตัวอย่างของโครงการ The Palm บางนา-วงแหวนกันครับ ที่นี่เป็นโครงการบ้านหรูที่พัฒนาโดยพฤกษา ซึ่งเขาจะใช้วัสดุปูพื้น V-Class ที่ชั้น 2 ของบ้านทุกหลังในโครงการเลย ที่เราพามาดูเพื่อนๆ จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่าเวลาเรานำตัวพื้น V-Class มาปูแล้ว หน้าตาจะเป็นยังไง จะสวยแค่ไหน แล้วจะเข้ากับบ้านรึเปล่า

ที่โครงการเขาจะใช้วัสดุปูพื้น V-Class ปูชั้น 2 ทั้งชั้น ตั้งแต่ห้องนอน ห้องแต่งตัว ไปจนถึงโถงทางเดิน (ยกเว้นห้องน้ำไม่ได้ปูนะครับ) รูปด้านล่างจะเป็นรูปของห้องนอน แม้พื้นจะมาโทนสีเข้ม แต่เราแต่งห้องนอนโทนสว่าง เน้นสีขาวตัดด้วยสีสันที่ดูสะดุดตาอย่างสีเหลืองและสีดำ ก็ดูเข้ากับห้องและลงตัวมากๆ ห้องไม่ได้ดูสว่างจนเกินไป และก็ไม่ได้ดูมืดเช่นกัน

ส่วนรูปนี้จะเป็นโถงทางเดินบริเวณชั้น 2 กับโซนห้องนั่งเล่นด้านบนครับ จะสังเกตเห็นว่าพื้น V-Class สามารถเข้าได้กับทุกโซนเลย ไม่ว่าจะแต่งห้องโทนสีเข้ม สีอ่อน หรือสีสันจัดจ้าน

ห้องนี้เป็นห้องนอนอีกห้องนึงครับ การตกแต่งก็จะแตกต่างจากห้องก่อนหน้า ใช้โทนสีเข้ม มีความสุขุมมากกว่า ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ซึ่งสีของพื้น V-Class เองก็เข้ากับสีผนังและสีเฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับห้องแต่งตัว ด้วยความที่ส่วนมากใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in เพื่อทำตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว ดังนั้นสีตู้ที่ใช้ก็จะค่อนข้างเข้ากับสีพื้นครับ

จริงๆ เป็นพื้นลายไม้ แล้วผนังเป็นลายหินอ่อนก็เข้ากันนะครับ แม้ว่าชั้น 2 จะใช้พื้นแบบเดียวกันสีเดียวกันทั้งชั้น แต่จะเห็นได้ว่าเราสามารถออกแบบและตกแต่งแต่ละห้องก็มาได้หลากหลาย ไม่มีซ้ำกันเลย ซึ่งทุกห้องก็ดูเข้ากับพื้น V-class ได้อย่างลงตัว


Deco Wall

อย่างที่ผมบอกไปครับ ว่า LT by COTTO เขาไม่ได้มีแค่วัสดุปูพื้น แต่ยังมีวัสดุปูผนังอย่าง Deco Wall ด้วย ถ้าเพื่อนๆ กำลังทำบ้านอยู่ หรืออยากทำห้องใหม่ อยากเปลี่ยนผนังหรือวอลเปเปอร์ต่างๆ ตัวนี้น่าสนใจทีเดียว การใช้งานและการติดตั้งค่อนข้างอเนกประสงค์ เจอผนังโค้งหรือมุมต่างๆ ก็เรียบเนียนแนบสนิทแบบไร้รอยต่อ เพราะมีความยืดหยุ่น จะนำไปตกแต่งตรงไหนของบ้านก็ได้ครับ สามารถกันน้ำได้ 100% เลย

คุณสมบัติของ Deco Wall

สำหรับตัว Deco Wall จะเป็นวัสดุปูผนัง ใช้ตกแต่งผนัง ผลิตจากไวนิลแท้ ออกแบบและพิมพ์ลวดลายเสมือนจริง โดยใช้เทคโนโลยี Digital Printing ตอนนี้จะมีลายหินอ่อนกับลายไม้ธรรมชาติครับ ลายหินอ่อนก็มีทั้งลายทั่วไปกับลายแบบ Bookmatch ซึ่ง Deco Wall เขาป้องกันน้ำ 100% ป้องกันปลวก ป้องกันการลามไฟ สามารถพับหรือโค้งได้เลย ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา สามารถใช้ตกแต่งห้องน้ำได้ด้วย

Deco Wall เหมาะกับใคร?

ผมว่าตัวนี้ค่อนข้างเหมาะเลย สำหรับคนที่อยากตกแต่งผนังด้วยไม้หรือหิน แต่ไม่อยากใช้วัสดุของจริง อย่างถ้าเราอยากจะแต่งผนังลายหินอ่อนแบบ Bookmatch โดยใช้หินจริง บอกเลยว่าราคาค่อนข้างแรง ราคาหินจริงก็ว่าแพงแล้ว ราคาค่าติดตั้งอาจจะแพงกว่า รวมถึงการดูแลรักษาที่ต้องใส่ใจ ด้วยความที่เป็นหินธรรมชาติ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงตามสภาพการใช้งานได้ แต่ถ้าเราใช้ Deco Wall ลายหินอ่อนแบบ Bookmatch ราคาก็ไม่แรงเท่าหินจริง ติดตั้งก็ง่าย เก็บงานได้ไว ไม่เสียเวลา แถมดูแลง่ายอีก แต่ผิวสัมผัสที่ได้ก็จะไม่ได้เหมือนหินจริงครับ

หรือใครที่อยากได้ผนังไม้ แต่ไม่อยากใช้ไม้จริง ตัว Deco Wall ก็น่าสนใจ เป็นอีกตัวเลือกนึงเผื่อเพื่อนๆ ไม่ได้อยากใช้ไม้จริง หินจริง แต่อยากตกแต่งผนัง จะทำยังไง? ก็ลองใช้ Deco Wall ดูได้ครับ เขาอเนกประสงค์มากนะ ไม่ต้องห่วงว่าเจอผนังโค้ง เจอเสา เจอเหลี่ยมแล้วจะติดไม่สวย เพราะ Deco Wall เป็นแผ่นปูผนังที่ติดตั้งง่าย ตัวแผ่นจะโค้งไปตามพื้นที่ที่เราต้องการติดเลย


และนี่ก็เป็นวัสดุปูพื้นและผนังที่น่าสนใจของ LT by COTTO ทั้ง Soft+ Floor, V-Class และ Deco Wall  เป็นอีกทางเลือกนึงให้เพื่อนๆ ได้ลองใช้กันดูครับ เพราะเขามีคุณสมบัติและข้อดีมากมายเลย ใครที่กำลังจะทำบ้าน สร้างบ้าน ซื้อบ้าน รื้อพื้นห้อง เปลี่ยนพื้นคอนโด รีโนเวทพื้นต่างๆ แล้วมองหา กำลังเลือก หรือตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้พื้นแบบไหน สีไหน ยี่ห้อไหนดี ผมว่า LT by COTTO ก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลย เพราะเขาสามารถตอบโจทย์ Pain Point ข้างต้นของเราได้หมด

จะทำพื้นทั้งทีก็ควรเลือกให้ดีไปเลยครับ เพราะพื้นจะอยู่กับเราอีกนาน พื้นดีก็ทำให้คุณภาพชีวิตของเราดี ไม่มีปัญหาตามมา เหมือนกับ Concept ของ LT by COTTO ที่ว่า

Design Your Better Life&Living ออกแบบชีวิตของคุณสู่การเป็นอยู่ที่ดีกว่า


ถ้าเพื่อนๆ สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ COTTO life ทั้ง SCG Experience สาขาขอนแก่นและสาขาเชียงใหม่ รวมถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือจะมาดูที่ SCG Home Experience ตรง CDC เหมือนผมก็ได้นะ เขามีสินค้าให้เลือกเยอะเลย มาจับ มาสัมผัส มาลองเทียบสีดูได้ครับ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 19.00 น. สำหรับแผนที่การเดินทาง คลิ๊กที่นี่ เลยครับ

ขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ชั้น 2 จะเจอกับป้าย COTTO Life เลี้ยวซ้ายมาเลยครับ จะพบกับโซนของ LT by COTTO

แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่สะดวกมาเลือกซื้อเอง สามารถเข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์ก่อนได้ที่ www.ltbycotto.com แล้วค่อยมาดูของจริงฮะ แต่ผมแนะนำเลยว่าเรื่องของพื้นและผนัง ควรมาเดินดู มาเลือกซื้อด้วยตัวเอง เราจะได้สัมผัสกับพื้นผิวของพื้นต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ได้เลือกลวดลายและสีเอง เพราะบางทีเวลาเราดูสีจากจอคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันก็ได้นะ


Related posts
มาแต่งบ้านกัน

7 ไอเดียแต่งโต๊ะอาหาร สร้างบรรยากาศอบอุ่นสุดโรแมนติก

มาแต่งบ้านกัน

7 ไอเดีย มาจัดพื้นที่ทำงานส่วนตัวช่วง Work from Home ให้มีชีวิตชีวากัน!!!

มาแต่งบ้านกัน

3 เคล็ดลับ แปลงโฉมห้องน้ำใหม่ ด้วยกระเบื้องหลากสไตล์

มาแต่งบ้านกัน

1 Bedroom Plus ไม่ได้มีแค่ห้องนอนนะ! มาดูไอเดีย แต่งห้องพลัสยังไง ให้ตรงจิตตรงใจตรงกับไลฟ์สไตล์