ถ้าพูดถึงการเลือกซื้อคอนโดซักที่นึงในปัจจุบัน อย่างแรกๆ ที่เราจะพิจารณาคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทำเล” ใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งพอพูดถึงเรื่องของทำเล คำถามยอดฮิตถัดมาก็จะประมาณว่า “ใกล้รถไฟฟ้าไหม” “อยู่ห่างจากสถานีแค่ไหน”
แต่ปัจจุบันรถไฟฟ้าบ้านเราไม่ได้วิ่งจากแค่หมอชิตไปสุดอ่อนนุชแล้ว เรามีรถไฟฟ้าตั้งแต่ลำลูกกาไปจนถึงสมุทรปราการ หรือแม้แต่บางบัวทองเองก็ยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปถึงเช่นเดียวกัน ดังนั้น การจะดูว่าคอนโดอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่พอ วันนี้เราเลยอยากชวนมาดูกันครับ ว่าในการเลือกคอนโดซักที่ นอกจากดูแค่ว่าใกล้รถไฟฟ้าแค่ไหนแล้ว ควรดูอะไรอีก?
1. ทำเลโซนไหน
สำหรับข้อแรก อันนี้อยากให้ลองมองในภาพกว้างก่อน เราจะเห็นว่าในกทม. เราแบ่งออกเป็นหลายโซนมาก บางโซนอยู่ใกล้เมือง บางโซนห่างออกไป บางโซนเป็นย่านชุมชนเก่า
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่ารถไฟฟ้าในปัจจุบันขยายเส้นทางไปหลายสายมากๆ ไปจนถึงชานเมืองหรือจังหวัดปริมณฑล ต้องอย่าลืมว่าบางพื้นที่ต่อให้รถไฟฟ้าเข้าไปถึงจริงๆ แต่ชานเมืองก็จะไม่ได้เปลี่ยนเป็น CBD ทันทีนะ แต่จะเป็นชานเมืองที่เจริญขึ้นและเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวก ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็อาจจะต้องเทียบกับคอนโดรอบข้างและโครงการที่อยู่ในเมืองด้วยว่าเค้าตั้งราคาขายเกินทำเลไปหรือเปล่า โดยเฉพาะในทำเลที่รถไฟฟ้ายังสร้างไม่เสร็จ อย่าเพิ่งเคลิ้มตามเซลล์อย่างเดียว
รถไฟฟ้าขยายไปถึงชานเมืองก็จริง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็น CBD ทันที แต่จะเป็น “ชานเมืองที่เจริญขึ้น” เวลาเลือกก็ต้องดูดีๆ นะ
2. รถไฟฟ้าสายที่ใกล้ มันคือสายอะไร
ภาพโครงการรถไฟฟ้าตามแผนแม่บท และโครงการที่กำลังก่อสร้างและให้บริการในปัจจุบัน
ข้อนี้เป็นอีกข้อที่น่าสนใจ หลังจากที่บ้านเรามีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหลายสาย ลักษณะการใช้งานของแต่ละสายก็จะมีหน้าที่ต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ⬤ ⬤ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS สายสุขุมวิท / สายสีลม) สายนี้จะวิ่งผ่าเข้าเมืองโดยตรง ผ่านจุดสำคัญๆ เยอะมาก เช่นเส้นสุขุมวิททั้งเส้นไปต่อพหลโยธิน แน่นอนว่าเป็นสายแกนหลักสำคัญอันนึงเลย ก็จะส่งผลต่อราคาคอนโดที่อยู่รอบข้างของสายนี้
แต่ถ้าเป็น ⬤ สายสีน้ำเงิน (MRT) สายนี้ลักษณะจะวิ่งเป็นวงกลม เชื่อมต่อสายต่างๆ ในเมืองเข้าด้วยกัน สายนี้ก็อาจจะวิ่งผ่านจุดสำคัญๆ น้อยกว่า เช่นโซนพระราม 4/รัชดา/ฝั่งธน คอนโดติดรถไฟฟ้าเส้นนี้ก็จะมีราคารองลงมา
หรือในอนาคตเราจะมี monorail วิ่งในเส้นถนนรามอินทรา/ลาดพร้าว ลักษณะเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งเพื่อส่งคนเข้ารถไฟฟ้าเส้นหลักอย่างสายสีเขียว (BTS) และสีน้ำเงิน (MRT) อีกที เส้นนี้ความสำคัญก็จะรองลงมา การเดินทางก็อาจจะไม่สะดวกเท่า
ดังนั้นการพิจารณา อย่าลืมดูด้วยนะครับว่าจริงๆ ทำเลที่เราดูนั้น ติดรถไฟฟ้าสายอะไร วิ่งแบบไหนกันแน่
3. การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ
เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าอย่างเดียวเสมอไป ลองดูว่านอกจากรถไฟฟ้าแล้ว วิธีการเดินทางด้วยตัวเลือกอย่างอื่นสะดวกมากแค่ไหน เช่นบางทำเลนอกจากใกล้รถไฟฟ้าแล้วใกล้ทางด่วนด้วย อันนี้ก็เพิ่มความสะดวก หรือบางที่ นอกจากใกล้รถไฟฟ้าแล้วอยู่ติดคลอง/แม่น้ำ ใกล้ท่าเรือก็เป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกแบบนึงได้เช่นกัน
4. รอบข้างเราเป็นอะไร
ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญในการอยู่อาศัยมากๆ เลยนะครับ หลังจากข้อแรกๆ เราพูดถึงทำเลแบบกว้างๆ ไปแล้ว เรียกว่าเอา Google Maps มานั่งกดๆ จิ้มๆ ก็ยังพอจะเห็นภาพ แต่ข้อนี้ถ้าเป็นไปได้เวลาเลือกซื้ออยากให้ลองดูสถานที่จริงในหลายๆ เหตุการณ์ครับว่ารอบข้างของคอนโดที่เราไปซื้อน่ะ จริงๆ แล้วมันเป็นยังไง เจริญแค่ไหน กลางวันเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า/รถเมล์ไหวไหม สภาพแวดล้อมรับได้หรือไม่ กลางคืนเปลี่ยวหรือเปล่า ความอุดมสมบูรณ์แถวนี้มีห้างหรือร้านอาหารไว้ให้ฝากชีวิตได้ไหม ลำพังจะกินแต่ข้าวกล่องเซเว่นหรือสั่ง Grab ทุกวันก็คงไม่ไหวใช่ไหมล่ะครับ
นอกจากยังมีอีกหลายตัวแปรเช่น ถ้ามีเพื่อนบ้านเป็นโรงเรียน, วัด, สถานบันเทิง หรือติดทางด่วน ก็อาจจะมีเรื่องของเสียงรบกวนได้ หรือแม้กระทั่งถ้ารอบข้างคอนโดเป็นที่ว่างหรือตึกแถวก็อย่าเพิ่งดีใจไปว่าไม่มีอะไรมารบกวน ถ้าที่เราอยู่เป็นคอนโดได้ ทำไมที่ข้างๆ จะเป็นคอนโดด้วยไม่ได้ อย่าลืมดูเรื่องบล๊อกวิวในอนาคตด้วยนะ
ถ้าเราลองมาดูในปัจจุบันก็จะเห็นได้เลยว่า บางทำเลถึงจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่ห่างออกไป แต่กลับราคาสูงและมีคอนโดไปตั้งอยู่เยอะกว่าสถานีที่ใกล้เมืองกว่าก็มีครับ
5. การถูกมองเห็น
ตอนที่เราซื้อคอนโดเราอาจจะเห็นโฆษณาจากในทางออนไลน์ หรือป้ายตามท้องถนน แต่หลังจากที่คอนโดขายหมดแล้ว สิ่งที่ทำให้คอนโดของเรายังไม่ถูกลืมนั่นคือการที่คนยังเห็นคอนโดของเราอยู่ครับ ซึ่งข้อนี้การเลือกคอนโดติดถนนใหญ่ หรือคอนโดที่เป็นตึกสูงอาจจะได้เปรียบกว่า
ถามว่าทำไมต้องให้คนเห็นด้วยหล่ะ นั่นก็เพราะว่าถ้าคนเห็นตึกเราก็เป็นเหมือนกับการได้โฆษณาไปในตัว เมื่อมีคนหาที่อยู่ ไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อต่อมือสอง ก็จะง่ายต่อการที่คนจะมองหาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งสุดท้ายก็จะส่งผลต่อราคาห้องระยะยาวในอนาคตหลังจากที่ซื้อไปแล้ว
6. แหล่งงาน
บางคนอาจจะเริ่มเลือกทำเลจากทำเลที่คุ้นเคย หรือบางคนก็เลือกทำเลเพราะว่าใกล้บ้านเดิมของตัวเอง แต่อาจจะต้องคำนึงถึงแหล่งงานที่ใกล้กับตัวคอนโดด้วยนะครับ ซึ่งถ้ามีแหล่งงานที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะช่วยให้เวลาที่เราเปลี่ยนใจไม่อยู่ห้องแล้วปล่อยเช่า หรือขายต่อทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีความต้องการที่พักในทำเลนั้นๆ สูง รวมไปถึงราคาในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ข้อนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนเพราะบางทำเลที่ไม่คุ้นเคย เวลาไปอยู่แล้วอาจจะไม่ชินหรือไม่ชอบก็ได้ อาจจะต้องทำการบ้านกันก่อนติดสินใจนิดนึงครับ
7. อนาคต
ข้อนี้จะคล้ายๆ กับสองข้อที่ผ่านมาคือนอกจากเรื่องของการอยู่อาศัยของเราเองแล้ว อยากจะให้มองเผื่อไปในอนาคตด้วยว่าทำเลที่เราเลือก ในอนาคตอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นใหม่ได้อีกบ้าง เช่นมีรถไฟฟ้าสายใหม่เปิดให้บริการ, มีห้างมาเปิดใหม่, มีตึกออฟฟิตสร้างเพิ่ม หรือมีโปรเจคโครงการ mixed use ขนาดใหญ่มา ซึ่งก็จะส่งผลต่อราคาโดยรวม, การหาเช่า รวมถึงความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยของทำเลนั้นๆ ในอนาคตได้ครับ
และนี่ก็เป็น 7 ข้อในการเลือกทำเลที่เรานำมาฝากกันครับ แต่อย่าลืมว่านอกจากข้อดีข้อด้อยของทำเลที่เราดูแล้ว สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าราคาขายที่ทางโครงการขายคุ้มค่ากับสิ่งที่เราจะได้หรือเปล่า หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ใครที่กำลังมองหาคอนโดมีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้นนะครับ ^ ^