เรียกได้ว่า “เจริญนคร” ในปีที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งทำเลฮอตฮิตที่คอนโดหลายๆ เจ้ามาปักหมุดทำเลตรงนี้กันครับ มีทั้งที่เปิดไปแล้ว ที่กำลังจะเปิด และรอเปิดหลังจากนี้ ซึ่ง “ศุภาลัย” เอง ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกเจ้า ที่ชื่นชอบคอนโดทำเลติดริมแม่น้ำหรือรับวิวแม่น้ำเป็นพิเศษ อย่างถนนเส้นพระราม 3 ที่วิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นอีกเส้นที่มีโครงการศุภาลัยไปเปิดเยอะ รวมไปถึงสำนักงานใหญ่ของศุภาลัยเอง ก็อยู่ที่นี่ได้วิวแม่น้ำบนถนนพระราม 3 เช่นเดียวกัน
มาที่ฝั่งเจริญนคร ในย่านนี้ศุภาลัยก็ไม่พลาด ก่อนหน้านี้ศุภาลัยก็มาเปิดโครงการในโซนนี้หลายโครงการ ไล่มาตั้งแต่บริเวณใกล้ ICONSIAM มาจนถึงเจริญนครฝั่งใต้ เรียกได้ว่ามาตั้งแต่ช่วง 10 ปีก่อน ตั้งแต่แถวนี้ยังไม่บูมมาก จนล่าสุดศุภาลัยก็ส่งโครงการใหม่ ในทำเลเดิมที่ศุภาลัยคุ้นเคย กับโครงการ
“SUPALAI TYME เจริญนคร”
ที่เป็นคอนโดเน้นได้วิวแม่น้ำ แต่มาในราคาที่จับต้องได้ เริ่มเพียง 2.59 ล้านบาท* กับทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดถนนใหญ่เจริญนครแท้ๆ ไม่ต้องเข้าซอย ซึ่งนอกจากเรื่องของวิวแล้วที่นี่ยังได้ส่วนกลางที่ค่อนข้างจะจัดเต็มครับ มีสระว่ายน้ำชั้น Rooftop ที่ทำออกมารับวิวของแม่น้ำ
รวมไปถึง Spec ห้องที่ให้มาเกินราคา เกินมาตรฐานของคอนโด Segment ใกล้เคียงไปไกล อย่างที่นี่จะได้ Auto Washlet, ได้ Rain Shower ที่มาพร้อมก๊อกน้ำผสม, ได้แอร์ฝังเพดาน กับราคาที่มาในเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ในช่วง 7-8 หมื่นเท่านั้นเอง
เรียกได้ว่าเป็นอีกโครงการที่กระแสดีทีเดียว ตั้งแต่วันที่เปิดราคากับ Spec และหน้าตาโครงการ แล้วที่นี่จะเป็นอย่างไร แล้วจะน่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราจะขอพามารู้จักกับโครงการนี้กันแบบเจาะลึกกันครับ
แต่ก่อนอื่น ขอไปรู้จักกับย่านเจริญนครกันก่อน ว่าทำไมหลายโครงการถึงเลือกมาเปิดที่นี่กัน
จุดเด่นโครงการ
ทำเลใกล้เมือง
แค่ข้ามสะพานถึงย่าน CBD สาทร
ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา
พร้อมสระว่ายน้ำ Rooftop
ได้ห้องใหญ่ ราคาจับต้องได้ เริ่ม 2.59 ล้าน
เฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 85,000 บ./ตร.ม.
ทำไมคอนโดย่าน “เจริญนคร” ถึงคึกคักในช่วงปีนี้
เจริญนคร ย่านชุมชนเก่าเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เริ่มมีโครงการต่างๆ มาเปิดเยอะในช่วงหลังนี้
ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 10-20 ปี ย่านเจริญนครถือว่าเป็นย่านที่ไม่ได้ถึงกับคึกคักมากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่เป็นชุมชนดั้งเดิม มีทั้งตึกแถวที่อยู่ริมถนนต่างๆ รวมไปถึงชุมชนตามในซอยแต่ละซอย ถ้าใครมาแถวนี้บ่อยๆ ก็จะเห็นว่าย่านเจริญนครจะมีความเป็นย่านที่มีกลิ่นอายของความเป็นชุมชนเก่านิดๆ ด้วยความที่ย่านนี้อยู่ติดริมแม่น้ำ และใกล้กับโซนใจกลางเมืองเดิมที่ขยายออกมา
ซึ่งการพัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียมที่มาตั้งในย่านถนนเจริญนครก็มีมาตั้งแต่ในยุคก่อนแล้วครับ ด้วยทำเลที่ติดริมแม่น้ำเลย จุดขายก็จะเป็นเรื่องของวิวที่ได้วิวแม่น้ำที่มีฉากหลังเป็นย่านใจกลางเมือง รวมไปถึงราคาที่จะดีกว่าคอนโดวิวแม่น้ำฝั่งพระนครที่อยู่บนถนนเจริญกรุง
แต่ที่ผ่านมายุคที่รถไฟฟ้ายังไม่ข้ามมาฝั่งธน คอนโดย่านเจริญนครก็เรียกได้ว่ายังไม่คึกคักมากครับ คนที่มาซื้อคอนโดฝั่งนี้ก็จะเป็นกลุ่มคนที่ชอบวิวแม่น้ำ และการเดินทางในยุคนั้นยังคงต้องพึ่งพาการใช้รถเป็นหลัก ทั้งการข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เพื่อไปเชื่อมต่อ BTS ที่ยังสุดปลายทางที่สถานีสะพานตากสิน
ช่วงต้นยุค 2550 : การมาของรถไฟฟ้า
จุดที่ทำให้ย่านเจริญนครเริ่มจะเปลี่ยนไป ก็น่าจะหนีไม่พ้นการมาของรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย ที่ต่อออกมาจากย่านสาทรข้ามมาสู่ฝั่งธนครับ เลยทำให้ย่านเจริญนครตรงนี้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับใจกลางเมืองได้สะดวกขึ้น เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้าข้ามสะพาน จากเดิมที่มีข้อจำกัดเรื่องรถติดบ้างอะไรบ้าง ที่ต้องข้ามผ่านสะพานตากสินหรือว่าเรือเพียงเท่านั้น
การมาของรถไฟฟ้าเลยทำให้เกิดการขยายตัวของเมืองตามแนวเส้นทางตามมา สิ่งที่จะเห็นได้ชัดๆ เลยก็คือบริเวณสถานีรถไฟฟ้าที่สร้างใหม่อย่างกรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่ ใช้เวลาไม่นาน ก็กลายมาเป็นโซนคอนโด มีโครงการมาขึ้นกันเพียบเลยครับ
ดังนั้น เจริญนครเองที่เป็นถนนสายที่ตัดผ่านรถไฟฟ้าสายสีลมส่วนต่อขยายก็เช่นกัน ก็ได้อานิสงค์จากการขยายตัวของเมืองออกมาได้ด้วย เราจะเห็นว่าพอรถไฟฟ้าข้ามมาฝั่งธน ที่ดินในย่านเจริญนครก็เริ่มมีโครงการรูปแบบใหม่ๆ เข้ามา
ซึ่งกายภาพของที่ดินย่านเจริญนครตรงนี้ แต่เดิมด้วยความที่ติดริมแม่น้ำ ก็จะถูกใช้เป็นพื้นที่อู่ต่อเรือ หรือเป็นพื้นที่โกดังต่างๆ ที่รับส่งของจากทางเรือ ดังนั้นเลยทำให้ย่านตรงนี้มีที่ดินแปลงใหญ่ๆ จำนวนมาก และหลายแปลงก็จะเป็นที่ดินติดริมน้ำด้วย ซึ่งก็ค่อนข้างจะเหมาะทีเดียวกับการนำมาพัฒนาโปรเจคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้าง, Mixed-use, โรงแรม หรือคอนโดต่างๆ
ดังนั้นพอความเจริญเข้ามาถึงแล้ว ย่านนี้เลยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วครับ
ช่วงปลายยุค 2550 ถึง 2560 : เริ่มมีคอนโด Luxury และห้างใหญ่
และเมื่อเจริญนครกลายเป็นย่านใกล้รถไฟฟ้า (ถึงจะไม่ได้ติดซะทีเดียว) และมีจุดเด่นในเรื่องของติดแม่น้ำ และใกล้สะพานตากสิน ในยุคช่วงกลาง-ปลายยุค 255x โซนเจริญนครก็เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครับ เริ่มมีโรงแรมระดับหรูมาเปิด คอนโดระดับ Ultra Luxury ก็มาเปิดในย่านนี้เป็นครั้งแรก ภาพเจริญนครเลยค่อยๆ ถูกเปลี่ยนไป
จนกระทั่งการมาของห้าง ICONSIAM ที่ได้ที่ดินแปลงใหญ่ติดแม่น้ำ ทำเป็นห้างหรูที่จุดขายคือเรื่องของวิวแม่น้ำ อันนี้ก็มาทำให้ย่านเจริญนครฝั่งเหนือเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ จากแค่ย่านถนนริมแม่น้ำ มีท่าเรือคลองสานไว้ข้ามฟากต่อรถ กลายมาเป็นอีกโซนที่สามารถสร้างคอนโดราคาวิ่งขึ้นไปถึงตร.ม.ละ 4-5 แสนบาท/ตร.ม. แตะอันดับต้นๆ ของประเทศได้ หรือถ้าเป็นโครงการที่อยู่รอบๆ ข้างที่ไม่ได้มีที่ดินติดแม่น้ำ ราคาก็มีอยู่ในช่วงแสนกลาง-แสนปลาย
ปี 2554
ปี 2567
นอกจากนี้ในฝั่งใต้ของถนนเจริญนครเอง ก็มีที่ดินแปลงใหญ่ที่กำลังถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นศูนย์ราชการแห่งใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ด้วยพื้นที่ดินขนาด 19 ไร่ติดริมน้ำ มีอาคารในโครงการกว่า 6 อาคาร รองรับหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงรวม 7 หน่วยงาน มีพื้นที่โครงการรวมกว่า 220,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะมีคนทำงานในนี้อยู่ในระดับ 7,000 คนครับ เป็นอีกหนึ่งโปรเจคใหญ่ของย่านนี้ ที่กำลังก่อสร้างอยู่
รูปจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง
ทำให้ปัจจุบัน “เจริญนคร” เป็นย่านที่ถูกสนใจมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นกลับมาที่คำถามที่ว่า “ทำไมคอนโดย่านเจริญนคร ถึงคึกคักในช่วงปีนี้” ส่วนตัวมองว่าเป็นหลายปัจจัยผสมกันครับ เรื่องแรกเลยคือความเจริญที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของโซนเจริญนครฝั่งเหนือ ที่มี ICONSIAM, ห้าง ICS, รถไฟฟ้าสายสีทอง, และคอนโดระดับ Luxury-Ultra Luxury ต่างๆ มาเปิด ก็ทำให้ย่านเจริญนครมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในย่านเอง ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนที่อยู่บนถนนเส้นนี้ โดยที่ไม่ต้องข้ามฝั่งไปฝั่งสาทร และการมาของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นแหล่งคนทำงานขนาดใหญ่ก็ทำให้ย่านนี้มีความเป็นเมืองมากขึ้น
อย่างถัดมาคือเรื่องของราคาครับ ที่ถนนเจริญนครฝั่งใต้ยังมีราคาที่ยังหยิบจับได้จริง สำหรับกลุ่มคนที่เป็นคนทำงานย่านกลางเมือง ซึ่งถ้าเอาแบบติดรถไฟฟ้าเลย ราคาช่วงสถานีวงเวียนใหญ่-กรุงธนบุรีตรงนี้ก็จะไปแตะแถวๆ แสนกลางกันแล้วครับ แต่บนถนนเจริญนครยังอยู่ในช่วงแสนต้นหรืออย่างศุภาลัยตรงนี้ที่ราคาไม่ถึงแสน บวกกับความใกล้เมืองของย่านเจริญนคร ที่ข้ามฝั่งไปก็เป็นสาทรทันที และได้ในเรื่องของวิวแม่น้ำที่เป็นจุดเด่นของคอนโดในย่านเจริญนคร
เลยทำให้สามอย่างนี้เป็นจุดเด่นของย่าน “เจริญนคร” ตรงนี้นั่นเองครับ ด้วยราคาอยู่ในช่วงที่ยังซื้อได้จริง กับการเติบโตของทำเลที่มากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เยอะขึ้น ตรงนี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ Developer เจ้าต่างๆ พร้อมใจกันมาครับ
แล้วที่ว่าเจริญนครใกล้เมือง ใกล้แค่ไหน??
ทำเลที่แค่ข้ามสะพาน ก็ถึงใจกลางย่านสาทร-สีลม
อย่างที่บอกไปว่าจุดเด่นของย่าน “เจริญนคร” ที่มาพร้อมกับวิวแม่น้ำคือในเรื่องของความใกล้เมืองครับ สำหรับใครที่ไม่อยากจะนั่งรถไฟฟ้าออกไปสถานีไกลๆ ตรงนี้ข้ามสะพานตากสินไปก็ถึงใจกลางเมืองย่านสีลมสาทรเลยทันที ดังนั้นก็จะค่อนข้างสะดวกสำหรับใครที่ทำงานในย่านนี้ ใจกลาง CBD ของกรุงเทพอยู่แค่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามเท่านั้นเอง
แต่ก็ต้องบอกว่าย่านนี้ “ไม่ติดรถไฟฟ้านะครับ” ก็จะเป็นจุดที่อาจจะต้องรับได้ในเรื่องของทำเล ว่าถ้าอยู่ย่านนี้ก็จะต้องมีการต่อรถหน่อย ซึ่งก็ไม่ไกลครับ วินมอไซแปปเดียวถึงสถานี BTS หรือใครจะใช้เรือข้ามฟากไปอีกฝั่งก็ได้เช่นกัน (โครงการมี Shuttle service รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้าให้นะครับ)
และนอกจากทำเลย่านสาทรสีลมแล้ว ที่ด้านใต้ของถนนเจริญนครก็จะตัดกับถนนพระราม 3-รัชดาภิเษก สามารถเข้าเมืองด้วยสะพานกรุงเทพไปถนนพระราม 3 ได้อีกทาง ก็จะสะดวกสำหรับใครที่ทำงานในย่านพระราม 3-นราธิวาสด้วยเช่นกันครับ
เจริญนครฝั่งใต้ ทำเลราคายังจับต้องได้ ที่ได้วิวแม่น้ำเช่นกัน
ถ้าเทียบกับในหลายๆ ย่าน ทำเลตรงนี้ยังเป็นทำเลใกล้เมืองที่ราคาเป็นมิตร และยังได้ในเรื่องของวิวแม่น้ำ
อีกจุดเด่นเป็นในเรื่องของ “ราคา” คอนโดในโซน “เจริญนครฝั่งใต้” ที่ยังจับต้องได้ครับ ถ้ามองในมุมคอนโดติดแม่น้ำ โซนเจริญนครฝั่งใกล้กับ ICONSIAM ด้วยความใกล้ห้างและความเป็นโซนที่คอนโด Luxury ไปตั้งกัน ถ้ามองคอนโดติดแม่น้ำในทำเลตรงนั้น ราคาก็จะไปหลักหลายแสนบาท/ตร.ม.แล้ว หรือถ้าเป็นคอนโดที่อยู่ถัดออกมา ไม่ถึงกับติดริมน้ำ แต่ได้วิวแม่น้ำเช่นเดียวกัน ราคาก็ยังอยู่ในช่วงแสนกลางถึงแสนปลายอยู่ครับ
ถนนเจริญนครช่วงฝั่งด้านใต้ลงมา เลยเป็นทางเลือก สำหรับใครที่อยากได้คอนโดติดแม่น้ำหรือมีวิวแม่น้ำ แต่มาในราคาที่ยังจับต้องได้ง่ายกว่า อยู่ในช่วงหลักหมื่นถึงแสนต้นๆ ต่อตารางเมตร
ใน Range ราคาประมาณนี้ จะเป็นช่วงราคาที่ยังเบากว่าโซนที่ติดกับรถไฟฟ้าโซน BTS กรุงธนบุรี-วงเวียนใหญ่ในปัจจุบันครับ ซึ่งถ้าจะหาคอนโดที่ติดรถไฟฟ้าในราคานี้เลย อาจจะต้องขยับสถานีออกไปอีกหน่อย ก็เลยจะเป็นทางเลือกของคนที่มองหาคอนโดราคาที่จับต้องได้ง่าย อยากได้ที่ตั้งที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง ยอมขยับออกมาอีกนิด แต่ได้ราคาที่สบายกระเป๋าขึ้น อย่างที่นี่ก็เริ่มแค่ประมาณ 2 ล้านกลางๆ หรือได้ห้องที่มีพื้นที่ให้ใช้ชีวิตมากขึ้นครับผม
อีกกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับทำเลนี้ คือกลุ่มคนที่เริ่มไปเทียบกับบ้านแนวราบ ที่ทำเลอาจจะต้องออกไปอีก 10-20 กิโลจากสะพานตากสิน ซึ่งราคาในงบที่อยู่ในช่วง 5-10 ล้านบาทพอๆ กัน จะได้ห้อง 2-3 Bedroom ของที่นี่ และส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าที่ดูบ้านก็จะใช้รถยนต์กันอยู่แล้ว
ด้วยราคาของโครงการ “SUPALAI TYME เจริญนคร” ที่เริ่มต้นยังไม่แตะแสนบาทต่อตารางเมตร ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ยอมพื้นที่น้อยลงกว่าบ้านหน่อย มาอยู่เป็นห้อง 50-100 ตร.ม.ขนาดประมาณ 2-3 Bedroom แต่ได้ทำเลที่ใกล้เมืองกว่า ในราคาพอๆ กันครับ (ซึ่งที่นี่ก็ทำห้องไซส์นี้มาค่อนข้างเยอะทีเดียว)
ที่ตั้งโครงการ
ติดใหญ่ถนนเจริญนคร อยู่ในฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำ สามารถเห็นวิวได้จากทั้งสองด้านของตัวอาคาร
สำหรับที่ตั้งโครงการ SUPALAI TYME เจริญนคร จะอยู่ห่างจากแยกที่ตัดกันกับถนนกรุงธนบุรีลงมาด้านใต้ประมาณ 1.7 กิโล ค่อนมาใกล้กับถนนรัชดาภิเษกมากกว่าหน่อยครับ ถือว่ามีระยะออกมาจากรถไฟฟ้าประมาณนึง แลกมากับราคาของโครงการที่เรียกได้ว่าถูกที่สุดในย่านนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับคอนโดที่เป็นตึก High Rise วิวแม่น้ำติดถนนใหญ่เจริญนคร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1 แสนต่อตารางเมตรอัพ ยิ่งถ้าติดริมแม่น้ำด้วยมีไปถึงช่วงแสนกลาง
แต่สำหรับที่ SUPALAI TYME มาในราคาเริ่มต้น 7x,xxx บาทต่อตารางเมตรเท่านั้นเอง และเฉลี่ยทั้งโครงการ 85,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งทำราคาออกมาได้ดีมากๆ ครับ
โดยจุดขายของโครงการอย่างนึงจะเป็นเรื่องของ “วิวแม่น้ำ” แต่ก็ต้องบอกว่าราคานี้ อาจจะไม่ได้ถึงกับเป็นที่ดินติดริมแม่น้ำนะครับ (ถ้าติดรับรองว่าราคาไปไกลกว่านี้อีกเยอะแน่นอน) แต่ก็ยังให้ฟีลลิ่งของความเป็นคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกัน โดยที่ที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนเจริญนคร ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำครับ ดังนั้นถ้าอยากได้วิวแม่น้ำแบบชัดๆ หน่อย อาจจะพิจารณาเลือกเป็นชั้นกลางถึงบนขึ้นไปครับ
ส่วนวิวแต่ละมุมจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาเจาะเรื่องวิวแม่น้ำแต่ละฝั่งกันแบบละเอียดใน Part โครงการนะครับ
บรรยากาศถนนเจริญนครช่วงหน้าโครงการ
การเดินทาง
ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีกรุงธนบุรี 2.2 กิโลเมตร เดินทางสะดวก ใกล้สะพานตากสินและสะพานกรุงเทพ
รถไฟฟ้า BTS สายสีลม
สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุดในปัจจุบัน จะเป็น BTS สถานีกรุงธนบุรีครับ อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 2.2 กิโลเมตร ก็จะสะดวกสำหรับคนที่ทำงานในย่านสาทร/สีลม/สยาม นอกจากนี้ก็จะยังสามารถเชื่อมต่อไป BTS สายสุขุมวิทไปในโซนอโศก, พญาไท, อนุสาวรีย์ชัยได้ ทั้งหมดใช้เวลาในการเดินทางบนรถไฟฟ้าไม่เกิน 20 นาทีครับ ซึ่งโครงการจะมี Shuttle Service รับส่งไปกลับที่สถานีให้ด้วยครับ
รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงใต้
แต่นอกจากรถไฟฟ้า BTS แล้ว ที่นี่ยังใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงใต้ที่วิ่งอยู่บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินที่อยู่ด้านหลังของโครงการอีกด้วยครับ ซึ่งสามารถทะลุซอยเจริญนคร 46 ไปออกได้ ตัวซอยขนาดอาจจะไม่ได้กว้างมาก แต่ถ้านั่งวินก็สามารถไปได้สบายครับ มีระยะห่างอยู่เพียงแค่กิโลนิดๆ จากโครงการเท่านั้นเอง ก็จะถึงสถานี MRT รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าครับ (เดิมชื่อสถานี MRT สำเหร่)
ตรงนี้ก็จะสามารถเชื่อมต่อเข้าไปในโซนเมืองเก่าทั้งสามยอด, ราชดำเนิน, สามเสน, บางซื่อ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน MRT สายสีส้มที่จะเปิดให้บริการในอนาคตได้ครับ ปัจจุบันสายสีม่วงใต้ก่อสร้างมาได้ระยะนึงแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงประมาณปี 2570 ไม่หนีจากช่วงที่โครงการสร้างเสร็จมากครับ
ขนส่งสาธารณะอื่นๆ
ซึ่งถึงแม้ว่าบนถนนเจริญนครจะไม่ได้มีรถไฟฟ้าวิ่งโดยตรง แต่ถนนสายนี้เองก็มีขนส่งสาธารณะในรูปแบบอื่นค่อนข้างเยอะครับ อย่างรถเมล์ที่วิ่งบนเส้นนี้ก็มีหลายสาย สามารถใช้เพื่อเชื่อมต่อไปรถไฟฟ้า หรือเชื่อมต่อเข้าในเมืองได้ นอกจากนี้ก็จะมีตัวเลือกเป็นรถสองแถวเล็ก (รถกระป๊อ) เป็นอีกทางเลือกในการไปสถานีรถไฟฟ้าได้เช่นกัน
ซึ่งนอกจากการเดินทางด้วยรถแล้ว ที่บริเวณสะพานตากสิน จะเป็นจุดที่มีเรือข้ามฟากไปฝั่งสาทรด้วยครับ ซึ่งตรงนี้จะมีท่าของเรือด่วนเจ้าพระยาอยู่ สามารถเดินทางไปแหล่งงานหรือสถานที่สำคัญต่างๆ ที่อยู่ตามแนวของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ไม่ว่าจะเป็นโซนสนามหลวง-ท่าพระจันทร์, รพ.ศิริราช ไปจนถึงย่านสามเสน-เกียกกาย-รัฐสภา
การเดินทางด้วยรถยนต์
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่นี่ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกครับ ด้วยความที่ใกล้เมืองมากและติดถนนใหญ่ มีตัวเลือกในการเข้าเมืองได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะใช้สะพานตากสินหรือเลี่ยงรถติดมาเข้าเมืองผ่านสะพานกรุงเทพที่ด้านใต้ นอกจากนี้ใครที่ทำงานในโซนเมืองเก่า ก็จะมีตัวเลือกในการมาเชื่อมต่อเข้าเมืองในฝั่งสะพานพุทธและสะพานพระปกเกล้าได้ครับ
ซึ่งตัวโครงการก็ทำมารองรับการใช้รถยนต์พอสมควร ด้วยการให้ที่จอดรถมา 63% ของจำนวนยูนิตเลยทีเดียวครับ (ไม่รวมการจอดซ้อนคัน)
สิ่งอำนวยความสะดวกในย่าน
เป็นย่านที่มีร้านแนว Streetfood เยอะ ใกล้หลายห้างใหญ่และหลายโรงเรียนดัง
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในย่าน ในเรื่องของอาหารการกินโซนนี้ก็ถือว่าเป็นอีกย่านที่มีร้านเก่าแก่ดั้งเดิมเปิดอยู่ตามสองข้างทางค่อนข้างเยอะครับ เป็นย่านชุมชนที่มีความ Lively พอสมควร นอกจากนี้พอเริ่มมีคอนโดใหม่ๆ เข้ามา เราก็จะเริ่มเห็นคอมมูรูปแบบใหม่ๆ มาเปิดตามเช่นกัน อย่างเร็วๆ นี้ก็จะมี GUMP’s Cross ที่เป็นคอมมูจากย่านอารีย์ มาเปิดในทำเลนี้ด้วย กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง และมี Sena Fest บริเวณใกล้กับสะพานตากสินที่มาเปิดอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนห้างที่เป็นหัวใจของย่านเจริญนครเองเลย ก็หนีไม่พ้นกับ ICONSIAM และ ICS ที่เป็นห้างหลักของย่านนี้ครับ ก็จะเป็นห้างที่เน้นร้านต่างๆ ระดับกลางจนถึงระดับบน มีของต่างๆ ค่อนข้างครบ
และที่ฝั่งใต้ ถัดจากโครงการไม่ไกล ตรงนี้ก็จะมี Riverside Plaza เป็นพลาซ่าที่อยู่ใต้โรงแรม Avani+ มีร้านอาหารต่างๆ มาเปิดเยอะพอสมควรเช่น MK, The Pizza, Sizzler, S&P, Starbucks
พูดถึงบริเวณที่อยู่ใกล้กับโครงการไปแล้ว จริงๆ ถัดออกมาหน่อยจากโครงการก็มีห้างอีกหลายห้างทีเดียว เริ่มจากเดอะมอลล์ท่าพระ ที่อยู่บริเวณ BTS ตลาดพลู ก็ถือว่าไม่ไกลจากโครงการมากครับ หรือถ้าข้ามไปฝั่งสาทร ตรงนี้ก็จะมีเซ็นทรัลบางรัก (โรบินสันเดิม) ตั้งอยู่ อีกห้างที่สามารถเชื่อมต่อไปได้ก็คือ Terminal 21 ที่อยู่บนถนนพระราม 3 ก็เป็นอีกห้างที่มีของกินต่างๆ ค่อนข้างเยอะทีเดียว และที่อยู่เยื้องกับโครงการในอีกฝั่งของแม่น้ำ ก็จะเป็น Asiatique The Riverfront ครับ
ในด้านของโรงเรียน ก็จะไม่ไกลจากโรงเรียนที่อยู่ในฝั่งสาทรอย่างอัสสัมชัญบางรัก, อัสสัมชัญคอนแวนต์, อัสสัมชัญศึกษา, โรงเรียนวัดสุทธิฯ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และโรงเรียนนานาชาติ Shrewbury ส่วนโรงพยาบาลที่ใกล้กับโครงการก็จะมี รพ.สมิติเวชธนบุรึ, รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า, รพ.ตากสิน และ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ครับ
รูปแบบและคอนเซ็ปต์ของโครงการ
มาใน Theme “Tymeless” ดูเรียบง่าย แต่มีความร่วมสมัย
โครงการ Supalai Tyme เจริญนคร เป็นโครงการที่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดุเดือดของปีนี้เหมือนกันครับ ด้วยความที่เป็นย่านเก่าแก่ บวกกับอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ๆ กับตัวโครงการ Supalai Tyme เจริญนครเองก็ยังมีโครงการคอนโดอื่นๆ อีก ทั้งที่เสร็จแล้ว กำลังก่อสร้าง และเป็นโครงการในอนาคต ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่เหมาะกับการใช้ชีวิตทีเดียวฮะ แล้วการที่ศุภาลัยเปิดโครงการใหม่ในย่านนี้ แน่นอนว่าต้องมีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ แน่นอน
อย่างคอนเซ็ปต์การออกแบบของโครงการเนี่ย เขาให้ความสำคัญกับตัวแม่น้ำมากๆ ก็เลยนำมาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ด้วยการใช้เส้นสายที่ดูเรียบง่าย แต่มีการสร้างเลเยอร์ซ้อนทับกันให้ดูมีมิติ มี Texture ต่างๆ ใช้เทคนิคการเซาะร่อง เลียนแบบให้เหมือนกับวัสดุธรรมชาติ นอกจากนี้ยังใช้โทนสีหลักเป็นสีครีม แต่เพิ่มจุดเด่นด้วยสีเทาเข้ม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่ใช่แค่ดูเรียบง่าย แต่แฝงความร่วมสมัยเอาไว้ด้วย ทั้งการออกแบบและโทนสีที่ใช้
เหมือนกับคีย์เวิร์ดที่โครงการใช้ออกแบบอย่าง Tymeless เป็นคุณค่าเหนือกาลเวลาที่พ้องกับชื่อของโครงการด้วยครับ
รูปแบบโครงการจะเป็นอาคาร High Rise สูง 28 ชั้น มีห้องพักอาศัย 459 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต อยากบอกว่ารูปแบบห้องที่นี่มีให้เลือกเยอะมากๆ ครับ และขนาดห้องมาค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แค่ห้องขนาดเริ่มต้นก็อยู่ที่ 35 ตารางเมตรแล้ว ถ้าต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะ ก็มี 1 Bedroom Plus ไปจนถึง 3 Bedroom ให้เลือก โดยเฉพาะห้อง 2-3 Bedroom โครงการนี้มีให้เลือกค่อนข้างเยอะกว่าทั่วไปพอสมควรครับ หรือถ้าใครอยากได้ห้องแบบ 2 ชั้น ที่นี่ก็มีห้อง Rare ที่เป็น Duplex มาให้เลือกทั้ง 2 และ 3 ห้องนอนครับ เรียกว่าเก็บหมดทุกไทป์ อยากได้แบบไหนมีให้เลือกหมด
ที่สำคัญคือราคาทำมาค่อนข้างดี ตามสไตล์ศุภาลัยครับ กับทำเลที่ถ้าเป็นตึก High Rise ราคาก็ทะลุเกินแสนต่อตารางเมตรกันแล้ว แต่ที่นี่ เริ่ม 2.59 ล้านบาท หรือเริ้มต้นประมาณ 74,000 บาท/ตารางเมตร และเฉลี่ยทั้งโครงการก็ยังอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นกลางๆ เท่านั้นเองครับ ซึ่ง Spec ห้องต่างๆ ที่ได้ถือว่าดีมากๆ เมื่อเทียบกับราคา อย่างตัวห้องน้ำเองก็มีโถสุขภัณฑ์แบบ Washlet ของ COTTO ติดตั้งมาให้ รวมถึงได้ระบบ Shower แบบใช้เครื่องทำน้ำร้อน สามารถปรับเปลี่ยนน้ำอุ่นน้ำเย็นได้เลย เขาให้ชุดฝักบัวระบบเปิด-ปิดและควบคุมอุณหภูมิในตัวพร้อมซ่อนตัวเครื่อง หรือในส่วนของเครื่องปรับอากาศก็ให้แอร์แบบฝังฝ้าของ Samsung มาด้วยครับ
ส่วน Facilities และพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เองก็มีมาครบถ้วน ได้วิวแม่น้ำด้วย เดี๋ยวเราจะพาเพื่อนๆ ไปดูกันต่อเลย
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | Supalai Tyme Charoen Nakhon (ศุภาลัย ธาม เจริญนคร) |
Developer : | ศุภาลัย |
เนื้อที่โครงการ : | 3-1-61.2 ไร่ |
จำนวนห้องพักอาศัย : | ห้องพักอาศัย 459 ยูนิต, ร้านค้า 2 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร |
ลิฟต์ : | ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว |
ที่จอดรถ : | 63% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
ค่าส่วนกลาง : | 50 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
ค่ากองทุน : | 500 บาท/ตารางเมตร |
Facility : | – ชั้น 1 Lobby, Meeting&TYME Workspace และ EV Charger – ชั้น 27 TYME Sky Pool, Kids Aqua Pool, Jacuzzi, TYME Fitness, TYME Playroom, Kids Space, Rock Climbing และ TYME Workspace – ชั้น 28 TYME Sky Lounge และ Roof Garden |
แบบห้อง : | 1 Bedroom ขนาด 35 – 37.5 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 43 – 44.5 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 53 – 73 ตารางเมตร 2 Bedroom Plus ขนาด 88.50 – 97 ตารางเมตร 2 Bedroom Duplex ขนาด 90.50 – 99.50 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 112.5 – 118 ตารางเมตร 3 Bedroom Duplex ขนาด 163 – 163.5 ตารางเมตร |
ราคา : | เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 85,xxx บาท/ตารางเมตร |
สถานะโครงการ : | อยู่ระหว่างการยื่นขอ EIA |
จุดเด่น ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา
เห็นวิวแม่น้ำชัด มีตึกบังแต่เล็กน้อย ระยะตึกสูงอยู่ห่างออกไปพอสมควร
แน่นอนว่าจุดขายของที่นี่ ที่ขาดไปไม่ได้ก็จะเป็นเรื่องของวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ โดยโครงการไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำซะทีเดียว แต่จะอยู่ในฝั่งตรงข้ามของถนนเจริญนครที่ยังสามารถเห็นวิวแม่น้ำได้อยู่ ก็จะเป็นวิวแม่น้ำแบบนี้มีระยะเล็กน้อย ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะมีโครงการที่สร้างอยู่ก่อนแล้ว ก็อาจจะมีอาคารเหล่านี้บังวิวเล็กน้อยครับ แต่โชคดีที่จุดที่โครงการตั้งอยู่ ไม่ได้ประชิดกับตึกอื่นมาก เรียกได้ว่าห่างออกไปกันเกือบ 500 เมตรเลย ส่วนตึกที่ใกล้บริเวณด้านหน้า ก็จะอยู่ในมุมที่วิวห้องไม่ได้หันไปหาตรงๆ ทำให้มีช่องว่างในการมองวิวอยู่เยอะเลย ในรูปจะเป็นความสูงเทียบเท่าชั้น 28 หรือชั้นสูงสุดของโครงการ รอบข้างก็จะยังเป็นโซนที่เป็นบ้านคนอยู่เยอะ ดังนั้นนอกเหนือจากวิวแม่น้ำก็จะได้วิวเมืองที่เปิดโล่งพอสมควรครับ
วิวห้องฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (ฝั่งสะพานตากสิน)
วิวด้านหน้าโครงการ อย่างที่บอกครับว่ารอบข้างไม่ได้มีตึกสูงใกล้ๆ ดังนั้นวิวก็จะโล่งแบบนี้เลย มองแม่น้ำได้ไกลแล้วยังมองเมืองได้ในมุมมองที่กว้างด้วย เราจะเห็น Asiatique ด้วยนะครับ หรือวันสำคัญอย่างปีใหม่ที่มีการจุดพลุ เราก็จะเห็นพลุตรงไอคอนสยามด้วย
ที่ฝั่งตรงข้ามทิศนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านคนที่มีที่ดินแปลงขนาดเล็กและมีซอยต่างๆ เดาว่าน่าจะขึ้นโครงการใหญ่ๆ ได้ยากพอสมควร จะมีก็แต่ที่ดินที่เป็นพื้นที่สีเขียวในรูปที่ติดกับอาคารตรีทศที่เป็นพื้นที่ดินแปลงขนาดใหญ่ ที่ทำโครงการได้ครับ ที่ดินตรงนี้เป็นของ สนง.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นมุมด้านหน้า ไม่น่าจะบังโครงการมาก
ส่วนโครงการในอนาคตของย่านนี้ ก็จะมีคอนโดใหม่ข้าง Watermark กับข้าง Chapter ถ้า 2 โครงการนี้สร้างเสร็จ ก็น่าจะได้วิวที่ไม่ต่างจากเดิมมากครับ เพราะตึกจะอยู่ในแนววิวเดียวกัน
วิวห้องฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ (ฝั่งสะพานพระราม 3)
ส่วนวิวอีกข้างก็ไม่ได้มีตึกมาบังเช่นเดียวกันครับ วิวนี้จะค่อนข้างโล่งกว่าด้วย มีโครงการ Supalai River Resort ที่จะสูงกว่าโครงการอื่นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียมุมมองของแม่น้ำเจ้าพระยาไป มองเลยไปหน่อยก็จะเห็นสะพานพระราม 3 ด้วย ตอนกลางคืนค่อนข้างสวยทีเดียว
แต่ที่ดินแปลงสีเขียวจะเป็นของกลุ่ม AWC ที่ทำ Asiatique นะครับ จากที่ค้นข้อมูลมา แปลงนี้มีอยู่ในแผนทำเป็นโครงการ Asiatique เฟส 4 ที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำกับ Asiatique เดิม พื้นที่ขนาดกว่า 29 ไร่ครับ ยังไม่มีรูปแบบออกมาว่าจะเป็นตึกสูงหรือไม่หรือเป็นรูปแบบไหน ซึ่งน่าจะยังไม่ได้พัฒนาโครงการเร็วๆ นี้ครับ เพราะเฟส 2-3 ที่เป็นที่ดินติด Asiatique เดิมก็ยังไม่ได้เริ่มสร้างเช่นกัน แปลงนี้น่าจะอีกนานทีเดียว แต่ก็เป็นข้อมูลในการตัดสินใจครับ
มาดูพื้นที่ส่วนกลางชั้น 1
มีพื้นที่พักผ่อนทั้งด้านนอกและด้านในตัวอาคาร
พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกันครับ เริ่มจากชั้นที่ 1 กันเลย ถ้าเข้ามาด้านในโครงการจะเจอกันร้านค้าที่มีอยู่ 2 ยูนิตก่อน เลยจากร้านค้ามาก็จะเป็นตัว Lobby ขนาดใหญ่ ด้านข้างจะมีห้อง Meeting&TYME Workspace เอาไว้นั่งทำงาน นั่งประชุมต่างๆ ได้ จะมีประตูกระจกกั้นเอาไว้ เผื่อลูกบ้านมาใช้งานแล้วอยากได้ความเป็นส่วนตัว ถ้าเข้ามาในโถงลิฟต์จะมีประตูกั้นอีกชั้นนึงสำหรับลูกบ้าน ซึ่งภายในโถงนี้นอกจากจะมีลิฟต์แล้ว ยังมีห้องจดหมาย และโซน Food Drop ที่เหล่า Delivery สามารถมาส่งอาหารให้ลูกบ้านได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกไปรับด้านนอก
ส่วนห้องนิติบุคคล จะมีห้องเก็บพัสดุให้โดยเฉพาะ ไม่มีการวางเกะกะหน้า Lobby มีการจัดการที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังโครงการจะมีสวนสีเขียวและสนามเด็กเล่นอยู่ด้วยครับ
ด้านหน้าทางเข้าโครงการ
เข้าโครงการมาจะเจอกับป้ายโครงการทางด้านขวามือก่อนเลย ส่วนทางด้านซ้ายเขาจัดเป็นสวนและบ่อน้ำพุ ข้างๆ ทางเดินจะมี Sculpture เป็นรูปเกลียวคลื่นแม่น้ำ แรงบันดาลใจในการออกแบบพื้นที่หน้าโครงการเขาได้มากจากเรือที่กำลังแล่นผ่านแล้วเกิดคลื่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาครับ อย่างที่เพื่อนๆ เห็นในรูปเลย ตัวพื้นเองมีความโค้งไหลเหมือนกับสายน้ำ ส่วนด้านข้างเองก็เป็นเกลียวคลื่น ทั้งยังมีน้ำพุมาต้อนรับตั้งแต่หน้าโครงการอีก ก็เรียกได้ว่าการดีไซน์ Landscape เข้ากับคอนเซ็ปต์ของโครงการได้เป็นอย่างดีเลย
Lobby
พอมาถึงตัว Lobby จะมีความหรูหราเพิ่มเข้ามาครับ เพราะคอนเซปต์ที่เขาใช้ออกแบบคือ Golden Hour เน้นลายหินอ่อน สีขาว สีทอง สีน้ำตาล และสีดำ อย่างตัวพื้นเองก็จะเป็นลายหินอ่อน ผนังโดดเด่นด้วยสีทอง ใช้ลายหินอ่อนเข้ามาตัดตรงกลางทำให้ดูมีอะไรมากขึ้น แล้วค่อยใช้เฟอร์นิเจอร์สีเข้มเข้ามาตัด ตัวโถง Lobby จะได้ไม่ดูออกเป็นโทนสีทองจนเกินไป ด้านบนจะมีไฟประดับที่เป็นเหมือนกับรูปคลื่นด้วย มีความเคลื่อนไหวแบบไม่ตายตัวเหมือนกับสายน้ำฮะ
สวนหลังโครงการ
ที่ด้านหลังของโครงการจะมีสวนที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ครับ ตรงนี้จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการที่เป็นสนามเด็กเล่นให้ด้วย ในรูปจะเห็นรูปแบบที่ดินมีแหว่งเข้ามานิดนึง ตรงนี้จะเป็นที่บุคคลภายนอกที่ทางศุภาลัยเล่าให้ฟังว่าพยายามหาเจ้าของเพื่อติดต่อซื้อแล้ว แต่ไม่พบเจ้าของ เลยจะเป็นที่ดินที่เป็นเศษแหว่งในสวนด้านหลังเล็กน้อย แต่โครงการก็จะไม่ได้ทำกำแพงปิดที่ดินตรงนี้ไว้ครับ
Rooftop ชั้น 27 – 28
ไฮไลต์ของ Facilities จะรวมตัวกันอยู่ที่ชั้นนี้ทั้งหมด
ชั้นนี้จะมีทั้งโซนพักอาศัย และโซนที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวนะ สำหรับโซนพักอาศัยก็จะมีประตูแยก ถ้าไม่ได้อยู่ชั้นนี้ก็เข้าไม่ได้ฮะ ไฮไลต์ของชั้นนี้คงหนีไม่พ้นตัวสระว่ายน้ำ จะเป็นสระรูปตัว L ทำให้เรามองวิวได้หลายทิศทาง ด้านในสระจะมีเกาะที่เป็นต้นไม้ด้วย มีสระเด็กแยก และมุมส่วนตัวสำหรับ Jacuzzi ส่วนที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็น Pool Terrace แบบ Semi-outdoor ที่เราสามารถมานั่งรับลมได้
ด้านในตัวอาคารจะมี TYME Workspace เอาไว้นั่งทำงานจริงจัง, TYME Playroom เหนื่อยจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตข้างนอก ก็สามารถมาเล่นเกม มาผ่อนคลายกันที่ห้องนี้ได้, Kids Space พื้นที่สำหรับเด็กๆ และ TYME Fitness ห้องออกกำลังกายที่มองเห็นวิวเมืองและวิวแม่น้ำ
TYME Sky Pool
ตัวสระว่ายน้ำจะได้ทั้งวิวแม่น้ำและวิวเมืองเลย เป็นสระระบบเกลือรูปตัว L ค่อนข้างกว้าง เขาตกแต่งสระด้วยการวาง Island ที่มีต้นไม้ไว้ 2 ต้น ดูใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่ทำให้ตัวสระดูแข็งกระด้างจนเกินไป ด้านข้างมี Pool Bed ด้วย สำหรับสระเด็กจะลึก 0.50 เมตร อยู่ข้างๆ กัน ส่วน Jacuzzi จะอยู่ริมสระเลยครับ ถ้าเพื่อนๆ ดูรูปจะเห็นว่ามีโซน Semi-outdoor ที่เป็น Terrace ด้วย เหมาะสำหรับการมานั่งรับลมชมวิวชิวๆ ฮะ
TYME Fitness
ห้องออกกำลังกายจะได้หน้าต่างกระจก Full Height เลย ทำให้เราสามารถออกกำลังกายไป มองวิวด้านนอกไปด้วยได้ มีทั้งโซนที่เป็น Cardio, Yoga และ Weight Training นอกจากนี้ยังมีหน้าผาจำลองให้เราได้ปีนกันด้วย
TYME Workspace
ห้อง TYME Workspace จะอยู่ติดกับห้อง TYME Playroom เลย โทนสีที่ใช้ก็คล้ายกับที่ Lobby ครับ มีทั้งสีครีม ทอง เทา และดำ มีการตกแต่งผนังด้วยลายหินอ่อนทำให้มีลูกเล่นมากขึ้น ด้านในจะมีทั้งโต๊ะประชุม โต๊ะนั่งทำงานแบบคนเดียว และโต๊ะแบบสองคน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกบ้าน ห้องนี้จะเน้นไปทางจริงจัง ใช้สมาธิหน่อย ถ้าเบื่อนั่งทำงานที่ห้องแล้ว ขึ้นมาทำที่นี่ก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบฮะ
TYME Playroom
แต่ถ้าไม่อยากนั่งทำงานจริงจังก็ต้องมาห้องนี้เลยครับ TYME Playroom ห้องนี้จะมีความจริงจังน้อยกว่า มีโต๊ะพูลสีเข้ากับตัวห้อง มีที่ให้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนหย่อนใจ มองออกไปก็เห็นวิวเมืองรอบๆ ด้วย
พื้นที่ชั้น 28
ชั้น 28 ถือเป็นชั้นบนสุดของตัวอาคารแล้วครับ ชั้นนี้จะมีสวนสีเขียวด้านบน มีจุดให้เราชมแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ ตา มีม้านั่งพักผ่อน และที่นั่งแบบบาร์ให้เราชื่นชมกับบรรยากาศด้านบน ทางที่ขึ้นมาจากชั้นสระว่ายน้ำจะเป็นบันได แต่บันไดเขามีลูกเล่นนะครับ สามารถนั่งพักผ่อนหรือแวะชมวิวได้ด้วย แต่จริงๆ ชั้นนี้เขาก็มีลิฟต์ให้ใช้นะครับ ใครไม่อยากเดินขึ้นบันไดก็กดลิฟต์มาได้เลย
จากรูปเพื่อนๆ จะเห็นทางขึ้นไปเป็นบันได มีที่ให้นั่งพัก และสามารถชมวิวได้ระหว่างทางที่ขึ้นไปด้านบน ฝั่งด้านหน้าที่อยู่ด้านบนสระว่ายน้ำจะเป็นจุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ มาพร้อมสนามหญ้าขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังจะมีสนามหญ้าเหมือนกัน ด้านข้างจะมีม้านั่งพักผ่อน และที่นั่งบาร์อยู่ นอกจากนี้ยังมี TYME Sky Lounge ด้วย ถ้าไม่อยากรับลมรับแสงแดดด้านนอก ก็มีพื้นที่ด้านในให้เราได้พักผ่อนหย่อนใจฮะ
อย่างในรูป Perspective ก็จะเห็นว่ามีห้อง TYME Sky Lounge อยู่ด้านบนฮะ สามารถขึ้นบันไดมาได้เลย ตรงบันไดจะมีช่วงพักอยู่ เขาก็วางที่นั่งเอาไว้ให้ ส่วนที่เป็นสวนด้านหน้าก็สามารถมายืนรับลมชมวิวได้ มองเห็นวิวแม่น้ำได้ทั่วถึงเลย
Sales Gallery ของโครงการ
อยู่คนละที่กับตัวโครงการ แต่ไม่ได้อยู่ไกลกัน
ต้องบอกก่อนว่าที่ตั้งจริงของโครงการกับ Sales Gallery จะอยู่คนละที่กันนะครับ ตัวโครงการจริงจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ของเจริญนครเลย เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลสุวาวรรณ ส่วนตัว Sales Gallery ก็ไม่ได้อยู่ไกลครับ เยื้องๆ กัน ขับเลยมาหน่อยที่โครงการ Supalai River Resort จะเจอป้าย Supalai Tyme เจริญนครขนาดใหญ่ติดอยู่ริมถนนเลย เลี้ยวเข้ามาตามป้าย เลี้ยวขวานะครับ เพราะถ้าตรงไป เราจะไปเข้าโครงการ Supalai River Resort ถ้าเข้ามาแล้วเจออาคารพาณิชย์ แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว ตลอดทางก็จะมีป้ายโครงการอยู่ฮะ เข้ามาด้านในสุดจะเป็นที่ตั้งของ Sales Gallery สามารถจอดรถด้านหน้าได้เลย
ด้านในจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งครับ ฝั่งด้านหน้าจะมีตัวโมเดลโครงการ มีเก้าอี้สำหรับลูกค้า และเคาน์เตอร์ต้อนรับ ส่วนฝั่งด้านในจะเป็นห้องตัวอย่าง มีทั้งหมด 2 ห้อง แล้วก็จะมีโซนที่นั่งสำหรับลูกค้าด้วยเช่นกัน ตอนผมไปถ่ายห้องตัวอย่าง ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ เลยครับ
แปลนอาคาร และ Layout ห้องชั้น 6 – 20
ชั้นนี้จะเน้นไปที่ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom
สำหรับชั้น 6 – 20 จะมีห้องให้เลือกหลายแบบครับ ทั้งห้องขนาดเริ่มต้นอย่าง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ไปจนถึง 37.5 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ตำแหน่งห้องจะอยู่ตรงกลางอาคาร ส่วน 1 Bedroom Plus ก็มีให้เลือกเช่นกัน ชั้นนึงจะมีทั้งหมด 4 ห้อง มี Layout 2 แบบ คือขนาด 43 ตารางเมตร และ 44.5 ตารางเมตร ส่วน 2 Bedroom จะอยู่ตำแหน่งมุมอาคารทั้งสองฝั่ง เป็นห้องใหญ่ขนาด 67 – 72 ตารางเมตร แต่ 2 Bedroom ที่อยู่ตรงกลางอาคารจะมีขนาด 53 ตารางเมตร จะเล็กลงมาหน่อยครับ
และในทุกชั้นเขาจะมีห้องเก็บของแบบขายขาด ขนาด 3 ตารางเมตร ขายพร้อมห้องขนาดใหญ่ที่สุดของแต่ละชั้น สำหรับชั้น 6 – 20 ก็จะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 72 ตารางเมตร ที่เป็นห้องมุมทางด้านขวาบน
แบบห้องที่มีให้เลือก
1 Bedroom : มีแปลนให้เลือก 4 แบบ ต่างฟังก์ชั่นการใช้งาน
จริงๆ 1 Bedroom จะมีทั้งหมด 5 ไทป์ คือ 1A1, 1B1, 1B2, 1C1 และ 1D1 แต่ว่าตัวแปลนของ 1B1 กับ 1B2 เหมือนกันเลยครับ แค่สลับด้านกันเท่านั้นเอง ส่วนห้องที่ใหญ่ที่สุดในไทป์นี้จะเป็น 1D1 ครับ ดังนั้นเราก็จะเอาแปลนมาให้เพื่อนๆ ดูทั้งหมด 4 แปลนด้วยกัน
1A1
35 ตารางเมตร
ไทป์แรกของโครงการจะได้ห้อง Living ด้านหน้า วางโต๊ะกินข้าวได้ มีครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง ห้องนอนจะค่อนข้างใหญ่ วางเตียงไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่รอบข้าง สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้เยอะ ห้องน้ำก็จะเข้าจากทางห้องนอน
1B1
35 ตารางเมตร
ห้องนี้จะเป็นห้องตัวอย่างที่อยู่ใน Sales Gallery ครับ ด้านหน้าจะเป็นโซน Living เหมือนกัน แต่ครัวจะอยู่ทางด้านซ้ายมือแทน ห้องน้ำก็จะเข้าทางห้องครัว ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก มีมุมสำหรับ Walk-in Closet แยกออกมาต่างหาก
1C1
35 ตารางเมตร
ห้องนี้จะต่างจากห้องอื่นๆ ตรงที่เป็นครัวเปิด อยู่ด้านหน้าทางเข้าเลย จะเชื่อมกับมุมนั่งเล่นและมุมกินข้าว ได้ทั้งโซน Living และห้องนอนที่ใหญ่ ส่วนที่ติดกับระเบียงก็เป็นเหมือนมุมอเนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ห้องนอนจะเป็นประตูแบบทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว และห้องน้ำก็จะเข้าจากห้องนอน
1D1
37.5 ตารางเมตร
ห้องนี้ขนาดจะใหญ่กว่าห้องอื่นเล็กน้อยครับ เข้าห้องมาก็จะเป็นโซน Living แต่ได้ครัวปิดทางด้านซ้าย ด้วยความที่แปลนทางครัวยื่นออกไป ทำให้ไม่ไปรบกวนพื้นที่ห้องนั่งเล่นให้ดูแคบลง ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีมุมส่วนตัวแยกต่างหากด้วย ห้องน้ำก็จะเข้าจากในห้องนอนฮะ
1 Bedroom Plus : ได้ห้องหน้ากว้างขึ้น มีห้องอเนกประสงค์
ถึง 1 Bedroom Plus จะมี 2 ขนาดก็จริง แต่ Layout ก็เหมือนกันเป๊ะเลยครับ ไทป์นี้จะมีห้องตัวอย่างใน Sales Gallery ด้วยนะครับ ด้านหน้าห้องจะเป็นครัวเปิดที่กว้างพอสมควร ฝั่งนึงวางเคาน์เตอร์ครัวได้แล้ว อีกฝั่งก็วางได้ทั้งตู้เย็น และตู้เก็บของเท้า ถัดเข้ามาหน่อยจะเป็นมุมกินข้าว และด้านในเป็นมุมนั่งเล่น ติดกันจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเอาไว้
ในส่วนของห้องนอนแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่วางเตียงนอน อยู่ติดกับระเบียง กับฝั่งที่เป็น Walk-in Closet เพื่อนๆ สามารถวางตู้เสื้อผ้าแบบเต็มฝั่งได้ทั้งสองฝั่งเลย มีมุมสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่ได้ไปเบียดกับตู้เสื้อผ้าด้วย ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ในห้องนอน เข้าออกได้ทางเดียว สะดวกสบายสำหรับคนอยู่คนเดียวหรือคู่รักครับ เพราะอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาแต่งตัวแต่งหน้าต่อได้เลย
PA1
43 ตารางเมตร
PA2
44.5 ตารางเมตร
2 Bedroom : ห้องพื้นที่ใหญ่ มีทั้งแบบ 1 Bath และ 2 Bath
สำหรับชั้น 6 – 20 จะมี 2 Bedroom ให้เลือกทั้งหมด 4 ไทป์ด้วยกันครับ คือ 2A1, 2B1, 2C1 และ 2E1 แต่ด้วยความที่ 2C1 กับ 2E1 Layout เหมือนกัน แค่สลับฝั่งกัน ดังนั้นผมก็จะเอาแปลนห้องมาให้ดูทั้งหมด 3 แปลนด้วยกัน
2A1
53 ตารางเมตร
ห้องนี้จะเป็นห้องที่เล็กที่สุดของ 2 Bedroom เข้าห้องมาจะไม่ได้เจอกับห้องโดยตรง แต่มีเหมือน Foyer เล็กๆ ครับ ทางด้านขวาจะเป็นโซนครัวแบบเปิด เชื่อมกับมุมกินข้าว ที่วางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้ จริงๆ ถ้าเราไม่วางตู้เย็นเหมือนในแปลน เราวางข้างๆ เคาน์เตอร์ แล้วทำตรงตู้เย็นเป็นตู้เก็บของหรือเก็บรองเท้าต่างๆ ได้นะ หรือถ้าใครอยากได้ตู้เย็นใหญ่ๆ เลย ก็วางได้ทั้งฝั่งฮะ ถัดจากมุมกินข้าว ก็จะเป็นมุมนั่งเล่น ติดกันเป็นห้องนอนเล็ก กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ส่วนห้องนอนใหญ่จะเป็นประตูแบบทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว ขนาดกว้างขวาง ห้องน้ำเข้าได้สองทาง
2B1
67 ตารางเมตร
ทางเข้าห้องนี้จะเจอครัวปิดก่อนเลยครับ ทำให้โซนอื่นๆ ในห้องค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมากๆ ทั้งยังได้โซน Living ที่กว้างขวาง วางโซฟาขนาดใหญ่ โต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่ง แล้วยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมกระจกอีก โซน Living อยู่ติดกับระเบียง แสงส่องเข้ามาได้ทั้งสองทาง ห้องนอนเล็กก็ใหญ่ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ห้องน้ำเข้าออกได้ 2 ทาง แต่ถ้าเป็นห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ มีมุมสำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องนอนทั้งสองห้องได้หน้าต่างบานใหญ่ ไม่มีห้องไหนมืดทึบเลย ส่วนระเบียงเองก็ค่อนข้างกว้าง ออกไปทำกิจกรรมได้
2E1
72 ตารางเมตร
เอาจริงไทป์นี้กับไทป์ 1B1 มี Layout ที่ไม่ได้ต่างกันมากเลยครับ จะต่างก็ตรงระเบียงจากตอนแรกอยู่ด้านบน มาอยู่ด้านข้างแทน กับโซน Living ที่มีความกว้างขวางขึ้น แต่จะไม่ได้เป็นช่องหน้าต่างเข้าไปเหมือนกับห้องก่อนหน้า ผนังทุกด้านจะเท่ากันหมด แล้วก็ตัวห้องนอนเล็กจะได้พื้นที่เฉียงเพิ่มเข้ามา ทำให้ห้องกว้างขึ้น นอกนั้นก็จะมีห้องน้ำสองห้องเหมือนกัน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำส่วนตัว และมีมุมสำหรับวางตู้เสื้อผ้าที่เยอะ เหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นคู่หรือเป็นครอบครัวฮะ
แปลนอาคาร และ Layout ห้องชั้น 21 – 26
ชั้นนี้จะเน้นไปที่ 2 และ 3 Bedroom เป็นหลัก
แปลนอาคารชั้น 21 – 25
ชั้นนี้จะค่อนข้างต่างจาก 6-20 พอสมควรเลยครับ ด้วยความที่อยู่ชั้นสูงขึ้นมาเกือบสุดละ ก็เลยจะเน้นไปที่ห้องใหญ่ๆ มากกว่า แต่ก็ยังมี 1 Bedroom แทรกมาอยู่ประมาณ 3 ห้อง และความสูงก็เพิ่มมาเป็น 2.9 เมตร ห้องมุมจากที่เคยเป็น 2 Bedroom ก็จะกลายเป็น 3 Bedroom แทนฮะ แล้วตรงกลางอาคารส่วนใหญ่ก็จะเป็น 2 Bedroom ทั้งหมดเลย ชั้นนี้จะมีแค่ 14 ยูนิตเท่านั้นเอง ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาหน่อย
ที่นี่จะมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว เซอร์วิสลิฟต์ 1 ตัว มีบันไดหนีไฟสองฝั่ง แล้วก็อย่างที่บอกว่าแต่ละชั้นจะมีห้องเก็บของขนาด 3 ตารางเมตร ขายพ่วงมาด้วย สำหรับชั้น 21 – 25 ห้องที่จะได้คือ 3 Bedroom ขนาด 118 ตารางเมตร หรือห้องที่อยู่ตำแหน่งขวาบน เป็นตำแหน่งเดียวกับชั้น 6 – 20 เลย
แปลนห้องที่มีให้เลือก
2 Bedroom : เป็นโซนที่ห้อง 2 Bed ขนาดใหญ่ขึ้น เริ่ม 70-91.5 ตร.ม.
สำหรับแปลน 2D1 กับ 2F1 จะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย Layout ส่วนใหญ่จะเหมือนกันเลยครับ ต่างกันตรงทางเข้า 2D1 เข้ามาจะเป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น แล้วถึงจะเจอโซน Living ขนาดใหญ่ ฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนเล็กกับห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่ขนาดพอๆ กับห้องครัวและห้องนั่งเล่นรวมกันเลย ทำเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้สบายๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับเยอะๆ หรือคนที่ชอบแต่งตัว ทั้งยังมี 2 ระเบียง ทำให้ห้องนอนใหญ่มีระเบียงส่วนตัว เราสามารถออกไปผ่อนคลายได้ โดยที่ไม่ต้องไปห้องนั่งเล่นเลย ส่วน 2F1 ทางเข้าจะเป็นโถงยาว ครัวจะเป็นครัวปิดอยู่ฝั่งซ้ายแทน นอกนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลย
2D1
70 ตารางเมตร
2F1
73 ตารางเมตร
2 Bedroom Plus
สำหรับ 2G1 เปิดห้องเข้ามาจะเจอมุมกินข้าวเลยครับ สามารถวางโต๊ะขนาด 6 – 10 ที่นั่งได้แบบเหลือเฟือ ด้านในจะเป็นมุมนั่งเล่น อยู่ติดกับระเบียง ความพิเศษของไทป์นี้คือมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาด้วย ทั้งยังมีห้องสำหรับเก็บของโดยเฉพาะมาให้ด้วย ห้องนอนเล็กที่ขนาดไม่ได้เล็ก ได้หน้าต่างบานใหญ่ มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าเต็มฝั่ง ส่วนห้องนอนใหญ่เองก็กว้างขวาง มีมุมสำหรับ Walk-in Closet โดยเฉพาะ มีห้องน้ำในตัว และมีระเบียงส่วนตัว ส่วน 2G2 จะต่างกันตรงขนาดที่ใหญ่กว่า และห้องนอนใหญ่ที่มีมุม Walk-in Closet ที่กว้างกว่า เรียกได้ว่ากว้างมากๆ ครับ นอกนั้น Layout ก็จะเหมือนกันทั้งหมดเลย
2G1
88.5 ตารางเมตร
2G2
91.5 ตารางเมตร
3 Bedroom : 110 ตร.ม.ขึ้นไป อยู่ตำแหน่งห้องมุมทั้งหมด
สำหรับ 3 Bedroom จะมี 2 ไทป์หลักๆ ให้เลือกครับ
3A1
112.5 ตารางเมตร
ด้วยความที่ห้องขนาดใหญ่ขึ้น เดินเข้าห้องมาก็เลยจะมีโถงทางเดินที่ยาวขึ้น ฟังก์ชันห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ ปีกขวาจะเป็น Living Area ที่มีห้องนอนเล็ก 1 ห้อง ส่วนปีกซ้ายจะเป็นห้องนอนที่ 2 และ Master Bedroom ห้องนี้จะได้ครัวปิด มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศด้วย โซน Living ค่อนข้างกว้าง วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ วางโต๊ะกินข้าวขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้แบบไม่เกะกะ มีระเบียงที่ค่อนข้างยาว สามารถออกไปทำกิจกรรมได้จริง ส่วน Master Bedroom จะมีห้องน้ำส่วนตัว และมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย
3C1
118 ตารางเมตร
ห้องนี้จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่เอาจริง Layout ไม่ต่างจากห้อง 3A1 เท่าไหร่ครับ ห้องนอนเล็กจะได้พื้นที่เยอะขึ้น มีห้องน้ำในตัว ถึงห้องนอนที่ 2 จะใหญ่กว่า แต่ต้องเข้าห้องน้ำจากด้านนอก พื้นที่ Living ใหญ่เหมือนเดิม ได้ครัวปิด มีห้องสำหรับซักผ้าโดยเฉพาะ สามารถทำเป็นห้องเก็บของได้ ระเบียงที่ห้องนั่งเล่นอาจจะเล็กกว่า แต่สามารถออกไปทำกิจกรรมได้เหมือนกัน ส่วน Master Bedroom ก็มีระเบียงส่วนตัว มีห้องน้ำส่วนตัว และมีอ่างอาบน้ำมาให้เช่นกันฮะ
แปลนอาคารชั้น 26
ชั้นนี้จะอยู่ด้านล่างชั้น 27 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นมุมขวาที่เพื่อนๆ เห็นว่าหายไป คือส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำจากชั้นบนครับ ดังนั้นชั้นนี้ก็จะเหลือแค่ 10 ยูนิตเท่านั้นเอง และถึงแม้จะเน้นไปที่ 2 Bedroom แต่ก็ยังมี 1 Bedroom โผล่มาห้องนึงนะครับ เป็น Rare Item ของชั้นเลย สำหรับชั้นนี้ห้องใหญ่ที่ขายห้องเก็บของพ่วงคือ 3 Bedroom 113 ตารางเมตร เป็นห้องฝั่งซ้ายบน
แปลนพิเศษ 2 Bedroom Plus ในชั้น 26
ชั้นนี้มีหลายห้องก็จริง แต่ว่าไทป์ห้องซ้ำกับชั้นอื่นๆ ที่เราพูดไปแล้ว มีเพียงไทป์เดียวที่ไม่ซ้ำ คือ 2H1 ดังนั้นผมจะพาเพื่อนๆ มาดูแปลนนี้แค่แปลนเดียวนะครับ สำหรับชั้น 26 นี้
2H1
97 ตารางเมตร
ห้องนี้อีกนิดนึงก็จะมีพื้นที่ใช้สอย 100 ตารางเมตรละฮะ เป็นห้องที่ได้ Living Area ที่ใหญ่มากๆ เปิดเข้ามาเจอมุมกินข้าวก่อนเลย แต่มุมกินข้าวคือวางโต๊ะได้หลายแบบ จะวางแบบแปลนตัวอย่าง หรือวางเป็นแนวตั้ง วางโต๊ะกลมใหญ่ๆ คือได้หมด พื้นที่เหลือใช้มากๆ ทั้งยังเชื่อมต่อไปยังมุมนั่งเล่นได้อีก เรียกได้ว่าถ้าเพื่อนๆ แขก หรือญาติมาปาร์ตี้ที่ห้อง จะมีพื้นที่ให้ใช้สอยได้แบบไม่อึดอัดเลย ถัดเข้ามาหน่อยจะเป็นห้องอเนกประสงค์ อยู่ตรงข้ามกับห้องเก็บของ ด้านในจะเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ห้องนอนเล็กขนาดใหญ่พอๆ หรืออาจจะมากกว่าไทป์ 1 Bedroom ด้วยซ้ำ ก็แทบจะไม่เล็กแล้ว ส่วน Master Bedroom ได้โซนเตียงนอนที่ใหญ่ โซน Walk-in Closet ก็ใหญ่ แต่ห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำนะครับ
แปลนอาคาร และ Layout ห้องชั้น 27
Duplex ทั้งชั้น มีแค่ 4 ยูนิตทั้งโครงการ
ชั้น 27 เป็นชั้นที่มีทั้งพื้นที่ส่วนกลางและส่วนพักอาศัย ด้วยความที่อยู่ชั้นบนสุดแล้ว ก็จะได้เพดานที่สูงมากๆ ครับ เขาเลยยกห้อง Duplex ขึ้นมาไว้ที่ชั้นนี้ จะมีแค่ 4 ยูนิตเท่านั้น เป็น 2 Bedroom 2 ห้อง และ 3 Bedroom อีก 2 ห้อง เรียกได้ว่าเป็นห้อง Rare Item ของโครงการเลย ข้อดีของห้องที่อยู่ชั้นนี้คือ เราสามารถเดินออกไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายมากๆ ครับ ไม่ต้องขึ้นลงลิฟต์ให้เสียเวลา แต่ข้อเสียก็คืบนชั้นอาจจะต้องพบปะลูกบ้านเยอะหน่อย แต่ก็จะมีการกั้นแบ่งโซนเอาไว้ ให้เฉพาะห้องที่อยู่ในโซนนี้เข้าครับ ในส่วนห้องเก็บของจะขายพ่วงให้กับ 3 Bedroom Duplex ขนาด 163.5 ตารางเมตรฮะ
แปลนห้องที่มีให้เลือก
2 Bedroom Duplex
จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 ไทป์ด้วยกันครับ
2DA1
90.50 ตารางเมตร
ห้องนี้เปิดเข้ามาเจอโซน Living ขนาดใหญ่ มุมกินข้าวกับมุมนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกัน ระเบียงมีส่วนที่ยื่นออกไป ทำให้มีพื้นที่ทำกิจกรรมมากขึ้น ห้องนี้จะได้ครัวปิด ใต้บันไดมีห้องเก็บของ มีห้องนอนด้านล่าง 1 ห้อง และมีห้องน้ำมาให้ ส่วนชั้นบนจะเป็น Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว
2DA2
99.50 ตารางเมตร
ห้องนี้ขนาดจะใหญ่กว่า ได้ Living Area ที่กว้างขวางกว่า ระเบียงก็ใหญ่ ห้องนอนเล็กมีระเบียงส่วนตัวด้วย ห้องน้ำจะเข้าออกได้สองทาง คือจากห้องนอนและห้องครัว เป็นครัวแบบปิดเช่นกัน ส่วนชั้นบนเป็น Master Bedroom ที่ได้ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และมีห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกัน
3 Bedroom Duplex
สำหรับ 3 Bedroom Duplex จะมีทั้งหมด 2 ไทป์ด้วยกัน คือ 3DA1 163 ตารางเมตร และ 3DA2 163.5 ตารางเมตร ด้วยขนาดที่ไม่ได้ต่างกันมาก แถม Layout ก็ยังเหมือนกันเป๊ะอีก ดังนั้นผมเลยเอารูปมาให้ดูแค่ไทป์เดียวนะครับ
นี่คงจะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโครงการแล้ว เปิดเข้ามาจะเป็นโถงยาวๆ ก่อนเลย มีห้องเก็บรองเท้าแยกด้วยนะครับ เขาทำเป็นแยกออกมาเลย เดินเข้ามาหน่อยถึงจะเจอ Living Area ได้พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ เชื่อมกับพื้นที่กินข้าว วางโต๊ะขนาด 6 – 10 ที่นั่งได้สบายๆ ระเบียงก็กว้างขวาง ห้องนอนเล็กสามารถเข้าออกห้องน้ำได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินออกไปเข้าข้างนอก ครัวก็เป็นครัวแบบปิดอยู่ติดระเบียง สามารถ Built-in เคาน์เตอร์เพิ่มได้ ตรงข้ามจะเป็นห้องซักผ้า ห้องนอนที่ 2 ได้ห้องขนาดใหญ่ มีห้องน้ำในตัว แถมในห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย แล้วก็ยังมีระเบียงส่วนตัวอีก ส่วนชั้นบนจะเป็น Master Bedroom ด้านหลังทำเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้ มีความเป็นส่วนตัวมากๆ ห้องน้ำชั้นบนเองก็มีอ่างอาบน้ำมาให้เช่นกัน เป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัวมากๆ ครับ
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร
ห้องกว้าง ได้ครัวปิด มีมุมแต่งตัวที่แยกออกมาจากห้องนอน
ห้องนี้จะเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการครับ เริ่มที่ 35 ตารางเมตร เป็นแปลนที่ค่อนข้างเป็นสัดเป็นส่วนมากๆ ได้ครัวแบบปิด ห้องนอนเป็นบานเลื่อนกระจก ทำให้แสงส่องผ่านเข้ามาจากระเบียงได้ ที่สำคัญคือด้านในสุดของห้องนอนมีมุมแต่งตัวแบบเป็นส่วนตัวด้วย เหมือนได้ห้องแต่งตัวเพิ่มขึ้นมาหนึ่งห้องเลยครับ แต่ว่าห้องน้ำก็จะอยู่ไกลจากห้องแต่งตัวเล็กน้อย เพราะอยู่ในห้องครัว ก็ต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่น ห้องนอน ค่อยถึงห้องแต่งตัว แต่ระยะทางก็ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ ครับ เพราะยังไงห้องก็ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราอยู่แล้ว อีกทั้งเวลาที่มีเพื่อนๆ หรือแขกมาที่ห้อง ก็สามารถเข้าห้องน้ำด้านนอกได้เลย ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับห้องนอนหรือห้องแต่งตัวของเรา
โซน Living ที่อยู่ด้านหน้าก็มีพื้นที่ใช้สอยพอสมควรครับ สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ ในขณะเดียวกันด้านข้างก็ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับมุมกินข้าวด้วย และความที่ครัวเขามีพื้นที่วางเครื่องซักผ้ามาให้แล้ว ตรงระเบียงจะค่อนข้างโล่งเลย เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์เขาแขวนไว้ด้านบน ก็จะไม่มีอะไรวางด้านล่าง ทำให้เราตกแต่งระเบียงเพิ่มเองได้เต็มที่ฮะ
โซน Living : ห้องนั่งเล่นอยู่ด้านหน้า ได้พื้นที่กว้างขวาง
เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอมุมนั่งเล่นก่อนเลยครับ เอาจริงเป็นมุมที่ค่อนข้างกว้างนะ วางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้สบายๆ ด้านข้างยังมีพื้นที่เหลืออีกฮะ ระยะห่างจากโซฟาไปชั้นวางทีวีกำลังดี ติดตั้งทีวีจอไม่จำเป็นต้องใหญ่มากก็ได้ ส่วนโต๊ะกาแฟอันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ ว่ามีหรือไม่มี จะเปลี่ยนเป็นสตูลเล็กๆ เอามาไว้วางขาแทนก็ยังได้
มุมกินข้าว : อยู่ติดกับมุมนั่งเล่น วางโต๊ะแบบ 2 ที่นั่งได้
ติดกับมุมนั่งเล่นก็จะเป็นมุมกินข้าวครับ ถ้าเพื่อนๆ ดูในรูปจะเห็นว่ายังมีพื้นที่เหลือด้านข้างโซฟาอีกนะ คือนอกจากเราจะวางโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสแล้ว เรายังวางแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าได้ด้วย เป็นได้ทั้งมุมกินข้าว หรือจะเปลี่ยนเป็นมุมทำงานก็ได้ครับ เป็นมุมที่ค่อนข้างอเนกประสงค์เลย อย่างห้องที่ผมอยู่เอง ผมก็ปรับเปลี่ยนมุมกินข้าวมาเป็นมุมทำงานแทนครับ เพราะชอบกินข้าวหน้าทีวี 5555+
ห้องนอน : มีระเบียง และมุมแต่งตัวส่วนตัว
ถัดเข้ามาหน่อยจะเป็นห้องนอน มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นทั้งแถบ ใช้ขอบสีดำทั้งห้องนอน ห้องครัว และระเบียง ถ้าเพื่อนๆ ดูรูปด้านล่างซ้ายตรงผนังทีวี ของจริงจะไม่มีผนังยื่นออกมานะครับ แต่ด้วยโครงสร้างของอาคารที่เราเอามาทำเป็น Sales Gallery เขายื่นออกมา เลยอาจจะทำให้ทางเดินปลายเตียงดูแคบลงไปเล็กน้อย แต่ถ้าไม่มี จะทำให้พื้นที่ตรงนี้กว้างขึ้น และเราก็สามารถเดินไปมาได้สะดวกเลย
พื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีพื้นที่เหลือ สามารถวางโต๊ะข้างเตียง หรือจะวางโซฟาเล็กๆ ก็ได้นะ เอาไว้ชมวิวด้านนอกฮะ
มุมแต่งตัวด้านในค่อนข้างเป็นส่วนตัวจริงครับ เพราะมีประตูแยกเข้าไป สามารถทำเป็นห้องแต่งตัวแบบจริงจังเลย จะทำเป็นแบบเปิดโล่งเหมือนกับห้องตัวอย่าง หรือจะทำเป็นตู้แบบทึบได้หมดครับ อยู่ที่เราออกแบบเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแต่งหน้าในห้องมืดๆ เพราะห้องนี้เขามีหน้าต่างมาให้ด้วย จะย้ายมุมแต่งหน้ามาไว้ตรงหน้าต่าง หรือไว้เหมือนกับห้องตัวอย่างก็ได้ แล้วแต่ชอบเลย
ห้องครัว : เป็นครัวปิด ได้พื้นที่ทำอาหารเยอะ
ปกติถ้าเป็นโครงการอื่นๆ ของศุภาลัย เคาน์เตอร์ครัวก็จะยาวประมาณ 1.20 เมตรครับ แต่สำหรับที่นี่แค่ห้องเริ่มต้นเขาก็ให้เคาน์เตอร์มายาว 1.80 เมตรแล้ว ทำให้เรามีพื้นที่ทำอาหารและพื้นที่เก็บของเยอะขึ้นมากเลย ถ้าเพื่อนๆ นึกภาพไม่ออก ก็คือปกติจะยาวแค่เคาน์เตอร์สองตู้ครับ มีแค่ตรงอ่างล้างจานแล้วสิ้นสุดตรงเครื่องซักผ้า เช่นเดียวกับตู้เก็บของด้านบน ทำให้ที่นี่มีครัวที่กว้าง ทั้งยังเป็นครัวปิดอีก ทำอาหารได้สบายเลย
เขาจะติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ Hafele มาให้ ไมโครเวฟวางด้านล่างได้ แต่ถ้าอยากให้ครัวดูสวย ดูเต็ม ทำเป็นเตาอบหรือไมโครเวฟ Built-in เหมือนกับห้องตัวอย่างก็ได้นะครับ
ห้องน้ำ : ให้ของมาครบ ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
ก็ต้องบอกว่าห้องน้ำที่นี่ให้ของมาดีจริงๆ ครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเก็บของได้ หลังเคาน์เตอร์มีชั้นที่วางของได้ยาวไปถึงโถสุขภัณฑ์แบบ Auto ของ COTTO มีปุ่นควบคุมมาให้ด้านข้าง สามารถปรับอุณหภูมิฝารองนั่งได้ มีก้านฉีดชำระในตัว มีระบบป้องกันไฟดูด ทุกอย่างควบคุมผ่านรีโมท และมีไฟส่องสว่างให้ด้วย
ในส่วนของห้องอาบน้ำก็มีฉากกั้นประตูกระจกติดตั้งมาให้เรียบร้อย ด้านในมีฝักบัวที่มีระบบเปิด-ปิดและควบคุมอุณหภูมิในตัว ปรับน้ำร้อนเย็นได้ตามใจ เพราะเขาติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนของ Stiebel Eltron มาให้ด้วย รวมไปถึงด้านข้างเองก็มีที่วางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ หรือจะวางบนแผงควบคุมระบบน้ำก็ได้เช่นกันฮะ
ระเบียง : ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ พื้นที่ค่อนข้างโล่ง
ระเบียงที่ได้ค่อนข้างยาวเลย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนด้านบนเลยทำให้พื้นที่ด้านล่างโล่งมากๆ เอาโต๊ะหรือเก้าอี้มาวาง ก็ไม่เกะกะ จะปลูกต้นไม้ หรือวางราวตากผ้าก็ยังมีพื้นที่เหลือครับ นอกจากนี้ยังมีก๊อกน้ำกับท่อระบายน้ำมาด้วย การล้างระเบียงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตารางเมตร
เป็นห้องที่ได้ครัวเปิด มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา ห้องนอนสามารถทำ Walk-in Closet ได้
มาดู 1 Bedroom Plus กันบ้างครับ จะมี 2 ขนาด คือ 43 กับ 44.5 ตารางเมตร ขนาดต่างกันก็จริง แต่ Layout ห้องจะเหมือนกันเลย ด้านหน้าจะเป็นครัวเปิด ฝั่งขวาเป็นเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งซ้ายสามารถวางตู้เย็น ตู้เก็บรองเท้า และตู้โชว์ต่างๆ ได้ เท่ากับว่าโซนด้านหน้าก็จะเป็นโซนทำอาหารทั้งหมดเลย ขยับเข้าไปหน่อยจะเป็นมุมกินข้าวอยู่ตรงกลางระหว่างครัวกับมุมนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์จะอยู่ด้านในสุด มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่
ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูบานทึบ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทางขวาวางเตียงนอน อยู่ติดกับระเบียง ทางซ้ายทำเป็น Walk-in Closet ได้ เก็บเสื้อผ้าได้แบบจุใจ ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ค่อนข้างสะดวกเวลาที่เราอาบน้ำเสร็จ ก็สามารถออกมาแต่งตัวได้เลยครับ
โซนครัว : เป็นครัวเปิด อยู่ด้านหน้า พื้นที่เยอะ
เข้าห้องมาจะเจอครัวก่อนเลยครับ เวลาซื้อของหรืออาหารเข้าห้องมา สามารถเปิดประตูมาแล้ววางที่ครัวได้เลย ไม่ต้องเดินไปไหนไกล ฝั่งขวาจะได้พื้นที่ครัวเต็มๆ ส่วนฝั่งซ้ายเราสามารถวางตู้รองเท้าขนาดใหญ่ได้เลยครับ เพดานห้องที่นี่สูงอยู่แล้วด้วย 2.7 -2.9 เมตร เก็บรองเท้าได้เกินสิบคู่แน่นอน ส่วนด้านข้างตู้เย็น เราสามารถวางตู้เก็บของ หรือทำเป็นตู้โชว์ต่างๆ ได้อีก อยู่ที่การออกแบบของแต่ละคนเลย เพราะห้องจริงๆ ก็จะมีแค่ครัวฝั่งขวา ฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่โล่งครับ
อุปกรณ์ครัวก็ได้ครบทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน แถมยังมีที่แขวนติดผนังมาให้ด้วย เราสามารถซื้อตะขอมาแขวนเพิ่มเองได้นะ วางได้ทั้งเครื่องครัว เครื่องปรุง iPad คือเปิดสูตรอาหาร และทำอาหารไปพร้อมๆ กัน หรือเปิดรายการดูไปเพลินๆ ระหว่างการทำอาหารก็ได้ ค่อนข้างสะดวกเลย
มุมกินข้าว : อยู่ติดครัว วางโต๊ะได้หลากหลายรูปแบบ
สำหรับมุมกินข้าวก็วางโต๊ะได้ทั้งสี่เหลี่ยมจัตุรัส สามารถนั่งได้ 3 ที่นั่งเลย หรือจะวางแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำเป็น 4 ที่นั่งก็ยังเดินไปมาในห้องได้สะดวกอยู่นะครับ ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละคนเลย
มุมนั่งเล่น : พื้นที่กว้างขวาง ได้ช่องแสงเยอะ
มุมนั่งเล่นค่อนข้างอิสระ เพราะพื้นที่เยอะ จะวางโซฟาเป็นรูปตัว L หรือหาอาร์มแชร์มาวางก็สวยไปอีกแบบครับ ส่วนโต๊ะกาแฟ สามารถวางโต๊ะขนาดกลางได้ ไม่เกะกะห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีก็กำลังดี วางทีวีจอใหญ่ได้สบาย ทั้งยังได้ช่องแสงจากห้องอเนกประสงค์เต็มๆ สว่างตลอดทั้งวันแน่นอนฮะ
ห้องอเนกประสงค์ : ได้หน้าต่างบานใหญ่ ปรับเปลี่ยนห้องได้หลายแบบ
ห้องอเนกประสงค์ค่อนข้างกว้างเลย สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องอื่นๆ ได้ตามใจชอบครับ อย่างห้องตัวอย่างเขาก็จะทำเป็นห้องทำงาน วางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ได้ ฝั่งตรงข้ามมีชั้นสำหรับวางและโชว์ของต่างๆ ถ้าห้องดูโล่งไป เราก็สามารถเพิ่มเฟอร์นิเจอร์เข้ามาได้อีกหลายชิ้นเลย ห้องนี้จะได้หน้าต่างบานใหญ่ มีบานกระทุ้งที่สามารถเปิดรับลมได้ด้วย
ห้องนอน : ได้ความเป็นส่วนตัว มีมุม Walk-in Closet
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าห้องนอนแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งที่เพื่อนๆ เห็นในรูปด้านบนจะเป็นฝั่งเตียงนอนครับ วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ ตรงข้ามเตียงติดตั้งทีวีเพิ่มได้ หรือเดี๋ยวนี้คนหันมาใช้โปรเจคเตอร์กันค่อนข้างเยอะ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจฮะ ปลายเตียงเดินไปที่ระเบียงได้ ห้องนอนก็จะได้ช่องแสงจากประตูระเบียง
รูปด้านล่างจะเป็นฝั่ง Walk-in Closet ครับ คือเราสามารถ Built-in หรือวางตู้เสื้อผ้าได้ทั้งสองฝั่งเลย แถมยังมีพื้นที่เหลือสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งด้วย เป็นห้องที่อยู่คนเดียวก็จะมีพื้นที่เก็บของเยอะมาก แต่อยู่สองคนก็สามารถแชร์พื้นที่กันได้ ไม่ดูอึดอัดหรือคับแคบจนเกินไป
ห้องน้ำ : อยู่ในห้องนอน เข้าออกได้ทางเดียว
ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอน ติดกับมุมแต่งตัว ก็จะได้สุขภัณฑ์ครบครันเหมือนกันครับ ผมชอบที่เขาก่อชั้นขึ้นมาหลังเคาน์เตอร์และโถสุขภัณฑ์ มันทำให้เรามีพื้นที่ในการวางของเพิ่มมากขึ้นดี ซึ่งก็มีทุกห้องเลย แต่ห้องอาบน้ำไทป์นี้ ด้านในจะไม่มีชั้นวางของมาให้ เราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้นะ
Spec ห้องจัดเต็ม ในราคาไม่ถึงแสนต่อตารางเมตร
ทุกห้องขายแบบ Fully Fitted ได้ในส่วนของครัวและห้องน้ำ
หลังจากที่เพื่อนๆ ได้เห็นพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ แต่ละชั้น แบบห้องที่มีให้เลือก รวมไปถึงห้องตัวอย่าง และ Spec ภายในห้องแล้ว ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าคอนโดราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท เฉลี่ยราคา 8 หมื่นกลางๆ ต่อตารางเมตร แต่ได้ของที่ค่อนข้างคุ้มค่าครับ แทบไม่เห็นเจ้าไหนที่ทำราคาคอนโดแล้วให้ Spec ขนาดนี้เลย เขาขายแบบ Fully Fitted ก็จริง แต่ก็ได้ทั้งครัว ห้องน้ำ เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock
เราลองมาดูกันครับ ที่บอกว่าให้ Spec มาจัดเต็ม มีอะไรที่พิเศษกว่าคอนโดทั่วๆ ไปบ้าง
ห้องครัว
อย่างห้องครัว เคาน์เตอร์ครัวมายาวใช้งานได้สะดวก 1.80 เมตร วางอ่างล้างจานกับเตาไฟฟ้าแล้วยังมีพื้นที่เหลือสำหรับทำอาหาร สามารถเก็บข้าวของเครื่องใช้ในครัวได้อีกเยอะเลย มีที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าอยู่ด้านใต้เคาท์เตอร์ ทำให้ระเบียงมีพื้นที่เหลือไปทำอย่างอื่นได้ครับ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ มีมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน รวมไปถึงอุปกรณ์แขวนผนังที่เป็น Acceseries ก็ติดตั้งเพิ่มเติมมาให้ ส่วนตู้ลอยด้านบนตรงนี้โครงการก็จะติดตั้งชั้นวางของที่สามารถดึงลงมาได้ ทำให้เก็บของได้ง่าย เป็นดีเทลของชุดครัวที่ทำออกมาได้ดีเลย
ชุดครัวของ 1 Bedroom ไปจนถึง 1 Bedroom Plus จะได้เคาน์เตอร์ยาว 1.80 เมตร ส่วน 2 Bedroom ขึ้นไปจะได้เคาน์เตอร์ยาว 2.00 เมตร ตามขนาดห้องเลย ซึ่งความยาว 1.80 เมตรเองก็ทำให้เรามีพื้นที่ทำอาหารและพื้นที่เก็บของเยอะแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้ด้านล่าง หรือตู้ด้านบน ที่นี่เขามีชั้นที่สามารถดึงลงมาได้ เผื่อเราเอื้อมไม่ถึง ไม่มีเก้าอี้ให้ปีน ชั้นแบบนี้ตอบโจทย์ สามารถดึงขึ้นดึงลงได้สะดวกเลย
ส่วนด้านบนเคาน์เตอร์ก็วางของได้มากขึ้นครับ ครัวคอนโดห้องเล็กๆ ทั่วไป วางแค่อ่างล้างจานกับเตาไฟฟ้าก็เต็มแล้ว มีพื้นที่เหลือให้วางของแค่นิดเดียว แต่ที่นี่วางอุปกรณ์ครัวต่างๆ แล้วก็ยังเหลือที่ให้ทำอาหารได้อีก
เขาจะติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ Hafele มาให้ด้วย