มีใครที่กำลังมองหาคอนโดทำเลในเมือง แต่รู้สึกว่าโครงการคอนโดสมัยนี้ราคาสู๊งสูงกันบ้างไหมครับ?? วันนี้ Living Pop จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ “THE ORIGIN รัชดา – ลาดพร้าว” คอนโดราคาเป็นมิตรกับคนรุ่นใหม่วัยทำงาน
ทำเลอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินสถานีลาดพร้าวแค่ 450 เมตร และห่างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองแค่ 25 เมตร!! ในราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
โครงการนี้จะเป็นอย่างไร เราลองมาดูกันครับ




รู้จักกับ The Origin
สำหรับคอนโดจาก Origin Property ก่อนหน้านี้บางคนอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างกับแบรนด์เช่น Kensington, Notting Hill หรือ Knightsbridge มาในปี ทาง Origin Property ก็ได้เปิดแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอย่าง THE ORIGIN เป็นแบรนด์ที่มาในราคาไม่สูงมากเน้นความคุ้มค่า จับกลุ่มคนทำงานในช่วงเริ่มต้น แต่ยังได้ทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า โดยในตอนนี้เตรียมเปิดทั้งหมด 6 โครงการ 6 ทำเล ได้แก่สุขุมวิท (สุขุมวิท 105), รัชดา, ลาดพร้าว, รามอินทรา, รามคำแหง และ พหลโยธิน
โดยช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ Origin Property ได้เปิดตัวโครงการ “THE ORIGIN รามคำแหง 209” ไปก่อนแล้ว ด้วยทำเลที่เป็นจุดตัด Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟฟ้าสายสีชมพู จึงได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในพื้นที่ย่านนั้นที่เริ่มขยับขยายจากการอยู่บ้านมาลองดูคอนโดติดรถไฟฟ้า และด้วยราคาเริ่มต้นเบาๆ ที่ 1.29 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันโครงการ THE ORIGIN รามคำแหง 209 ได้ Sold Out ขายหมดไปเรียบร้อยแล้วครับ
ล่าสุดเลยเตรียมเปิดโครงการ THE ORIGIN ใหม่อีก 2 โครงการ นั่นคือ “THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าว” และ “THE ORIGIN ลาดพร้าว 15” โดยเป็นสองโครงการที่ทำเลไม่ไกลกันมาก เลยมีการเปิดตัวพร้อมกัน ใช้สำนักงานขายเดียวกัน และเริ่ม Pre-Sale พร้อมกันเลย สเปกต่างๆ ของสองโครงการนี้ก็ยังคล้ายกันมากด้วยครับ ต่างกันที่ทำเลเท่านั้นเอง
โดย THE ORIGIN ลาดพร้าว 15 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 90,000 บาท/ตร.ม) ส่วน THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าวที่เราจะพูดถึงในวันนี้จะมีราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 110,000 บาท/ตร.ม)
ทำเล
ทำเลของ THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าวจะเป็นคอนโดแบบ Low Rise อยู่ใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว ในซอยลาดพร้าว 23 ครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่ก็ห่างออกไปไม่มากครับ เดินออกไปนิดเดียวประมาณ 250 เมตรก็จะถึงปากซอยแล้ว ก็จะได้ความสงบกว่าโครงการที่ติดถนนใหญ่แต่แลกกับการที่อาจจะต้องเดินเข้าซอยนิดนึง จุดเด่นของซอยนี้คือเป็นซอยที่ขนานไปกับถนนรัชดา ซึ่งจุดที่เยื้องกับโครงการจะมีทางเดินที่สามารถเดินไปออกถนนรัชดาได้ (แต่เป็นทางสำหรับคนเดินนะครับ) ทำให้โครงการนี้ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีรัชดาเพียง 25 เมตรเท่านั้น หรือจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินก็ไม่ไกลมากครับ อยู่ห่างออกไป 450 เมตร ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็น Interchange ที่รถไฟฟ้าสองสายมาตัดกัน เรื่องทำเลความใกล้รถไฟฟ้าเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของที่นี่เลยครับ
การเดินทางถ้าหากใช้รถ ซอยลาดพร้าว 23 สามารถเข้าได้จากทั้งทางถนนลาดพร้าว และทางถนนรัชดา ดังนั้นก็จะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางได้ เวลาออกจากโครงการแทนที่จะเลี้ยวออกลาดพร้าวแล้วกลับรถเข้าเมือง อาจจะเลือกเป็นออกมาทางถนนรัชดาแล้วตรงเข้าเมืองแทนได้เช่นกันครับ
ข้อมูลรถไฟฟ้าเพิ่มเติม
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
เป็นรถไฟฟ้าสายที่วิ่งจากหัวลำโพงไปเตาปูน ผ่านจุดสำคัญๆ ต่างๆ เช่น สีลม, สุขุมวิท, พระราม 9, รัชดา, ลาดพร้าว, สวนจตุจักร และกำลังจะมีส่วนต่อขยายอีกสองด้านคือหัวลำโพง-หลักสอง (บางแค) และเตาปูน – ท่าพระ ซึ่งเมื่อส่วนต่อขยายนี้เสร็จสายสีน้ำเงินจะเป็นคล้ายกับ Loop Line วงกลมวิ่งรอบกรุงเทพผ่านจุดสำคัญและเป็นสายที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ นั่นเองครับ (ปัจจุบันช่วงหัวลำโพง – ท่าพระเปิดให้ทดลองขึ้นฟรีแล้ว)
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสามารถดูได้นี่ครับ “มาทำความรู้จักกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน”
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
สายนี้จะวิ่งจากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไปตามถนนลาดพร้าว เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ และเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ไปสุดที่ถนนสุขุมวิทบริเวณ BTS สถานีสำโรง ลักษณะจะเป็นสายที่เน้นพาคนจากโซนรอบนอกเข้ามาเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าที่เป็นเส้นชั้นในอย่างรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวครับ สายนี้เป็นรถแบบโมโนเรล คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง 2564
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีแผนสร้างส่วนต่อขยายไปรัชโยธินด้วย โดยในตอนนี้อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการ ถ้าสร้างเสร็จก็จะสามารถไปรัชโยธินได้สะดวกขึ้นอีกด้วยครับ
บริเวณใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว
สำหรับแยกรัชดา-ลาดพร้าว จะมีอาคารจอดแล้วจรของ MRT ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน ซึ่งอาคารนี้เป็นอาคารจอดรถขนาดใหญ่จอดได้กว่า 2,000 คัน ที่ด้านล่างของอาคารจะเป็นสถานี MRT ลาดพร้าว ด้วยความใหญ่ของอาคารทำให้ที่ชั้นใต้ดินนี้จะมีร้านค้าต่างๆ มาเปิดอยู่ รวมถึงมี Gourmet Market ด้วย มีทั้ง Supermarket, Food Court, ร้านอาหาร เป็นที่พึ่งสำหรับหาของกินเข้าห้องได้ครับ อีกฝั่งของหัวมุมถนน จะมีสวนลุมไนท์บาซาร์ มีร้านค้าร้านเสื้อผ้ารวมถึงของกินต่างๆ เช่นกัน
นอกจากอาคารจอดแล้วจรและสวนลุมไนท์บาซาร์แล้ว ในบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าวนี้เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็ค่อนข้างหายห่วง จะมีทั้งร้านอาหารที่เป็นร้านแบบ Local ค่อนข้างหลากหลาย หรือจะร้านกาแฟนั่งชิวก็มีเช่นกัน
สถานที่ใกล้เคียง












Sales Gallery
สำหรับ Sales Gallery ของที่นี่จะไม่ได้อยู่บนพื้นที่โครงการนะครับ แต่จะตั้งอยู่ด้านหน้าติดกับถนนรัชดา อยู่ฝั่งขาเข้าถ้ามาจากทางศาลอาญาจะอยู่ก่อนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าวเล็กน้อย สามารถเดินจาก MRT ลาดพร้าวมาได้เลย อยู่ตรงข้ามอาคารจอดแล้วจร จะเป็น Sales Gallery ที่ใช้รวมกันระหว่างโครงการ THE ORIGIN รัชดา – ลาดพร้าว และ THE ORIGIN ลาดพร้าว 15 บรรยากาศภายในจะถูกตกแต่งมาในตีม Classic Heritage ที่จะมีการเอาฟีลลิ่งของชานชาลารถไฟผสมกับซุ้มโค้งต่างๆ ที่เหมือนกรอบหน้าต่างรถไฟพร้อมกับใช้ไม้สีเข้มตัดกับสี Copper ที่บริเวณคิ้วต่างๆ ให้ความรู้สึกหรูหราแบบ Classic โดยตัว Interior ภายในโครงการก็จะมีบรรยากาศคล้ายๆ กับใน Sales Gallery นี้เช่นกันครับ
ภาพรวม THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าว
ชื่อโครงการ | THE ORIGIN รัชดา – ลาดพร้าว |
ที่ตั้งโครงการ | 250 เมตรจากปากซอยลาดพร้าว 23 (Google Maps) |
พื้นที่โครงการ | 1-3-32 ไร่ |
รูปแบบโครงการ | อาคาร Low Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร |
จำนวนห้องพัก | 208 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต |
รูปแบบห้อง | 1 Bedroom เริ่มต้น 24-33 ตร.ม. 1 Bedroom Plus เริ่มต้น 32.2-36.3 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 50.1-54.9 ตร.ม. |
ราคา | เฉลี่ยทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม. |
ที่จอดรถ | แบบช่องจอดปกติและแบบอัตโนมัติ ทั้งหมด 61% (รวมซ้อนคัน) |
Facilities & Service
ชั้น 1 | – Visitor Lobby Hall Sharing Service – Mail Box & Smart Locker – Co-Working Space – Self Storage |
ชั้น 2 | – Lounge – Fitness – Swimming Pool |
ชั้น 3 | – Library Space – Co-Working Space – Office Supply – Multi Function Studio – Meeting Room |
ดาดฟ้าอาคารจอดรถ | – Rooftop Garden – Yoga Room |
สำหรับโครงการ THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าว จะเป็นโครงการคอนโดแบบ Low Rise ที่มีความสูง 8 ชั้น ขนาดพื้นที่ของที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากครับ อยู่ประมาณ 1 ไร่กว่าๆ ดังนั้นจำนวนยูนิตของที่นี่ที่ทำออกมาจึงมีไม่มาก แค่ 208 ยูนิต เมื่อรวมกันกับทำเลของโครงการที่เข้าซอยมาเล็กน้อย ที่นี่ก็จะค่อนข้างมีความสงบและเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควรครับ
ดีไซน์ของตัวโครงการนี้จะมาในแนว Classic Heritage ทั้งภายนอกและภายใน โดยจะมีซุ้มโค้งอยู่ในงานดีไซน์ที่เป็นกลิ่นอายความวินเทจที่อิงมาจากชานชาลารถไฟในสมัยก่อน ตัดกับคิ้วและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ ที่จะมีการเล่นกับสี Copper (จะคล้ายๆ กันกับที่เห็นใน Sales Gallery)

รูปแบบโครงการจะมีทางเข้าออกอยู่ที่ทางด้านหน้า มีอาคารที่พักอาศัยอยู่ทางด้านขวาของโครงการ ส่วนปีกด้านซ้ายที่ชั้น 2 จะเป็นสระว่ายน้ำ ถัดเข้าไปจะเป็นอาคารจอดรถที่สูงประมาณ 3 ชั้น เนื่องจากตัวอาคารจอดรถที่นี่เป็นแบบ Mechanical ทำให้ขนาดของอาคารจอดรถไม่ใหญ่มาก แต่ได้ที่จอดรถรวม 61% เลยครับ
ส่วนกลางต่อเนื่อง 3 ชั้น
ถึงแม้ว่าโครงการจะมีจำนวนยูนิตที่ถือว่าไม่เยอะ แต่ส่วนกลางที่มีมาให้ก็มีมากพอสมควรเลยครับ เริ่มจากที่บริเวณชั้น 1 ที่จะเป็นโถงล็อบบี้แบบ Double Volume ความสูงสองชั้น และมี Lounge และ Co-Working Space เล็กๆ สามารถมานั่งรอหรือเอาคอมมานั่งทำงานที่นี่ได้
ในชั้น 1 จะมีพื้นที่ที่จัดไว้เป็นร้านค้าด้วยอีก 1 ห้องครับ
ที่โถงของล็อบบี้ชั้น 1 จะมีบันไดเดินต่อเนื่องขึ้นมาที่ชั้น 2 ในชั้นนี้จะเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge อีกฝั่งจะจัดเป็นพื้นที่สีเขียวแบบแนวตั้ง เพิ่มความเป็นส่วนตัวไม่ให้คนภายนอกมองเข้ามาเห็นในสระ แต่จะมีห้องฟิตเนสที่เห็นวิวของสระว่ายน้ำแทน ในชั้นนี้จะมี Lounge เล็กๆ สำหรับมานั่งพักผ่อนได้ด้วย โดยมีบันไดเดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ได้
ถัดมาที่ชั้น 3 ชั้นนี้จะเป็นโซนที่เรียกว่า Co-Passion Space ที่จะรวมเอาห้องสมุด, Private Room สำหรับนั่งทำงานแบบมีความเป็นส่วนตัวหน่อย, Meeting Room สำหรับใช้ประชุมต่างๆ และห้องสตูดิโอเอาไว้สำหรับถ่ายงานอะไรเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนรุ่นใหม่สมัยนี้ที่บางคนทำงานออนไลน์
ถัดมาที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ด้วยความที่ใช้อาคารจอดรถแบบ Mechanical อยู่ด้วย ทำให้อาคารนี้ไม่ได้สูงมาก จึงสามารถเดินเชื่อมจากสระว่ายน้ำขึ้นมาบนดาดฟ้าของอาคารที่จอดรถได้ บนดาดฟ้าจะจัดพื้นที่เป็นสวนเล็กๆ สามารถมาใช้งาน/นั่งเล่นได้ครับ

ผังตึกชั้นที่พักอาศัยปกติจะมีรูปร่างประมาณนี้ครับ มีห้องพักอาศัยประมาณชั้นละ 31 ห้อง
จุดเด่นภายในห้องของ THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าว
ห้อง Fully Fitted ที่เกือบจะ Fully Furnished
เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้อง เริ่มต้นจากชุดครัวของที่นี่จะได้แบบที่เห็นในรูปเลยครับ หน้าบานส่วนด้านบนเป็นกระจก มีไฟติดตั้งให้ อ่างล้างจานเป็นแบบฝัง ชุดเตาไฟฟ้าแบบเซรามิคหน้ากระจกพร้อมเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน โดยทั้งสามชิ้นนี้จะเป็นของจากแบรนด์ Häfele ท็อปของเคาท์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์




ถัดมาเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องแบบ Fully Fitted แต่จริงๆ ก็ให้มาเกือบครบเลยหล่ะครับ โดยการดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ที่นี่จะเน้นการออกแบบให้มีพื้นที่เก็บของได้เยอะ มีดีเทลต่างๆ ที่เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เริ่มตั้งแต่ตู้เก็บของและรองเท้าบริเวณทางเข้า ตู้ชุดนี้มีมาให้ทุกห้อง แต่จะเล็กหรือใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับแปลนห้องแต่ละแบบครับ
มีชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียงพร้อมโต๊ะข้างเตียงแบบ Built-in (หัวเตียงจะมีเฉพาะบางห้องที่มีพื้นที่ทำโต๊ะหัวเตียงนะครับ) ในส่วนของฐานเตียงจะมีรายละเอียดเล็กๆ ตรงที่จะซ่อนลิ้นชักให้ดึงออกมาใส่ของได้ด้วย
เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้อง จุดสังเกตเวลาไปดูห้องตัวอย่างคือ ถ้าชิ้นไหนแปะสติกเกอร์ THE ORIGIN ไว้ ชิ้นนั้นก็คือจะได้มากับห้องด้วยครับ จริงๆ เท่าที่ดูแล้ว แค่ซื้อโซฟา เครื่องใช้ไฟฟ้า กับติดม่านเพิ่มก็อยู่ได้แล้วครับ
แปลนห้องแบบ Smart Closet
ถ้าห้องแบบธรรมดายังรู้สึกว่าตู้เสื้อผ้าเล็กไป เก็บเสื้อผ้าได้ไม่พอ ที่นี่น่าจะเป็นที่แรกๆ ที่ออกแบบผังห้องขนาดประมาณ 27 ตารางเมตร ให้มี Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ด้วยความยาวกว่า 3 เมตร โดยจะได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ของ Walk-in Closet แบบในรูปนี้เลย รวมไปถึงโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนี้จะมีกระจกแต่งหน้าบานใหญ่ที่มาพร้อมไฟ LED สามารถเปลี่ยนสีได้ทุกสีเท่าที่จะนึกออก
ชุดตู้เสื้อผ้าของห้องนี้จะไม่มีหน้าบานปิด แต่จะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องนี้ให้เลย เหมือนเราเดินเข้าไปในตู้เสื้อผ้า สำหรับแปลนห้องที่มี Smart Closet จะมีห้องไซส์ขนาด 1 ห้องนอน 27 ตารางเมตรและห้องแบบ 2 ห้องนอนครับ
ความโปร่งของห้อง
ความสูงของห้องในโครงการนี้จากพื้นถึงฝ้าจะสูง 2.5 เมตรครับ ถึงแม้ว่าห้องหลาย Type จะเป็นแปลนแบบที่เป็นแปลนห้องลึก แต่ที่นี่ก็มีการให้หน้าต่างขนาดที่ค่อนข้างใหญ่มาก กว้างเกือบจะเต็มผนัง รวมถึงมีความสูงเกือบพื้นถึงฝ้า ส่วนห้องครัวและห้องน้ำเพดานจะสูง 2.3 เมตรเนื่องจากมีงานระบบอยู่บนฝ้าครับ
และที่นี่จะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นส่วนต่างๆ ของห้องมาให้เลย เป็นบานกระจกใสตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ทำให้ทั้งห้องยังได้รับแสงธรรมชาติอยู่


Smart Home
สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่นี่ก็มีการเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาเอาใจด้วยเช่นกัน ด้วยการให้ระบบ Smart Home ในทุกห้อง สามารถสั่งเปิด/ปิดไฟและแอร์ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ โดยที่นี่จะให้ระบบ Smart Home ของ LifeSmart ครับ และมี Digital Door Lock มาให้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ก็จะมีรายละเอียดเล็กๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้น เช่นปลั๊กไฟแบบเสียบสาย USB ชาร์จมือถือได้ มีมาให้ที่บริเวณหัวเตียง และในห้องน้ำเวลาเอามือถือไปเล่นในห้องน้ำ และที่หัวเตียงจะมีการฝัง Wireless Charging เอาไว้วางชาร์จมือถือตอนนอน ไม่ต้องเสียบสาย

และสำหรับห้อง 1 Bedroom Plus และห้อง 2 Bedroom ที่ห้องน้ำจะมี Smart Mirror เพิ่มเข้ามาให้ สามารถใช้งานดู YouTube, เป็นนาฬิกา, อัพเดทข่าวสารได้ เป็นเหมือนกับแท็บเล็ตอันนึงที่อยู่ในกระจก
ให้แอร์แบบจุกๆ
ห้องของที่นี่ เริ่มต้นจะมีแอร์แบบ Inverter ให้หนึ่งเครื่อง ขนาด 12,000 BTU สำหรับห้องที่โซนห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับโซนห้องนอน แต่ถ้าห้องไหนที่มีบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ที่นี่ก็จะให้แอร์เพิ่มเป็น 2 ตัว ขนาด 9,000 BTU ครับ

หรือถ้าเป็นห้องขนาด 1 Bedroom Plus ที่นี่ก็จะให้แอร์สำหรับห้อง Plus ที่เพิ่มเข้ามา รวมเป็น 3 เครื่อง ถึงแม้ว่าขนาดห้องจะประมาณ 30 กว่าตารางเมตรก็ตาม ข้อดีก็คือเราสามารถเลือกเปิดแยกห้อง ช่วยประหยัดไฟได้ครับ
ห้องน้ำสเปกครบ
ห้องน้ำจะให้สุขภัณฑ์ของ Häfele และให้ชุดฝักบัว/ก๊อกน้ำเป็นของ American Standard จุดเด่นของห้องน้ำที่นี่คือบานกระจกที่กั้นส่วนเปียกและส่วนแห้งทางโครงการก็ให้มาด้วยเลย โดยจะเป็นกระจกแบบบานเปลือย และในส่วนอาบน้ำจะมีเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้ด้วย
แบบห้องตัวอย่าง
27 ตารางเมตร : Smart Closet
ห้องนี้จุดเด่นจะอยู่ที่มี Walk-in Closet ขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าหรือของที่ต้องเก็บค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ โซนนั่งเล่นกับห้องนอนจะเป็นโซนที่พื้นที่เชื่อมต่อกัน แต่โซนห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนกั้น ป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาทำอาหาร รวมถึงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในเรื่องของเสียงที่ผ่านประตูหน้าห้องมาได้ ห้องนี้จะได้ตู้เก็บของที่หน้าห้องขนาดใหญ่เป็นพิเศษด้วย
27 ตารางเมตร : 1 Bedroom ปกติ
ห้องนี้หลายคนอาจจะเคยเห็นกับในโครงการก่อนๆ ของ Origin เป็นแปลนที่มีกระจกกั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น เพิ่มความเป็นสัดส่วน บริเวณระหว่างห้องครัวและห้องน้ำมีพื้นที่สามารถทำเป็นชั้นเก็บของหรือโต๊ะนั่งทำงาน/แต่งหน้าได้ จุดเด่นของห้องนี้คือครัวจะติดกับระเบียง และเป็นครัวปิด สามารถระบายกลิ่นเวลาทำอาหารได้ดี แต่ห้องแบบนี้พื้นที่ปลายเตียงอาจจะเหลือไม่มากครับ
34 ตารางเมตร : 1 Bedroom Plus
ห้องนี้จะมีขนาดของห้องที่ใหญ่ขึ้นมา มีห้องครัวแยกเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ ห้องน้ำสามารถเข้าออกได้สองทาง ทั้งจากทางห้องนอนและห้องนั่งเล่น และจะมีห้องขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมาจากห้องไซส์ 1 Bedroom ปกติ สามารถปรับเปลี่ยนใช้เป็นห้องนอนที่ 2 หรือห้องสำหรับนั่งทำงาน หรือถ้าใครเสื้อผ้าเยอะจะทำเป็น Walk-in Closet ก็ได้เช่นกัน สำหรับห้องตั้งแต่ขนาด 1 Bedroom Plus ขึ้นไปจะได้ Smart Mirror ในห้องน้ำเพิ่มด้วยครับ
แปลนห้องทั้งหมด
สรุปจุดเด่นโครงการ
ทำเล x ราคา
สำหรับทำเลที่นี่ ที่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 25 เมตร ห่างจากรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 450 เมตร และอยู่ใกล้แยกรัชดาลาดพร้าวที่เป็นจุดที่มีความเจริญอยู่พอสมควร ต้องบอกว่าราคาที่เปิดมาเฉลี่ย 110,000 บาท/ตร.ม. ถือว่าค่อนข้างทำราคาได้ดีครับ น่าจะหาห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 26-27 ตารางเมตรในราคาไม่ถึง 3 ล้านได้ไม่ยาก (เริ่มต้นของโครงการนี้เริ่ม 2.29 ล้านบาท) ซึ่งก็น่าจะเป็นราคาที่คนเพิ่งทำงานมาซักระยะ พอมีเงินเดือนเงินเก็บประมาณนึง อยากได้คอนโดทำเลในเมืองใกล้รถไฟฟ้า ก็น่าจะพอจ่ายไหว
แต่ก็แลกมากับการที่ทำเลตัวตึกที่ไม่ได้ติดถนนใหญ่ซะทีเดียวและเป็นตึกแบบ Low Rise ความโดดเด่นของตึกอาจจะไม่เท่าตึกสูงที่ติดถนนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นตึกสูงติดถนนก็ต้องบอกเลยว่าทำเลนี้ ราคาก็จะไปอีกระดับกันหมดแล้วครับ และการเข้าซอยของที่นี่ถึงโครงการจะอยู่ลึกเข้าไป 250 เมตร แต่จะมีทางเดินทะลุบริเวณเยื้องโครงการมาออกถนนรัชดาได้ ทำให้ความจริงแล้วในตอนที่เดิน เราเดินในซอยแค่นิดเดียวครับ
SPEC ของในห้อง
วัสดุต่างๆ ที่ให้มาในห้องถือว่าค่อนข้างดีสมราคาพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำกระจกกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งบานเปลือย, กระจกหน้าต่างห้องขนาดใหญ่, ชุดครัวให้ค่อนข้างดีหน้าบานเป็นกระจก, มีระบบ Smart Home และ Digital Door Lock มาให้, แอร์แบบ Inverter, มีการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ ในจุดต่างๆ เช่นปลั๊กชาร์จ USB, หัวเตียงที่มีที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย, ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมห้องก็เรียกได้ว่า Built-in มาให้เกือบจะครบแล้ว จะมีติดนิดเดียวตรงที่เครื่องดูดควันยังเป็นระบบหมุนเวียน กับเฟอร์นิเจอร์ที่หน้าบานบางจุดไม่ได้เป็น Soft Slose แต่ถ้าลองดูของที่ให้มาทั้งห้องขนาดนี้ ก็ยังจัดว่าให้มาคุ้มค่ากับราคาอยู่ดีครับ อ้อ แล้วถ้าห้อง 1 Bedroom Plus ขึ้นไปมี Smart Mirror เพิ่มอีกด้วยนะ
พื้นที่ส่วนกลาง
ถึงแม้ว่าโครงการจะมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 208 unit แต่ส่วนกลางที่นี่ก็จัดมาให้ค่อนข้างจะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้แบบ Double Volume, จุดนั่งพักผ่อนในโซนต่างๆ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, และ Co-Working Space ที่มี Office Supply, Studio และห้องประชุม ถึงแม้ว่าขนาดในแต่ละส่วนจะไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่สำหรับโครงการไซส์ขนาดประมาณนี้เท่าที่โครงการจัดมาให้ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ อาจจะเหลือๆ ด้วยซ้ำ รวมทั้งที่จอดรถของโครงการที่มีมาให้รวมจอดซ้อนคันได้ 61% ถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับคอนโดในระดับนี้
อีกจุดที่น่าสนใจคือสไตล์การตกแต่งส่วนกลางของที่นี่ มีคอนเซ็ปต์ชัดเจนเป็นแนว Classic Heritage ต้องรอดูว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะออกมาสวยขนาดไหน
สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดซักที่นึงบนทำเลติดรถไฟฟ้าในราคาสมเหตุสมผล THE ORIGIN รัชดา-ลาดพร้าว เป็นอีกโครงการนึงที่แนะนำว่าอยากให้ลองไปดูครับ โครงการ Balance ในเรื่องของทำเล, สเปก, ส่วนกลาง และราคาขายออกมาได้น่าสนใจ คาดว่าจะเป็นอีกโครงการของ Origin Property ที่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยโครงการจะเปิดให้จองรอบพิเศษสำหรับ VVIP ที่มี Voucher ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ครับ รอบพิเศษ เฉพาะผู้ที่ได้รับ Voucher จากโครงการเท่านั้น! สามารถเข้ารับ Voucher ได้ที่ Sales Gallery พร้อมชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้!
