สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านในช่วงต้นปี 2565
โครงการนี้ เป็นคนละที่กับโครงการที่เป็นข่าว รปภ. ก่อเหตุกับลูกบ้านนะครับ โครงการนี้ชื่อ The Parkland เพชรเกษม 56 (มีเลข 56 ด้วยครับ) 😅
ส่วนโครงการนั้นเป็นอีกที่นึงที่ชื่อคล้ายกัน โดยเป็นโครงการที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2558 และได้มีการโหวตเปลี่ยนบริษัทนิติ-รปภ. ไปตั้งแต่ปี 2560 แล้ว ปัจจุบันที่นั่นไม่ได้ใช้บริษัทนิติบุคคลที่มากับโครงการตอนเริ่มเปิดให้เข้าอยู่ แต่เป็นบริษัทอื่นที่กรรมการและลูกบ้านจัดจ้างมาเองครับ
วันนี้ LivingPop ขอพาไปบุกคอนโดที่มีส่วนกลาง “ใหญ่และอลังการ” ที่สุดในฝั่งธนกับ “The Parkland เพชรเกษม 56” เป็นโครงการ High Rise ติดกับ MRT สถานีภาษีเจริญเพียง 40 เมตรเท่านั้น แถมอยู่ตรงข้ามซีคอน บางแคด้วย ต้องบอกว่าเป็นโครงการที่เดินทางสะดวก หาของกินง่าย แถมส่วนกลางจัดเต็มกว่า 30 รายการ ไปดูกันครับว่าของจริงจะยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหน
โครงการ “The Parkland เพชรเกษม 56” เป็นโครงการใหญ่ที่มีอาคาร High Rise ถึง 3 อาคารด้วยกัน รวมๆ แล้วจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 2,047 ยูนิต แต่ถึงจะมีตึกเยอะ กลับออกแบบ Facilities และพื้นที่ส่วนกลางออกมาได้ใหญ่โตมากๆ เอาจริงวันที่ได้ไปรีวิวโครงการ ทั้งผมและทีมงานเดินกันจนเหนื่อยเลยครับ และสำหรับโครงการนี้สร้างเสร็จแล้ว พร้อมโอน เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดสร้างเสร็จไม่ต้องรอพรีเซล
จุดเด่นของโครงการ
จุดเด่นของ “The Parkland เพชรเกษม 56” จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจาก Facilities และพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะกลางแจ้งหรือในร่ม ทุกห้องล้วนแต่กว้างขวางมากๆ มาใช้พร้อมๆ กับหลายสิบคนก็ยังไม่อึดอัด สำหรับใครที่ชอบสวนสีเขียว ชอบใช้ส่วนกลางเป็นประจำอยู่แล้วจะต้องถูกใจแน่นอน รูปด้านล่างจะเป็นภาพรวมให้เราดูคร่าวๆ ครับ ว่าตั้งแต่ชั้นล่างไปจนถึงชั้น 6 มีพื้นที่ส่วนกลางอะไรบ้าง
Co-working Space ให้มาถึง 2 ชั้น
Co-Working Space จะเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมสวนที่ชั้น 1 ภายในจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะแบ่งออกเป็น 2 โซน คือฝั่งที่เป็น Step Seat หรือที่นั่งแบบขั้นบันได จะใช้นั่งอ่านหนังสือเฉยๆ หรือจัดกิจกรรมพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ก็ได้ อีกโซนนึงจะเป็นโซน Library เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือเอาคอมมากางทำงานก็ได้ มีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ทั้งโซฟา โต๊ะนั่งทำงานจริงจัง หรือเคาน์เตอร์บาร์ พื้นที่นั่งทำงานค่อนข้างกว้างขวางสามารถรองรับลูกบ้านได้เยอะ โดยเฉพาะในยุคที่หลายๆ คน Work From Home ใครที่ไม่อยากนั่งอุดอู้อยู่ในห้อง ก็ยกคอมลงมานั่งข้างล่างได้ ขึ้นมาชั้น 2 จะพบกับโซนเกม จะมีโต๊ะพูล และโต๊ะฟุตบอลให้ขึ้นมา relax ที่ชั้น 2 จะมีห้องประชุม 2 ห้อง สามารถใช้คุยงานหรือประชุมได้นะ
Basketball Court แบบครึ่งสนาม
ออกมาด้านนอกข้างๆ Co-Working Space จะมีสนามบาสเกตบอลแบบครึ่งสนาม พื้นสนามเป็นยางสังเคราะห์ ล้อมรอบด้วยตาข่ายสูง ชู้ตกันได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวลูกจะลอยไปโดนใคร รอบๆ สนามบาสจะเป็นทางลาดสำหรับเดินขึ้นไปที่สวนด้านบน โดยคนที่จะขึ้นมาได้จะต้องสแกน Keycard ก่อน เพื่อความปลอดภัยครับ
พื้นที่สีเขียวกว่า 5 ไร่
ที่ชั้นล่าง บริเวณตรงกลางของโครงการ จะเป็นสวน Rain Pavilion ซึ่งเป็นชื่อเรียกศาลาพักผ่อน 3 หลัง ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางสวน โดยออกแบบมาให้เป็น Theme ฝนตก ล้อมรอบด้วยต้นหลิว บริเวณนี้มีลมพัดเย็นสบายทั้งวัน เมื่อเจอกับต้นหลิวที่มีใบพลิ้วๆ ทำให้บรรยากาศเย็นสบายมากเลยครับ อ้อลืมบอกไป โครงการจะวางตึกคล้ายตัว C ที่หันด้านอาคารพักอาศัยให้ทิศตะวันตก และเปิดพื้นที่สวนทางทิศตะวันออก ทำให้ช่วงบ่ายๆ บริเวณสวนของโครงการจะได้ร่มเงาจากตัวอาคาร ช่วยลดความร้อนแรงของแสงแดดลงไปได้เยอะเลยครับ
สระว่ายน้ำอาคาร C มาพร้อมพื้นที่พักผ่อนแบบส่วนตั๊วส่วนตัว
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีพื้นที่พักผ่อนซ่อนอยู่เป็น Private Deck ให้มานั่งพักผ่อนชิวๆ ได้อีก 1 จุดครับ จุดนี้จะมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ทั้งโครงการเลย วิวสวยม๊ากก หากขึ้นไปต่อที่ชั้น 5 จะพบกับสระว่ายน้ำ แน่นอนว่าชื่อ Parkland จะทำสระว่ายน้ำเฉยๆ คงไม่ได้ ดังนั้นบริเวณรอบๆ ก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้และพื้นที่พักผ่อน บริเวณด้านข้างของสระว่ายน้ำจะมีเก้าอี้ยาวมาให้ครับ ส่วน Stage เสาๆ ด้านหลัง จะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน เร็วๆ นี้จะมีเบาะนวมมาวางไว้ให้นั่งชิวๆ ได้ด้วย สระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นสระระบบเกลือทั้ง 2 สระนะครับ โดยแต่ละสระก็จะมีจุดเด่นและการใช้งานที่ไม่เหมือนกันฮะ สำหรับสระนี้จะเรียกว่า Vanishing Edge Pool เป็นสระ Lap Pool แบบไร้ขอบ เน้นว่ายออกกำลังกายจริงจัง มีความกว้าง 7 เมตร ยาว 24 เมตร และลึก 1.2 เมตรครับ
Fitness ขนาดใหญ่ ออกกำลังกายให้เหนื่อยกันไปข้างนึง
ฟิตเนสของที่นี่จะเป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณระหว่างอาคาร B และอาคาร C เมื่อเข้ามาที่ชั้นล่างจะเจอกับ Boxing Zone เป็น “เวทีมวย” ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ สามารถใช้ฝึกซ้อมได้ (แต่หาคู่ซ้อมมาเองนะ) แล้วก็จะมีโซน Weight Training เล็กๆ อยู่ด้วยครับ ด้านข้างของห้องฟิตเนส จะเป็นห้องสุขา ห้องอาบน้ำพร้อมตู้ล็อกเกอร์ และห้องซาวน่าแยกชายหญิง แอบชอบห้องอาบน้ำของที่นี่มาก เขาแบ่งพื้นที่สำหรับวางของและแต่งตัวเอาไว้ในห้องอาบน้ำด้วย ไม่ต้องกลัวเขินเวลาพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วครับ >__< ใกล้ๆ กับเวทีมวย มีห้อง Golf Simulator ให้มาซ้อมตีปังย่าแบบไม้จริงๆ ลูกจริงๆ ด้วยครับ ใครอยากลองก็มาเล่นกันได้ มีมาให้ 2 ห้องเลย
ขึ้นมาชั้นสอง จะเจอกับห้องโยคะ ที่สามารถปรับเป็นห้องซ้อมเต้น ห้องแอโรบิกก็ได้ ห้องนี้มีระเบียงให้ออกไปหอบข้างนอกเวลาเหนื่อยด้วยนะฮะ นอกจากห้องโยคะแล้ว พื้นที่ชั้นบนของฟิตเนสที่เหลือทั้งหมด เป็นพื้นที่ของเครื่องออกกำลังกายครับ ซึ่งจัดมาให้เยอะมาก ทั้งลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกายสำหรับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เรียกว่าไม่แพ้ฟิตเนสตามห้างเลย น่าจะพอใช้งานสำหรับลูกบ้าน ไม่ต้องแย่งกันใช้ครับ
สวนเล่นระดับ
ถ้าเราออกจาฟิตเนสเดินมาตามทางเชื่อมระหว่างอาคาร จะเจอกับอีกไฮไลท์นึงของโครงการ ก็คือ “สวนเล่นระดับ” โดยจะเป็นขั้นบันไดและทางลาด ไล่จากชั้น 3 ขึ้นไปยังชั้น 6 ซึ่งจะเป็นสระว่ายน้ำอีกสระหนึ่งครับ อย่างที่บอกไปว่าที่นี่จะไม่ได้มีแค่สวนต้นไม้เฉยๆ แต่จะมีการใส่พื้นที่นั่ง ศาลาพักผ่อนเอาไว้แทบทุกจุด ตรงนี้ก็เช่นกันครับ จะมีศาลาพักผ่อนอยู่ตามสเต็ปบันได เรียกว่า Firefly Pavilion ตรงนี้ตอนกลางคืนก็สวยมากเลยครับ
Lagoon Pool + Jacuzzi + Sunken Seat
ขึ้นมาถึงชั้น 6 แล้วครับ (เอาจริงคือเดินกันเหนื่อยมากกกก) ชั้นนี้จะมี “Lagoon Pool” อีกหนึ่งสระว่ายน้ำของโครงการ โดยสระนี้จะเน้นให้เป็นสระที่ใช้พักผ่อนครับ บรรยากาศเหมือนตามโรงแรมรีสอร์ทดีๆ นี่เอง ขนาดของสระเฉพาะส่วนลึกที่ว่ายน้ำได้ กว้าง 6 เมตร ยาว 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร และมีสระเด็ก ลึก 0.6 เมตรด้วย จั่วหัวว่าเป็นสระสำหรับพักผ่อน ก็ต้องมีนี่เลยฮะ “อ่างจากุซซี่” ที่ไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3 เลย ไม่ต้องแย่งกันใช้ครับ ด้านข้างจะมี Sunken Seat ให้มานั่งพักผ่อนริมสระด้วย จริงๆ พื้นที่สีเขียวของโครงการยังมีอีกหลายจุดเลย แต่ให้บรรยายก็คงจะไม่หมด ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองครับ
มีสนามเด็กเล่นแบบกลางแจ้งด้วย
“สนามเด็กเล่น” ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ทางด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าไปที่โถงลิฟต์ชั้น 6 ของอาคาร B ครับ จะเห็นว่าตลอดทางเดินหรือตามทางต่างๆ ของโครงการจะต้องมีต้นไม้ประดับประดาอยู่ทุกที่ ช่วยสร้างพื้นที่สีเขียวและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติให้กับลูกบ้านได้มากๆ เลย
Star Pavilion
จาก Lobby อาคาร A ขึ้นลิฟต์พิเศษตรงมาที่ชั้น 32 จะพบกับ Star Pavilion เป็นห้องนั่งเล่นบนชั้นสูงสุดของโครงการครับ สำหรับ Star Pavilion จะมีอยู่ 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน กลางวันจะเห็นวิวเมืองเปิดโล่งมองได้ไกลมาก เพราะรอบๆ โครงการไม่มีตึกสูงมาบังวิว
ส่วนชั้นบน จะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง เริ่มจากห้องนี้จะเป็น Mini Theatre และห้องคาราโอเกะครับ สามารถมานั่งดูหนังก็ได้ หรือจะปาร์ตี้คาราโอเกะก็ได้ จะดูหนังช่วงกลางวันอาจจะปิดม่านหน่อย แต่กลางคืนพอปิดไฟจะเห็นวิวแสงไฟของเมืองเป็นพื้นหลัง ฟีลกู๊ดมากๆ ครับ อีกด้านนึงของชั้นนี้เป็นห้อง Sky Private Party สามารถปิดเป็นห้องส่วนตัวเพื่อจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ได้ มีเคาน์เตอร์บาร์ให้วางเครื่องดื่ม ขนม พิซซ่า สำหรับปาร์ตี้ด้วย
ข้อมูลโครงการ
เนื้อที่โครงการ : | 13-3-12.3 ไร่ |
จำนวนห้องพัก : | 2,047 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | High Rise 3 อาคาร แบ่งเป็น – อาคาร A มี 32 ชั้น จำนวนยูนิต 571 ยูนิต – อาคาร B มี 31 ชั้น จำนวนยูนิต 727 ยูนิต – อาคาร C มี 29 ชั้น จำนวนยูนิต 749 ยูนิต |
ลิฟต์ : | – อาคาร A มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์เซอร์วิส 1 ตัว และลิฟต์ตรงสู่ชั้น 32 อีก 1 ตัว – อาคาร B มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์เซอร์วิส 1 ตัว – อาคาร C มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์เซอร์วิส 1 ตัว |
ค่าส่วนกลาง : | 45 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
ค่ากองทุน : | 450 บาท/ตารางเมตร |
ที่จอดรถ : | 50% หรือ 1,025 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
Facility : | Lobby, Executive Lounge, Mailbox Room, Shop, Juristic Person Office, Double Volume Co-Working Space, Social Club, Workshop Area, Gaming Recreation (Football Table, Pool Table), Meeting Room, Library Area, Lagoon Pool ที่ Tower A ระบบเกลือขนาดประมาณ 6.0×25.0 เมตร, Vanishing Edge Pool with Private Deck ที่ Tower C ระบบเกลือขนาดประมาณ 7.0 x 24.0 ม., Levels Garden พื้นที่ประมาณ 2,748 ตร.ม., Firefly Pavilion, Rain Pavilion with Sunken Seat, Outdoor Co-Living Area, Waterfall, Playground, Street Basketball, Jogging Track, Double Volume Fitness, Boxing Stage, 2 Golf Simulator, Sauna, Yoga Room, Star Pavilion, Mini Theatre & Karaoke Room, Sky Private Party Room, Sky Social Club Area, Big Bike Parking, Bike Storage และ Extra Storage |
แบบห้อง : | Type 1S – Studio ขนาด 25.0-25.5 ตร.ม. Type 1A – 1 ห้องนอน ขนาด 26.5-27.0 ตร.ม. Type 1B – 1 ห้องนอน ขนาด 30.0-30.5 ตร.ม. Type 1C – 1 ห้องนอน ขนาด 30.0-31.0 ตร.ม. Type 1E – 1 ห้องนอน ขนาด 34.5-35.0 ตร.ม. Type 1F – 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ขนาด 34.5-35.0 ตร.ม. Type 1G – 1 ห้องนอนแบบหน้ากว้าง ขนาด 36.0-37.5 ตร.ม. Type 2A – 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48.5-49.0 ตร.ม. Type 2B – 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 62 ตร.ม. |
ราคา : | ราคาเริ่มต้น 1.97 ล้านบาท |
ทำเลโครงการ
โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนสายหลักสายหนึ่งของฝั่งธนบุรี โดยจะอยู่ติดกับซอยเพชรเกษม 56 ตรงข้ามห้างซีคอนบางแคพอดี นอกจากนี้ถนนเพชรเกษมยังมีเส้นทางคมนาคมอย่างรถไฟฟ้า MRT สายสีนํ้าเงิน “สถานีภาษีเจริญ” สามารถเดินทางเข้าเมืองไปในโซนสีลม สุขุมวิท พระราม 9 ลาดพร้าว ได้ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าต่อเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน หรือใครที่ต้องไปต่อรถไฟฟ้า BTS ก็สามารถเปลี่ยนรถได้ที่ “สถานีบางหว้า” ซึ่งอยู่ถัดจากโครงการไป 2 สถานีเองครับ
ประมาณระยะเวลาเดินทางจากสถานีภาษีเจริญ (จากแอพ Bangkok MRT / BKK Rail)
🚆 ไปสถานีบางหว้า 3 นาที
🚆 ไปสถานีสีลม 21 นาที
🚆 ไปสถานีสุขุมวิท 29 นาที
🚆 ไปสถานีสวนจตุจักร 32 นาที (เปลี่ยนรถที่สถานีท่าพระ)
🚆 ไปสถานี BTS สยาม 33 นาที (เปลี่ยนรถที่สถานีบางหว้า)
นอกจากรถไฟฟ้า ถนนเพชรเกษมยังเป็นถนนที่มีรถเมล์ผ่านหลายสายมากๆ สามารถเดินทางไปได้ทั่วกรุงเทพฯ หรือจะเรียกแท็กซี่ เรียก Grab ก็สบายครับ นอกจากซีคอนบางแค บริเวณใกล้เคียงโครงการก็มีแหล่งซื้อของกินของใช้อีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเดอะมอลล์บางแค เทสโก้โลตัส หรือตลาดบางแคที่เป็นตลาดของสดขนาดใหญ่ก็อยู่ถัดไปสถานีเดียวเอง
แปลนโครงการ
แปลนที่เรานำมาให้ดู จะแบ่งออกเป็นอาคาร B, C และภาพรวมทั้งโครงการนะครับ จะได้เข้าใจง่าย ไม่ต้องไปนั่งแยกเอง แต่ในส่วนของอาคาร A นั่น ยังไม่ได้เปิดขาย ดังนั้นจึงยังไม่ได้เปิดเผยแปลนฮะ
แปลนอาคาร B
แปลนอาคาร C
แปลนห้อง
สำหรับแบบห้องจะแบ่งออกเป็น 3 Type หลักๆ คือ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom แต่ถ้าจะแบ่งแยกออกมาแบบละเอียดๆ จะมีห้องทั้งหมด 9 แบบด้วยกันครับ คือ
- Type 1S – Studio ขนาด 25.0-25.5 ตร.ม.
- Type 1A – 1 ห้องนอน ขนาด 26.5-27.0 ตร.ม.
- Type 1B – 1 ห้องนอน ขนาด 30.0-30.5 ตร.ม.
- Type 1C – 1 ห้องนอน ขนาด 30.0-31.0 ตร.ม.
- Type 1E – 1 ห้องนอน ขนาด 34.5-35.0 ตร.ม.
- Type 1F – 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ขนาด 34.5-35.0 ตร.ม.
- Type 1G – 1 ห้องนอนแบบหน้ากว้าง ขนาด 36.0-37.5 ตร.ม.
- Type 2A – 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48.5-49.0 ตร.ม.
- Type 2B – 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 62 ตร.ม.
และสำหรับใครที่อยู่ห้องแบบ 2 ห้องนอน ไม่ว่าจะ 2A หรือ 2B จะได้สิทธิ์จอดรถแบบที่จอดประจำ 1 คันด้วยครับ ส่วนห้องแบบอื่นๆ จะได้สิทธิ์ 1 คันแบบมาก่อนได้ก่อนนะฮะ จริงๆ แล้วทางโครงการทำห้องตัวอย่างมาให้ดูเยอะมากๆ ถ้าใครชอบเห็นห้องจริงๆ แนะนำให้ไปดูที่โครงการได้เลย มีเซลล์คอยต้นรับตลอดครับหรือถ้าอยากดูแบบออนไลน์ ก็สามารถเข้าไปดูแบบเสมือนจริง 360 องศา ได้ที่ www.naraiproperty.com/project/plps/view360/plan
ห้องตัวอย่าง
สำหรับห้องตัวอย่างที่เรานำมารีวิวมีทั้งหมด 3 ห้อง ด้วยกัน คือ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร และ 1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร ทุกห้องจะขายแบบ Fully Fitted ให้ในส่วนของครัว ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้าเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ
1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตารางเมตร
หากเดินเข้ามาเราสามารถมองเห็นตั้งแต่ครัว ห้องนั่งเล่น ยาวเลยไปถึงห้องอเนกประสงค์ได้เลย ภายในห้องตั้งแต่พื้นจรดฝ้าสูง 2.55 เมตร ยกเว้นห้องน้ำที่จะสูง 2.35 เมตร พื้นจะเป็นลามิเนตลายไม้สำเร็จรูป ผนังฉาบเรียบทาสีขาว สำหรับครัว หน้าตาจะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ คือจะมีเคาน์เตอร์ด้านล่าง ตู้เก็บของด้านบนพร้อมช่องสำหรับวางไมโครเวฟ รวมไปถึงช่องสำหรับวางตู้เย็นด้านข้างด้วย (ยกเว้นตู้เหนือตู้เย็นที่ไม่ได้ให้มา) นอกจากนี้ยังมีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานยี่ห้อ FRANKE ติดตั้งมาให้ด้วยครับ
ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นสุขภัณฑ์ของ American Standard มีอ่างล้างหน้าที่มาพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง และชักโครก ส่วนโซนอาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจก พร้อมประตูเปิดปิด มีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ติดกับประตูห้องน้ำจะเป็นตู้วางเครื่องซักผ้า ห้องจริงจะไม่มีประตูเปิดปิดให้ เราจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะครับ นอกเหนือจากเครื่องซักผ้าแล้วก็ยังวางอย่างอื่นได้อีกนะ เช่น เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน หรือทำเป็นชั้นเก็บข้าวของเครื่องใช้เหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้
ไอเดียของห้องนั่งเล่นจะผสมผสานรวมกับโต๊ะทานอาหารไปเลย ซื้อ 1 ได้ถึง 2 ด้วยโซฟาขนาดยาว แม้เพิ่มโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้เข้ามา ก็ยังไม่ทำให้ห้องดูอึดอัด แต่ถ้าใครไม่ต้องการโต๊ะ ซื้อโซฟาเบดเอาไว้ยกเบาะออกมานอนดูหนังหน้าทีวีก็ได้เหมือนกันนะ ห้องอเนกประสงค์จะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นให้ ซึ่งห้องนี้เราจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอะไรก็ได้ตามใจชอบเลย ห้องตัวอย่างจะอยู่ที่ชั้น 7 ของตึก A ซึ่งจะมองเห็นยอดของต้นไม้ได้พอดี คือแค่เรามองไปทางหน้าต่าง เราก็จะเห็นต้นไม้และพื้นที่สีเขียวแล้ว ยิ่งถ้ามองลงไปก็จะเห็นสระว่ายน้ำและวิวสวนด้วย เป็นชั้นที่วิวดีมากๆ เลยครับ
ห้องนอนที่นี่กว้างมากครับ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ๆ ได้สบายเลย จะเสริมเบาะข้างเตียงก็ไม่ทำให้ห้องดูแคบ ส่วนระเบียงจะอยู่ที่ห้องนอน เป็นประตูบานเลื่อนที่อยู่ติดกับเตียงนอน นอกจากจะได้เตียงขนาดใหญ่แล้ว โต๊ะเครื่องแป้งเองก็ใหญ่ตามไปด้วย สำหรับตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะให้มาเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย เป็นประตูบานเลื่อน ซึ่งเราสามารถเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าและของใช้ด้านในได้ มันเป็นเหมือนกับห้องอีกห้องหนึ่งเลยครับ
1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร
ห้องนี้จริงๆ จะทำโซฟายาวเหมือนกับห้องตัวอย่างเพื่อเชื่อมโซนทานอาหารกับโซนนั่งเล่นเข้าด้วยกันก็ได้ แต่ถ้าชอบความเป็นสัดส่วน เราจะแยกโต๊ะทานอาหารออกมาก็ได้เช่นกัน เพราะยังไงพื้นที่ก็เหลือเฟืออยู่แล้วครับ อย่างที่บอกไปในห้องก่อนหน้านี้ว่าชั้น 7 เป็นชั้นที่วิวดีจริงๆ ถ้าได้มาดูโครงการด้วยตัวเองแล้วจะชอบครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในคอนโด High Rise จะต้องมีแต่วิวเมืองแน่เลย แต่ที่นี่กลับมีต้นไม้โผล่มาที่หน้าต่างให้เห็นเต็มไปหมด ถึงแม้จะอยู่ในห้องก็ยังมีธรรมชาติมาให้เราเชยชมได้อย่างเพลิดเพลิน
ห้องนอนค่อนข้างกว้างขวาง มีผนังกระจกบานใหญ่ เอาไว้รับแสงแดดในตอนเช้าด้วย ตู้เสื้อผ้าเก็บของได้ค่อนข้างเยอะนะครับ นอกจากจะมีลิ้นชักมาให้แล้ว ชั้นด้านบนของราวแขวน สามารถวางกล่องหรือกระเป๋าขนาดใหญ่ได้สบายๆ เลย ใครที่มีกระเป๋าเดินทางแต่ไม่รู้จะเก็บไว้ไหนก็นำมาเก็บบนช่องนี้ได้
1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร
ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องอื่นตรงที่เป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้เราสามารถชมวิวสวนได้ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของห้องก็ตาม เปิดเข้ามาก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ซึ่งด้านหลังชั้นวางทีวี หรือกำแพงห้องนอนจะเป็นผนังกระจก เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ติดกับห้องนั่งเล่นก็เป็นระเบียง ซึ่งพื้นที่ของห้องนั่งเล่น มุมทานอาหาร และครัวจะเชื่อมต่อกันทั้งหมดเลย
ครัวห้องนี้ค่อนข้างยาวและมีพื้นที่เยอะ แม้จะไม่ได้มีตู้เก็บเครื่องซักผ้าให้ แต่ก็สามารถวางเครื่องซักผ้าในครัวได้เลย ไม่ต้องไปเกะกะที่ระเบียง ด้วยเคาน์เตอร์ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้เรามีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้น ถ้าใครชอบทำอาหารทานเองน่าจะชอบห้องนี้ครับ ห้องนี้แต่งโต๊ะทานอาหารเป็นบาร์สูง มันมีข้อดีตรงที่ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ แถมเวลาทานอาหาร ถ้ามีเพื่อนนั่งอยู่ที่โซฟา หัวเพื่อนจะไม่บังทัศนวิสัยในการดูทีวีของเราครับ
ห้องนอนจะไม่มีระเบียงนะครับ เพราะระเบียงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว สำหรับห้องนี้ก็สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ แถมยังนอนมองวิวสวนด้านนอกได้ด้วยนะ ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ที่วางโต๊ะเครื่องแป้งเหลือเยอะมาก และตู้เสื้อผ้าเองก็ยาวมากเช่นกัน ใครที่มีเสื้อผ้าจนล้นตู้ ห้องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ
และนี่ก็เป็นรีวิวของ “The Parkland เพชรเกษม 56” เป็นไงครับ ส่วนกลางจัดหนักจัดเต็มอย่างที่บอกรึเปล่า จริงๆ อยากให้ไปชมโครงการด้วยตัวเองดูก่อน แล้วจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ เพราะสวนสีเขียว พื้นที่ส่วนกลาง และ Facilities ของที่นี่น่ามาใช้บริการมากๆ วันที่ทางทีม LivingPop ไปถ่าย ทีมงานทุกคนเดินกันไปเยอะมาก คือแค่เดินจากสวนตึก A ไปตึก C ก็เหนื่อยแล้ว เผาผลาญพลังงานได้ดีทีเดียว
โปรโมชั่น
ตอนนี้ทาง “The Parkland เพชรเกษม 56” มีโปรโมชั่นอยู่นะครับ กับห้องราคาเริ่มต้น 1.97 ล้านบาท ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน จองและทำสัญญา 10,000 บาท แถมฟรี แอร์ ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว เครื่องทำนํ้าอุ่น กระจกอาบนํ้า และ Digital Door Lock ถ้าเพื่อนๆ สนใจสามารถเข้ามาดูสวนจริง ส่วนกลางจริง วิวจริง และห้องตัวอย่างได้ทุกวัน สำนักงานขายจะเปิด 9.00 – 18.00 น. เลย หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่โทร 02-454-8585 หรือแอด Line สอบถามข้อมูลกับทางโครงการได้ที่ : https://bit.ly/3ed6961