สวัสดีครับ หลังจากคราวที่แล้ว แตกแบรนด์อสังหา EP1 เราได้พูดถึงแบรนด์ Ananda กันไปแล้ว คราวนี้ EP2 เราลองมาดูกับอีกแบรนด์ที่เป็นแบรนด์อสังหาเก่าแก่ในบ้านเรากันบ้าง กับ Land and Houses สำหรับเจ้านี้ น่าจะติดอยู่ในลิสต์สำหรับใครหลายๆ คนที่กำลังหาบ้าน ด้วยประสบการณ์ในวงการกว่า 30 ปี โดยในระยะหลังนอกจากเน้นทำหมู่บ้านแนวราบเป็นหลักแล้ว ก็เริ่มหันมาทำแนวสูงตามที่สมัยนี้นิยมกันด้วย
สำหรับบ้านและคอนโดจาก Land and Houses จะเน้นการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก เน้นคุณภาพและบริการหลังการขาย รวมถึงแบรนด์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้ราคาของเจ้านี้อาจจะออกมาแพงกว่าเจ้าอื่นในระดับเดียวกันเล็กน้อย จนหลายๆ คนอาจจะติดภาพว่าบ้านแลนด์มีราคาแพง แต่จริงๆ แล้วมีหลายระดับราคาตั้งแต่ 1-2 ล้าน ไปจนถึง 100 ล้านก็มีครับ ชื่อแบรนด์ต่างๆ ตั้งแต่ 20-30 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ แต่ก็มีการปรับบุคลิกให้ทันสมัยมากขึ้นตามกาลเวลา
บ้านสร้างก่อนขาย?
ในปี 40 หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ มีหมู่บ้านจำนวนมากที่ลูกค้าจองบ้านกันไปแล้ว โครงการกลับไม่สามารถสร้างบ้านเสร็จได้ Land and Houses จึงเป็นเจ้าแรกๆ ที่เปลี่ยนวิธีการขาย โดยบ้านจะสร้างเสร็จก่อนขายทั้งหมด พร้อมตกแต่งสวนภายนอกให้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้วิธีขายแบบนี้อยู่ครับ
นอกจากLand and Houses จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นเจ้าของ HomePro ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ และ Terminal 21 ด้วย ซึ่งคุณอนันต์ อัศวโภคินที่เป็นเจ้าของค่อนข้างจะใส่ใจเรื่องของห้องน้ำเป็นพิเศษ สังเกตได้จากห้องน้ำในห้างเหล่านี้จะทำออกมาดีมาก ซึ่งบ้านของ Land and Houses ก็จะมีความใส่ใจเรื่องของห้องน้ำด้วยเช่นกัน ในบ้านบางแบรนด์ถึงแม้จะไม่แพงมากแต่ก็เริ่มมี Auto Washlet ใส่มาให้
ส่วนแบรนด์ต่างๆ ของ Land and Houses จะมีอะไรบ้าง เราลองมาดูกันเลยครับ
คอนโด
EASE
เริ่มกันที่โครงการคอนโดมิเนียมก่อน โครงการแบรนด์นี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกัน เพราะยังไม่ค่อยมีโครงการมากนัก โดยจะเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับเริ่มต้น อยู่ในช่วงประมาณ 1-2 ล้านบาทขึ้นไป ปัจจุบันทำเลที่ตั้งของโครงการ ease จะอยู่บนถนนพระราม 2 ใกล้ๆ กับเซ็นทรัลพระราม 2
จุดเด่นของโครงการนี้คือทำออกมาค่อนข้างลงตัวทั้งความหนาแน่นที่ไม่หนาแน่นมาก ห้องขนาดเริ่มต้นที่ยังถือว่าใหญ่ในราคาระดับนี้ โดยเริ่มต้นที่ 27 ตร.ม แปลนห้องทำออกมาโอเคสำหรับการอยู่จริง ส่วนกลางมีมาให้พอใช้งานถ้าเทียบกับราคา
กลับไปด้านบน
THE KEY
ถัดมาแบรนด์ The Key จะเริ่มเขยิบเข้ามาเป็นทำเลใกล้เมืองขึ้นมา ถ้าหากใกล้รถไฟฟ้าก็อาจจะเป็นสถานีรอบนอกหน่อยเช่นสถานีเพชรเกษม 48, วุฒากาศ, แจ้งวัฒนะ เป็นต้น หรือถ้าอยู่ในเมืองก็อาจจะเป็นถนนรองลงมาเช่นถนนเจริญราษฎร์
สำหรับแบรนด์ The Key จะเป็นแบรนด์ที่ระดับราคายังไม่ได้สูงมาก ราคาเริ่มต้นอยู่ในระดับประมาณไม่เกิน 100,000 บาท/ตารางเมตร แบรนด์นี้ส่วนกลางต่างๆ ก็จะถูกอัพเกรดขึ้นมาให้ดูดีขึ้นตามระดับราคา เริ่มมีการใส่นวัตกรรมต่างๆ เข้ามาในห้อง เช่น AirPass ระบบระบายอากาศให้ถ่ายเทภายในห้องพักโดยไม่ต้องเปิดประตูห้อง
กลับไปด้านบน
THE ROOM
สำหรับแบรนด์นี้จะเป็นคอนโดมิเนียมระดับค่อนไปทางระดับบนแล้ว โดยราคาเริ่มต้นของแต่ละโครงการจะมีตั้งแต่ 150,000 ไปจนถึง 200,000 บาท/ตารางเมตร แล้วแต่ว่าโครงการตั้งอยู่ในทำเลไหน เนื่องจากแบรนด์คอนโดมิเนียมของ Land and Houses อาจจะมีไม่มาก ช่วงราคาของแต่ละแบรนด์จึงอาจจะค่อนข้างกว้างครับ
สังเกตได้ว่าคอนโดของ Land and Houses จะทำตลาดแบบไม่ค่อยหวือหวาเหมือนแบรนด์อื่น ไม่เน้นโหมกระแสให้เป็น One Day Soldout ในวันเปิดจอง แต่จะเน้นขายไปเรื่อยๆ จนตึกเสร็จ
สำหรับ The Room ทำเลจะเป็นในเมืองบนถนนเส้นหลักใกล้รถไฟฟ้า ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับติดประชิดสถานีเลย แต่แบรนด์จะมีความโดดเดีนในเรื่อง spec ของห้องที่ค่อนข้างทำออกมาดี เน้นการอยู่อาศัยจริงได้สบาย การตกแต่งส่วนกลางและขนาดของพื้นที่ส่วนกลางก็ดูดีสมกับราคาขาย
กลับไปด้านบน
THE BANGKOK
สุดท้าย แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับท๊อปสุดของ Land and Houses ที่นอกจากราคาจะโดดเด่นแล้ว ตัวตึกแต่ละที่ก็มีการดีไซน์ออกมาให้โดดเด่นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น The Bangkok สาทร ที่เป็นตึกกระจกล้วนรูปทรงเว้าแหว่ง เห็นมาแต่ไกลตั้งแต่ขึ้นสะพานตากสิน หรือจะเป็น The Bangkok ทองหล่อที่เป็นตึกกระจกทรงสูง มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ที่ชั้น Rooftop
เนื่องจากแบรนด์ The Bangkok เป็นคอนโดระดับบนที่มีระดับราคาอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร การจัดแปลนห้องจึงจะเป็นในแบบที่คอนโดในระดับนี้ชอบทำ คือเน้นห้องใหญ่ โดยขนาดพื้นที่ห้อง 1-bedroom ก็เริ่มที่ 50 ตารางเมตรแล้ว ในบางโครงการมี Private Lift ที่ขึ้นจากล๊อบบี้เข้ามาถึงในห้องได้เลย
ส่วนกลางของ The Bangkok ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น โดยจะตกแต่งออกมาในแนวหรูหราแบบแนวผู้ใหญ่ ขนาดของพื้นที่ส่วนกลางน่าจะเรียกได้ว่าเกินพอเลยครับ
กลับไปด้านบน
บ้าน
Inizio
มาดูโครงการบ้านเดี่ยวของ Land and Houses กันบ้างครับ จริงๆ โครงการนี้ก็ไม่เชิงว่าเป็นบ้านเดี่ยวซะทีเดียว เพราะในบางโครงการจะเป็นบ้านแฝดผสมด้วย เหตุผลที่ต้องเป็นบ้านแฝดเพราะว่าถ้าหากเป็นบ้านเดี่ยวตามกฎหมายจะต้องมีพื้นที่ดินขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป ถ้าหากทำเป็นบ้านแฝดก็จะสามารถใช้ที่ดินขนาดเล็กลงแล้วทำบ้านเล็กลงได้ ทำให้มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำลง แต่ในบางโครงการก็จะมีบ้านเดี่ยว ขึ้นอยู่กับแต่ละทำเล
สำหรับแบรนด์นี้จะอยู่โซนชานเมืองรอบนอกและปริมณฑลครับ เช่น พระราม 2, ศาลายา, รังสิตคลอง 3 ราคาอยู่ในระดับ 3-4 ล้าน เน้นกลุ่มคนกำลังเริ่มต้นมีบ้านครับ
พฤกษ์ลดา/ชลลดา/ชัยพฤกษ์
ถัดมา 3 โครงการนี้จะมีลักษณะที่ค่อนข้างคล้ายกันขอเขียนรวมกันเลย โครงการกลุ่มนี้ก็จะเน้นกลุ่มคนที่กำลังเริ่มต้นมีบ้านเป็นของตัวเองหรือกลุ่มที่เพิ่งจะมีครอบครัว แต่ระดับราคาและทำเลอาจจะขยับขึ้นมาจาก Inizio เล็กน้อย
โดยพฤกษ์ลดา จะยังคงอยู่ในโซนชานเมืองเช่นกัน เพชรเกษม-สาย4, บรมราชชนนี-สาย 5, สุวรรณภูมิ, วงแหวน-หทัยราษฎร์ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4 ล้านบาท ไปจนถึงประมาณ 8 ล้าน จะเริ่มมีแบบบ้านขนาดใหญ่ขึ้นจาก Inizio เล็กน้อย
ส่วนชัยพฤกษ์ก็จะใกล้เคียงกับพฤกษ์ลดา แต่บางโครงการอาจจะมีทำเลที่ดีกว่า หรือบางโครงการที่มีขนาดใหญ่ก็จะให้ส่วนกลางเช่น Clubhouse ที่หรูกว่าพฤกษ์ลดา ระดับราคาจะประมาณ 5-9 ล้านบาท
“ชลลดา” จะอยู่ในระดับเดียวกับชัยพฤกษ์ แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ในหมู่บ้านจะมีทะเลสาบด้วย ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านค่อนข้างดีเลยทีเดียว น่าเสียดายที่หมู่บ้านในสมัยนี้แทบไม่มีทะเลสาบกันแล้ว แบรนด์ชลลดาที่เปิดขายที่สุดท้ายในโซนกทม.จึงเป็นที่ชลลดาสุวรรณภูมิเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน หลังจากนั้นก็ยังไม่มีหมู่บ้านแบรนด์นี้อีก (แต่ยังมีที่เชียงใหม่) ส่วนชลลดาที่ดังๆ ก็น่าจะเป็นชลลดาบางบัวทอง ที่เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่มาก มีทะเลสาบในหมู่บ้านเดียวถึง 3 แห่ง
กลับไปด้านบน
มัณฑนา
สำหรับมัณฑนาจะเป็นบ้านแบรนด์ระดับกลางที่เป็นหนึ่งในแบรนด์ดังติดตลาดสำหรับคนที่กำลังหาบ้านที่ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงจนเกินไปมีระดับราคาตั้งแต่ 6-20 ล้านบาท สังเกตได้ว่า range ระดับราคาของมัณฑนาจะค่อนข้างกว้าง โดยแบบบ้านเริ่นต้นของบางโครงการจะเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในโครงการชัยพฤกษ์ ซึ่งแบบบ้านขนาดเล็กอาจจะได้ในโซนที่อยู่ลึกของโครงการหน่อย แต่ก็แลกมากับพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ที่จะอัพเกรดขึ้นมาจากชัยพฤกษ์อีกระดับนึง หรือใครที่ต้องการแบบบ้านขนาดใหญ่ มัณฑนามีถึง 300 กว่าตารางเมตรเลยก็มี
ลักษณะการดีไซน์ของโครงการมัณฑนาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้จะเน้นโครงการที่จะออกแนวเหมือนบ้านอยู่ในสวนใกล้ชิดกับธรรมชาติ หมู่บ้านจึงค่อนข้างที่จะร่มรื่น รวมถึงแบบบ้านก็จะเป็นแนวที่ไม่ได้เป็นแนว theme ยุโรปจ๋าๆ หรือโมเดิร์นจัดๆ แต่จะออกมาแนวกลางๆ เข้ากับบริบทของตัวโครงการที่เป็นแนวสวนตามชื่อของโครงการครับ ด้าน spec ของตัวบ้านก็จะมีการอัพเกรดขึ้นมาจากชัยพฤกษ์ เช่นมีระบบ AirPlus ระบายอากาศภายในบ้าน หรือสเป็คบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ดีขึ้น
สำหรับทำเลของมัณฑนาจะอยู่ในโซนเลียบวงแหวน-อ่อนนุช, พุทธมลฑลสาย 2, บางนา กม.7, วัชรพล โดยทำเลอาจจะยังไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่ก็จะใกล้เมืองมากขึ้น หรือโครงการมัณฑนา เวสเกต อันนี้ก็อยู่ติดกับถนนกาญจนาภิเษกเลย
กลับไปด้านบน
สีวลี
ถ้าบอกชื่อนี้กับแท็กซี่ว่าไปหมู่บ้านสีวลีครับ เดาว่าแท็กซี่ 50% น่าจะพาเราไปที่รังสิต อารมณ์เหมือนกับบอกว่าไปหมู่บ้านสัมมากรก็จะนึกถึงรามคำแหง/สุขาภิบาล 3 ก่อน
สำหรับโครงการนี้ระดับของโครงการจะอยู่ระดับเดียวกันกับมัณฑนา โดยในยุค 20 กว่าปีก่อนจะมีหมู่บ้านสีวลีอยู่ในย่านรังสิตหลายโครงการ ก่อนที่จะหายไปซักพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว แต่ด้วยระดับราคาเดียวกับมัณฑนา โครงการจึงตั้ง positioning ให้ต่างกันด้วยกันเป็นใช้ลักษณะบ้านทรง Contemporary มีความโมเดิร์นกว่า ส่วนมัณฑนาในตอนนั้นจะเน้นความเป็นบ้านในธรรมชาติแบบบ้านทรงมีหน้าจั่ว เพื่อให้กลุ่มลูกค้าต่างกัน โดยโครงการสีวลีในยุคนี้ทำเลจะคล้ายกับมัณฑนา เช่น รามคำแหง, ราชพฤกษ์, บางนา
แต่ทีมงานเข้าใจว่าสุดท้ายสองแบรนด์นี้ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าใกล้ๆ กันอยู่ดี ภายหลังจึงเลิกทำแบรนด์สีวลีในกทม.และปริมลฑลไป แล้วนำแบรนด์นี้ทำตลาดต่างจังหวัดแทน จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีหมู่บ้านสีวลีในหลายๆ จังหวัด ส่วนมัณฑนาก็มีการปรับแบบบ้านให้ทันสมัยมากขึ้น แล้วใช้แบรนด์นี้ในกรุงเทพฯ แบรนด์เดียว
กลับไปด้านบน
นันทวัน
สำหรับนันทวันจะเป็นโครงการที่เป็นหมู่บ้านระดับหรูแล้ว แต่เดิมนันทวันอาจไม่ได้แพงกว่ามัณฑนามาก แต่ปัจจุบันระดับราคาจะค่อนข้างต่างกันชัดเจน ไม่ได้คาบเกี่ยวกันเหมือนเมื่อก่อน โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ไปจนถึง 50 ล้านบาท
ทำเลของหมู่บ้านนันทวันจะเริ่มติดถนนใหญ่ ใกล้เข้ามาในเมืองมากขึ้น เช่น นันทวัน ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ ที่อยู่บนถนนบรมราชชนนี ใกล้ราชพฤกษ์ หรือนันทวัน รามอินทรา-พหลฯ 50 ที่อยู่บนถนนเทพรักษ์ (ถนนตัดใหม่เชื่อมวัชรพล-พหลโยธิน)
โดยตัวบ้านจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาเริ่มต้นที่ประมาณ 250 ตารางเมตรขึ้นไป ตัวหมู่บ้านจะมีการตกแต่งทั้งตัวบ้านและพื้นที่ส่วนกลางที่หรูขึ้น เช่นทางเข้าจะเริ่มมีระบบประตูสองชั้น สายไฟในหมู่บ้านเอาลงใต้ดิน ถนนในหมู่บ้านมีการลาดยางเพื่อให้เวลาขับรถแล้วเสียงเงียบขึ้น และมีพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่สวนในโครงการมากขึ้น
กลับไปด้านบน
ลดาวัลย์
ถ้าพูดถึงหมู่บ้านระดับหรู ลดาวัลย์น่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ใครหลายๆ คนรู้จัก ด้วยความอลังการของโครงการ ทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ติดถนนใหญ่สายหลัก เช่นราชพฤกษ์, พระราม 2, รัตนาธิเบศ, รามอินทรา หรือ ศรีนครินทร์เป็นต้น โดยโครงการลดาวัลย์ในยุคหลังเราจะสังเกตได้จากความอลังการของทางเข้าหมู่บ้านที่โอ่อ่า พร้อมมีม้า 8 ตัวอยู่หน้าทางเข้า
แต่ถึงแม้ว่าในยุคก่อนลดาวัลย์จะยังไม่มีม้า 8 ตัวอยู่หมู่บ้าน แต่ก็มีความอลังการมาโดยตลอด เช่นบางโครงการก็มีทะเลสาบอยู่ในโครงการ หรือบางที่ก็ทำเป็นลากูน ขุดคลองให้บ้านเกือบทุกหลังในโครงการอยู่ติดกับน้ำก็มี หรือแม้แต่ตัวบ้านเองที่ดูหรูหราจนมีอยู่ยุคนึงมีคนก๊อปแบบไปสร้างกันเองก็มี
ตลอดมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าลดาวัลย์จะเป็นแบรนด์ระดับท๊อปของ Land and Houses อยู่แล้ว แต่ในระยะหลังลดาวัลย์ได้อัพเกรดความหรูหราของตัวโครงการและตัวบ้านให้เพิ่มมาขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ในปัจจุบันระดับราคาของโครงการนี้เริ่มต้นที่ 50-150 ล้านบาทแล้วครับ
กลับไปด้านบน
ทาวน์โฮม
Indy
สำหรับหมู่บ้านที่เป็นทาวน์โฮมของ Land and Houses ระดับเริ่มต้นจะเป็นหมู่บ้าน Indy ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มาแทนหมู่บ้านบุศรินทร์ในสมัยก่อน ตัวบ้านจะเป็นโครงการทาวน์โฮมสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก มาในราคาที่พอจะหยิบจับได้ไม่ยาก ประมาณ 2-3 ล้านบาท ทำเลส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนชานเมือง เช่นรังสิตคลอง 2, บางใหญ่, ประชาอุทิศ เป็นต้น
แบรนด์นี้ theme ของแต่ละโครงการค่อนข้างที่จะคล้ายกันคือจะเป็น theme ยุโรปเช่นบ้านแนวอังกฤษ หรือเป็นสไตล์บ้านฮอลแลนด์ก็มีเช่นกัน
กลับไปด้านบน
Landmark
ถัดมาจะขยับขึ้นมาเป็นแบรนด์ Landmark ที่จะต่างกับแบรนด์ Indy พอสมควร โดยแบรนด์นี้จะเน้นอยู่ทำเลในเมืองเลย เช่นเกษตร-นวมินทร์ หรือ ลาดพร้าว ตัวแบบบ้านก็จะเน้นเป็นแนวโมเดิร์นทันสมัย ขนาดของบ้านก็จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น มีจำนวนชั้นเพิ่มขึ้นเป็นสามชั้น รองรับครอบครัวที่ใหญ่มากขึ้นได้ โดยราคาจะอยู่ที่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
กลับไปด้านบน
แบรนด์ที่มีบ้านแบบผสม
Villaggio
สำหรับหมู่บ้านนี้จะเป็นหมู่บ้านที่รวมทั้งบ้านในรูปแบบทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวเข้ามาไว้ด้วยกันในโครงการเดียวกันเลย ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนโครงการที่รวมบ้านหลายแบบ แบบนี้ของทาง Land and Houses จะใช้ชื่อแบรนด์หมู่บ้านปาริชาต แล้วในปัจจุบันได้เปลี่ยนแบรนด์ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้นแล้ว
โดยในหมู่บ้าน Villagio แต่ละโครงการก็จะมี theme ของหมู่บ้านเป็นแนวตะวันตก โดยทั้งดีไซน์ทางเข้าหมู่บ้าน หรือพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ก็จะดีไซน์ให้ล้อกันออกมาตาม theme
เนื่องจากรูปแบบบ้านมีหลายแบบทำให้ราคาค่อนข้างกว้างมีตั้งแต่ 2 ล้านนิดๆ ไปจนถึง 9 ล้าน โดยทำเลจะเป็นแถบรอบนอกคล้ายๆ กันกับหมู่บ้าน Indy หรือ Inizio
กลับไปด้านบน
VIVE
แบรนด์นี้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่ค่อนข้างจะฉีกจากบ้าน Land and Houses เดิมๆ ที่ปกติจะทำบ้านแบบดีไซน์แบบกลางๆ ไม่ได้ฉีกล้ำมาก แต่โครงการนี้จะเน้นความโมเดิร์นมากๆ ดีไซน์ค่อนข้างมีเอกลักษณ์พอสมควร อย่างโครงการ VIVE บางนา กม.7 ที่เป็นโครงการบ้านทาวน์โฮม แต่ก็จะไม่เหมือนทาวน์โฮมทั่วไป โดยแบบบ้านที่อยู่ติดกันแต่ละหลังหน้าตาจะไม่เหมือนกัน ทำให้ตัวหมู่บ้านดูมีลูกเล่นไปอีกแบบ สำหรับโครงการนี้จะเป็นทาวน์โฮมที่ค่อนข้างใหญ่ มีตั้งแต่ 40 ตารางวาขึ้นไป ราคา 13-19 ล้านบาท
แต่แบรนด์ VIVE ไม่ได้จำกัดแค่ทาวน์โฮมเท่านั้น แต่เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวราคาระดับ 40 ล้านขึ้นไป เน้นบ้านดีไซน์แบบโมเดิร์นเช่นเดิม
กลับไปด้านบน
และนี่ก็เป็น แบรนด์หลักๆ เกือบทั้งหมดของทาง Land and Houses นะครับ น่าจะพอเห็นภาพรวมของแบรนด์คอนโด บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมของแลนด์ฯ ได้มากขึ้น ทีนี้เวลาเห็นโครงการที่น่าสนใจเปิดใหม่ เราก็จะได้รู้ว่า “อ๋อ อันนี้เป็นระดับกลางๆ เน้นส่วนกลางสวยนะ” เป็นต้น
สำหรับบทความ “แตกแบรนด์อสังหา” EP หน้า จะเป็นแบรนด์ไหน อย่าลืมติดตามกันที่เว็บไซต์ LivingPop.com นะครับ ^^