ไลฟ์สไตล์

ชวนเสพงานศิลป์กับนิทรรศการมัลติมีเดียยุคอาร์ต นูโว ในงาน “SOMETHING NOUVEAU. KLIMT, MUCHA, BEARDSLEY”

ชวนไปดูนิทรรศการศิลปะ กับยุคที่มีเสน่ห์ที่สุด “อาร์ต นูโว” (Art Nouveau) โดดเด่นด้วยงานศิลปะ งานกราฟฟิค และสถาปัตยกรรม ภายใต้ผลงานของคลิมท์ (Klimt) มูคา (Mucha) และเบียร์ดสลีย์ (Beardsley) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตด้วยแสงและดนตรี ใครเป็นสายอาร์ต สายถ่ายรูป ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ


นิทรรศการมาในชื่อ “SOMETHING NOUVEAU. KLIMT, MUCHA, BEARDSLEY” ซึ่งจะนำเสนอผลงานของกุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) อัลโฟนส์ มูคา (Alphonse Mucha) และออเบรย์ เบียร์ดสเลย์(Aubrey Beardsley) ศิลปินแถวหน้าของยุคอาร์ต นูโว (Art Nouveau) ซึ่งเป็นยุคที่ได้รับการยอมรับว่างานศิลปะ งานกราฟิคและสถาปัตยกรรมมีเสน่ห์ที่สุดยุคหนึ่ง มานำเสนอในรูปแบบมัลติมีเดีย กล่าวได้ว่ามรดกแห่งโลกศิลปะที่ผ่านการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ถูกปลุกให้มีชีวิตอีกครั้งผ่านภาพเคลื่อนไหว องค์ประกอบสำคัญถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น มีการยิงแสงเลเซอร์และฉายโปรเจ็กเตอร์ ทั้งบนผนังและทั่วทั้งพื้นห้อง พร้อมกับเสียงเพลงเร้าอารมณ์ของนักดนตรีผู้มีชื่อเสียง เพื่อมอบประสบการณ์ให้ผู้ชมได้ดำดิ่งไปกับงานศิลปะอย่างไม่รู้ตัว ทั้งยังมีอุปกรณ์ Headset ทำให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วมในเกมหรือการเดินทางไปสู่โลกเสมือนจริงเกินจะจินตนาการได้


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของอาร์ต นูโว

ที่สุดแห่งสุนทรียะในแง่ของลัทธิศิลปะสมัยใหม่คือ “อาร์ต นูโว” อันเป็นที่ประจักษ์จากความรุ่งเรืองของศิลปะ สถาปัตยกรรม และงานดีไซน์ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น (ตั้งแต่ปี 1890 ถึง 1910 และรุ่งเรืองที่สุดในปี 1900) ความงดงามและสไตล์อันเป็นปัจเจก ล้วนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน อาร์ต นูโว ได้เสาะแสวงหาสุนทรียะอันทันสมัยอย่างแท้จริงจนกลายเป็นนิยามของภาษาภาพในช่วงเวลาหนึ่ง ที่เรียกกันว่า”ยุคทอง” ในช่วงที่อาร์ต นูโว เบ่งบานนั้นคือ ความอว็องการ์ด (avant-garde) หรือความล้ำอย่างแท้จริง ซึ่งลัทธิทางศิลปะนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งที่จะประนีประนอมความต้องการต่างๆ ของยุคสมัยแห่งเทคนิคและความปรารถนา

ในแง่ความงามและการเชิดชูศิลปินอาร์ต นูโวได้ล้มล้างความเชื่ออันแพร่หลายในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งานจิตรกรรมและประติมากรรมอยู่เหนืองานฝีมือ ศิลปินเหล่านี้ปรารถนาความคิดในแง่ของ “ศิลปะแขนงต่างๆ” เข้ามาแทนและช่วยลดช่องว่างระหว่างวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ ในเวลาเดียวกัน ศิลปะอาร์ต นูโว ได้พัฒนาไปในที่ต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ศิลปินอาร์ต นูโวมีความคิดร่วมกันซึ่งถ่ายทอดออกมาอย่างชาญฉลาด

“อาร์ต นูโว” มีหลายชื่อเรียก ที่ประเทศสก็อตแลนด์มีสไตล์แนวเส้นตรงแบบกลาสโกว์ (Glasgow) มีชื่อเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า Arte Nuova หรือ Stile Liberty ส่วนที่เบลเยี่ยมเรียกว่าสไตล์ Nouille (“noodle”) หรือ Coup de Fouet (“whiplash”) ในขณะที่อเมริกาเรียกว่า Tiffany Style ที่เยอรมนีและออสเตรียเรียก Jugendstil (“young style”) และที่ฝรั่งเศสเรียก Style Metro หรือ Belle Époque คำว่า Art Nouveau เป็นชื่อเรียกสไตล์อันเป็นหนึ่งเดียว ส่วนชื่ออื่นๆ ไม่ใช่สไตล์เดียวแต่หลากหลายศิลปิน

“อาร์ต นูโว” ได้แรงบันดาลใจจากความโค้งมนแบบรอคโคโค (Rococo) เส้นสายงานกราฟิคแบบเคลติค (Celtic) งานบล็อคไม้แบบญี่ปุ่นพวกเขาจึงนำรูปทรงของต้นไม้ที่พบตามธรรมชาติจากนั้นนำมาประยุกต์และทำให้ดูเป็นลวดลายนามธรรมที่สง่างามและเป็นธรรมชาติ

นิทรรศการมัลติมีเดีย “Something Nouveau. Klimt, Mucha, BEARDSLEY” เป็นดั่งนิยายสามภาคที่อุทิศให้กับงานศิลปะของสามศิลปินระดับมาสเตอร์ ผลงานมาสเตอร์พีซกว่า 500 ภาพ นำเสนอด้วยการฉายโปรเจ็กเตอร์ไปยังจอขนาดใหญ่ โปรเจ็กเตอร์จัดวางไว้ในมุมต่างๆ ของห้องมัลติมีเดียขนาดใหญ่จึงเป็นโอกาสอันแตกต่างสำหรับผู้ชมที่จะได้ชมรายละเอียดเล็กๆ อย่างใกล้ชิดซึ่งมีความสำคัญและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่แฝงอยู่ในงานศิลปะอาร์ต นูโว


ออเบรย์ เบียร์ดสลีย์ (Aubrey Beardsley)

ผู้ที่ถ่ายทอดความเป็นที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อาร์ต นูโว ได้ดีที่สุดราวกับเปลวไฟอันโชติช่วงในเวลาอันสั้น คือศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษนาม “ออเบรย์ เบียร์ดสลีย์” (Aubrey Beardsley) ความแปลกประหลาดของเขา ทำให้เขาเป็นผู้สร้างสรรค์งานอาร์ต นูโว ด้วยความแตกต่างมากที่สุด ความสง่างามของเส้นสายในงานออกแบบของเบียร์ดสลีย์ประกอบกับอารมณ์ขันอันแปลกประหลาดและความหลงใหลในความพิสดารและข้อห้ามที่ก่อให้เกิดความสนใจในเวลาเดียวกัน อีกทั้งการปฏิเสธผู้คนในยุควิคตอเรียน (Victorian era) ผลงานที่สวยงามที่สุดของเบียร์ดสลีย์ ได้แก่ Le Morte d’Arthur, Salomey และผลงานวาดภาพให้กับนิตยสาร The Savoy, The Studio และ Yellow Book นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ด้วย


อัลโฟนส์ มูคา (Alphonse Mucha)

ส่วนศิลปินชาวเช็กนาม “อัลโฟนส์ มูคา” (Alphonse Mucha) นำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงสมัยใหม่ (New Woman) แสดงให้เห็นถึงสื่อที่กำลังผงาดเข้ามามีบทบาท คืองานภาพโฆษณา ผู้หญิงมักเป็นสิ่งที่ปรากฏในงานศิลปะของเขาเพื่อจุดประสงค์ในเชิงเปรียบเทียบและการตกแต่ง มูคาและสหายส่งเสริมความเป็นเฟมินีนเสมือนเป็นสิ่งต่อต้านโลกที่ถูกครอบงำด้วยอุตสาหกรรม ความไม่เป็นส่วนตัวและโลกของผู้ชาย (masculine) นิทรรศการมัลติมีเดียแสดงให้เห็นถึงผลงานอันงามสง่าที่สุดของมูคาในสมัยที่สร้างสรรค์งานในกรุงปารีส


กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt)

“กุสตาฟ คลิมท์” (Gustav Klimt) ได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะและงานฝีมือที่กรุงเวียนนา จากนั้นความอัจฉริยะของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น งานยุคแรกๆ ของเขาได้เติมเต็มความคาดหวังในเชิงวิชาที่ร่ำเรียนมาและตอบสนองพวกชนชั้นกลาง จึงเป็นภาพของธรรมชาติและฉากต่างๆ ในประวัติศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม งานของเขาไม่สนองต่อข้อจำกัดของนิกายออร์ธอด็อกซ์ (Orthodox) บรรยากาศของความรักในเชิงอีโรติคและเรื่องเพศอบอวลไปทั่วกรุงเวียนนาในช่วงปี 1900 และมีอิทธิพลกับเขาอย่างมาก คลิมท์มองว่าศิลปินคือผู้ส่งสารแห่งความจริงไม่ใช่ความเพ้อฝันแต่อย่างใด ในปัจจุบันภาพจิตรกรรมสีทองอันโดดเด่นของเขาเป็นที่รู้จักและชื่นชมไปทั่วโลก ผลงานมาสเตอร์พีซของเขาเ ป็นหัวใจอันแท้จริงของสไตล์ศิลปะแบบอาร์ต นูโวและการแสดงแบบมัลติมีเดีย ผู้ชมจะเพลิดเพลินไปกับผลงานสีทองที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ไปจนถึงผลงานในยุคต้นๆ


นิทรรศการ Something Nouveau แบ่งออกเป็น 3 โซน

MODA Galley

เป็นการฉายโปรเจ็คเตอร์สุดล้ำ โดยในครั้งนี้มีการฉายภาพศิลปะอาร์ต นูโวบนพื้นห้องนิทรรศการขนาดใหญ่ที่แตกต่างจากครั้งก่อน เพื่อเอาใจเหล่า Art Lovers ผู้เสพงานศิลป์ และผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ


MODA SPACE

ในส่วนนี้นำเสนองานสามมิติ ที่ผู้ชมต้องสวมแว่นพิเศษที่ MODA เตรียมไว้ให้เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์แบบ Immersive เมื่อซื้อบัตรชมนิทรรศการ Something Nouveau จะได้ชมทั้งสองส่วนนี้ในราคาเดียว


MODA VR STUDIO

จะนำเสนอโลกเสมือนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งผู้ชมต้องใช้อุปกรณ์ในการชมและฟัง เพื่อดื่มด่ำไปกับโลกแห่งสามมิติแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ
และสามารถเนรมิตโลกเสมือนขึ้นมาได้ด้วยตนเองด้วยอุปกรณ์ VR หรือ Visual Reality ในส่วนนี้จะนำเสนอเรื่องราวแห่งศิลปะที่นอกเหนือไปจากอาร์ต นูโวหลายมิติและการมอบประสบการณ์ร่วมให้ผู้ชม


นิทรรศการ “Something Nouveau. Klimt, Mucha, Beardsley” สร้างสรรค์ให้กับริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก โดย VISION MULTIMEDIA PROJECTS บริษัทยุโรปผู้อยู่เบื้องหลังนิทรรศการ FROM MONET TO KANDINSKY มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบโปรดักชั่นและโปรเจ็กต์งานนิทรรศการที่จัดแสดงในที่ต่างๆ ในรูปแบบมัลติมีเดียอันทันสมัย เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ในการพัฒนานิทรรศการรวมถึงกราฟิค อะนิเมชั่นต่างๆ และบีมเมอร์ (beamer) นับสิบชิ้นเพื่อความละเอียดของภาพประกอบกับจอขนาดใหญ่และระบบเสียงรอบทิศทาง ซึ่งหนึ่งในนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จมาแล้วคือ “From Monet to Kandinsky. Revolutionary Art” และ “Italian Renaissance”

พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลจัดที่ MODA Gallery ชั้น 2 ของริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ตั้งแต่วันนี้จนถึง 16 เมษายน 2020 สามารถเข้าชมได้ ในวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 10.00 – 20.00 น. และวันศุกร์ – วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น. สามารถซื้อบัตรหน้างานหรือซื้อบัตรผ่านทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/37YmoAW

ราคาบัตร

  • สำหรับผู้ใหญ่ราคา 350 บาท
  • สำหรับเด็กอายุ 4 ขึ้นไป หรือนักเรียน นักศึกษาในระดับไม่เกินปริญญาตรี และผู้อาวุโสอายุ 60 ปีขึ้นไป (ต้องแสดงบัตร) ราคา 250 บาท

โดยบัตรทั้งสองราคานี้เข้าชมได้เฉพาะในส่วน MODA Gallery และ MODA Space สำหรับ MODA VR Studio ต้องซื้อบัตรเพิ่มในราคา 200 บาท (สำหรับผู้ใหญ่) และราคา 100 บาท (สำหรับเด็ก นักเรียน และผู้สูงอายุ) แต่เนื้อหาในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาร์ต นูโว แต่เป็นเรื่องราวของศิลปินอื่นๆ พร้อมผลงานของพวกเขาที่คัดสรรมาแล้ว ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ จะดูครบทุกอย่าง ราคาผู้ใหญ่จะรวมเป็น 550 บาท ส่วนราคาเด็ก นักเรียน และผู้สูงอายุจะอยู่ที่ 350 บาทครับ
*หมายเหตุ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ VR ได้ แต่มีในส่วน Interactive Experience ให้เล่นในราคา 100 บาท


ติดตาม รายละเอียดงาน MODA เพิ่มเติมได้ที่

Contact 022370077, 022370077 ต่อ 618
E-mail [email protected]
Website www.rivercitybangkok.com
Facebook www.facebook.com/RiverCityBangkok
Instagram www.instagram.com/rivercitybangkok
Line @rivercitybkk


ใครรู้จักหรือไม่รู้จัก ได้อ่านแล้วอยากจะไปสัมผัสและดำดิ่งกับความงดงามที่ลึกซึ้งของศิลปะด้วยตัวเอง แนะนำให้ไปเลยครับ แล้วจะรู้ว่าการได้เสพงานศิลป์ด้วยสายตาของตัวเอง มันให้อารมณ์และความรู้สึกที่ลุ่มลึกว่า จริงกว่า เข้าถึงจิตวิญญาณมากกว่าการมองผ่านภาพถ่ายมากๆ ถ้าได้ไปแล้ว อย่าลืมนำรูปสวยๆ หรือเรื่องราวดีๆ มาแชร์ให้ชาว LivingPop ได้อินไปกับเพื่อนๆ ได้นะครับ พอจบนิทรรศการนี้ไป ยังมีนิทรรศการภาคสองต่ออีก แอบบอกใบ้ว่าเป็นเรื่องราวของศิลปินระดับโลก แต่จะมาในรูปแบบไหน มีความน่าสนใจยังไง รอติดตามอัปเดตได้ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานเกินรอแน่นอนน ^^

Related posts
ไลฟ์สไตล์

รู้ทันเชื้อโรค การ์ดไม่ตก ปลอดภัยจาก Covid-19 พาส่อง 8 ไอเทมช่วงโควิดที่ต้องมีติดบ้าน

ไลฟ์สไตล์

เอาใจสายคลีนกับ 6 ร้านเบเกอรีเพื่อสุขภาพที่ฮอตที่สุดบน IG

ไลฟ์สไตล์

บ๊ายบายสวนน้ำ Cartoon Network Amazone ตุลานี้กลับมาใหม่ในธีม "Columbia Pictures' Aquaverse"

ไลฟ์สไตล์

เช็กอิน "8 ลานสเก็ตทั่วกรุงเทพ" เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า