ถ้าพูดถึงคอนโดทำเล “ใกล้สาทร” แน่นอนว่าย่าน “วงเวียนใหญ่-กรุงธนบุรี” เองก็น่าจะเป็นย่านที่คนกำลังหาคอนโดนึกถึงเป็นย่านแรกๆ ด้วยความข้ามแม่น้ำมาก็ถึงย่านนี้เลย นั่งรถไฟฟ้าแค่ 2-3 สถานีก็เข้าถึงย่านสาทรได้สบายๆ ครับ
โดยที่ราคายังอยู่ในช่วงที่คนทำงานยังซื้อหากันได้ ไม่ได้กระโดดไปเป็นคอนโดกลุ่ม Super Luxury ที่ตารางเมตรละ 2-3 แสนเหมือนคอนโดกลางย่านสาทร และยังเป็นย่านที่ติดรถไฟฟ้าแบบสถานีอยู่หน้าบ้านอีกด้วยครับ
วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักกับอีกหนึ่งโครงการใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ ในย่านนี้ กับโครงการ
“Reference สาทร-วงเวียนใหญ่”


คอนโดใหม่ ใกล้ BTS วงเวียนใหญ่ กับตึกที่สูงที่สุดในย่านกว่า 51 ชั้น มาพร้อมกับส่วนกลาง Rooftop ที่เห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบกว้างๆ และส่วนกลางที่ดีไซน์ออกมาจัดเต็ม จาก SC Asset ในราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท ซึ่งสำหรับย่านวงเวียนใหญ่-กรุงธนบุรีเอง ช่วงหลังๆ ต้องบอกว่ามีโครงการคอนโดมาเปิดใหม่กันค่อนข้างน้อยด้วยครับ
ที่นี่จะเป็นอย่างไร ส่วนกลางที่ว่าจะสวยแค่ไหน วันนี้ LivingPop ขอพามารู้จักกับโครงการนี้แบบรีวิวเจาะลึกเลยครับ โดยที่เริ่มแรก อยากจะพามารู้จักกับทำเลย่านวงเวียนใหญ่-กรุงธนบุรีตรงนี้กันก่อนครับ
จุดเด่นโครงการ

ใกล้ BTS วงเวียนใหญ่ แค่ 130 ม.
2 สถานีถึงย่านสาทร

สูงที่สุดในย่าน เห็นวิวโค้งแม่น้ำ
ส่วนกลาง Rooftop สระว่ายน้ำชั้น 50

ห้องแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งห้อง
เริ่ม 3.69 ล้านบาท
ย่านกรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่
ย่านดั้งเดิมที่เกิดใหม่หลังจากการมาของสะพานตากสินและรถไฟฟ้า



สำหรับย่านกรุงธนบุรีและวงเวียนใหญ่ ย่านนี้จะเป็นย่านชุมชนดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาในด้านฝั่งธนครับ เราจะเห็นความเป็นชุมชนเก่าแก่ภายในย่านต่างๆ ทั้งบริเวณถนนเจริญนคร, วงเวียนใหญ่, ถนนตากสิน ซึ่งจะมีรูปแบบเป็นชุมชนตึกแถว มีถนนตรอกซอกซอยต่างๆ ขนาดไม่กว้างมาก ตามรูปแบบการเดินทางในสมัยนั้น ย่านที่คึกคักหน่อยก็จะเป็นบริเวณวงเวียนใหญ่ ที่เชื่อมต่อมาจากสะพานพุทธฯ ที่ข้ามไปฝั่งพระนครได้
บริเวณวงเวียนใหญ่เอง ในสมัยเมื่อก่อนก็จะมีห้างหลายห้างอย่างโรบินสัน, เมอร์รี่คิงส์ มีโรงภาพยนตร์ มีสถานีรถไฟ ที่เชื่อมต่อคนจากย่านจอมทอง-มหาชัย-สมุทรสาครมาลงที่นี่ ในอดีตก็ถือว่าเป็นแหล่งศูนย์กลางของย่านตรงนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนย่านรอบข้างเราก็จะเห็นเป็นบ้านในลักษณะของตึกแถวเป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งการมาของสะพานตากสิน และถนนกรุงธนบุรีในช่วงยุคปี 2525 ที่อยู่ไม่ไกลจากย่านวงเวียนใหญ่ การมาของถนนเส้นนี้เลยจะเป็นเหมือนกับถนนที่ตัดผ่านกลางชุมชนเก่า และกลายมาเป็นถนนสายสำคัญในการเข้าออกเมือง เพราะสามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างย่านสาทรได้โดยตรง ในยุคนี้ที่ดินบริเวณถนนกรุงธนบุรีก็เริ่มมีอาคารสำนักงานต่างๆ มาเปิดบ้างแล้ว จากการขยายตัวของเมืองออกมาจากสาทรด้านในครับ
แต่จุดที่ทำให้ย่านธนบุรี-วงเวียนใหญ่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเป็นการมาของรถไฟฟ้า BTS สายสีลมส่วนต่อขยายในช่วงประมาณปี 2552 ครับ ที่เป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่วิ่งข้ามมาถึงฝั่งธน ทำให้ทำเลตรงนี้กลายมาเป็นย่านคอนโด ปัจจุบันเราจะเห็นคอนโดต่างๆ ตั้งอยู่ตลอดแนวของรถไฟฟ้า 2 สถานีนี้ ด้วยความใกล้ใจกลางเมือง

BTS สายสีลม ตัดตรงเข้าใจกลาง CBD สาทร แค่ 2 สถานีถึง
ใกล้ศูนย์กลางย่านแหล่งงาน แค่ข้ามสะพานตากสิน


ถ้าพูดถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสำหรับย่านวงเวียนใหญ่ ก็ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นทั้งในเรื่องการใช้รถและการใช้งานรถไฟฟ้าครับ ด้วยตัวที่ตั้งทำเลที่ถือว่าอยู่ใกล้กับสาทรมาก เพียงแค่ข้ามสะพานไปก็ถึง อย่างถ้าดูจากรถไฟฟ้า BTS สายสีลม ที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นนี้ จากสถานีวงเวียนใหญ่เพียงแค่ 2 สถานีก็จะข้ามแม่น้ำไปฝั่งสาทรเรียบร้อย ถือว่าค่อนข้างใกล้มากสำหรับการเข้าไปใน CBD ใจกลางเมือง
ซึ่งรถไฟฟ้า BTS สายสีลม ก็จะผ่านจุดสำคัญต่างๆ ของทั้งสาทรและสีลม อย่างย่านเจริญกรุง, สุรศักดิ์, ช่องนนทรี, ศาลาแดง ฝั่งย่านที่เป็นออฟฟิศต่างๆ ค่อนข้างเยอะ และสามารถนั่งยาวๆ ต่อเดียวไปถึงสยามได้เลยครับโดยใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ 15 นาที นอกจากนี้ก็จะสามารถไปเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ไปย่านพหล, เพลินจิต, อโศก, พร้อมพงษ์, ทองหล่อได้
ซึ่งจุดสำคัญๆ ที่รถไฟฟ้า BTS สายสีลมวิ่งผ่านมีอะไรบ้าง เรารวมไว้ในภาพนี้แล้วครับ

อนาคตย่าน “วงเวียนใหญ่” อีกหนึ่ง Interchange รถไฟฟ้า
ด้วยการมาของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดงในอนาคต



(ปัจจุบันถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินอยู่ระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะแล้วเสร็จประมาณปี 2571)
สำหรับบริเวณวงเวียนใหญ่ตรงนี้ นอกจากจะมีรถไฟฟ้า BTS ที่เป็นสายสีเขียว (สายสีลม) วิ่งผ่านแล้ว ยังมีแผนงานของรถไฟฟ้าอีก 2 สาย ที่จะวิ่งผ่านในย่านนี้เช่นเดียวกัน นั่นคือรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าสายสีแดงครับ แต่ละสายจะเป็นอย่างไร และจากโครงการจะสะดวกแค่ไหน เราขอมาเล่าให้ฟังกันแบบคร่าวๆ

รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้
เริ่มกันที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สำหรับใครที่สัญจรผ่านย่านดาวคะนอง-วงเวียนใหญ่-สามเสน น่าจะเห็นการก่อสร้างกันอยู่ครับ โดยจะเป็นส่วนขยายของรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดิม ที่จะวิ่งลอดใต้ดินผ่านย่านเมืองเก่าบริเวณถนนสามเสนผ่านรัฐสภาใหม่, แบงก์ชาติ, หอสมุดแห่งชาติ, ถนนราชดำเนิน, ตัดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีสามยอด ก่อนจะลอดใต้แม่น้ำผ่านย่านวงเวียนใหญ่ และไปย่านดาวคะนองสุดที่แถวๆ พระประแดงครับ
ความสะดวกของรถไฟฟ้าเส้นนี้ก็จะสามารถนำคนจากย่านฝั่งธน เข้าสู่โซนเมืองเก่าได้อย่างสะดวก ซึ่งย่านนี้จะเป็นศูนย์รวมของสถานที่สำคัญๆ เช่น รัฐสภา สถานที่ราชการ Medical Hub ย่านของกิน ย่านอยู่อาศัยหมอ-พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งย่านเมืองเก่าก็เป็นบริเวณที่เดิมไม่ค่อยจะมีรถไฟฟ้าเข้าถึงมากนักครับ และยังทำให้ไปเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆ อย่างสายสีน้ำเงินและสายสีส้มในอนาคตได้สะดวกมากขึ้นด้วย ปัจจุบันสายนี้กำลังก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2571 ครับ
ส่วนที่ตั้งของสถานีจะอยู่บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน อาจจะมีระยะจาก BTS วงเวียนใหญ่สักหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินจากโครงการไปได้ครับ ประมาณ 720 เมตร

รถไฟฟ้าสายสีแดง (ไปมหาชัย)
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงเส้นนี้ ก็จะเป็นอีกสายที่ใกล้กับโครงการแต่อาจจะไม่ถึงกับใกล้มากครับ มีระยะประมาณ 1 กิโลจากโครงการ จะเป็นสายที่วิ่งจากสถานีหัวลำโพงไปเชื่อมต่อกับย่านมหาชัย เดิมทีแนวเส้นทางส่วนใหญ่จะวิ่งผ่านทางรถไฟสายมหาชัยเดิม แต่ส่วนที่วิ่งผ่านเข้าเมือง ที่ผ่านวงเวียนใหญ่จะมาตามถนนลาดหญ้า แต่ปัจจุบันกำลังจะมีการปรับแนวเส้นทางใหม่ให้วิ่งไปตามแนวถนนแทน และจะตัดช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ออกไปก่อน อันนี้ต้องรอดูกันต่อไปครับว่าจะสรุปว่าอย่างไรบ้าง

ที่ตั้งโครงการ
130 เมตรจาก BTS วงเวียนใหญ่ ใกล้แยกและที่กลับรถ
มาดูในส่วนของที่ตั้งโครงการกันบ้างครับ สำหรับที่ตั้งโครงการ เนื่องจากย่านนี้จะมีซอยขนาดเล็กใกล้กับถนนกรุงธนบุรีเยอะ เราก็เลยจะเห็นคอนโดตึกสูงในแถบนี้หลายๆ ตึกตั้งเขยิบเข้ามาในซอยนิดนึง
ที่โครงการ Reference สาทร-วงเวียนใหญ่ก็เช่นกันครับ จะมีระยะเข้ามาจากถนนใหญ่นิดนึง นิดนึงที่ว่าก็คือนิดเดียวจริงๆ ครับ แค่ระยะไม่ถึง 100 เมตร อยู่บนซอยกรุงธนบุรี 2 และมีระยะห่างจากโครงการเดินไปรถไฟฟ้าสถานีวงเวียนใหญ่อยู่ที่ 130 เมตรด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากๆ และด้วยความใหญ่ของโครงการก็สามารถมองเห็นจากรถไฟฟ้าได้ชัดเจนครับ
จุดเด่นในความที่บริเวณนี้มีซอยต่างๆ ทำให้ถ้ามาจากฝั่งของถนนราชพฤกษ์-ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปอ้อมกลับรถติดสองไฟแดงที่แยกถนนเจริญนครใต้สะพานตากสินครับ สามารถเข้าซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 11 ที่อยู่ด้านหลังโครงการ ย้อนมาเข้าโครงการได้ด้วยเช่นกัน (แต่ขนาดถนนอาจจะไม่ใหญ่มาก)
ส่วนที่ตั้งโครงการก็จะอยู่ใกล้กับแยกตากสิน สามารถออกจากโครงการแล้วกลับรถเข้าเมืองได้เลยทันที แต่อาจจะต้องดูจังหวะรถนิดนึงครับ ถนนหน้าโครงการไปที่กลับรถค่อนข้างกว้าง

บรรยากาศรอบข้างโครงการ
บรรยากาศบริเวณโครงการเริ่มจากริมสถานีรถไฟฟ้าตรงนี้ก็จะมีทั้งคอนโด ร้านอาหารทั้งแบบในตึกและรถเข็น มีร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทางเดินกว้าง เดินสะดวกครับ เข้ามาที่ซอยกรุงธนบุรี 2 ซอยนี้จะเป็นซอยที่ทางโครงการซื้อที่ดินข้างซอยเดิมมาขยายให้ขนาดทางกว้างเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะสามารถสร้างตึกสูงได้ตามกฎหมาย ทำให้บรรยากาศการเดินเข้าโครงการก็สามารถเดินได้สะดวก ซอยค่อนข้างกว้างครับ บรรยากาศในซอยมีร้านค้าต่างๆ อยู่ด้วยเช่นกัน พอเดินเข้ามาถึงโครงการก็จะเจอกับส่วน Retail ที่ตั้งอยู่ติดกับริมพื้นที่ด้านนอกที่จะเป็น Foodland ในอนาคตครับ









การเดินทาง
สะดวกทั้งการใช้รถยนต์และรถไฟฟ้า ไม่ไกลจากสะพานตากสินและท่าเรือ


รถไฟฟ้า
เชื่อว่าคนที่สนใจที่นี่ การเดินทางหลักๆ น่าจะใช้รถไฟฟ้ากัน ด้วยความที่ทำเลใกล้รถไฟฟ้ามากและเดินทางด้วยรถไฟฟ้าค่อนข้างสะดวก อย่างที่บอกไปว่าสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่จะอยู่ห่างจากโครงการเพียงแค่ 130 เมตรเท่านั้นเอง ก็ถือว่าเป็นคอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้ามากๆ ครับ เดินนิดเดียวถึง
ซึ่งการใช้งานรถไฟฟ้า BTS สายสีลม ก็จะสะดวกสำหรับใครที่เข้าเมืองไปทำงานย่านสีลม-สาทร-สยาม ทั้งระยะทางการนั่งที่ไม่ไกลมาก แปปเดียวถึง อย่างจากโครงการ แค่ประมาณ 15 นาทีก็ไปถึงสยามแล้ว ถ้าไปสีลม/สาทรก็จะใช้เวลาน้อยลงไปอีกครับ
นอกจากนี้ “สถานีวงเวียนใหญ่” ยังอยู่ในส่วนต่อขยายส่วนแรกสุด ที่ยังคิดเงินค่าโดยสารรวมอยู่กับส่วนสัมปทานหลักของ BTS ทำให้การเก็บเงินค่าเดินทางจากสถานีนี้จะยังไม่ได้ถูกบวก 15 บาทเพิ่ม เหมือนกับสถานีส่วนต่อขยายที่อยู่ถัดออกไป ดังนั้นค่ารถไฟฟ้าเข้าไปในเมืองก็คืออยู่แค่ไม่เกิน 47 บาท ไม่โดนราคากระโดดเพิ่มเหมือนสถานีถัดๆ ออกไปครับ ก็จะประหยัดไปได้ไปกลับ 30 บาทต่อวัน
ส่วนถ้าจะไปเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท จากที่นี่ก็จะมีระยะเวลาเดินทางไปหมอชิต-ทองหล่อ/เอกมัย ประมาณไม่เกิน 30 นาที บวกกับเวลารอรถอีกไม่เกิน 5 นาทีครับ ก็ถือว่าค่อนข้างใช้เวลาไม่นาน
ซึ่งนอกจากการใช้งานรถไฟฟ้า BTS สำหรับการเข้าเมืองแล้ว การไปห้างในย่านนี้ก็ค่อนข้างสะดวกเช่นกัน อย่างถ้าไป ICONSIAM จากโครงการนั่งรถไฟฟ้าไป 1 สถานีลงกรุงธนบุรีแล้วเชื่อต่อไปรถไฟฟ้าสายสีทอง ก็สามารถเชื่อมต่อเข้า ICONSIAM ได้เลยแบบเท้าไม่แตะพื้น หรืออีกฝั่งนึงคือนั่งรถไฟฟ้าไปสถานีตลาดพลู ตรงนี้ก็จะสามารถไป The Mall ท่าพระได้ครับ
ส่วนรถไฟฟ้าสายอื่นในอนาคตอย่างสายสีม่วง ก็จะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 700 เมตรนิดๆ เป็นระยะที่ยังพอเดินได้ครับ ก็จะสะดวกสำหรับใครที่จะไปย่านราชดำเนิน, สามยอด, เมืองเก่า, รัฐสภา หรือไปเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆ คาดว่าจะเปิดใช้ในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้านี้ครับ

รถยนต์
ในด้านของการเดินทางด้วยรถยนต์ การเข้าออกจากโครงการด้วยความที่อยู่ใกล้แยก การเข้าเมืองก็จะค่อนข้างสะดวกอย่างที่เล่าไปครับ ทีนี้อยากชวนมาดูภาพกว้างถอยออกมานิดนึง หลายๆ คนน่าจะทราบแล้วว่าจากที่ตั้งโครงการไปข้ามสะพานตากสินนี่ก็ค่อนข้างใกล้มาก เพียงแค่ระยะ 2 กิโลนิดๆ ก็ข้ามสะพานได้เลย (แต่เรื่องรถติดตอนเช้าเย็นก็อาจจะมีบ้าง ตามปกติของสะพานนี้ครับ)
แต่นอกจากสะพานตากสินแล้ว ตรงนี้จะใกล้กับอีก 4 สะพานในการใช้รถเข้าเมืองเช่นกัน เริ่มจากในฝั่งด้านใต้กันก่อน ตรงนี้ก็จะใกล้กับสะพานกรุงเทพ และสะพานพระราม 3 ครับ สามารถใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าเมืองได้ เชื่อมต่อย่านพระราม 3, นราธิวาสฯ, ถนนจันทน์ หรือจะใช้เป็นทางเลี่ยงรถติดเข้าสาทรอีกทางนึงก็ได้เช่นกัน
ส่วนในฝั่งเหนือ ก็จะมีสะพานพุทธฯ และสะพานพระปกเกล้า ที่จะเข้าสู่เมืองฝั่งพระนครที่เป็นย่านเมืองเก่า ก็จะเป็นทางเลือกสำหรับใครที่ทำงานในโซนเมืองเก่าหรือใช้ทะลุไปในโซนสามย่าน-พระราม 4 ครับ
ที่ว่ามาทั้ง 5 สะพานก็จะมีที่ตั้งห่างจากโครงการไม่เกิน 3 กิโลเมตรทั้งนั้นเลย ส่วนถ้าเป็นทางด่วน จุดขึ้นลงที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นจุดขึ้นลงบริเวณใกล้กับถนนสีลมครับ

ขนส่งสาธารณะอื่นๆ
นอกจากรถยนต์และรถไฟฟ้าแล้ว บริเวณหน้าโครงการด้วยความที่เป็นถนนเส้นหลัก ตรงนี้ก็จะมีรถเมล์ผ่านเช่นเดียวกันครับ มีป้ายอยู่ที่หน้าโครงการเลย รวมไปถึงย่านนี้จะมีรถสองแถวเล็ก (รถกระป๊อ) วิ่งในเส้นทางในย่านแถวๆ นี้ด้วย สามารถไปย่านวงเวียนใหญ่, คลองสาน, ตลาดพลูได้จากหน้าโครงการ และตรงหน้าโครงการก็จะมีพี่ๆ วินมอเตอร์ไซค์อยู่เช่นเดียวกัน การเดินทางตรงนี้ถือว่าค่อนข้างหลากหลายครับ ด้วยความที่สถานีวงเวียนใหญ่เองก็เป็นจุดต่อรถของคนที่ลงมาจากรถไฟฟ้าอยู่แล้ว
ส่วนอีกการเดินทางที่ไม่ไกลจากโครงการ คือการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาครับ สามารถขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีสะพานตากสิน แล้วขึ้นเรือไปเชื่อมต่อกับย่านต่างๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ อย่างเช่นโรงพยาบาลศิริราช, สนามหลวง, ธรรมศาสตร์, รัฐสภาใหม่ ไปจนถึงย่านนนทบุรี
นอกจากนี้ยังมี “รถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้า Muvmi” ที่มาเปิดบริการ Node ใหม่แห่งแรกในย่านฝั่งธน (มีหมุดรับส่งที่โครงการเลย) สามารถปักหมุดไปได้กว่า 20 จุดหมายปลายทาง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร เช่น ICONSIAM, ร้านเฝอหม้อไฟ, Café Ours, Gump Cross เป็นต้น สามารถเดินทางไปโซนรอบๆ โครงการได้สะดวกและประหยัดกว่า taxi ครับ





สิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้าง
ใกล้หลายห้างในย่าน ทั้ง ICONSIAM, THE MALL ท่าพระ, CENTRAL บางรัก
สำหรับในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้างโครงการ ถึงแม้ตัวตัวสถานีวงเวียนใหญ่เองจะไม่ได้มีห้างหรือว่า Community Mall ที่อยู่ติดกับสถานีโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นย่านที่ใกล้กับห้างใหญ่ๆ หลายโซนมากครับ รวมทั้งตัวสถานีนี้เอง ด้วยความที่เป็นเหมือนจุดต่อรถสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า มาต่อรถกระป๊อ-ต่อรถเมล์ไปย่านต่างๆ ในโซนใกล้ๆ ตรงนี้ ทำให้บริเวณรอบข้างของสถานีค่อนข้างที่จะคึกคัก ก็จะมีร้านค้าร้านอาคารต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งร้านในตึกแถวต่างๆ ที่เป็นร้านอาหารแบบจริงจัง มีทั้งร้านนั่งดื่ม รวมไปถึงก็จะมีร้านรถเข็น Streetfood ต่างๆ หรือแม้แต่หน้าโครงการเองก็กำลังจะมี Foodland รูปแบบใหม่มาเปิดด้วยครับ เป็นทำเลที่ไม่อดตายแน่ๆ
แต่ถ้าจะเดินห้างล่ะ จะไปที่ไหนได้บ้าง??
ที่เด่นและอยู่ใกล้โครงการเลยก็จะเป็น ICONSIAM ครับ นั่ง BTS ไป 1 สถานีและต่อรถไฟฟ้าสายสีทองไปอีก 1 สถานีก็จะถึงห้างที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ตรงนี้ก็จะมีร้านต่างๆ ทั้งร้านดัง, ร้านสายลักชูหน่อย รวมไปถึง Apple Store ตรงกันข้ามก็จะมี ICS ที่มี Lotus’s Prive เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตครับ หรือในส่วนของถนนเจริญนครเองก็มีร้าน Streetfood เก่าแก่หลายร้าน เป็นอีกย่านที่มีของกินต่างๆ ค่อนข้างเยอะ และจะมี Community Mall อย่างเสนาเฟสท์ และล่าสุดก็เพิ่งจะมี Gump Cross คอมมูสายชิคจากย่านอารีย์มาเปิดตรงนี้เช่นกัน
หรือถ้าข้ามไปฝั่งสาทร บริเวณถนนเจริญกรุงก็จะมี Central บางรัก ที่เพิ่ง Renovate ใหม่ไป และตัวถนนเจริญกรุงเองก็จะมีร้านของกินต่างๆ เยอะเช่นเดียวกันครับ ซึ่งสำหรับฝั่งสาทรช่วงที่ใกล้กับโครงการนอกจากจะมีห้างและร้านอาหารต่างๆ แล้วก็จะมีโรงเรียนเก่าแก่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอัสสัมชัญ, อัสสัมชัญศึกษา, อัสสัมชัญคอนแวนต์, วัดสุทธิ, กรุงเทพคริสเตียน, เซนต์หลุยส์ศึกษา รวมไปถึงโรงเรียนนานาชาติอย่าง Shrewsbury ด้วยครับ
อีกย่านที่ใกล้กับโครงการก็จะเป็นย่านวงเวียนใหญ่ ตรงนี้ก็จะมีทั้งตลาดวงเวียนใหญ่ และห้าง Platform ที่จะมีร้านอาหารต่างๆ อยู่ ส่วนอีกจุดที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของย่านฝั่งธนเลยก็ว่าได้ ก็จะเป็นย่าน The Mall ท่าพระครับ จะอยู่ห่างจากโครงการไปแค่ 2 สถานีที่ BTS ตลาดพลู ก็เป็นห้างที่มีของต่างๆ ค่อนข้างครบครันทั้งร้านอาหาร, Gourmet Market, ของใช้ต่างๆ รวมไปถึงตลาดที่อยู่บริเวณใกล้ๆ นอกจากนี้ก็จะไม่ไกลจากตลาดพลูที่เป็นย่าน Streetfood ชื่อดังอีกแห่งนึงครับ
นอกจากนี้ถ้าตรงขึ้นไปตามถนนประชาธิปก ข้ามสะพานพุทธไปก็จะเป็นย่านพาหุรัด-ปากคลองตลาด ที่มีทั้งโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนราชินี โรงเรียนวัดราชบพิธ หรือในด้านไลฟ์สไตล์ก็จะมีทั้งดิโอลด์สยาม เมก้าสะพานเหล็ก ตลาดสำเพ็ง เป็นต้น เรียกว่าแค่ระยะไม่กี่กิโลจากโครงการก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญเยอะเลยครับ

รูปแบบและคอนเซ็ปต์ของโครงการ
คอนโด High Rise 2 อาคาร ดีไซน์เรียบหรู

สำหรับ Segment ของคอนโดมิเนียม ทาง SC Asset จะแบ่งเป็น 4 Segment หลักๆ ด้วยกัน คือกลุ่ม Ultra Luxury ราคาเฉลี่ย 300,000 บาท/ตารางเมตร ขึ้นไป จะมีโครงการอย่าง Saladaeng One, Beatniq และ 28 Chidlom ถ้าขยับลงมาหน่อยก็จะเป็น Luxury ราคาเฉลี่ย 200,000 – 300,000 บาท/ตารางเมตร จะมีแบรนด์ The Crest ต่อไปก็จะเป็น Mid-tier ระดับกลาง-บนราคาเฉลี่ย 150,000 – 200,000 บาท/ตารางเมตร เป็น Segment คอนโดระดับพรีเมี่ยมที่ราคาเริ่มต้นประมาณสามล้านปลายๆ ซึ่งแต่ก่อนจะมีแบรนด์ Centric ส่วนปัจจุบันจะเห็นในแบรนด์ Reference และสุดท้ายกลุ่ม Mass ราคาเฉลี่ย 80,000 – 150,000 บาท/ตารางเมตร จะเป็น Segment ที่ราคาจับต้องได้ง่าย จะเป็นแบรนด์ Chambers และ Cobe ครับ
ก็จะเห็นการแบ่งแต่ละ Segment ไปแล้ว โครงการ Reference สาทร – วงเวียนใหญ่ ก็จะอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางบนของทาง SC Asset ที่นี่เลยค่อนข้างจะมีดีเทลและรายละเอียดต่างๆ ภายในโครงการและมีส่วนกลางที่ค่อนข้างจัดเต็มทีเดียว อย่างสไตล์การออกแบบของที่นี่จะมาใน Mood&Tone ที่เรียบหรู แต่มีรายละเอียดต่างๆ ซ่อนอยู่ มีลูกเล่นของเส้นสายจากทรงเรขาคณิต เราจะเห็นเส้นโค้งและซุ้มโค้ง มีงานสถาปัตย์ที่อิงจากรูปทรงและความโค้งเว้าอยู่แทบจะทุกจุดของตัวโครงการ นอกจากนี้ยังมีการดึงเอาพระจันทร์มาเป็น Element นึงในการออกแบบ อย่าง Lobby ของโครงการก็จะมีการตีความตามคอนเซปต์ นำพระจันทร์มาไว้ใน Lobby หรืออย่างสระว่ายน้ำชั้น Rooftop ที่จะมีความเป็นสระว่ายน้ำใต้แสงจันทร์ครับ โดยรวมทำให้ที่นี่ให้ฟีลลิ่งที่มีความ Luxury แต่ก็ยังมีความเก๋อยู่ด้วยเหมือนกัน ให้ฟีลเหมือนอยู่ใน Art Gallery ครับ เรื่องดีไซน์ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นนึงของที่นี่เลยครับ
แบรนด์ Reference ถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ของทาง SC Asset พอสมควร ซึ่งโครงการแรกที่เปิดก็คือ Reference สาทร – วงเวียนใหญ่นี่เองเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วครับ จนตอนนี้สร้างเสร็จแล้ว และกำลังจะมีอีก 2 โลเคชั่นตามมา ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็เพิ่งเปิดตัว Reference เอกมัยไป ทำเลดีมากครับ และอีกไม่นานก็จะเปิดตัวทำเลเกษตรกับ Reference เกษตร ดิสทริค ซึ่งแต่ละโครงการจะมีคอนเซ็ปต์ร่วมกันคือ Find Inspiration in design ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปต์หลักจะเหมือนกัน แต่การออกแบบและดีไซน์แต่ละโครงการไม่เหมือนกันนะครับ เขาก็จะออกแบบตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละโลเคชั่นเลย
อย่างตัว Reference สาทร – วงเวียนใหญ่ จะเป็นคอนโด High Rise ส่วนที่พักอาศัยมีทั้งหมด 2 อาคารด้วยกัน อาคารด้านหน้าจะสูง 32 ชั้น และอาคารด้านหลังสูง 51 ชั้น เรียกได้ว่าถ้าเราขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 51 วิวที่ได้จะเปิดโล่งมากๆ ในทุกทิศทางเลยครับ โดยเฉพาะในชั้น 50 – 51 ที่เป็นชั้นสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ออกมาสวยฮะ
ในด้านตัวห้องที่มีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Studio ไปจนถึง 2 Bedroom เลย แต่สำหรับใครที่อยากได้ห้อง 2 Bedroom ทั้งโครงการมี 66 ยูนิต ขายหมดไปแล้ว ตอนนี้ก็จะเหลือStudio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms New Series ที่เป็นห้อง Combine ซึ่งก็ใกล้หมดแล้วเช่นกัน ซึ่งถ้าอยากได้ห้องใหญ่ก็ยังสามารถ Combine ห้องได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือเขาขายห้องแบบ Fully Furnished ครับ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์หรือมุม Built-in ต่างๆ เขาให้มาแบบครบถ้วนมากๆ เราแทบไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเลย แถมยังมีมุม Walk-in Closet ตั้งแต่ห้อง Studio เลย ถึงขนาดห้องเริ่มต้นจะไม่ได้ใหญ่ แต่จัดสรรพื้นที่และฟังก์ชันออกมาได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าใช้ทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า แถมถ้าเราอยากจะแต่งห้องเพิ่มเอง ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ได้เพิ่มสีสันความเป็นตัวเองเข้าไป
ความน่าสนใจในเรื่องงานดีไซน์ของส่วนกลางที่นี่ พูดแล้วอาจจะยังไม่ค่อยเห็นภาพ เดี๋ยวเราขอพาไปชมแต่ละจุดกันครับ




ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | Reference Sathorn – Wongwianyai (เรฟเฟอเรนซ์ สาทร – วงเวียนใหญ่) |
Developer : | SC Asset |
เนื้อที่โครงการ : | 3-2-72.8 ไร่ |
จำนวนห้องพักอาศัย : | ห้องพักอาศัย 789 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | High Rise 2 อาคาร : อาคาร A สูง 32 ชั้น / อาคาร B สูง 51 ชั้น |
ลิฟต์ : | อาคาร A ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว อาคาร B ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว |
ที่จอดรถ : | 45% |
ค่าส่วนกลาง : | 70 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
ค่ากองทุน : | 550 บาท/ตารางเมตร |
Facility : | อาคาร A – Mood Lobby, Lunar Lounge, Crescent Pavilion Floating, Terrace, Play Yard, Over The Moon Active Club, Yoga&Pilates และ Moon Deck อาคาร B – Orbit Co-space, Moon Cave Swimming Pool, Eclipse Onsen และ Fly to The Moon Lounge |
แบบห้อง : | Studio ขนาด 24 – 27 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 31 – 32 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 30.59 – 51.8 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 63.12 – 72.85 ตารางเมตร |
ราคา : | 3.69 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 140,000 บาท/ตารางเมตร |
สถานะโครงการ : | สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ |
พื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 1
มีจุด Drop-off ขนาดใหญ่ ด้านในเต็มไปด้วยพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ทำงาน



ที่นี่เขาจะมีทั้งหมด 3 อาคาร 2 อาคารพักอาศัย และ 1 อาคาร Commercial หน้าสุด ที่จะเป็น Foodland ส่วนอาคารพักอาศัยแบ่งเป็นอาคาร A อยู่ด้านหน้า มี 32 ชั้น และอาคาร B อยู่ด้านหลังมี 51 ชั้น เดี๋ยวผมจะเล่าไปทีละอาคารนะครับ ขอเริ่มจากอาคาร A ที่อยู่ด้านหน้าก่อนเลย อาคารนี้เป็นเหมือน Lobby หลักของโครงการ ถ้าขับรถมาจอดตรงจุด Drop-off ก็จะเจอ Moon Lobby ก่อนเลย เป็นเหมือน Lobby สำหรับ Guest จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง พื้นที่ฝั่งขวาจะเป็นที่นั่งขนาดใหญ่ จัดเรียงเป็นวงกลม ส่วนพื้นที่ฝั่งซ้ายจะมีเคาน์เตอร์ต้อนรับ ชุดโซฟา และเก้าอี้ มีการประดับด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ ลายและ Texture คล้ายกับดวงจันทร์ ตามคอนเซ็ปต์ของชื่อห้องเลยครับ Moon Lobby ด้านในเขาจะมี Mail Box ด้วยนะครับ ทั้งอาคาร A และ B จะอยู่รวมกันหมดเลย แต่แบ่งโซนเอาไว้ว่ามุมไหนเป็นของอาคารไหน
ถ้าเข้าไปด้านในก็จะเจอกับ Lunar Lounge อยู่ติดกันเลย แต่จะมีประตูบานเลื่อนอัตโนมัติกั้นไว้ เข้าได้เฉพาะลูกบ้านฮะ ห้องนี้ก็จะมีพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่ทำงานเยอะเลย ใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกก็ได้นะ เผื่ออยากคุยงาน แต่ไม่ได้อยากพาขึ้นห้อง ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าในการนัดคนเข้ามาพูดคุย ซึ่งในห้องนี้เองก็จะเดินเข้าไปยังโถงลิฟต์ได้เลย แล้วถ้าอยากจะเชื่อมไปยังอาคาร B ก็สามารถเชื่อมผ่าน Lunar Lounge ได้เลยนะครับ เดินผ่านสวนและน้ำพุเล็กๆ ไปก็จะเจอกับโถงลิฟต์ของอาคาร B แล้ว
สำหรับอาคาร B จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Orbit Co-space อยู่ เป็นเหมือนพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน มีห้องประชุมแบบจริงจังมาให้ 2 ห้อง ด้านในแบ่งเป็นหลายโซน ทั้งโต๊ะยาว โต๊ะกลม โซฟา และที่นั่งสำหรับนั่งคนเดียว ไม่อยากอะไรกับใครก็มีเหมือนกัน ส่วนด้านบนก็จะเป็นพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนเหมือนกันครับ มีให้เลือกนั่งหลายมุม ก็เรียกได้ว่าพื้นที่ชั้น 1 ของทั้ง 2 อาคาร เต็มไปด้วยพื้นที่ทำงาน พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ จะมาทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ลูกบ้านเลย
ด้านนอกตัวอาคารที่อยู่ด้านหลังก็จะมี Zero Waste Park ด้วยนะครับ เป็นพื้นที่นั่งเล่นด้านนอกที่ตกแต่งสวนเอาไว้ให้ เดี๋ยวเราไปดูพื้นที่ส่วนกลางของจริงกันต่อเลย

Drop-off
บริเวณหน้าสุดของโครงการจะเป็นพื้นที่อาคาร Retail ที่ตอนนี้ได้ร้านที่จะมาลงเป็น Foodland ครับ มีจุดจอดรถแยกต่างหาก โดยที่ถ้าเดินเชื่อมมาด้านในก็จะถึงกับจุด Drop-off ของโครงการที่มีขนาดค่อนข้างกว้างมากทีเดียว ตรงกลางจะเป็นม่านน้ำพุขนาดใหญ่เลย ถ้าเราอยู่ใน Moon Lobby และ Orbit Co-space เวลามองออกมาด้านนอกตัวอาคาร จะได้วิวม่านน้ำตกตรงนี้ด้วยครับ ด้วยความที่มี Drop-off ค่อนข้างกว้าง ทางโครงการเลยทำจุดจอดมาให้แท็กซี่กับ MuvMi ด้วย สามารถจอดรอได้ 3 คันได้สบายๆ เป็นโซนใต้ตึก สามารถใช้งานสะดวกในช่วงฤดูฝน และยังมีพื้นที่เหลือให้จอดรอรอบนอกได้อีกนิดหน่อยในกรณีถ้ารถมาจุด Dropoff พร้อมกันเยอะๆ ก็ถือว่าสะดวกมากๆ เพราะผมเคยอยู่คอนโดที่มีแต่จุด Drop-off แต่ไม่มีที่จอดหลบ พอมีรถคันอื่นมาต่อ รถของเราก็ไม่สามารถจะจอดรอนานๆ ได้ ต้องขับวนอยู่หลายรอบเลย แถมยังมีบริการ MuvMi มาจอดถึงหน้าคอนโดเลย ซึ่งพื้นที่ให้บริการของ MuvMi ในโซนวงเวียนใหญ่ค่อนข้างกว้างเลยครับ มีไป Sena Fest, ICONSIAM และที่อื่นๆ ใกล้เคียงอีกเยอะเลย ลองเข้าไปดูในแอปฯ ของ MuvMi กันได้ฮะ




Moon Lobby
ประตู Lobby จะเป็นประตูเลื่อนแบบอัตโนมัติครับ เข้ามาแล้วก็จะมีที่นั่งอยู่ 2 ฝั่งเลย ตรงกลางเป็นเคาน์เตอร์ และถ้าเพื่อนๆ มองไปทางซ้ายก็จะเห็นโคมไฟขนาดใหญ่ที่เหมือนกับดวงจันทร์ตามชื่อของ Lobby ด้านนอกจะมีพื้นที่นั่งเล่น มาพร้อมบ่อน้ำพุที่ช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี เวลาที่ลูกบ้านเดินเข้ามาในโครงการจากร้านค้าด้านหน้าก็จะผ่านโซนนี้ เราที่นั่งอยู่ก็จะได้เห็นผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดทั้งวัน



ด้านในจะเป็นห้องจดหมาย เขาแบ่งเป็นโซนอาคาร A กับ B ไว้อย่างชัดเจนเลย ตัวตู้จดหมายจะใช้คีย์การ์ดในการเปิดประตู ไม่ต้องพกกุญแจให้เกะกะ นอกจากนี้โครงการก็จะมีโซนตู้ Smart Locker ไว้ให้ด้วยครับ


Lunar Lounge
เข้าประตูตรง Moon Lobby มาก็จะเจอ Lunar Lounge เป็นห้องขนาดใหญ่ มีที่นั่งเยอะ ด้วยความที่ใช้ผนังเป็นสีขาวครีมแล้ว พวกเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ โซฟา หรือโต๊ะเล็กๆ เลยใช้สีเทา ดำ และทองแทน เพื่อไม่ให้ห้องดูจืดจนเกินไปครับ




Orbit Co-space
ถ้าเราเดินมาที่อาคาร B ผ่านโถงลิฟต์ขนาดใหญ่มาแล้วเลี้ยวขวา ก็จะเจอกับ Orbit Co-space เป็นโซนขนาดใหญ่ มี 2 ชั้น ฟังก์ชันของห้องนี้ก็จะเป็นห้องที่เน้นมานั่งทำงานเป็นหลักครับ มีโซนสำหรับนั่งทำงานหลายโซน หรือจะมานั่งพักผ่อนก็ได้เช่นกัน บรรยากาศห้องสูงโปร่ง โดดเด่นด้วยโถงบันไดวนกลางห้องที่เป็นทรงโค้งยาวขึ้นไป รับกับซุ้มประตูและหน้าต่างแบบโค้งด้านบนพอดี




ด้านล่างจะมีห้องประชุมแบบเพดานสูง 2 ห้อง แต่ละห้องนั่งได้ 6-8 ที่นั่ง



มีพื้นที่พักผ่อนหลายจุด ด้านในก็จะมีโต๊ะทำงานให้เลือกหลายแบบทั้งแบบนั่งเป็นกลุ่มและนั่งเดี่ยวๆ วิวด้านนอกก็จะเป็นสวน ม่านน้ำตก และจุด Drop-off ครับ




ขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเป็นโซนนั่งทำงานอีกโซน มีพื้นที่โซฟาสำหรับมาพักผ่อนได้ ห้องบนนี้เป็นอีกจุดของโครงการที่ดีไซน์ออกมาน่าใช้งานครับ



สวนเชื่อม 2 อาคารบนชั้น 10
เป็นชั้นที่ถ่ายรูปได้ทุกมุม แต่ก็ใช้งานได้จริงทุกมุมเช่นกัน




ถ้าถามว่าอาคาร A กับอาคาร B เชื่อมกันยังไง นอกจากชั้น 1 แล้ว จะบอกว่าสามารถเดินผ่านกันไปมาที่ชั้น 2 บริเวณจอดรถและชั้น 10 ได้เช่นกันครับ อย่างเรามีห้องพักอยู่ที่อาคาร A แต่อยากไปใช้ส่วนกลางของอาคาร B ก็มาขึ้นลิฟต์ที่ชั้น 10 ได้เลย ซึ่งชั้นนี้เองเขาก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางด้วยเช่นกัน และขนาดค่อนข้างใหญ่ด้วยครับ
ชั้นนี้ถ้าเดินออกมา อย่างแรกที่สวยสุดสะดุดตาก็คงจะเป็นทางเดินซุ้มโค้งสีขาวครีมครับ แล้วพอมองไปทางซ้ายก็จะเจอกับ Crescent Pavilion เป็นอาคารทรงกระบอกที่โค้งเสมอกัน เหมือนเป็นปราสาทที่อยู่บนน้ำ มีซุ้มโค้งอยู่ทั้งสองฝั่ง ด้านในมีที่นั่งให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า ส่วนด้านข้างจะเป็น Floating Terrace เป็นที่นั่งบนแท่นวงกลม เหมือนเป็นตัวแทนของดวงจันทร์ครับ อีกด้านเขาจะเป็นสวนสีเขียว มีพื้นที่พักผ่อนตามมุมต่างๆ มีสไลเดอร์ให้เล่นด้วย
ก็ต้องบอกว่าเป็นชั้นที่ทำให้อยากยกกล้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมากๆ เป็นพื้นที่พักผ่อนที่เราไม่จำเป็นต้องมองวิวเมือง วิวอาคารบ้านช่องใครเลย แต่วิวที่เขาสร้างสรรค์มาให้แล้วนี่แหละครับ น่ามองมากๆ

Crescent Pavilion & Floating Terrace
พื้นที่ทั้งหมดแทบจะตกแต่งด้วยสีขาวครีมครับ ตั้งแต่ทางเดินซุ้มโค้ง ไปจนถึง Pavilion ที่ก็เป็นศาลาซุ้มโค้งเช่นเดียวกัน ด้านในมีที่นั่งพักผ่อนให้ ด้านหน้าเป็นบ่อน้ำตื้นๆ ไม่สามารถว่ายได้นะครับ แต่เป็นบ่อน้ำที่เสริมให้ตัวศาลาซุ้มโค้งเองดูสวยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าสวย เราจะได้เห็นทั้งน้ำ ศาลา และท้องฟ้า อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ครับ ว่าเป็นภายในโครงการวิวที่สบายตามากๆ
ส่วน Floating Terrace แท่นวงกลมที่ยื่นเข้าไปในน้ำ มีเก้าอี้ให้เราได้พักผ่อน มีความใกล้ชิดกับน้ำมาก อย่างกับนั่งอยู่บนน้ำยังไงยังงั้นเลยฮะ ด้านข้างก็จะมีทั้งต้นไม้และพุ่มไม้ เพื่อไม่ให้ทุกอย่างดูขาวครีมมากเกินไป การใช้สีเขียวของต้นไม้เข้ามาตัด บวกกับสีฟ้าจากน้ำ ก็ทำให้เราได้เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเหมือนกันนะ แต่อาจจะเป็นธรรมชาติแบบคนเมืองสักหน่อยนะฮะ 555+




Play Yard
สนามเด็กเล่นที่มีทั้งสนามหญ้า พื้นที่พักผ่อน และสไลเดอร์ ซึ่งการตกแต่งเองก็คุม Theme กับ 2 โซนก่อนหน้านี้ด้วยครับ แล้วก็ใช้กำแพงกับซุ้มโค้งมาทำเป็นมิติ ดูมีลูกเล่น มีความน่ามอง จากรูปเพื่อนๆ ก็จะเห็นว่าเขาพยายามใส่ต้นไม้มาค่อนข้างเยอะ ผมว่าในอนาคตที่ต้นไม้ได้โตและแผ่ขยายกิ่งก้านให้สูงและใหญ่ออกไป โซนนี้ก็จะเป็นอีกโซนที่มีความร่มรื่นและมีเงาจากต้นไม้คอยบังแดด เป็นอีกมุมที่บรรยากาศดีแน่นอน



ฟิตเนสแบบเหมาฟลอร์ วิวเมืองชั้น 31
อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร A เป็นพื้นที่ออกกำลังกายทั้งชั้น
อาคาร A จะมีพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด 3 ชั้น คือที่ชั้น 1, ชั้น10 ที่เราเพิ่งพาเพื่อนๆ ไปดูมา และชั้น 31 ครับ ชั้นนี้จะเน้นไปที่การออกกำลังกายทั้งหมดเลย ทางโครงการเขาจะเรียกชั้นนี้ทั้งชั้นว่า Over the Moon Active Club ถ้าเราเดินออกจากลิฟต์เลี้ยวมาทางขวามือจะเป็นโซนของ Fitness ก็จะมีเครื่องออกกำลังกายครบเลย ทั้ง Cardio และ Weight Training (ถ้าจะมีจุดที่ติดนิดนึงก็คือลู่วิ่งถ้าให้มาเยอะกว่านี้อีกหน่อยก็น่าจะดีครับ แต่อุปกรณ์อื่นๆ ก็ถือว่าให้มาครับ) ตรงทางเดินเขาจะมี Moon Deck ด้วยนะ เป็นพื้นที่นั่งรับลมชมวิว แต่จะอยู่ด้านนอก เปิดประตูออกไปก็จะเห็นว่ามีที่นั่ง รายล้อมไปด้วยสวน สามารถมองเห็นวิวเมืองได้ เวลาออกกำลังกายเหนื่อยๆ แล้วยังไม่อยากตัวเปียกๆ เข้าไปในห้องของตัวเอง ก็มานั่งชิวๆ รับลมโซนนี้ก่อนได้
ส่วนโซนฝั่งซ้ายก็จะมีห้องออกกำลังกายอีก 2 ห้องครับ ห้องนึงจะเป็น Pilates จะมีเครื่องสำหรับเล่น Pilates มาให้ทั้งหมด 2 เครื่อง และห้อง Yoga ที่มีอุปกรณ์มาให้ ห้องนี้ค่อนข้างใหญ่และโล่ง สามารถมาเล่นโยคะพร้อมๆ กันหลายคนได้เลย

Fitness
ห้องนี้มาในโทนสีขาวครีมคุม Theme สุดๆ ตั้งแต่พื้น ผนัง ไปจนถึงเพดาน ตัวพื้นมีการใช้สีดำเข้ามาตัด ตัวเครื่องออกกำลังกายเองก็เป็นสีดำ แต่ตรงด้านในที่เป็นโซนลู่วิ่งกับ Weight Training เพดานเขาจะมีลูกเล่นตรงไฟสีส้มสลับกับฝ้าที่เป็นลอนคลื่น และแน่นอนว่าเขามีทิ้งเส้นสายลายโค้งหน้าต่างทุกด้านมีซุ้มโค้งปิดเอาไว้หมดเลย แทบจะไม่เห็นเหลี่ยมที่มุมไหนเลย พอเล่นกับ Lighting ก็เป็นอีกห้องนึงที่ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ ครับ




Moon Deck
เปิดประตูออกมาจะเจอกับวิวเมืองแบบสุดลูกหูลูกตาเลยฮะ จะมีเก้าอี้มาให้พักผ่อน 2 ตัว ด้านข้างมีต้นไม้ประดับ ถ้าต้นไม้โตกว่านี้ ผมว่ามุมนี้จะเป็นมุมที่ร่มรื่นและไม่ร้อนมากครับ มานั่งตอนกลางคืนก็จะให้อารมณ์อีกแบบ ยิ่งถ้ามีลมพัดเย็นๆ นั่งได้ยาวๆ เลย

Pilates
ก่อนถึงห้องโยคะก็จะผ่านห้อง Pilates ก่อน หน้าห้องจะเป็นกระจกโค้ง ด้านในเน้นสีขาวครีมเหมือนเดิม แต่พื้นและขอบหน้าต่างจะเป็นสีดำ ตัวผนังฝั่งที่อยู่ด้านนอกอาคารจะมีมุมที่เป็นหน้าต่างกระจกแบบโค้งด้วย นอกจากนี้ก็จะมีทีวีติดตั้งมาให้ เผื่อเราไม่ได้มีครูสอนส่วนตัว ก็สามารถเปิดคลิปผ่านทีวีได้ครับ

Yoga
ห้องนี้แทบจะได้หน้าต่างกระจกแบบ Full Height ทั้งหมดเลย ห้องมีขนาดที่ใหญ่มาก ถ้าเราอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถปิดม่านได้นะครับ แต่ถ้าอยากออกกำลังกายไปชมวิวไปก็สามารถเปิดไว้ได้เช่นกัน ขนาดห้องค่อนข้างกว้างครับ มาเล่นพร้อมกันหลายคนได้ หรือจะจองใช้แบบไพรเวทผ่าน Application หรือแจ้งนิติได้เลยครับ


โซนสระว่ายน้ำ Rooftop ชั้น 50 – 51
ได้สระว่ายน้ำทั้งชั้น มาพร้อม Onsen แบบส่วนตัว และ Lounge ที่มาพักผ่อนได้




มาถึงพื้นที่ส่วนกลางชั้นสุดท้ายกับชั้น 50 และ 51 เป็นชั้นที่สูงที่สุดของโครงการแล้วครับ จะบอกว่าวิวที่ได้คือสูงมากกกกก ละแน่นอนเขาไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ความเป็นดวงจันทร์ ขึ้นมาสูงขนาดนี้ ทุกพื้นที่ก็ยังคงเป็นสีขาวครีมและซุ้มโค้งครับ ในชั้น 50 เนี่ย จะเป็น Moon Cave Swimming Pool ที่เป็นสระว่ายน้ำที่กินพื้นแทบทั้งหมดเลย ดังนั้นเราจะได้วิวแบบรอบด้าน แล้วด้วยความที่เขาทำด้านบนเป็น Fly To The Moon Lounge ครอบสระว่ายน้ำเอาไว้ ทำให้ด้านล่างจะเป็นเหมือนกับถ้ำตามชื่อ Moon Cave เลย ด้านข้างก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นริมสระด้วย
ส่วนอีกฝั่งนึงที่เป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 51 ได้ เขาทำเป็นบันไดสีขาวครีม อยู่ติดกับอีกสระนึงครับ แต่ไม่ได้เน้นว่ายหรือออกกำลังกายนะ ฝั่งนี้จะเน้นไปทางแช่น้ำพักผ่อนหย่อนใจไปกับวิวเมืองมากกว่า มีฟังก์ชันเป็นบ่อ Jacuzzi อยู่ในสระฝั่งนี้ครับ
ถ้าเราขึ้นไปยังชั้น 51 ก็จะเจอห้อง Eclipse Onsen มีบ่อแช่น้ำ 1 บ่อ ที่สามารถมองวิวด้านนอกได้ด้วย ในห้องนี้ก็จะมีทั้งห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ อ่างล้างหน้า และ Locker ครบเลย แช่น้ำจนสบายตัวแล้วก็มาพักผ่อนต่อที่ Fly To The Moon Lounge ได้ฮะ จะเป็นห้องที่เราสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้ มีหลากหลายมุมเลย

Moon Cave Swimming Pool
ใครที่ออกมาจากลิฟต์แล้วเห็นวิวที่ชั้นนี้ก็ต้องมีอึ้งกันบ้างอ่ะครับ เพราะเขาทำถึงเกิน สวยจริง เหมือนอวยป่ะ เหมือนเนอะ แต่มันสวยจริงๆ นะครับ ของจริงสวยกว่าในรูปที่ถ่ายมาอีกด้วย ทั้งงานดีไซน์บวกกับทั้งวิว ฝังนึงจะมี Fly to The Moon Lounge ครอบเอาไว้ เป็นเหมือนถ้ำเล็กๆ ที่เราสามารถว่ายน้ำผ่านไปมาได้ ส่วนอีกฝั่งก็เป็นซุ้มโค้งขนาดใหญ่ สูงตั้งแต่ชั้น 50 ไปจนถึงชั้น 51 เลย มีพื้นที่พักผ่อน และโซนแช่น้ำด้วย ซึ่งเขาทำเส้นโค้งทุกเส้นออกมาได้มนแบบเกลี้ยงเกลามากๆ









Eclipse Onsen
ห้องนี้จะเป็นบ่อน้ำร้อนทรงกลม มีหน้าต่างขนาดใหญ่เอามาไว้ให้เราดูวิวเวลาแช่น้ำด้วย ตรงบ่อจะมีกำแพงกั้นนะครับ จะโล่งแค่ตรงทางเข้านิดหน่อย มีความเป็นส่วนตัวอยู่นะ ด้านหน้าจะมีอ่างล้างหน้า Locker ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

Fly To The Moon Lounge
ห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ครับ จะมานั่งพักผ่อน หรือมานั่งทำงานก็ได้ อย่างวันที่ผมไปเขามีจัดปาร์ตี้ที่ห้องนี้ พื้นที่ก็ไม่ได้ดูเล็กเลย สามารถจุคนได้เยอะ และด้วยความที่ตัวห้องอยู่ด้านบนสุด แถมอยู่ริมอาคารอีก เวลามองลงไปนอกหน้าต่างหวาดเสียวมากฮะ รู้สึกว่าเราอยู่สูงมากกกกก แต่ก็ได้วิวสวยๆ ปีใหม่ก็มองเห็นพลุจากฝั่ง ICONSIAM ด้วย ส่วนในวันปกติห้องนี้ก็สามารถรับวิวแม่น้ำได้กว้างๆ




คอนโดที่ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา
วิวเปิดโล่ง เห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา สูงที่สุดในย่านแทบไม่มีอาคารโดยรอบมาบังวิว

ที่นี่มีวิวให้เราได้มองเห็นหลากหลายแบบเลยครับ จุดเด่นอยู่ที่วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีหลายมุม จริงอยู่ที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ใกล้กับแม่น้ำ แต่ด้วยทำเลที่รายล้อมไปด้วยอาคารบ้านช่องที่ไม่ได้สูง ด้านหลังโครงการเองถ้ากฎหมายไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ด้วยความเป็นซอยขนาดเล็กก็จะขึ้นตึกสูงไม่ได้ ทำให้วิวค่อนข้างโล่งเป็นระยะไกลครับ ส่วนด้านข้างที่ใกล้ที่สุดของตัวโครงการจะมีโครงการ The Rich ที่อาจจะบังวิวบ้างเล็กน้อย แต่ตัวอาคาร A ก็ถือว่าอยู่ห่างพอสมควรเลยและไม่มีห้องหันเข้าหาแบบตรงๆ อีกทั้ง The Rich ยังสูงแค่ 23 ชั้น ในขณะที่อาคาร A สูง 32 ชั้น ทำให้ชั้นสูงๆ The Rich ก็ไม่สามารถบังได้ฮะ หรือตัวโครงการ The Room ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร สูง 28 ชั้นเองก็ไม่ได้บังวิวเมืองหรือวิวแม่น้ำ เพราะตัวโครงการอยู่เยื้องกัน ไม่ได้ทับไลน์กัน ยังมีวิวที่เปิดโล่งอีกเยอะเลย ส่วนอาคาร B ที่มี 51 ชั้น แน่นอนว่ายิ่งชั้นสูงยิ่งไม่มีตึกอะไรมาบังแล้วครับ สูงที่สุดในโซน BTS วงเวียนใหญ่แล้วด้วยครับ
ห้องฝั่งทิศใต้ (วิวแม่น้ำฝั่งเอเชียทีค)

ฝั่งทิศใต้จะเป็นฝั่งด้านหลังโครงการที่ไม่ได้มีตึกสูงรอบๆ และตามกฎหมายซอยขนาดเล็กก็ไม่สามารถขึ้นตึกสูงได้ฮะ วิวก็เลยจะเปิดโล่งมากๆ มีอาคารสูงอีกทีไม่ริมก็อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าาพระยาบนถนนเจริญนครไปเลย ยิ่งอาคาร B สูง 51 ชั้นด้วยแล้ว วิวที่ได้จากมุมสูงก็จะยิ่งดูกว้างเลยครับ
จากรูปเพื่อนๆ ก็จะเห็นทั้งวิวเมืองและวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ยาวไปจนถึงสะพานพระราม 3 เห็นเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ด้วย วิวที่ได้ถือว่าดีมากๆ ไม่ว่าจะดูจากห้องตัวเองหรือขึ้นมาดูที่พื้นที่ส่วนกลาง
ห้องวิวฝั่งทิศเหนือ (วิวเมืองจากฝั่งวงเวียนใหญ่)

ฝั่งทิศเหนือจะเป็นฝั่งด้านหน้าโครงการ เราจะเห็นรถไฟฟ้าวิ่งผ่านได้จากทางหน้าต่างของเราเลย ส่วนไกลออกไปจะเห็นเป็นวิวเมืองในฉากหลัง ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีอาคารสูงมาบัง วิวที่ได้ก็จะเป็นวิวเมือง วิวอาคารล้วนๆ ยังเห็นวิวแม่น้ำอยู่แต่อาจจะไกลหน่อย แต่ถ้าเพื่อนๆ อยู่อาคาร B ก็จะมีห้องที่หันมาเจอห้องกับอาคาร A อยู่บ้าง แต่ถ้ามองลงไปด้านล่างก็จะได้วิวพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 10 ด้วยครับ
ถึงแม้จะไม่ได้วิวแม่น้ำอิ่มเต็มตา แต่บรรยากาศโดยรอบก็ค่อนข้างเปิดกว้างและโล่ง ถ้าเราอยากเห็นวิวในมุมมองทิศทางอื่นๆ ก็ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่เราสามารถไปใช้งานแทนได้ฮะ
วิวห้องฝั่งทิศตะวันออก (วิวแม่น้ำฝั่งสะพานตากสิน)

ฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นฝั่งที่เราอยู่เยื้องกับโครงการ The Room จะเห็นตั้งแต่ BTS สถานีกรุงธนบุรียาวๆ ไปจนถึงาสะพานตากสินเลย มีเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกัน แต่อาจจะไม่เปิดโล่งเท่าฝั่งทิศใต้ แต่แลกมากับวิวตึกย่านสาทรที่ตอนกลางคืนจะมีแสงสีมากกว่า
วิวฝั่งนี้เราสามารถมองเห็นพลุจากไอคอนสยามได้ด้วย เผื่อวันที่ 31 ธันวา หรือเทศกาลต่างๆ อยากมานั่ง Countdown ก็ไม่ต้องไปเบียดคนที่ห้าง นั่งดูอยู่ที่คอนโดของเราก็สะดวกสบายดีฮะ หรือถ้าไม่ได้ดูที่ห้อง ขึ้นมาดูที่ชั้น 51 ห้อง Fly To The Moon Lounge หรือชั้น 50 ตรงสระว่ายน้ำ หรือชั้น 31 ที่ Fitness เราก็จะได้เห็นพลุทั้งหมดเลย
แปลนอาคาร
อาคาร A เป็นอาคารเดียวที่มีที่จอดรถ ชั้นพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 10
อาคาร A
สำหรับชั้น 2 – 9 อาคาร A จะเป็นลานจอดรถทั้งหมดเลยครับ ลูกบ้านจะต้องมาจอดรถที่อาคาร A นะ เพราะว่าอาคาร B ไม่มีที่จอดรถครับ ชั้นพักอาศัยก็จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 10 เป็นต้นไป อาคาร A มีลิฟต์โดยสารมาให้ 3 ตัว ลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว มีบันไดหนีไฟ 2 จุด
อาคาร A แปลนอาคารแทบไม่ได้ต่างกันฮะ เหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง จะต่างก็ตรงมุมอาคารที่ชั้น 10 – 19 และ 21 จะเป็น 1 Bedroom Plus แต่พอเป็นชั้น 20 – 30 จะเปลี่ยนเป็น 2 Bedroom แทน ทำให้ชั้น 20 – 30 มีแค่ 10 ยูนิตเท่านั้นเองฮะ ส่วนชั้น 10 – 19 และ 21 ก็จะมี 11 ยูนิต มากกว่าแค่ 1 ยูนิตเท่านั้น ห้อง Studio เขาก็จะมีชั้นละ 2 ห้อง ส่วน 1 Bedroom จะมีชั้นละ 5 ห้อง
ชั้น 10 – 19 และ 21

ชั้น 20 – 30

อาคาร B
อาคาร B ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 49 เลยครับ จะมีห้องทั้งหมด 574 ยูนิต แน่นอนว่าห้องพักเยอะกว่า ลิฟต์โดยสารที่ได้ก็จะเยอะกว่าอคาร A ด้วย มีทั้งหมด 4 ตัว แล้วก็มีลิฟต์ดับเพลิงอีกตัวนึง บันไดหนีไฟมี 2 จุดเหมือนเดิม
ตั้งแต่ชั้น 2 – 9 ตัวห้อง Studio จะมีขนาด 24.19 ตารางเมตรทั้งหมดเลย แต่พอชั้น 10 – 19 และ 21 ห้อง Studio จะใหญ่ขึ้น เป็น 26.17 ตารางเมตรครับ นอกนั้นแปลนอาคารชั้น 2 – 19 และ 21 ก็จะเหมือนกันทั้งหมดเลย ชั้นนึงจะมี 13 ยูนิต เป็น Studio 4 ยูนิต, 1 Bedroom อีก 5 ยูนิต และ 1 Bedroom Plus 4 ยูนิต ซึ่งแตกต่างจากชั้น 20 / 22 – 24 และ 26 – 30 ตรงที่จะมี 12 ยูนิต เพราะว่า 1 Bedroom จะหายไป 2 ยูนิต แล้วเปลี่ยนเป็นห้อง 2 Bedroom แทนครับ
ชั้น 2 – 19 และ 21

ชั้น 20 / 22 – 24 และ 26 – 30

สำหรับชั้น 25 / 34 – 35 / 38 และ 45 ห้องมุมจากที่เป็น 1Bedroom Plus ก็จะเปลี่ยนเป็น 2 Bedroom แทนครับ ในชั้น 31 – 33 / 37 / 39 – 44 และ 46 – 49 ก็จะมี 2 Bedroom เพิ่มเข้ามาอีก ปกติแต่ละชั้นจะมี 2 Bedroom แค่ชั้นละห้องใช่มั๊ยครับ แต่ชั้นนี้มี 2 ห้อง เป็นห้องมุมกับห้องตรงกลาง เท่ากับว่าชั้นนี้จะมี 11 ยูนิต และสุดท้ายชั้น 36 จะเป็นชั้นเดียวที่มี 2 Bedroom ถึง 3 ยูนิตด้วยกัน ก็จะเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยน้อยที่สุดในอาคาร มีทั้งหมด 10 ยูนิตด้วยกัน
แปลนอาคารแต่ละชั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับ อย่างห้อง Studio ก็จะอยู่มุมเดิมตลอด 1 Bedroom Plus ด้านล่างก็เหมือนเดิม ขนาดเท่าเดิม จะมีแค่ฝั่งขวาและมุมด้านบนที่จะสลับสับเปลี่ยนระหว่าง 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom
ชั้น 25 / 34 – 35 / 38 และ 45

ชั้น 31 – 33 / 37 / 39 – 44 และ 46 – 49

ชั้น 36

แบบห้องที่มีให้เลือกตั้งแต่ Studio – 2 Bedroom
มีห้องที่สามารถ Combine เข้าด้วยกันได้ รองรับครอบครัวใหญ่
Studio : มี 4 ไทป์ให้เลือก Layout เหมือนกัน ต่างกันที่ขนาด

สำหรับห้องแบบ Studio จริงๆ จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 ไทป์ด้วยกัน A1 ขนาด 24.19 ตารางเมตร, A2 ขนาด 24.97 ตารางเมตร, A3 ขนาด 25.75 ตารางเมตร และ A4 ขนาด 26.17 ตารางเมตร เพื่อนๆ จะเห็นว่าแต่ละไทป์ขนาดไม่ได้ต่างกันมากเลยครับ แล้วแปลนห้องที่ได้ รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ก็ยังเหมือนกันด้วย
ห้องนี้ก็จะได้ครัวแบบเปิดอยู่ด้านหน้า ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำ ตรงกลางห้องจะเป็น Living Area ทั้งหมด ฐานเตียง ฐานโซฟาจะ Built-in มาให้เป็นชิ้นเดียวกัน มีตู้เก็บของเยอะมาก และมี Flexible Furniture ตรงตู้ที่สามารถดึงออกมาเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะกินข้าวได้ ส่วนระเบียงขนาดไม่ได้ใหญ่ครับ วางเครื่องซักผ้าก็แทบจะเต็มแล้ว
1 Bedroom : ได้ครัวปิดทุกห้อง พื้นที่กว้างทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน
ถ้าเป็น 1 Bedroom จะมีทั้งหมด 4 ไทป์ด้วยกันครับ คือ B1 ขนาด 31.88 ตารางเมตร, B2 ขนาด 31.24 ตารางเมตร, B3 ขนาด 31.28 ตารางเมตร และ B4 ขนาด 31.36 ตารางเมตร ตัว Layout ห้อง B1 จะคล้ายกับ B3 และ B2 จะคล้ายกับ B4 ดังนั้นผมจะเอามาให้ดู 2 แบบ คือ B1 และ B2 นะครับ
B1
31.88 ตารางเมตร

ห้องนี้เขาแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจนครับ อย่างด้านหน้าที่เป็นครัว ก็มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นให้ ครัวเขา Built-in มาให้พอดีทั้งฝั่งเลย อีกด้านสามารถวางตู้เย็นได้ ห้องนั่งเล่นก็วางได้ทั้งโซฟา โต๊ะกาแฟ ชั้นวางทีวี และโต๊ะกินข้าว ห้องนอนจะเป็นประตูบานทึบ มีมุม Walk-in Closet เช่นกัน ห้องน้ำก็จะเข้าจากทางห้องนอน
B2
31.24 ตารางเมตร

ห้องนี้จะต่างจากห้องก่อนหน้านี้ตรงเคาน์เตอร์ครัวจะเล็กกว่า ตู้เย็นจะวางข้างๆ เคาน์เตอร์เลย แต่มีที่สำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แทน ไม่ต้องไปวางที่ระเบียงฮะ ในส่วนของห้องนั่งเล่นก็จะมีความเล็กกว่า แต่เราจะได้พื้นที่ใช้สอยจากระเบียงเพิ่มขึ้นมา ตัวห้องนอนกว้างเหมือนเดิม มี Walk-in Closet เช่นกัน
1 Bedroom Plus : มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา ตำแหน่งจะอยู่มุมอาคารเท่านั้น
ต้องบอกว่า 1 Bedroom Plus เป็นห้องที่มีไทป์ให้เลือกเยอะที่สุดในโครงการเลยครับ มีทั้งหมด 9 ไทป์ด้วยกัน แต่ผมเลือกไทป์ที่ Layout ไม่ซ้ำกันมากมาให้เพื่อนๆ ได้ดูทั้งหมด 6 ไทป์ ซึ่งเอาจริงๆ 1 Bedroom Plus ที่นี่เขาจะเป็นระเบียงแบบ Double Screen Balcony ครับ ไม่ได้เป็นระเบียงเปิดทั่วไป แต่จะทำให้ห้องอเนกประสงค์เปิดประตูได้เหมือนกับเป็นระเบียงนึงเลย
C2
31.31 ตารางเมตร

ห้องนี้จะเป็นครัวเปิดอยู่ด้านหน้า พื้นที่ครัวค่อนข้างยาว มีมุมสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้ว เพราะเป็นห้องที่ไม่มีระเบียง โซนครัวก็จะอยู่ติดกับโซน Living ส่วนห้องอเนกประสงค์ก็จะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเอาไว้ให้ ห้องนอนจะเป็นประตูบานทึบ พื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะ ได้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ห้องน้ำเข้าออกได้ 2 ทาง
C3
31.77 ตารางเมตร

ห้องนี้จะได้เคาน์เตอร์ครัวแบบ L-shape เลย ซึ่งครัวมีพื้นที่วางทั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้าด้วย ด้านในมีมุมสำหรับวางโต๊ะกินข้าวโดยเฉพาะ มุมนั่งเล่นก็ค่อนข้างกว้าง ทั้งยังได้ช่องแสงเยอะด้วย ห้องอเนกประสงค์ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ส่วนห้องนอนค่อนข้างกว้าง ได้หน้าต่างกระจกแบบเข้ามุม ห้องน้ำก็จะเข้าจากห้องนอนฮะ
C4
33.61 ตารางเมตร

ห้องนี้จะได้เคาน์เตอร์ครัว L-shape เหมือนกันครับ วางเครื่องซักผ้าและตู้เย็นได้ แต่โซน Living จะต่างจากห้องอื่น ตรงที่เราสามารถวางโต๊ะกินข้าวหลังโซฟาได้เลย แต่ห้องอเนกประสงค์เขาไม่ได้ใหญ่มากครับ ข้างๆ มีระเบียงมาให้ด้วย ส่วนห้องนอนพื้นที่เหลือๆ เลยครับ วางโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานเพิ่มยังได้
C6
34.58 ตารางเมตร

ห้องนี้ Living Area ค่อนข้างโดดเด่นเลยครับ ครัวได้ครัวเปิด เคาน์เตอร์ L-shape วางตู้เย็นได้ เครื่องซักผ้าได้ แถมยังมีตู้เก็บของมาให้ด้วย ส่วนมุมนั่งเล่นก็วางโซฟาขนาดใหญ่ได้ ด้านหลังจะเป็นมุมกินข้าวหรือมุมทำงานก็ได้ฮะ เป็นเหมือนช่องลึกเข้าไป ทำให้เรามีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่ห้องอเนกประสงค์ขนาดไม่ใหญ่เลยฮะ
C7
33.18 ตารางเมตร

ห้องนี้จะเป็นครัวเปิดด้านหน้า มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้ ห้องอเนกประสงค์จะใหญ่กว่า 3 ห้องที่ผ่านมา ห้องนอนเป็นประตูบานทึบ มีความกว้าง สามารถวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มได้ พื้นที่เหลือๆ ส่วนห้องน้ำสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ก็มีความสะดวกเวลาที่เพื่อนๆ หรือแขกมาที่ห้อง
C8
33.44 ตารางเมตร

ห้องนี้ครัวเปิด เคาน์เตอร์ L-shape เหมือนกันฮะ แต่มุมนั่งเล่นจะอยู่ติดกับหน้าต่างเลย มีมุมกินข้าวเป็นช่องลึกเข้าไป ตรงกลางห้องจะดูโล่งๆ ส่วนห้องอเนกประสงค์จะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดเล็ก อาจจะวางเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้เยอะหรือใหญ่เท่าไหร่ฮะ สำหรับห้องนอนขนาดกำลังดี พื้นที่ข้างเตียงเหลือๆ วางโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มได้
2 Bedroom : ได้ห้องหน้ากว้างมาก Living Area ใหญ่ทุกห้อง
สำหรับ 2 ห้องนอนผมจะมีให้ดูทั้งหมด 3 ไทป์ด้วยกัน ทุกไทป์เป็นห้องหน้ากว้างทั้งหมดเลย มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัวมากฮะ แต่บอกก่อนว่า 2 Bedroom เขาขายหมดไปแล้วนะครับ ต้องรอห้องหลุดเท่านั้น
D1
72.85 ตารางเมตร

ห้องนี้เปิดประตูไปแล้วยังไม่เจอตัวห้องนะครับ จะมี Foyer ด้านหน้าก่อน แล้วถึงจะเข้ามาในตัวห้อง Living Area เป็น Open Plan ทั้งหมด ครัวเปิด เป็นเคาน์เตอร์ U-shape มีที่วางเครื่องซักผ้าในตัว มีพื้นที่เตรียมอาหารเยอะ ถัดไปเป็นมุมนั่งเล่นที่วางโซฟาขนาดใหญ่อย่าง L-shape ได้สบาย มีหน้าต่างด้านข้างด้วย หลังโซฟาจะเป็นมุมกินข้าว วางโต๊ะขนาด 4 – 8 ที่นั่งได้ อยู่ติดกับระเบียงยาวเต็มฝั่ง รับรองว่า Living Area จะสว่างมากแน่นอน ห้องนอนเล็กวางเตียงขนาด 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้ ตรงข้ามห้องนอนเล็กเป็นห้องน้ำ ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านในสุด มีมุม Walk-in Closet และห้องน้ำส่วนตัว
D2
70.08 – 70.95 ตารางเมตร

ห้องนี้ไม่ได้ต่างจากห้องก่อนหน้ามากนักครับ มี Foyer ข้างหน้าเหมือนกัน ครัวอาจจะเล็กกว่านิดหน่อย แต่มุมนั่งเล่นกว้างเหมือนเดิม ตัวระเบียงถูกย้ายไปไว้ด้านข้าง ดังนั้นพื้นที่กินข้างก็จะเล็กลง มี 2 ระเบียง คือระเบียงที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ กับระเบียงโล่งๆ ห้องนอนเล็กวางเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้เหมือนกัน ห้องนอนใหญ่ก็กว้างขวาง และมีมุมสำหรับ Walk-in Closet ตัวห้องน้ำทั้ง 2 ห้องของไทป์นี้ จะได้ห้องอาบน้ำที่กว้างกว่า ไม่อึดอัด
D6
69.45 ตารางเมตร

ห้องนี้จะไม่มี Foyer เหมือนห้องอื่นฮะ แต่เดินเข้ามาจะได้ตู้เก็บของขนาดใหญ่ ที่สามารถวางเครื่องซักผ้าในตัวได้แทน มุมนั่งเล่นก็กว้างมาก ด้านหลังโซฟาวางโต๊ะทำงานเพิ่มได้อีก มีมุมกินข้าวแยกออกมาอยู่ติดกับห้องอเนกประสงค์เล็กๆ แต่ห้องนี้จะได้ครัวปิด เคาน์เตอร์เป็น L-shape เหมือนกัน แต่ค่อนข้างใหญ่เต็มพื้นที่ ห้องนอนจะเป็นออกเป็น 2 ฝั่ง แยกฝั่งใครฝั่งมันไปเลย ขนาดห้องนอนก็จะใกล้เคียงกัน มีห้องน้ำในตัวทั้งคู่ เท่ากับว่าด้านนอกที่เป็น Living Area จะไม่มีห้องน้ำ ต้องเข้าจากห้องนอนของห้องใดห้องหนึ่ง
Combine : รองรับคนที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ สามารถขยายห้องได้
ด้วยความที่เขาขาย 2 Bedroom หมดแล้ว ห้องแบบ Combine ก็เลยเข้ามาเป็นอีกตัวเลือกนึงสำหรับคนที่อยากได้ห้องใหญ่ครับ จาก Layout ห้องเพื่อนๆ ก็จะเห็นว่ามี 2 ระเบียง เพราะว่าเป็นคนละห้องกัน ห้องนี้จะเป็นไทป์ D4 ขนาด 63.12 ตารางเมตร ได้ Living Area ที่ใหญ่มากครับ ตัวครัวเองก็ได้เคาน์เตอร์ U-shape เลย แถมมุมกินข้าวก็วางโต๊ะขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ ริมหน้าต่างวางโต๊ะทำงานหรือ Daybed เพิ่มก็ยังได้ มุมนั่งเล่นก็จะอยู่ติดกับระเบียง ช่องแสงได้ทั้งจากระเบียงและหน้าต่างขนาดใหญ่ ห้องนี้จะมีห้องตัวอย่างให้ดูด้วยนะครับ จะบอกว่ายืนทำอาหารอยู่ตรงครัว แต่มองเห็นวิวเมืองสวยมากๆ
ก่อนถึงโซนห้องนอนจะมีตู้เก็บของขนาดใหญ่ จุของได้เยอะ วางเครื่องซักผ้าได้ด้วย ห้องนอนเล็กเขาให้เตียงแบบพับได้มาด้วยครับ พอเราพับเตียงก็จะหลายเป็นโต๊ะแทน แล้วก็ยังมีตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย ด้านนอกมีห้องน้ำ 1 ห้อง ส่วนห้องนอนใหญ่ มีระเบียงและห้องน้ำส่วนตัว ขนาดกำลังดี มีฐานเตียงมาให้เรียบร้อย

ห้องตัวอย่าง Studio ขนาด 26.17 ตารางเมตร
มี Walk-in Closet แถมได้ Flexible Furniture ปรับเปลี่ยน Space ได้ตามต้องการ
จริงๆ แล้ว Studio แปลนก็จะเหมือนกันครับ ต่างกันที่ขนาดห้องเท่านั้นเอง อย่างห้องตัวอย่างนี้ก็จะได้ครัวอยู่ด้านหน้าห้องเลย เป็นครัวแบบเปิด ทำให้ห้องดูโล่ง ไม่อึดอัดจนเกินไป ชุดครัว Built-in มาให้เรียบร้อย ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ ถ้าเปิดไปจะเจอกับห้อง Walk-in Closet ก่อน เป็นเหมือนโซนอาบน้ำแต่งตัวไปเลยครับ ได้ความเป็นส่วนตัวจากประตูบานเลื่อนแบบทึบด้วย
เข้ามาหน่อยก็จะเป็นโซน Living ซึ่งเขา Built-in เฟอร์นิเจอร์มาให้แบบครบเลย ตั้งแต่ฐานเตียงริมหน้าต่าง ยาวมาถึงโซฟา จนมาสุดที่ตู้เก็บของ ซึ่งทุกพื้นที่เขาพยายามใส่ช่อง ใส่ลิ้นชักมาเพื่อให้เราสามารถเก็บของได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฐานเตียงหรือฐานโซฟา ในส่วนของตู้เก็บของมีเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเลื่อนออกมาเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะกินข้าวก็ได้ ถ้าไม่ใช้ก็เลื่อนเก็บ ไม่เกะกะห้องแน่นอน
ฝั่งชั้นวางทีวีก็มีพื้นที่เหลือสำหรับวางเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งอื่นๆ ส่วนระเบียงจะเป็นประตูกระจกแบบบานพับ สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ แต่วางเครื่องซักผ้าก็เต็มแล้วฮะ เน้นใช้งานไม่ค่อยเหมาะกับการออกไปทำกิจกรรมหรือใช้เป็นโซนพักผ่อนเท่าไหร่ครับ ข้อดีคือได้พื้นที่ในห้องมาเยอะแทน
โซนครัว : ครัวเปิด ที่เก็บของเยอะ มีตู้เก็บรองเท้ามาให้ด้วย
ชุดครัวเขาจะ Built-in มาให้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวมีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ HAFELE อ่างล้างจานเขามีฟังก์ชันฝาปิดด้านบนด้วย เวลาที่เราเตรียมหรือทำอาหารแล้วไม่ได้ใช้อ่างล้างจาน ก็ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการวางของได้ดีเลยฮะ
นอกจากเคาน์เตอร์ด้านล่างจะมีที่เก็บของแล้ว ด้านบนเองก็มีเยอะไม่แพ้กัน เขา Built-in เป็นชิ้นเดียวกันตั้งแต่เคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของบนตู้เย็น ยาวไปจนถึงตู้เก็บของเท้าที่อยู่ติดกับทางเข้าห้องเลย ซึ่งเราจะเก็บรองเท้าหรือวางของอื่นๆ ก็ได้นะครับ
Walk-in Closet : มีประตูทึบปิด ได้ความเป็นส่วนตัว พื้นที่เก็บเสื้อผ้าเยอะ

รูปด้านบนที่เพื่อนๆ เห็นเป็นประตูเข้าไปยังห้อง Walk-in Closet และห้องน้ำครับ จะเป็นบานเลื่อนแบบทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว ดูเรียบร้อย ถ้าตู้เสื้อผ้าเรารกมาก แค่ปิดประตูเอาไว้ ห้องก็ดูเป็นระเบียบขึ้นมาแล้วฮะ 555
พอเปิดประตูเราก็จะเจอกับ Walk-in Closet แบบที่ไม่มีบานประตูนะครับ จะเป็นตู้เปิดโล่งแบบนี้เลย มีลิ้นชักมาให้ทั้งสองฝั่ง ด้านบนเก็บของได้อีก แล้วตรงราวแขวนเสื้อก็มีไฟซ่อนมาให้ด้วย ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ข้างๆ
ห้องน้ำ : สุขภัณฑ์ครบ มีชั้นวางของเยอะ ได้ฉากกั้นอาบน้ำ
ห้องน้ำเขาจะมีของมาให้ครบเลยครับ อ่างล้างหน้าด้านล่างวางของได้นิดหน่อย กระจกทุกห้องที่ได้จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะครับ คือมีความโค้งมนข้างนึง ส่วนอีกข้างเป็นเหลี่ยมชิดกับขอบพอดี ข้างๆ อ่างล้างหน้าจะมีชั้นวางของแบบเจาะผนังมาให้อีก 3 ชั้น ด้านในมีปลั๊กด้วย เผื่อเราจะเป่าผม ทำผมด้านใน แต่ชั้นก็ไม่ได้มีทุกห้องนะครับ อยู่ที่ Layout ของแต่ละห้องเลย
ส่วนห้องอาบน้ำก็มีประตูกระจกติดตั้งมาให้แล้ว มีฝักบัวและ Rain Shower ด้วย นอกจากนี้ด้านในยังมีชั้นวางของแบบเข้ามุมมาให้ด้วย อาจจะวางของไม่ได้เยอะนะครับ แต่ว่าเราสามารถหาชั้นมาวางหรือติดตั้งเพิ่มเติมเองได้นะถ้ารู้สึกว่าของเยอะและยังไม่พอ
โซน Living : พื้นที่กว้างขวาง กลางห้องโล่ง เพดานสูง

ความสูงฝ้าของโซน Living จะอยู่ที่ 2.7 เมตร บวกกับได้หน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งมากครับ ตรงกลางห้องเองก็มีพื้นที่เยอะ ทำให้เราสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้
ฐานโซฟาเขาจะ Built-in เป็นเนื้อเดียวกันกับเตียงเลย ดูเป็นโซนชัดเจนดีฮะ ด้านล่างโซฟาเป็นลิ้นชัก สามารถเก็บของได้ ด้านข้างเองก็มีพื้นที่เหลือ วางของตกแต่งเพิ่มเติมได้อีก
ในส่วนตู้เก็บของที่ Built-in มาให้ก็มีช่องเก็บของเยอะเลยครับ ทางโครงการเองจะให้เก้าอี้แบบพับเก็บได้มาให้ด้วย เวลาที่เราไม่ได้ใช้ สามารถเอามาเก็บในตู้ได้ เขาติดตั้งที่แขวนเก้าอี้มาให้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลย
ตรงตู้เก็บของเขาจะซ่อนฟังก์ชันโต๊ะเอาไว้ด้วย เราสามารถดึงตู้เพื่อเลื่อนออกได้เลยครับ มีล้อเลื่อนดึงเข้าดึงออกได้ชิวๆ โต๊ะนี้เป็นได้ทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน หรือแล้วแต่เพื่อนๆ จะใช้งานเลย ซึ่งถ้าเราไม่ได้ใช้ ก็เลื่อนเก็บได้นะ เอาจริงถึงแม้เราจะดึงโต๊ะออกมา แต่ก็ไม่ได้ดูเกะกะนะครับ ถ้าเพื่อนๆ ดูจากในรูป จะเห็นว่าโต๊ะกินพื้นที่ไปครึ่งนึงเท่านั้นเอง แต่ถ้าเก็บเข้าเก็บออกบ่อยๆ ตัวเก้าอี้จะค่อนข้างหนัก ยกทีมีเหนื่อยนิดหน่อยฮะ

ทางโครงการให้ชั้นวางทีวีเหมือนกับห้องตัวอย่างมาด้วยนะครับ เพื่อนๆ จะเห็นว่าด้านข้างทั้งสองฝั่งมีพื้นที่เหลือ เราสามารถวางเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งเพิ่มเติมเองได้เลย ใครอยากแต่งห้องแนะนำฮะ
โซนที่นอน : อยู่ริมหน้าต่าง มีช่องเก็บของเยอะ

ได้หน้าต่างบานใหญ่เลย แสงสามารถผ่านเข้ามาได้แบบเต็มๆ ห้องไม่มืดแน่นอนฮะ ด้านข้างเองก็มีบานกระทุ้งมาให้ด้วย เผื่อเราอยากเปิดระบายอากาศ
ฐานเตียงเขามีลิ้นชักมาให้นะครับ เหมือนกับตรงโซฟาเลย สามารถเก็บของได้
หรือแม้แต่ข้างเตียงเองเขาก็ทำช่องใส่ของไว้ให้เช่นกัน อาจจะไม่ได้กว้าง แต่ก็ลึกพอสมควรฮะ
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 31.88 ตารางเมตร
แบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วน ได้ครัวปิด มี Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้ง
ห้องนี้ได้ครัวอยู่ด้านหน้าเหมือนกัน แต่เป็นครัวปิด ขนาดครัวเขาค่อนข้างใหญ่เลยครับ ด้วยความที่เขาเอาตู้เย็นไปไว้อีกฝั่ง ทำให้ฝั่งที่วางเคาน์เตอร์ครัวยาวขึ้น ได้พื้นที่ทำอาหารมากขึ้น มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นห้องเอาไว้ ถ้าเพื่อนๆ ดูในรูปก็จะเห็นว่าได้กระจกเยอะมากๆ ทั้งจากหน้าต่าง และประตูบานเลื่อนกระจกตรงระเบียง ทำให้แสงส่องมาถึงห้องครัวได้เยอะ ส่วนห้องนั่งเล่นเองก็กว้างขวาง สามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบสองที่นั่งได้
ด้านในที่เป็นห้องนอนจะเป็นประตูบานทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัว ฝั่งที่วางฐานเตียงด้านข้างมีพื้นที่ใช้สอยเหลือ สามารถวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มได้ อีกฝั่งจะเป็น Walk-in Closet ที่มาพร้อมตู้เก็บของขนาดใหญ่ ตั้งแต่โต๊ะเครื่องแป้งไปจนถึงตู้เสื้อผ้าจะ Built-in เป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมดเลย ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ด้านในสุดครับ เข้าได้ทางเดียวคือจากทางห้องนอน
ห้องครัว : ได้ครัวปิด เคาน์เตอร์ยาวขึ้น มีตู้เก็บของด้านหน้าห้อง
ถ้าเพื่อนๆ ดูเคาน์เตอร์ในรูปจะเห็นว่ายาวพอดีทั้งฝั่งเลย ตรงที่เป็นกำแพงยื่นออกมาเขาก็เติมให้เข้ากับเคาน์เตอร์ ไม่ได้ปล่อยพื้นที่ไปเปล่าๆ ทำให้เรามีพื้นที่เก็บของเพิ่มอีก ส่วนฝั่งที่วางตู้เย็นเอง ด้านบนก็ติดตั้งตู้เก็บของมาให้เช่นกัน และในช่องว่างเล็กๆ ด้านหน้า เขาก็ไม่ได้ปล่อยพื้นที่ให้ว่างเช่นกันฮะ เขา Built-in ตู้เก็บของมาให้ ด้านล่างเป็นที่วางรองเท้าแบบเลื่อน ก็ค่อนข้างสะดวกเลย
ห้องนั่งเล่น : ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ วางทีวีจอใหญ่ได้

ในส่วนของห้องเล่นทางโครงการจะให้โซฟายาวๆ แบบนี้มาเลยครับ นั่งได้ประมาณ 3 – 4 คน แล้วแต่ขนาดตัว ด้านล่างมีลิ้นชักเก็บของเหมือนเดิม โต๊ะกลางและชั้นวางทีวีที่เพื่อนๆ เห็นในรูปเองก็ได้เช่นกัน ให้มาเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย
ระยะห่างทีวีกับโซฟามีพอสมควร ถ้าเพื่อนๆ อยากวางทีวีจอใหญ่ๆ ก็สามารถดูได้เต็มๆ ตาครับ และแน่นอนว่าฝั่งชั้นวางทีวีก็ยังมีพื้นที่เหลือให้เราได้แต่งเพิ่ม ใครของเยอะจะวางเป็นตู้ก็ยังได้
มุมกินข้าว : ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

มุมกินข้าวทางโครงการให้มาทั้งโต๊ะและเก้าอี้หน้าตาเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยฮะ วางข้างๆ โซฟาได้แบบพอดี
ห้องนอน : พื้นที่กว้างขวาง แทบไม่ต้องซื้อของเพิ่ม

สำหรับห้องนอนจะมีฐานเตียงมาให้ เราซื้อมาแค่ฟูกก็นอนได้เลย พื้นที่ข้างเตียงเหลือค่อนข้างเยอะทั้ง 2 ฝั่ง สามารถวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มได้ฮะ หน้าต่างที่ได้ก็บานใหญ่ มีบานกระทุ้งมาให้ด้วย มุมโต๊ะเครื่องแป้งจะได้ทั้งโต๊ะ กระจก และเก้าอี้สตูล กระจกมาเป็นแบบโค้งเหมือนกับของห้องน้ำเลยฮะ
ตู้เสื้อผ้าก็มีให้เก็บทั้งสองฝั่ง แต่ละฝั่งด้านในฟังก์ชันที่ได้จะต่างกันฮะ อย่างในรูปอันนึงจะมีที่ราวแขวนบนและล่าง ส่วนอีกอันเป็นราวแขวนด้านบนและเป็นลิ้นชักด้านล่าง มีกระจกมาให้ที่ประตูด้วย และด้วยความที่ห้องนอนมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เลยมีตู้อเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาอีก ทำให้เราเก็บของได้เยอะขึ้นอีก
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus ขนาด 33.18 ตารางเมตร
มีห้องอเนกประสงค์เพื่มเข้ามา ห้องน้ำเข้าออกได้ 2 ทาง
ห้องนี้จะได้ครัวเปิดอยู่ด้านหน้าห้องเลย แต่จะต่างจากห้องอื่นตรงที่ไม่มีระเบียงครับ และด้วยความที่ไม่มีระเบียง เขาเลยเพิ่มเคาน์เตอร์มาให้เราสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ด้านข้างก็วางตู้เย็น ทำให้พื้นที่ครัวเราดูค่อนข้างใหญ่เลย ซึ่งถ้าเรากังวลเรื่องการทำครัวและอยากจะทำเป็นครัวปิด ก็สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มเองได้นะครับ แต่ถ้าไม่ทำเป็นครัวปิด ห้องของเราก็จะดูโปร่งโล่งเหมือนในห้องตัวอย่างเลย
ถัดจากครัวเข้ามาหน่อยก็เป็นมุมกินข้าวกับมุมนั่งเล่น วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ครับ แต่เป็น 2 ที่นั่งขนาดใหญ่เลยนะ สำหรับห้องอเนกประสงค์เขาจะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเอาไว้ ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากฮะ ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูแบบทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว เอาจริงเขาให้พื้นที่ห้องนอนมาใหญ่เลย ฝั่งขวาวางเตียงได้แบบเหลือๆ ด้านข้างยังวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มได้อีกฮะ ส่วนตู้เสื้อผ้าเองก็ Built-in มาให้แล้วเช่นกัน ห้องน้ำเขาเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ คือจากตรงห้องนั่งเล่นและห้องนอน เวลาเพื่อนๆ หรือแขกมาห้อง จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอนของเรา
โซนครัว : ได้ครัว 2 ฝั่ง พื้นที่เก็บของจัดเต็ม

ด้วยความที่ขนาดห้องใหญ่ขึ้น ทำให้เราสามารถเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องได้ อย่างครัวเองเขาก็ไม่ได้ Built-in มาให้เราแค่ฝั่งเดียวนะครับ เพราะนอกจากเคาน์เตอร์ครัวทางด้านซ้ายแล้ว ฝั่งขวาเขาก็ Built-in มาให้ ทั้งช่องวางเครื่องซักผ้า ด้านบนสามารถวางของได้ รวมไปถึงตู้เก็บของด้านบนเครื่องซักผ้าและตู้เย็นด้วย หากเรามีอุปกรณ์เกี่ยวกับการซักผ้าหรืออุกปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ก็เก็บไว้ด้านบนได้เลย ช่วยให้เราหาของง่าย และหยิบออกมาใช้งานก็ง่าย อย่างที่คอนโดผมเครื่องซักผ้าจะวางอยู่ที่ระเบียง แต่พวกน้ำยาซักผ้าผมเก็บไว้ที่ครัว ถ้าน้ำยาหมดทีก็ต้องเดินไปหยิบเดินไปเก็บ เสียเวลาฮะ
มุมนั่งเล่น : พื้นที่ใช้สอยขนาดพอเหมาะ แถมได้เฟอร์ฯ ครบ

สองห้องที่ผ่านมาเพื่อนๆ จะเห็นว่าเขาได้โซฟาแบบที่มีลิ้นชักด้านล่างใช่มั๊ยครับ แต่ห้องนี้จะต่างกว่าตรงที่ได้โซฟาแบบใหม่ เหมือนจะเป็น 2 ที่นั่ง แต่จริงๆ นั่ง 3 คนก็ไหวครับ แล้วโต๊ะกาแฟตรงกลางก็มีมาให้ เช่นเดียวกันกับชั้นวางทีวี เอาจริงมุมนั่งเล่นนี้ขาดแค่ทีวีอย่างเดียวเลยฮะ จะแขวนติดผนัง หรือวางบนชั้นวางทีวีก็ได้นะครับ ระยะห่างโซฟากับทีวีกำลังดี ก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆ อยากได้จอใหญ่แค่ไหน
มุมกินข้าว : อยู่ติดกับครัว พื้นที่เหลือเยอะ ไม่อึดอัด
สำหรับมุมกินข้าวก็อยู่ระหว่างครัวและมุมนั่งเล่นครับ จะเห็นว่าพื้นที่หลังเก้าอี้ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ ไม่ได้ติดแน่นไปกับเคาน์เตอร์หรือโซฟาจนเกินไป มีความลุกเข้าลุกออกง่าย นั่งสบาย แถมเรายังสามารถดูทีวีที่มุมนั่งเล่นไปพร้อมๆ กับนั่งกินข้าวไปด้วยได้ หรือถ้ามีแขกมาหาหลายคนแล้วโซฟาไม่พอนั่ง ก็มานั่งที่มุมกินข้าวได้ อยู่ไม่ห่างกันเลยฮะ
ห้องอเนกประสงค์ : ฟังก์ชันระเบียงในตัว หน้าต่างบานใหญ่ ได้แสงเต็มๆ
ห้องอเนกประสงค์ค่อนข้างเป็นพื้นที่แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า พอวางโซฟาขนาดใหญ่ไปแล้ว อาจจะดูเต็มห้องไปหน่อย เราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องอื่นๆ ได้ตามใจชอบนะครับ เขาจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ประตูเขาสูงตั้งแต่พื้นจรดฝ้าเลย และอย่างที่บอกว่าห้องนี้ไม่มีระเบียง ปกติห้องอเนกประสงค์ก็จะได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ใช่มั๊ยครับ แต่ที่นี่เขาให้หน้าต่างบานเลื่อนกระจกสูงเกือบเต็มผนัง ทั้งยังมีราวกันตกมาให้ เราสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมได้แบบชิวๆ ไม่ต้องกลัวตกหรืออันตราย เป็นห้องที่กึ่งๆ Semi-outdoor ได้เลย
ห้องนอน : พื้นที่ใช้สอยเยอะ ได้ความเป็นส่วนตัว มีหน้าต่างบานกว้าง

ห้องนอนไทป์นี้ค่อนข้างใหญ่มากจริงๆ ครับ อย่างรูปห้องตัวอย่างที่เพื่อนๆ เห็น ก็มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเพียบเลย เราจะวางทั้งโซฟา ตู้ หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ก็ตกแต่งเพิ่มได้ แล้วหน้าต่างที่ได้ก็บานใหญ่มาก กว้างเกือบเต็มผนังแล้ว
มุมแต่งตัวก็จะ Built-in มาให้พอดีกับพื้นที่ว่างเลยครับ ด้านในก็มีทั้งลิ้นชักและราวแขวนมาให้ นอกจากนี้ด้านขวาก็มีชั้นแบบเปิดด้วย เผื่อเรามีข้าวของเครื่องใช้เยอะ ก็ไม่ต้องเอาไปยัดแค่ในตู้เสื้อผ้าที่เดียว และถึงแม้ว่าไทป์นี้จะไม่ได้ให้โต๊ะเครื่องแป้งมาด้วย แต่พื้นที่ห้องเหลือๆ ครับ หาโต๊ะเครื่องแป้งมาวางเพิ่มได้สบายเลย
ห้องจริงที่ได้ Fully Furnished มีอะไรบ้าง?
แต่งห้องมาให้แบบครบ ห้องแต่ละไทป์ฟังก์ชันแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ Layout ของห้อง
โครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished ให้มาทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว ถ้าเพื่อนๆ ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 3 ห้องแล้ว ก็จะเห็นเฟอร์นิเจอร์ที่คล้ายๆ กัน ถึงแม้จะแต่งห้องคนละโทน แต่ Mood ที่ได้ก็คล้ายกันอยู่ฮะ อย่างแรกที่ได้ก็จะเป็นชุดครัวแบบ Built-in มาให้พอดีกับพื้นที่ มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานครบ ส่วนห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์มาให้ทุกอย่าง มุมกินข้าวมีโต๊ะและเก้าอี้ ห้องนั่งเล่นมีโซฟา โต๊ะกลาง ชั้นวางทีวี ห้องนอนมีฐานเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง คือขาดฟูก ไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ถ้าไม่ติดก็ลากกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลยฮะ
ห้องครัว
อย่างที่บอกครับว่าครัวของห้องแต่ละแบบไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ Layout ห้องล้วนๆ แต่ที่เหมือนกันคือ เขาจะ Built-in ชุดครัวมาให้แบบพอดีกับพื้นที่ของเราเลย อย่างห้อง Studio เขา Built-in ตั้งแต่เคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของบนตู้เย็น ยาวไปจนถึงตู้เก็บรองเท้าด้านหน้า หรือ 1 Bedroom เองก็ Built-in เคาน์เตอร์ทั้งฝั่งไม่ให้เหลือพื้นที่เปล่าๆ และ 1 Bedroom Plus ก็มีเคาน์เตอร์สำหรับเครื่องซักผ้าที่มาพร้อมตู้เก็บของด้านบน คือแค่ห้องครัวพื้นที่เก็บของและพื้นที่ใช้สอยก็คุ้มค่าแล้วครับ ซึ่งนี่ก็เป็นครัวที่ห้องจริงจัได้แบบนี้ด้วยเช่นกัน

Studio

1 Bedroom

1 Bedroom Plus
เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานก็จะเป็นของ HAFELE ทั้งหมด
ห้องนั่งเล่น
สำหรับห้องนั่งเล่นเองจะต่างกันที่โซฟาครับ อย่างห้อง Studio เขา Built-in เป็นชิ้นเดียวกับฐานเตียงมาเลย แต่ได้ที่เก็บของเป็นลิ้นชักด้านล่าง พอเป็น 1 Bedroom ก็เป็นโซฟาที่วางเบาะด้านบน แล้วด้านล่างเป็นลิ้นชักเก็บของเช่นกัน แต่ 1 Bedroom Plus โซฟาจะแตกต่างจากห้องอื่นๆ ครับ

Studio

1 Bedroom

1 Bedroom Plus
ชั้นวางทีวีและโต๊ะกาแฟที่เพื่อนๆ เห็นในห้องตัวอย่าง ห้องจริงจะได้หน้าตาแบบนี้เลย แต่ห้อง Studio จะไม่มีโต๊ะกลางนะ
มุมกินข้าว
ถ้าเป็นห้อง Studio โต๊ะกินข้าวจะเป็น Flexible Furniture ที่จะทำเป็นตู้เก็บของธรรมดา หรือเลื่อนออกมาเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ก็ได้ จะใช้กินข้าว ใช้ทำงาน อ่านหนังสือได้หมดครับ แล้วก็จะมีเก้าอี้พับได้มาให้ 2 ตัว เหมือนกับห้องตัวอย่างเลย แต่จะบอกว่าค่อนข้างหนัก ยกบ่อยๆ มีเมื่อยแน่นอน
แต่ถ้าเป็น 1 Bedroom หรือ 1 Bedroom Plus ก็จะได้โต๊ะกินข้าวแบบกลม กับเก้าอี้เหมือนกับในห้องตัวอย่างเช่นเดียวกันฮะ
ห้องนอน
ห้องนอนถ้าเป็นห้อง Studio จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเป๊ะเลยครับ จะไม่มีแค่ฟูกกับของตกแต่งห้องเท่านั้นเอง ตั้งแต่ฐานเตียง โซฟา ไปจนถึงตู้เก็บของได้หน้าตาแบบนี้เลย ส่วนห้องอื่นๆ ตั้งแต่ 1 Bedroom ขึ้นไปก็จะให้ฐานเตียงขนาดทุกห้องเลย
ตู้เสื้อผ้าก็จะ Built-in มาให้พอดีกับพื้นที่ทุกห้อง อย่างห้อง Studio ก็จะได้ Walk-in Closet แบบเปิด แต่พอเป็นไทป์อื่น ก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าที่เป็นบานพับแทนครับ แต่ฟังก์ชันด้านในจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้องนะ อย่าง 1 Bedroom เขา Built-in มาให้ตั้งแต่โต๊ะเครื่องแป้ง ยาวไปจนถึงตู้เสื้อผ้า มีกระจกและเก้าอี้สตูลมาให้แล้ว ตู้เสื้อผ้าก็มี 2 ตู้ บวกกับตู้เก็บของด้านข้างอีก แต่พอเป็น 1 Bedroom Plus ด้วยพื้นที่ว่างก็ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ 1 ตู้ และมีตู้วางของมาให้อีก ด้านในตู้เสื้อผ้าก็จะมีไฟซ่อนมาให้ทุกตู้เลยนะครับ
ห้องน้ำ
สำหรับห้องน้ำ อย่างที่บอกว่าแต่ละไทป์ห้องน้ำจะไม่เหมือนกัน อย่างห้องนี้จะเป็นตอนลึก มีอ่างล้างหน้ามาให้ พร้อมปลั๊กไฟด้านข้าง กระจกโค้งมนเหมือนเดิม ชักโครกจะเป็นของ Kohler มีฉากกั้นประตูกระจกสำหรับห้องอาบน้ำ และด้านในมีฝักบัวกับ Rain Shower ด้วย
ที่ใส่กระดาษชำระ สายชำระ และราวแขวนผ้าเช็ดตัวก็ติดตั้งมาให้แล้วเช่นกัน ห้องอาบน้ำของไทป์นี้จะมีชั้นวางของแบบเจาะผนังค่อนข้างสูงเลย ถ้าอยากวางของเยอะขึ้น ก็ทำชั้นหรือหาชั้นมาวางเพิ่มได้ ส่วนชั้นวางของแบบเข้ามุมจะมีมาให้ทุกห้องนะครับ
RueJai OS Living Solution
ทาง SC Asset เองก็จะมี RueJai OS ติดตั้งมาให้ทุกห้อง ห้องขนาดเริ่มต้นก็มีนะครับ โดยจะมี Home Hub with Panel ที่เห็นในรูปด้านซ้าย สามารถควบคุมไฟภายในห้อง หรือสร้าง Scene ต่างๆ ได้ เช่นเวลาเรากลับห้องไฟก็จะเปิดตามที่เราได้ทำระบบไว้ หรือตอนที่เราออกห้องก็ไม่ต้องไล่ปิดไฟที่ละปุ่ม แต่สามารถสั่งการผ่าน RueJai OS ได้เลย ผมลองเลื่อนๆ เล่นดู ใส่รูปได้ด้วยนะครับ ตรงที่บอกเวลา ทำให้หน้าจอเราไม่น่าเบื่อ
นอกจากนี้เขายังมี Smart Switch กับ Smart Plug ติดตั้งมาให้ด้วย เพื่อที่เราจะได้เชื่อมต่อกับ RueJai OS ได้

Home Hub with Panel

Smart Switch

Smart Plug
อุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะได้เหมือนกันหมดทุกห้องเลยนะครับ จะมี Digital Door Lock ของ SCHLAGE สามารถปลดล็อกได้ 4 แบบ คือกดรหัส, แตะคีย์การ์ด, ใช้กุญแจฉุกเฉิน และผ่านแอปพลิเคชันฮะ ส่วนแอร์จะเป็น Daikin Inverter ช่วยประหยัดพลังงาน คุมความชื้น ลดภาวะเรือนกระจก และไม่ทำงานโอโซน ส่วนสวิชต์ไฟภายในห้องจะเป็นสีดำทั้งหมดของ Schneider ครับ
สรุป
คอนโดไลฟ์สไตล์สุขุมวิท ยกมาตั้งไว้ติดสาทร วิวเปิดโล่งเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับโครงการ Reference สาทร – วงเวียนใหญ่ ในด้านทำเลจุดขายค่อนข้างชัดเจนครับว่าขายความใกล้สาทรแบบใกล้จริงๆ ทั้งในด้านของการใช้งานรถไฟฟ้าที่เดินไปแค่ 140 เมตรจากหน้าโครงการก็ถึงสถานี ไปแค่ 2 ป้ายก็เข้าสู่ย่านสาทรได้เลย และใช้เวลาแปปเดียวก็ถึงสยามได้ หรือถ้าจะใช้รถ ก็ห่างจากสะพานตากสินอยู่ในระยะแค่นิดเดียวเช่นกัน มีจุดกลับรถอยู่หน้าโครงการ
เป็นคอนโดนึงที่ถือว่าทำเลดีครับ สำหรับคนมองหาที่อยู่ใกล้ย่านสาทร/สีลมหรือเน้นใช้รถไฟฟ้า BTS ในการเดินทาง ไม่ต้องต่อรถ ไม่ต้องเข้าซอยลึก ที่นี่รถไฟฟ้าแทบจะอยู่หน้าบ้านเลย ซึ่งคอนโดทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าใน BTS ช่วงสถานีวงเวียนใหญ่-กรุงธนบุรีตรงนี้ ถ้าดูเฉพาะราคา ตัวโครงการของที่นี่ก็ถือว่ามาไม่เบาเลยครับ กับทำเลฝั่งธนที่ราคาเฉลี่ยไปแตะระดับ 140,000 บาท/ตร.ม. แต่พอมาดูตัว Product ที่โครงการทำออกมา เชื่อว่าหลายๆ คนที่มาเห็นของจริงก็น่าจะเริ่มพอเข้าใจได้แล้วว่าที่นี่ทำไมถึงราคานี้
ที่นี่จะใช้แบรนด์ Reference ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลาง-บนของ SC Asset อย่างทำเล “เอกมัย” ที่เป็นทำเลในเมืองมากๆ ทาง SC Asset ก็เลือกใช้แบรนด์นี้เช่นกัน ทำให้โครงการ Reference สาทร-วงเวียนใหญ่เลยค่อนข้างจะมีความจัดเต็มในเรื่องของส่วนกลางตามสไตล์ของ Segment คอนโดระดับนี้ครับ
เหมือนยกเอางานดีไซน์และส่วนกลางของคอนโด Segment ระดับ 150,000-200,000 บาท/ตร.ม.ทำเลชั้นในอย่างสุขุมวิท มาตั้งไว้ในทำเลฝั่งธน ซึ่งถ้าเทียบกับคอนโดในย่าน ที่นี่อาจจะราคาสูงกว่าจริง แต่บรรยากาศและส่วนกลางต่างๆ ที่โครงการนำเสนอมาให้ก็ต่างกับหลายคอนโดในย่านนี้ด้วยเช่นเดียวกันครับ ซึ่งถ้าตัดคอนโดย่าน ICONSIAM ออกไป ที่นี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในคอนโดที่ดูมีความหรูอันดับต้นๆ ของย่านแล้วครับ
โดยที่ Mood&Tone ของที่นี่จะมาในความเรียบๆ แต่ซ่อนดีเทลการออกแบบอยู่ เป็นความ Luxury แบบไม่ตะโกน เล่นกับเส้นสายความโค้งและมี Inspiration งานออกแบบเชื่อมโยงกับพระจันทร์ งานสถาปัตย์ในหลายๆ ส่วนของโครงการค่อนข้างน่าสนใจครับ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีมุมสวยๆ ในโครงการเยอะมาก



ในแง่ของการใช้งานส่วนกลางที่มีมาให้ก็เพียงพอสำหรับห้องจำนวน 789 ยูนิต ไม่ว่าจะเป็น Lobby ขนาดใหญ่ ที่แยกโซนแขกกับลูกบ้านเป็น 2 โซนใหญ่, มีห้อง Co-Working Space ขนาดใหญ่ 2 ชั้น มีมุมนั่งทำงานจริงจังเยอะพร้อมห้องประชุมอีก 2 ห้อง, ฟิตเนสแบบเหมาฟลอชั้น 31 ของตึก A พร้อมห้อง Pilates และห้อง Yoga และไฮไลท์สระว่ายน้ำ Rooftop ชั้น 50 ที่เห็นวิวโค้งแม่น้ำแบบกว้างๆ พร้อมห้อง Lounge เหนือสระอีกหนึ่งห้อง
ซึ่งวิวก็เป็นจุดขายของที่นี่อีกจุดนึงครับ ด้วยความที่โครงการนี้มี 51 ชั้น สูงที่สุดในย่านวงเวียนใหญ่เลยก็ว่าได้ และจุดที่โครงการตั้งอยู่จะสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน จริงที่ว่าที่นี่อาจจะไม่ได้ติดหน้าน้ำเหมือนคอนโดฝั่งเจริญนคร ที่มีแม่น้ำมาประชิดเลย
แต่ความน่าสนใจของที่นี่คือด้วยความที่ถัดออกมาในระยะที่ยังไม่ไกลมาก ทำให้สามารถเห็นวิวแม่น้ำในมุมกว้างได้เช่นกัน ข้อได้เปรียบของโครงการนี้คือด้านหลังของตัวโครงการเองที่จะเป็นซอยบ้านเรือนต่างๆ ที่มีขนาดซอยค่อนข้างเล็ก ทำให้ขึ้นตึกสูงได้ยาก วิวแม่น้ำของโครงการนี้ก็น่าจะเปิดโล่งแบบนี้ไปอีกยาวๆ ครับ และด้วยความสูงของโครงการ ก็จะมีวิวให้เลือกหลายมุมมองแต่จริงๆ ก็เห็นแม่น้ำชัดตั้งแต่ชั้นกลางๆ แล้วครับ หรือฝั่งห้องที่หันด้านหน้าโครงการก็จะได้ City View เป็นโครงการนึงที่ห้องบล๊อกกับตึกอื่นค่อนข้างน้อย (ยกเว้นบางตำแหน่งที่มีบล๊อกกับตึกในโครงการกันเองครับ)


ในส่วนของตัวห้อง Spec ส่วนตัวถือว่าให้มากลางๆ อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ได้เฟอร์นิเจอร์มาแบบค่อนข้างจัดเต็มและแปลนห้องในหลายๆ Type ค่อนข้างมีการจัดวางฟังก์ชันที่ดีครับ อย่างเฟอร์นิเจอร์นี่ก็ให้มาครบ แทบจะย้ายกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย มีการคิดเผื่อฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ มีดีเทลที่เก็บของซ่อนอยู่ อย่างในห้องเริ่มต้นพอได้เฟอร์นิเจอร์เป็นบิวท์อินจากทางโครงการ ที่จัด Space มาค่อนข้างดี เลยทำให้ห้องมีพื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นมา ดูไม่อึดอัดครับ แต่สำหรับคนชอบแต่งห้อง มีภาพมีอะไรในใจก็อาจจะทำใจนิดนึงครับ
ส่วนฟังก์ชันห้อง ทำออกมาค่อนข้างลงตัว อย่างห้อง 1 Bed ประมาณ 31 ตร.ม. จัดออกมาเป็นห้องกึ่งหน้ากว้าง ได้ครัวปิด ได้ Walkin Closet ได้ห้องนอนเป็นสัดส่วน หรืออย่างห้อง 1 Bed Plus ก็มีให้เลือกหลายแปลน มีการ Combine พื้นที่ระเบียงกับห้อง Plus เป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันเลย อันนี้ก็น่าสนใจครับ
โดยรวมที่นี่ ก็น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดทำเลใกล้ย่านสาทร/สีลมที่ไม่ได้มองแค่ในเรื่องของราคา แต่ได้การอยู่อาศัยในบรรยากาศต่างๆ ที่ดูดี น่าอยู่ มีส่วนกลางให้ใช้เยอะ ได้ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบบจริงๆ มีเรื่องของวิวแม่น้ำ และได้ความเป็นแบรนด์และบริการหลังการขายในแบบ SC Asset ซึ่งในระยะหลัง ทำเลตรงนี้ก็แทบไม่ค่อยมีโครงการมาเปิดใหม่เยอะด้วยครับ
สำหรับใครที่สนใจโครงการ “Reference สาทร-วงเวียนใหญ่” ตอนนี้โครงการมีโปรโมชั่น เริ่มต้น 3.69 ล้านบาทครับ ใครที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อนัดหมายเข้าชมโครงการได้เลย