ไรมอนแลนด์ปรับภาพลักษณ์ใหม่ Sales Gallery โครงการ TAIT Sathorn 12 ภายใต้แนวคิด “Live The Best of Sathorn Life” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง หลังประสบความสำเร็จจากการปิดการขาย The Lofts Silom ประเมินทิศทางอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังแนวโน้มดีขึ้นคาดกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติเพิ่มหลังรัฐบาลระดมฉีดวัคซีนโควิด-19

นาย มนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัทไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาด การจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการรีแบรนด์ดิ้ง ปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความลักชัวรี่ ทันสมัย และสามารถเข้าถึงเจเนอเรชั่นใหม่ ครอบคลุมทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เชื่อมั่นในแบรนด์ และ กลุ่ม Young Affluents ผู้มีกำลังซื้อยุคใหม่ รวมถึงการปรับภาพลักษณ์โครงการ TAIT Sathorn 12 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่บนทำเลสาทรให้เข้ากับความ Modern Luxury และมีแผนที่จะขยายการปรับภาพลักษณ์โครงการอื่นๆ ในอนาคต

โครงการ “TAIT Sathorn 12” คอนโดมิเนียม High-rise ระดับลักชัวรี่ ภายใต้แนวคิดหลักของโครงการ “Live The Best of Sathorn Life” ความเป็นที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์คนเมืองย่านสีลม สาทรอย่างแท้จริง กับพื้นที่สาทรซอย 12 ทำเลที่มีศักยภาพใจกลางเขตธุรกิจ หรือ Prime CBD (Central Business District) และศูนย์กลางทางการเงิน (Financial District) ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ต้องการเชื่อมต่อการเดินทาง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มูลค่าโครงการกว่า 4,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ 75% ในราคาเริ่มต้นเพียง 8.88 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โครงการยังได้รับรางวัล “Best Luxury Condominium Project – Thailand 2021” จัดขึ้นโดย International Finance Magazine นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินชั้นนำของ UK’s International Finance Publications Limited ซึ่งเป็นการการันตีถึงคุณภาพของโครงการในระดับสากล
การเปลี่ยนภาพลักษณ์โครงการ TAIT Sathorn 12 ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการพลิกโฉมห้องตัวอย่างภายในโครงการใหม่ ภายใต้แนวคิดการตกแต่ง “Luxury Reimagined” ซึ่งเป็นนิยามความลักชัวรี่ของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องดูเคร่งขรึม เรียบนิ่งเท่านั้น แต่ยังสามารถแทรกความสนุกสนานเข้าไปในการตกแต่ง อาทิ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์รูปทรงโค้งมน แต่ยังคงรู้สึกถึงความหรูหรา เป็นสัดส่วนในการใช้งาน อีกทั้งยังเน้นความสะดวกสบายเหมาะแก่การพักผ่อน รวมถึงการตกแต่งโดยใช้โทนสีที่ดูเรียบง่าย ไม่ฉูดฉาด ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่งและสบายตา โดยเพิ่มสีสันเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งเปรียบเสมือนไลฟ์ไตล์คนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง

การออกแบบอาคารที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ Iconic Slope ทำให้มีห้องชุดสุดพิเศษ วิวสวนลอยฟ้าที่สามารถเลือกห้องที่ใช่ในสไตล์เราแบบไม่ซ้ำใครครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งห้องนอน, ห้องครัว, ห้องทำงาน, ห้องรับรองแขก นอกจากนี้ตัวอาคารยังนำกระจก Double-Glazed with Full Height Curtain Wall ช่วยกันความร้อน และเสียงรบกวนจากภายนอกมาตกแต่ง พร้อมพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าเล่นระดับ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันบนพื้นที่ 6 ชั้น กว่า 2,000 ตร.ม. อาทิ แอมฟิเธียเตอร์ เลานจ์ (Amphitheater Lounge), เลานจ์ชมพระอาทิตย์ตกดิน, ห้องอ่านหนังสือวิวสวน, ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว และสวนลอยฟ้า, ห้องออกกำลังกายอเนกประสงค์ พร้อมห้องสตูดิโอ, สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบปรับอุณหภูมิ พร้อมระบบกรองน้ำปราศจากคลอรีน รวมไปถึงสระเด็ก และจากุชชี่, ห้องอบไอน้ำแยกชายและหญิง และอื่นๆ อีกมากมาย
ห้อง Master Bedroom ของ Tait Sathorn 12 ตกแต่งด้วยโทนสีที่เรียบง่าย ดูสบายตา และมีการจัดกลุ่มเฟอร์นิเจอร์แบบ Symmetry เพื่อให้รู้สึกถึงความประณีต Attention to details และการใช้ space ที่ดี ทำให้สามารถวางเตียงขนาด King size พร้อมทั้งโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ข้างได้อย่างสวยงาม และยังมีพื้นที่เหลือสำหรับ Armchair ไว้นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือในวันสบายๆ หรือจะนั่งจิบไวน์ชมวิวของกรุงเทพผ่านหน้าต่างกระจกแบบ Full height ก็ได้เช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันเราได้สอดแทรกความหรูหราลงไปบน Detail ของ Wallpaper หรือแม้กระทั่งตัวโคมของ Floor lamp ที่ทำมาจากผ้าไหมทั้งคู่


สำหรับ Common Bedroom นั้น เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เกิดพื้นที่การใช้งานที่คุ้มค่าที่สุด ที่นอกจากเป็นพื้นที่พักผ่อนแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับทำงานสไตล์ New Normal ได้ หรือจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นโต๊ะแต่งตัวก็ได้เช่นเดียวกัน Mood & Tone เน้นสีที่ให้ความรู้สึก Warm & Cozy เพื่อให้ความรู้สึกสบาย เหมาะกับการพักผ่อน แทรกด้วย Detail เล็กๆจากลวดลายบน Wallpaper ที่ทำให้รู้สึกมี movement ที่มากขึ้น


พื้นที่ห้องน้ำที่โปร่งโล่ง กว้างขวาง ได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว ให้ความรู้สึก Modern Luxury พร้อมด้วยสุขภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำ KASCH จากเยอรมันนี รวมถึงเครื่องครัวคุณภาพจาก SMEG นอกจากนี้การดีไซน์ห้องแบบ Plus One ยังทำให้สามารถเพิ่ม Flexibility ในการดีไซน์พื้นที่เป็นห้องทำงาน Wine Cellar หรือ Storage Room ขนาดใหญ่ได้

สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก แม้ขณะนี้ต้องรอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายหลังที่เริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงกระตุ้นที่จะดึงบรรยากาศและความมั่นใจในการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ตลอดจนลูกค้าชาวต่างชาติให้กลับมา และด้วยศักยภาพของตลาดคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ทำเลใจกลางเมืองที่มีจำนวนจำกัด แต่ยังคงมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัย หรือซื้อไว้เพื่อลงทุน ทำให้คอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อระดับสูง
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุน จากการเปิดประเทศ 1 ก.ค. รับนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงการเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดย ศบศ. เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ที่มีรายได้สูงและศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยสิทธิในการพำนักในประเทศไทยด้วยอายุวีซ่า10ปี, ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ รวมถึงสิทธิในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือเช่าระยะยาว เพื่อสร้างรายได้ การลงทุน และ อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นให้กับประเทศ ทั้งนี้ หากมาตรการดังกล่าวผ่านการรับรองจากภาครัฐ ก็จะส่งผลดีกับบริษัทและประเทศชาติ จากกำลังซื้อของลูกค้าต่างชาติที่จะกลับมา

“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯตั้งแต่ต้นปีชะงักลง แต่สำหรับกลุ่มลักชัวรี่ยังมีดีมานด์ที่ค่อนข้างดี เห็นได้จากยอดโครงการ The Lofts Silom ที่ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยในไตรมาส1 และ โครงการ TAIT Sathorn 12 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการที่ประชาชนในประเทศและทั่วโลกได้ทยอยรับวัคซีน จะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมาฟื้นตัว” นายมนาเทศ กล่าวเพิ่มเติม