fbpx
รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก Supalai Sense ศรีนครินทร์ : คอนโดใหม่ ตรงข้าม “ซีคอน” ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เริ่ม 1.42 ล้านบาท

ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ Developer หลายๆ เจ้า กระจายมาเปิดคอนโดตามแหล่งงานโซนรอบนอกกันเยอะเลยครับ ศุภาลัยก็มากับเค้าเช่นกัน ด้วยโครงการล่าสุดที่จับทำเลแหล่งงานย่านศรีนครินทร์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และอยู่ตรงข้าม “ซีคอนสแควร์” กับโครงการ

Supalai Sense ศรีนครินทร์

ที่นี่จะเป็นโครงการใหม่จากศุภาลัย ในทำเลที่ถือว่าค่อนข้างคึกคัก มีแหล่งงาน มีห้างขนาดใหญ่ในย่านศรีนครินทร์-บางนาค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำเลตรงข้ามซีคอนศรีนครินทร์เองก็เป็นอีกย่านนึงที่ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มีทั้ง Developer เจ้าเล็กเจ้าใหญ่ มาเปิดโครงการกันหลายเจ้าเลย ใครผ่านไปผ่านมาบริเวณนี้น่าจะพอเห็นป้ายโฆษณากัน

แต่การมาของศุภาลัยรอบนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างทำการบ้านกับทำเลนี้มาพอสมควร ทั้งยกชื่อโครงการใหม่ พร้อมกับ Spec และอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยเห็นจากคอนโดระดับเริ่มต้นจากศุภาลัยที่นี่ก็ใส่มาให้ อย่างที่นี่มีห้อง Pool Access, มีตึก Private ที่ห้องเป็น Single Corridor และได้เพดานสูงกว่าปกติด้วย แต่ราคายังน่ารักแบบศุภาลัยเหมือนเดิมนะ เริ่ม 1.42 ล้านบาท

โครงการนี้จะเป็นอย่างไร? แล้วทำเลนี้น่าสนใจอย่างไร? วันนี้เราจะพาไปรู้จักที่นี่แบบเจาะลึกกันครับ

จุดเด่นโครงการ

เริ่มต้น 1.42 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย 63,xxx บาท/ตารางเมตร

ส่วนกลางครบ สระยาว 36 เมตร
บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท

ตรงข้ามซีคอนสแควร์
700 ม. จากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง




ทำเลศรีนครินทร์

ถนนสายสำคัญของกรุงเทพโซนตะวันออก เชื่อมต่อถนนสายหลักหลายสาย

ก่อนจะไปถึงตัวโครงการ เราขอมาพูดถึงทำเลของ “Supalai Sense ศรีนครินทร์” กันก่อนครับ ที่นี่อย่างที่เล่าไปว่าตัวโครงการจะเน้นกลุ่มคนทำงานในทำเลรอบนอก ศรีนครินทร์ก็เป็นอีกย่านนึงที่ถือว่าเป็นแถบกรุงเทพรอบนอก แต่ก็มีแหล่งงาน แหล่งชุมชน ห้าง ร้านค้า รวมไปถึงธุรกิจต่างๆ ตั้งอยู่เยอะพอสมควร

เส้นทางของถนนศรีนครินทร์จะเริ่มตั้งแต่บริเวณถนนลาดพร้าว ใกล้ๆ กับห้าง The Mall บางกะปิ แล้วตัดตรงมาผ่านถนนหลายสายสำคัญ เช่น รามคำแหง, กรุงเทพกรีฑา, พระราม 9-มอเตอร์เวย์, พัฒนาการ, อ่อนนุช, เฉลิมพระเกียรติร.9-อุดมสุข, บางนา-ตราด (เทพรัตน), เทพารักษ์, วงแหวนกาญจนาภิเษก และไปสุดที่ถนนสุขุมวิทฝั่งสมุทรปราการ

และด้วยความยาวของถนนศรีนครินทร์ที่มีความยาวกว่า 20 กิโลเมตร ที่ผ่านย่านเขตชุมชนและหมู่บ้าน รวมไปถึงโซนสมุทรปราการที่จะเป็นโซนโรงงาน มีถนนเส้นเมนหลักหลายเส้นมาตัด ทำให้ถนนศรีนครินทร์เป็นถนนเส้นหลักอีกเช่นที่เชื่อมต่อการเดินทางของย่านนี้ครับ ดูจากความหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน หลายๆ คนก็น่าจะพอนึกภาพออก อย่างแยกลำสาลี (ลำสาหัส) นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราจะได้ยินเรื่องของการจราจรกันครับ

ซึ่งจากแต่เดิม ที่ถนนศรีนครินทร์เป็นถนนที่เชื่อมต่อย่านรอบนอกหลายๆ โซนเข้าด้วยกัน ในยุคก่อนสิบยี่สิบปีที่ผ่านมาเราก็จะเริ่มเห็นบรรดาห้างและธุรกิจต่างๆ มาเปิดบนถนนศรีนครินทร์กันครับ เพราะสามารถรับลูกค้าได้จากทั้งหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นบางกะปิ ในถนนย่อยอย่างอ่อนนุช-พัฒนาการ-ลาดกระบัง รวมไปถึงฝั่งบางนา-ตราดและสมุทรปราการ 

จนกระทั่งเมืองเริ่มขยายตัวออกมาเรื่อยๆ ปัจจุบันบ้านเดี่ยวในโซนกรุงเทพกรีฑาราคาพุ่งไปหลักหลายสิบถึงร้อยกว่าล้านไปเป็นที่เรียบร้อย บนถนนศรีนครินทร์เองก็หาบ้านเดี่ยวแทบไม่ได้แล้วครับ พื้นที่ในย่านนี้ถูกพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตามความเจริญ รวมไปถึงปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่วิ่งตัดผ่านถนนลาดพร้าวและศรีนครินทร์เกือบทั้งเส้น รถไฟฟ้าเลยเป็นเหมือนสิ่งมามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของถนนศรีนครินทร์

รูปแบบของโครงการที่อยู่อาศัยในย่านนี้เลยถูกเปลี่ยนไปตามการพัฒนาของเมือง ซึ่งเราก็จะเห็นเส้นศรีนครินทร์มีโครงการคอนโดขึ้นหลายโซน แต่ด้วยความยาวถนนกว่า 20 กิโลเมตร แต่ละโซนเค้าก็จะมีความแตกต่างกันไปครับ บางโซนเน้นเข้าเมืองสะดวก บางโซนเป็นชุมชนเดิม บางโซนก็จะใกล้ห้างหน่อย เราลองมาดูโซนหลักๆ ที่ Developer ส่วนใหญ่เลือกมาตั้งคอนโดกันครับ

โซนแยกลำสาลี : คอนโดในย่านนี้ก็จะเกาะกับความเป็น Interchange ระหว่างสายสีส้มกับสายสีเหลือง (และสีน้ำตาลในอนาคต) ราคาย่านนี้ก็จะค่อนข้างสูงกว่าคอนโดบนถนนศรีนครินทร์โซนอื่นครับ ข้อดีคือเข้าเมืองสะดวก แต่ราคาอยู่ในช่วงแตะ 100,000 บาทต่อตารางเมตร

โซนศรีนครินทร์-พัฒนาการ : คอนโดย่านนี้ก็จะเน้นทั้งกลุ่มคนที่ทั้งทำงานในย่านศรีนครินทร์และทำงานในเมืองครับ ด้วยทำเลใกล้กับ ARL สถานีหัวหมาก ราคาก็จะย่อมเยาลงมา ตรงนี้จะใกล้กับมอเตอร์เวย์และถนนพระราม 9 ก็จะสะดวกในการเข้าเมืองทั้งรถไฟฟ้า ARL และรถยนต์เชื่อมต่อทางด่วนพระราม 9 ครับ 

โซนศรีนครินทร์-อ่อนนุช : คอนโดย่านนี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนถนนอ่อนนุชเป็นหลักครับ ด้วยความที่ชุมชนในโซนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ตามแนวถนนอ่อนนุชกัน บนถนนศรีนครินทร์อาจจะเห็นว่ายังมีที่ว่างแถบนี้ค่อนข้างเยอะ คอนโดในโซนนี้ก็จะราคาไม่สูงมากครับ ระดับเริ่มต้นล้านกลางๆ-ปลายๆ เน้นทั้งกลุ่มคนทำงานย่านนี้และกลุ่มคนที่ต่อรถจากอ่อนนุชไปปากซอยเพื่อต่อ BTS เข้าเมือง

โซนซีคอน : เป็นโซนชุมชนเดิมของย่าน ที่ช่วงปีสองปีนี้ มีโครงการมาเปิดใหม่หลายเจ้าครับ ข้อดีคืออยู่ใกล้ห้าง 2 ห้าง ใกล้สวนสาธารณะใหญ่ โดยที่ราคายังหยิบจับได้ง่าย ส่วนใหญ่อยู่ในซอย ราคาเริ่มต้นอยู่ในหลักล้านกลางๆ ก็จะเหมาะกับคนทำงานในย่านนี้ ที่มองหาคอนโดที่ราคาไม่สูงมาก ได้อยู่ตรงข้ามห้างใหญ่ครับ

โซนบางนา-ตราด : จะมีหลายโครงการที่ไปตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ใกล้กับถนนศรีนครินทร์ครับ กลุ่มนี้ก็จะสะดวกกับคนที่ใช้รถ ใกล้ทางด่วน ขับรถเชื่อมต่อย่านสุขุมวิทง่ายหรือสำหรับใครที่ทำงานโซนบางนา-สุวรรณภูมิก็ขับรถไปกลับสะดวก แลกกับการที่อาจจะไกลรถไฟฟ้าหน่อย แต่หลายโครงการมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีส่วนกลางมาให้เยอะ

โซนเลยบางนา : กลุ่มนี้ก็จะใกล้กับแหล่งงานโซนสมุทรปราการมากขึ้นครับ มีคอนโดหลายระดับ ทั้ง Highrise ติดถนนใหญ่ราคาต่อตารางเมตรหลักหมื่นปลายๆ แตะแสน ไปถึงในซอยต่างๆ เช่นแบริ่ง/ลาซาลที่ราคาเบาลงมา

ที่ตั้งโครงการ

ซอยศรีนครินทร์ 42 (ซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8) ตรงข้ามซีคอนสแควร์ในระยะเดินไปได้เลย

สำหรับที่ตั้งโครงการก็จะอยู่ในศรีนครินทร์ 42 หรือ ซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 หรือเข้าจาก ซอย ศรีนครินทร์ 40 ก็ได้เช่นกันครับ ตัวโครงการเข้ามาประมาณ 500 เมตรจากถนนใหญ่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น Seacon Square ศรีนครินทร์เลย โดยที่ในซอยจะเป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิมอยู่แล้วครับ มีทั้งหมู่บ้านทาวน์โฮม โรงแรม โฮมออฟฟิศ ตึกแถว และมีโครงการคอนโดแบบ Low Rise มาเปิดหลายเจ้า ตั้งแต่ช่วงกลางซอย ไปจนถึงท้ายซอย สำหรับใครที่อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยในซอยนี้ เรามาลองดูบรรยากาศกันครับ


บรรยากาศรอบข้างของโครงการ

เริ่มจากหน้าปากซอย การเดินทางของคนภายในซอยนี้ถ้าหากไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็จะใช้งานพี่วินมอเตอร์ไซค์กันเป็นหลักครับ ดังนั้นที่ปากทางเข้าของซอยเองก็จะมีพี่วินมาจอดรอ ในเรื่องของราคาก็ถือว่าเป็นซอยที่วินค่อนข้างถูกครับ เดินทางไปตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยที่เป็นนิรันดร์คอนโด คอนโดเก่าแก่ของย่านนี้ ก็จะ 10 บาทเท่ากันหมด 

ดังนั้นด้วยระยะจากหน้าปากซอยมาถึงโครงการ 500 เมตร ตรงนี้ก็เป็นระยะที่พอเดินได้ครับ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน ก็สามารถเรียกวินเข้ามาได้เช่นกัน

แต่นอกจากนี้ ตัวโครงการยังมี Shuttle Service รับส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้าและตัวโครงการ บริการให้กับลูกบ้านด้วยเช่นกันนะครับ

เข้ามาช่วงกลางซอย อย่างที่บอกว่าซอยนี้เป็นซอยที่มีคนอยู่อาศัยกันเยอะพอสมควรครับ ดังนั้นของกินและร้านสะดวกซื้อต่างๆ ก็มีค่อนข้างเยอะตั้งแต่หน้าปากซอยแล้ว โดยช่วงกลางซอย จะเลี้ยวที่ซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 เพื่อเข้าโครงการครับ สังเกตตรงนี้ฝั่งตรงข้ามแยก 8 จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ครับ

เข้ามาในซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ลักษณะชุมชนในย่านนี้จะเป็นบ้านแบบ Home office ในยุค 90 ครับ มีทั้งทาวน์โฮม 3 ชั้น และอาคารสำนักงานขนาดเล็ก สำหรับธุรกิจที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ก็จะมีทั้งกลุ่มคนทำงานและคนที่พักอาศัยที่บ้าน ในบริเวณก็จะมีร้านอาหารอยู่ด้วยครับ ถนนในซอยก็ถือว่าค่อนข้างกว้างเลย

เมื่อตรงเข้ามาสุด จะถึงกับพื้นที่ของตัวโครงการครับ ตรงนี้จะ Private ขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นถนนที่ไม่ได้มีรถผ่านไปมาแล้วครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวเพราะตัวโครงการจะห่างจากสามแยกที่ไปท้ายซอยประมาณ 50 เมตร จุดนี้ก็จะมีรถผ่านไปมาตลอดก็สามารถเดินออกมาเรียกรถที่ตรงนี้ได้ครับ

และสำหรับใครที่เป็นห่วงเรื่องของการอยู่ในซอยแล้วน้ำจะท่วมหรือเปล่า? ทางศุภาลัยมีการร่วมกับชุมชนในซอย เตรียมที่จะขยายขนาดท่อระบายน้ำ ให้กว้าง 1.2 เมตร ตั้งแต่ตัวโครงการไปจนถึงหน้าปากซอย 40 เลยครับ ก็ได้ประโยชน์ทั้งลูกบ้านของคอนโดเองและคนในชุมชน คาดว่าจะเสร็จพอๆ กับช่วงโครงการสร้างเสร็จพอดีครับ


การเดินทาง

ระยะเดินใกล้กับโครงการ

สำหรับตัวโครงการจะอยู่ในระยะที่เดินไปซีคอนได้ครับ ไปหน้าปากซอยประมาณ 500 เมตร แล้วเดินต่อไปอีกเพื่อข้ามสะพานลอยไปซีคอนอีกประมาณร้อยกว่าเมตร สำหรับใครที่ไม่อยากเสียค่ารถก็ยังพอเดินไหว จริงๆ ที่ตั้งของศุภาลัยเซนส์ถือว่าเป็นโครงการที่ใกล้กับซีคอนเกือบที่สุดในย่านนี้ด้วยครับ แต่ถ้าไม่อยากเดิน ก็มีตัวเลือกในการใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ ถ้าไปปากซอยก็ 10 บาท แล้วเดินข้ามสะพานลอย แต่ถ้าไปถึงซีคอนเลยก็ 15-20 บาทครับ

รถไฟฟ้า

สำหรับรถไฟฟ้าสถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานีสวนหลวงร.9 ก็สามารถใช้งานเพื่อไปโซนต่างๆ บนถนนศรีนครินทร์ได้ และค่อนข้างสะดวกสำหรับใครที่จะไปแถวบางกะปิ ลาดพร้าว หนีรถติดในเวลาเร่งด่วนได้ดีทีเดียวครับ และยังสามารถใช้เชื่อมต่อเข้าเมืองได้ โดยนั่งไปต่อ BTS ที่สำโรง ต่อ ARL ที่หัวหมาก หรือต่อ MRT สีน้ำเงินที่รัชดา-ลาดพร้าว แต่การเข้าเมืองก็นั่งหลายสถานีนิดนึงครับ

รถเมล์

สำหรับการเดินทางด้วยรถเมล์ หน้าซีคอนเองก็เป็นจุดศูนย์รวมในเรื่องของการต่อรถอยู่แล้วครับ มีรถเมล์หลายสาย รวมถึงจะมีรถสองแถวด้วยเช่นกัน ตอนเช้ากับเย็นจะเห็นคนมารอรถอยู่ตรงบริเวณนี้เยอะพอสมควร ก็เลยจะมีร้านค้า ร้านของกินต่างๆ อยู่ตรงนี้ด้วย

รถยนต์ส่วนตัว

สำหรับรถยนต์ส่วนตัว ก็จะอิงการใช้งานกับถนนศรีนครินทร์เป็นหลักครับ สามารถเชื่อมต่อกับถนนสายอื่นได้หลากหลายเช่นบางนา-ตราด, อ่อนนุช, พัฒนาการ, รามคำแหง, ลาดพร้าว, อุดมสุข และใกล้โครงการจะมีทางด่วนให้ขึ้นสองสาย ประกบบนล่าง ทั้งบูรพาวิถีและด่วนพระราม 9 ซึ่งการใช้รถในย่านนี้ก็เป็นอะไรน่าจะค่อนข้างสะดวก เพราะก็มีหลายๆ คนทำงานในย่านนี้แต่อาจจะอยู่ในซอยต่างๆ ทั้งบนถนนศรีนครินทร์, อ่อนนุช, อุดมสุข และถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ที่มี home office หรือ office ขนาดเล็กกระจายตัวอยู่แถวนี้กันเยอะ แหล่งงานอาจจะไม่ได้เกาะอยู่กับตามสถานีรถไฟฟ้าอย่างเดียว

ซึ่งตัวซอยนี้จะมีข้อดีตรงที่สามารถทะลุออกด้านหลังไปซอยต่างๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องออกถนนใหญ่เลยครับ ออกไปได้ยันสุขุมวิท

ซีคอนสแควร์

ห้างที่ใหญ่ที่สุดบนถนนศรีนครินทร์ เป็นจุดศูนย์กลางของย่านนี้

อย่างที่บอกว่าโครงการนี้ จุดเด่นของทำเลเลย คือ “ซอยอยู่ตรงข้ามซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์” แล้วทำไมการอยู่ตรงข้ามห้าง ถึงเป็นจุดเด่นจุดขายของโครงการขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ในกรุงเทพฯ เองก็มีห้างตั้งเยอะแยะ??

ก็ต้องบอกว่าเพราะห้างซีคอนสแควร์เอง เป็นห้างที่มีขนาดใหญ่มากครับ มีพื้นที่แตะระดับ 5 แสนตารางเมตร เป็นหนึ่งในห้างใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นห้างที่มีคนแวะเวียนกันมาใช้บริการหนาแน่นทีเดียว ในซีคอนเองก็มีค่อนข้างจะครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารทั้งมื้อเบามื้อหนัก พื้นที่ Plaza ที่มีร้านหลากหลาย มี Lotus’s, Donki, Robinson, โซน Season Mall ที่เป็นสินค้าแฟชั่น, โซนคลองถม, สวนสนุกในร่ม Yoyo Land, ฟิตเนส, โรงหนัง และอีกหลายๆ อย่างเท่าที่จะนึกออก

และระดับร้านค้าในห้างนี้ก็มีทั้งกลุ่มที่ราคาไม่แพง ไปจนถึงร้านที่อาจจะเริ่ม Premium นิดนึง ทำให้กลุ่มลูกค้าของห้างนี้ค่อนข้างกว้างมากครับ มีลูกค้าจากหลากหลายกลุ่มเข้ามา เรียกได้ว่าพื้นที่ของห้างที่ขนาด 5 แสนกว่าตารางเมตร ก็มีคนเดินกันหมดเกือบทุกโซน

Seacon Square ศรีนครินทร์สำหรับย่านนี้เลยไม่ใช่แค่ห้าง แต่เป็นเหมือนกับ Hub ของที่นี่ นึกอะไรไม่ออก มาที่ซีคอนก็จบได้ เราจะเห็นว่าหน้าห้างเองก็เป็นจุดที่หลายๆ คนมาต่อรถกัน อาจจะแวะมาหาอะไรกินหลังเลิกงาน หรือมาเดินเล่น เป็นที่นัดพบปะ

ดังนั้นคอนโดทำเลตรงนี้เลยไม่ใช่ว่าแค่ติดห้างมีของกินของใช้ให้ซื้อก่อนกลับบ้าน แต่เป็นทำเลที่ได้อยู่ติดกับ HUB ที่เป็นศูนย์กลางของย่านศรีนครินทร์ครับ

ห้างอื่นๆ ในย่านมีแต่ห้างขนาดใหญ่

กรุงเทพฝั่งตะวันออกเป็นโซนที่มีหมู่บ้านและชุมชนขนาดใหญ่เยอะ เลยทำให้มีห้างขนาดใหญ่มาตั้งในย่านนี้เยอะตาม

นอกจากตัวซีคอนสแควร์เองแล้ว ในย่านนี้ก็ยังมีอีกหลายห้างด้วยเช่นกัน จากความที่กรุงเทพฝั่งตะวันออกเป็นโซนเมืองที่มีผู้คนอยู่อาศัยกันค่อนข้างเยอะ ห้างต่างๆ ก็เลยตามมาเปิดกันในย่านนี้ครับ จะสังเกตได้ว่าในย่านนี้เองมีห้างที่มีขนาดพื้นที่หลายแสนตารางเมตร อยู่กันหลายห้างเลยครับ ซึ่งห้างต่างๆ ก็จะเป็นทั้งแหล่งชอปปิ้ง และแหล่งที่มีคนมาทำงาน


Paradise Park & Paradise Place

เริ่มแรกจากการเป็นห้างเสรีเซ็นเตอร์ ห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับซีคอนหน้าหมู่บ้านเสรี ปัจจุบันได้ถูกกลุ่ม MBK เทคโอเวอร์แล้วเปลี่ยนมาเป็น Paradise Park รวมถึงมีตึกข้างๆ ที่ทำเป็น Paradise Place เน้นโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ พื้นที่โดยรวมของห้างนี้ก็จะเน้นเป็นกลุ่มร้านที่ระดับบนขึ้นมานิดนึงจากซีคอนครับ คนอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็มีร้านต่างๆ ที่แตกต่างออกไป มีเสรีมาร์เก็ตที่เป็นซุปเปอร์ดังของที่นี่ และกำลังจะมี Rama Health Space เป็นศูนย์สุขภาพของโรงพยาบาลรามา มาเปิดให้บริการที่นี่ด้วยเช่นเดียวกันครับ

ตลาดนัดรถไฟ

ที่นี่อาจจะไม่ใช่ห้าง แต่ก็เป็นอีกแหล่ง Shopping ของย่านนี้ กับตลาดนัดที่อยู่ด้านหลังของซีคอนสแควร์ ที่นี่ก็จะมีทั้งของกินต่างๆ เสื้อผ้าและอื่นๆ เป็นตลาดที่คนจากหลายๆ พื้นที่ก็มาเดินเล่นกันที่นี่ครับ มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

เซ็นทรัลบางนา

ห้างหลักของชาวบางนา เป็นห้างอีกห้างหนึ่งที่อยู่ใกล้กับย่านศรีนครินทร์ครับ ที่นี่ก็เป็นห้างที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และติดกันมี Big C อยู่ด้วย ห่างจากโครงการไป 4.5 กิโลเมตร

เดอะมอลล์บางกะปิ

ถ้าลองดูในฝั่งต้นถนนศรีนครินทร์ ก็จะเป็นที่ตั้งของห้าง The Mall Lifestore บางกะปิ ที่เป็นห้างใหญ่ของย่านบางกะปิเช่นกัน ปัจจุบันสามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองไปได้แล้วครับ เพียงแค่ 7 สถานี ประมาณ 9 กิโลเมตร

เมกาบางนา

อีกหนึ่งห้างยักษ์ของย่านบางนาครับ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่มีทุกอย่างครบเช่นเดียวกัน เป็นที่ขึ้นชื่อว่าวันเสาร์อาทิตย์คนแห่ไปกันตลอด ที่นี่จะห่างจากโครงการไป 11 กิโลเมตรครับ

Happitat at The Forestias

ที่นี่จะเป็นห้างใหม่ ที่อยู่บนถนนบางนา-ตราด เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Forestias ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเลยครับ ปัจจุบันก่อสร้างไปได้ค่อนข้างเยอะแล้ว ใครที่ขับผ่านช่วงกม.6 น่าจะเห็นโครงการครับ

Bangkok Mall

ปิดท้ายที่อีกห้างยักษ์ที่หัวถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ตรงข้ามกับไบเทค ที่นี่จะเป็นห้างใหม่ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่ก็จะยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันกับเมกาบางนา ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ครับ

ใกล้สวนและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่

ใกล้กับสวนใหญ่ของย่านนี้ เป็นทั้งพื้นที่มาออกกำลังกายและมาพักผ่อน

สวนหลวง ร.9

อีกจุดเด่นของทำเลศรีนครินทร์ช่วงใกล้กับซีคอนสแควร์ คือบริเวณนี้จะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่าง “สวนหลวง ร.9” ตั้งอยู่ครับ ที่นี่จะเป็นพื้นที่สีเขียว ที่ภายในสามารถมาวิ่งออกกำลังกาย มาปั่นเรือเป็ด มานั่งรับลม ชมบรรยากาศต่างๆ ได้ ภายในสวน Mood ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จากที่ไปลองสำรวจมาในช่วงเย็นๆ ก็จะมีคนแถวนี้มากันเยอะเลยครับ ทั้งพาเด็กมาเล่น มาออกกำลัง มานั่งปิกนิก ต้นไม้ภายในร่มรื่นมากครับ เพราะเปิดมาหลายสิบปีแล้ว

ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน

อีกจุดที่เป็นพื้นที่สวนใกล้ๆ เช่นกัน คือศูนย์กีฬาบึงหนองบอน ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายทั้งทางบกอย่างการวิ่งและปั่นจักรยาน และไฮไลท์อยู่ที่กีฬาทางน้ำครับ เป็นที่ที่เราจะเห็นคนมาล่องเรือใบ ถ้าเราไม่มาเล่น แค่มาถ่ายรูปอย่างเดียวก็สวยแล้วครับ

รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง

รถไฟฟ้าสายใหม่ล่าสุดของกรุงเทพ ที่เชื่อมย่านต่างๆ ของกรุงเทพโซนตะวันออกให้เดินทางได้สะดวกขึ้น

สิ่งนึงที่เป็นตัวกระตุ้นให้ย่านศรีนครินทร์ตลอดทั้งแนวโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็หนีไม่พ้นการมาของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่วิ่งตัดถนนศรีนครินทร์เกือบทั้งเส้นครับ ทำให้การเดินทางในย่านนี้สะดวกขึ้นพอสมควร ซึ่งสำหรับใครที่อาจจะยังไม่รู้จักกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมากนัก เราขอเล่าเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายนี้สั้นๆ ครับ

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะเป็นรถไฟฟ้าที่ออกแบบมาเป็นรถไฟฟ้าสายรองของกรุงเทพครับ (อย่างสายหลักก็จะเป็น BTS สายสีเขียว/MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งพวกนี้จะเป็นรถที่วิ่งพาคนจากนอกเมืองเข้าใจกลางกรุงเทพโซน CBD โดยตรง) ส่วนรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง จะเป็นสายที่วิ่งอยู่รอบนอก เส้นทางจากบริเวณแยกรัชดาลาดพร้าวที่มี MRT สายสีน้ำเงิน ผ่านบางกะปิ มาถนนศรีนครินทร์ แล้วเลี้ยวไปตามถนนเทพารักษ์ไปเชื่อมกับ BTS ที่บริเวณสำโรง

หน้าที่หลักเค้าคือให้คนในแต่ละย่าน สามารถขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปเชื่อมต่อกับโซนอื่นๆ หรือไปเชื่อมต่อเข้ารถไฟฟ้าสายหลักได้สะดวกยิ่งขึ้นครับ

อย่างที่เราทราบกันว่าถนนศรีนครินทร์ก็เป็นถนนสายสำคัญของย่าน ดังนั้นเราก็จะได้ยินในเรื่องของความรถติดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแยก “ลำสาลี” เอย หรือจุดตัดกับถนนสายต่างๆ เช่นศรีนุช ศรีลาซาล ที่หลายๆ ที่การจราจรแต่ก่อนมันช่างหนาแน่นซะเหลือเกิน การมาของรถไฟฟ้าก็เลยมาช่วงบรรเทาการเดินทางในย่านนี้ให้ง่ายขึ้นครับ รวมถึงทำให้ย่านศรีนครินทร์เชื่อมต่อกับย่านอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งโซนสำโรงที่มี BTS, โซนลาดพร้าว, โซนรัชดา สามารถเข้าเมืองได้ง่ายขึ้น

ซึ่งพอการเชื่อมต่อเมืองมันง่ายขึ้น ก็เป็นที่มาของความเจริญต่างๆ และเริ่มมีที่อยู่อาศัยในแนวสูงเกิดขึ้นในบริเวณนี้ตามมาเป็นลำดับนั่นเองครับ

Concept โครงการ

Supalai Sense Srinakarin Sense of Staycation

ก่อนจะเล่าถึงคอนเซปต์ของทางโครงการ ผมขอบอกเพื่อนๆ ไว้ก่อนว่า Sense ที่อยู่ในชื่อโครงการไม่ใช่แบรนด์ใหม่ของศุภาลัยแต่อย่างใดนะครับ เป็นแค่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาสำหรับโครงการนี้ ส่วนคอนเซปต์ก็ตามชื่อเลยฮะ Sense of Staycation หลักๆ เลยทางโครงการตั้งใจให้ลูกบ้านรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ได้เข้ามาในโครงการ เหมือนได้พักผ่อนจากกิจกรรมด้านนอกมาทั้งวัน จะมีความเป็นรีสอร์ตหน่อยๆ สไตล์ Modern Tropical

ถ้าสังเกตคำว่า Sense ที่เป็นโลโก้ จะแตกต่างจากตัวอักษรอื่น เพราะเขาตั้งใจให้เอาตัวอักษร EN มาเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของทางโครงการ แบ่งเป็นเป็น 4 อย่างด้วยกันฮะ

  • Enjoy สื่อถึงความสนุก ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง เพราะมีทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และเชื่อมถนนเส้นหลักได้ถึง 4 สาย
  • Energy สื่อถึงพลังงาน ให้เราพักผ่อนได้เต็มที่กับห้องพักอาศัยที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ
  • Entertain สื่อถึงความเพลิดเพลิน กับ Facilities และพื้นที่ส่วนกลางที่โครงการออกแบบมาให้
  • Ensure สื่อถึงความมั่นใจ ในระบบความปลอดภัยและคุณภาพของโครงการ

สี่อย่างนี้ก็เรียกได้ว่าครบถ้วนในทุกด้านของการใช้ชีวิตประจำวันแล้วครับ ซึ่งแต่ละอย่างเองก็จะกลายมาเป็นจุดเด่นหลักๆ ของโครงการกันด้วย อย่างเรื่องของการเดินทางและโลเคชั่นต่างๆ ของตัวโครงการ เพื่อนๆ เองก็ได้อ่านกันไปแล้วในพาร์ทก่อนหน้านี้ เดี๋ยวเราจะมาดูกันต่อว่าจุดเด่นอื่นๆ ที่เหลือจะมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

สำหรับโครงการ Supalai Sense Srinakarin (ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์) ระดับของโครงการก็จะอยู่ใน Segment ที่ราคายังหยิบจับง่าย แต่มีการอัพเกรดพื้นที่ส่วนกลางและ Spec ต่างๆ ให้สูงขึ้นมากว่าแบรนด์ Supalai City Resort ที่เราจะเห็นทางศุภาลัยมักจะใช้ในการทำโครงการคอนโดแบบ Lowrise ครับ

โดยจะมีทั้งหมด 3 อาคารด้วยกัน แต่ละอาคารก็จะมีแตกต่างกันไป มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 477 ยูนิต มีห้องให้เลือกทั้ง 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ด้วยความที่คอนเซปต์ของที่นี่อยากให้ลูกบ้านได้รู้สึกเหมือนโครงการเป็นที่ที่สามารถพักผ่อนได้ทุกวัน ดังนั้นเขาเลยทำห้องพักดีไซน์พิเศษขึ้นมา คืออาคาร A จะเป็นอาคารที่มีสระว่ายน้ำ อยู่บริเวณที่ชั้น 2 ใช่มั๊ยครับ ห้องพักที่อยู่บริเวณชั้น 2 เลยสามารถ Pool Access ได้จากระเบียงห้องของตัวเอง เป็นยูนิตที่ Rare Item มากๆ ซึ่งจริงๆ ที่นี่อาจจะไม่ใช่โครงการแรกที่ทำให้ห้องพักมีทางเข้าสระว่ายน้ำได้โดยตรง แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเคยเห็น มักจะเป็นโครงการราคาแพงหรือโครงการแบบ Luxury ครับ ซึ่งนี่เป็นโครงการที่ราคาเริ่นต้นล้านกว่าๆ แต่ก็มียูนิตพิเศษแบบนี้แล้ว ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

Mood&Tone ที่ใช้จะเน้นสีครีมอ่อน เทาอมน้ำตาลอ่อน เทาอมน้ำตาลเข้ม และสีส้ม มีการใช้เส้นสายโค้งมนต่างๆ ทำให้โครงการดูมี Element และมีลูกเล่นมากขึ้น

ส่วน Landscape ที่อยู่ตามจุดต่างๆ ของโครงการ จะมีทั้งสวนแนวราบและแนวตั้ง จะได้เพิ่มพื้นที่สีเขียว ทำให้โครงการดูร่มรื่นและใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น มีสระว่ายน้ำอยู่ใจกลางโครงการ ทำให้ห้องที่หันมาด้านในมีวิวให้ได้ดู ซึ่งแต่ละอาคารจะมีความพิเศษที่แตกต่างกันไปฮะ ซึ่งภาพรวมของโครงการนี้ทั้งดีไซน์และบรรยากาศทำออกมาได้ดูดีทีเดียวครับ ทิ้งความเชยในภาพจำของศุภาลัยในยุคก่อนไปได้เลย เดี๋ยวเราลองมาดูส่วนกลางของโครงการแต่ละจุดกันครับ

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ : Supalai Sense Srinakarin (ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์)
Developer :บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
เนื้อที่โครงการ :3-3-76.3 ไร่
จำนวนห้องพักอาศัย :477 ยูนิต
รูปแบบโครงการ :Low Rise 3 อาคาร อาคาร A สูง 7 ชั้น อาคาร B และ C สูง 8 ชั้น
ลิฟต์ :อาคารละ 2 ตัว
ที่จอดรถ :40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
ค่าส่วนกลาง :42 บาท/ตารางเมตร/เดือน
ค่ากองทุน :420 บาท/ตารางเมตร
Facility :Lobby, Drop Store, Vending Machine Space, Food Drop, Pocket Garden
Swimming Pool&Jacuzzi, Fitness, Co-working Space, Roof Garden,
Pavilion
แบบห้อง : 1 Bedroom ขนาด 25 – 41 ตารางเมตร
1 Bedroom Plus ขนาด 40.5 ตารางเมตร
2 Bedroom ขนาด 45.5 – 53 ตารางเมตร
ราคา :เริ่มต้น 1.42 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : เฉลี่ย 63,000 บาท/ตารางเมตร
สถานะโครงการ :เตรียมเปิด Presales 18-19 พ.ย.66 นี้ คาดว่าแล้วเสร็จ ต้นปี 69

สำหรับ Sales Gallery ของโครงการจะอยู่ในห้างซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น 3 ฝั่งโลตัส ด้านในก็จะมีทั้งโมเดลอาคาร ห้องตัวอย่าง และพนักงานที่คอยให้คำแนะนำครับ

พื้นที่ส่วนกลางชั้น 1

มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะทั้งในและนอกอาคาร

ต้องบอกว่าที่นี่เป็นคอนโดราคาล้านกว่าๆ ที่ได้พื้นที่ส่วนกลางครบทีเดียวครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นว่าที่นี่จะมีทั้งหมด 3 อาคารด้วยกัน อาคาร A จะอยู่ด้านหน้าสุด ติดกับทางเข้า ซึ่งบริเวณทางเข้าเองก็จะทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ให้อารมณ์เหมือนบ้านจัดสรรยังไงยังงั้นเลย ค่อนข้างอลัง แล้วทางตรงนี้จะเป็นถนนที่มองตรงเข้ามาจากแยกด้วย สร้างเสร็จก็น่าจะเห็นป้ายโครงการตั้งแต่ปากซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 เลยครับ โดยตรงข้างๆ อาคาร A จะเป็นอาคารนิติบุคคลแยกออกมา พื้นที่ชั้น 1 ก็จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด แต่ก็จะมีสวนเล็กๆ มาพร้อมมุมพักผ่อนกระจายอยู่ตามอาคารด้วย

Facilities และพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่อาคาร A แต่ถ้าเพื่อนๆ อยู่อาคาร B หรือ C ก็เดินมาใช้งานได้ตามปกติเลย ใครที่อยู่อาคาร A ก็จะสะดวกกว่าอาคารอื่นๆ หน่อย ทั้งยังเป็นอาคารเดียวที่มีพื้นที่ Lobby ให้นั่งเล่นได้ มี Vending Machine หรือตู้ขายของด้านนอก (จุดนี้จะวางได้ 2 ตู้) อาคาร B กับ C จะเป็นแค่ Lift Lobby ที่เอาไว้ขึ้นลิฟต์เฉยๆ ไม่มีที่นั่งรอ

ที่น่าสนใจคือเขามีจุด Food Drop ให้ทุกอาคาร แยกอาคารใครอาคารมันเลยฮะ คือตัว Food Drop จะเป็นเหมือนชั้นที่แบ่งออกเป็นช่องๆ เวลาที่ขนส่งของหรือขนส่งอาคารมาส่ง ก็วางจากด้านนอกตัวอาคารได้เลย เราก็ไม่ต้องรอรับ หรือไม่ต้องออกไปนอกอาคาร เพราะสามารถหยิบจากด้านในตัวอาคารได้ แค่ลงลิฟต์มาเอาเท่านั้นเอง

โครงการนี้เขาจะแยกอาคารนิติบุคคลออกมาอยู่ติดกับทางเข้าโครงการ ป้อมยามก็จะเถิบเข้ามาหน่อย ซึ่งจุดนี้ทางโครงการเองก็คิดมาให้แล้วนะครับในเรื่องของการขนส่งของออนไลน์ของลูกบ้าน เพราะเขามีห้อง Drop Store เอาไว้เก็บของโดยเฉพาะเลย ที่จอดรถขนส่งก็อยู่ใกล้กับอาคารนิติบุคคล ก็จะสะดวกกับขนส่งต่างๆ ตัวนิติฯ เอง แล้วก็ลูกบ้านด้วย ไม่มีการมาวางของบนโต๊ะเกะกะหน้า Lobby แน่นอนฮะ


ด้านหน้าอาคาร A

ก็จะเห็นตัว Lobby ด้านล่าง มีลูกเล่น Double Space ที่มีต้นไม้เทียมสูง 5.5 เมตร เท่ากับว่าห้อง Fitness กับ Co-working Space ที่ชั้น 2 ก็จะมองเห็นยอดของต้นไม้นี้ด้วยเช่นเดียวกันครับ ให้เป็นวิวสีเขียวสบายตาทั้งชั้นบนและชั้นล่าง


Lobby

ตัว Lobby ก็จะมาในโทนสีขาวครีมๆ มีสีส้มตัด และสีเขียวของต้นไม้แทรกอยู่ ให้ดูใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

พื้นที่ส่วนกลางชั้น 2

มีสระว่ายน้ำอยู่ใจกลางโครงการ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ

ชั้นนี้จะมีอาคาร A อาคารเดียวที่มีพื้นที่ส่วนกลางนะครับ อาคาร B กับ อาคาร C จะมีแต่ห้องพักอาศัยล้วนๆ เลย ด้านหน้าก็อย่างที่เห็นว่าจะเป็น Fitness กับ Co-working Space ส่วนตรงกลางจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 36.40 เมตร กว้าง 5.75 เมตร ลึก 1.10 เมตร มี Jacuzzi อยู่ตรงกลาง ริมฝั่งซ้ายจะมี Pool Bed ที่เป็นพื้นที่พักผ่อนด้วย ส่วนฝั่งขวาก็จะมีสระเด็กที่ลึก 0.60 เมตร รอบๆ สระเด็กจะมี Sunken ที่เป็นที่นั่งริมสระ กับส่วนที่เป็น Pool Terrace จะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีสวนแนวตั้งเพิ่มลูกเล่นให้กับกำแพงด้วย

สระจะอยู่ตรงกลาง จะมีอาคาร B กับอาคาร C โอบล้อมเอาไว้ ดังนั้นห้องที่หันหน้ามาด้านในก็จะได้วิวของสระว่ายน้ำด้วยฮะ

แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดอยู่ที่ห้องพักอาศัยของอาคาร A นี่แหละ จากแปลนเพื่อนๆ ก็จะเห็นว่าห้องอยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลย ห้องชั้นนี้เป็นแบบ Pool Access เราสามารถลงไปเล่นน้ำในสระได้จากระเบียงห้องของเราเลย เหมือนมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่หลังบ้านอะไรแบบนี้ กลับจากการทำงานอยากจะลงไปเล่นน้ำตอนไหนก็ทำได้ แต่อาจจะแลกกับความเป็นส่วนตัวที่อาจจะหายไป และเสียงรบกวนที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

ห้องที่เป็น Pool Access จะเป็นไทป์ 1P1 คือ 1 Bedroom ขนาด 34.50 ตารางเมตร แปลนจะเป็นครัวเปิดด้านหน้า มีมุมโต๊ะกินข้าว ถัดไปจะเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดระเบียง ห้องนอนจะอยู่ปีกขวาของห้อง และห้องน้ำจะอยู่ด้านในห้องนอน แต่ก็จะมีอยู่ห้องนึงที่จะแตกต่างจากเพื่อน เป็นไทป์ 1P2 1 Bedroom ขนาด 39 ตารางเมตร Layout เหมือนกัน แต่ขนาดห้องใหญ่กว่า และระเบียงก็เป็นแบบ Pool Access เช่นกัน ห้องตรงนี้เป็นของ Rare ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ครับ


Fitness

ห้องออกกำลังกายก็จะแบ่งเป็นโซน Cardio กับโซน Weight Training เพดานจะสูงประมาณ 2.5 เมตร การตกแต่งก็จะมาในโทนส้มกับเทาอ่อนตาม Theme เลยครับ


Co-working Space

จะอยู่ติดกับ Fitness เลย มีโซนให้นั่งหลายโวน ทั้งแบบโซฟา และแบบโต๊ะยาว ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกบ้านครับ


Swimming Pool

สระว่ายน้ำจะเป็นแบบ Infinity Edge ระบบเกลือยาวขนานไปกับตัวอาคารเลยฮะ มุมที่เป็น Pool Bed ก็จะตกแต่งด้วยหลังคาสีส้มด้วย ส่วนสระเด็กเขาจะมีรั้วต้นไม้กั้นเอาไว้เพื่อความปลอดภัย มองเข้าไปในตัวตึกหน่อยก็จะเห็น Pool Terrace ด้วย เป็นแบบ Semi-outdoor ที่มานั่งได้ตลอดทั้งวัน

มุม Sunken อยู่ติดกับสระเด็กเลย ส่วน Pool Terrace ก็จะมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ มีสวนแนวตั้งด้วย จากรูปก็จะเห็นว่าเขาพยายามใส่ต้นไม้สีเขียวเข้าไปรอบๆ สระ ตามสไตล์ Tropical ฮะ มีความเป็นธรรมชาติแทรกอยู่ท่ามกลางคอนกรีตและสระว่ายน้ำ

มุมนี้จะเห็นชัดเลยว่าระเบียงของแต่ละห้องเป็น Pool Access ที่มีบันไดลงมายังสระว่ายน้ำได้เลย และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ลงเล่นน้ำ แต่เราก็สามารถ Enjoy ไปกับวิวทิวทัศน์รอบๆ ได้จากระเบียงของเรา อาจจะวางเป็นเก้าอี้ มีโต๊ะเล็กๆ เอาไว้วางกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มต่างๆที่ช่วยให้เราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรอบข้างได้

พื้นที่ส่วนกลางชั้น 3

มี Pocket Garden ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งพักผ่อน รับลมชิวๆ ได้

ชั้น 3 นี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางแค่จุดเดียว เป็น Pocket Garden ที่อยู่ชั้นบนสุดของซุ้มทางเข้า เป็นสวนสีเขียวที่มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ และมีต้นไม้ใหญ่รายล้อม เป็นสวนที่จะเชื่อมต่อกับดาดฟ้าชั้น 8 ด้วยบันไดสีส้มที่ทำเป็น Trail Running สามารถใช้ออกกำลังกายในการเดินขึ้นลงบนไดไปใชัดาดฟ้าบนสุดได้ครับ

Pocket Garden

หน้าของสวนก็จะประมาณนี้ครับ เป็นสวนที่ใช้งานได้จริงนะ มาเดินเล่น นั่งพักผ่อน รับลมชมวิวได้

พื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้า

สวนสีเขียวด้านบน จะพักผ่อนก็ได้ หรือมาวิ่งออกกำลังกายก็ดี

อาคาร A ก็ยังคงเป็นอาคารเดียวที่มีสวนชั้นดาดฟ้าครับ จะมีทั้งสวนสีเขียวและ Pavilion ให้เราได้มานั่งเล่นกันด้วย นอกจากนี้ยังมี Jogging Track ยาว 55 เมตร ที่เชื่อมกับ Trail Running ตรงบันไดหนีไฟด้วย

Roof Garden and Pavilion

เขามีที่นั่งแบบขั้นบันไดมาให้ดูมีลูกเล่นเพิ่มมากขึ้นด้วยนะครับ

แปลนอาคารชั้น 4 – 8

แต่ละอาคารแปลนชั้น 4 – 8 การวางตำแหน่งแต่ละชั้นจะเหมือนกัน

มาดูแปลนที่เป็นแบบห้องพักอาศัยล้วนๆ กันบ้างครับ ความพิเศษของอาคาร A เนี่ยค่อนข้างเยอะเลยอย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว แต่ยังไม่หมดฮะ นอกจากจะมีห้องแบบ Pool Access มีความเป็นส่วนตัวเพราะยูนิตน้อยแล้ว ถ้าเพื่อนๆ ลองดูแปลนก็จะเห็นว่าอาคาร A จะเล็กกว่าอาคารอื่นๆ เลย เป็น Single Corridor ที่มีโถงทางเดินแค่ฝั่งเดียว เราจะไม่มีห้องที่อยู่ตรงข้าม เพราะด้วยความที่อาคาร A จะอยู่ใกล้กับอาคารข้างๆ ค่อนข้างมาก ทางโครงการเลยเลือกที่จะทำเป็น Single Corrridor และหันเข้าด้านในเพื่อที่ลูกบ้านจะได้ไม่รู้สึกว่าใกล้ชิดกับอาคารตรงข้ามมากเกินไปฮะ

แบบห้องของอาคาร A

เป็นอาคารที่มีความพิเศษเยอะที่สุด ใกล้ส่วนกลางและเป็นส่วนตัวที่สุด

ตึก A จะเป็นตึกที่ต่างกับตึก B และ C พอสมควรครับ อย่างที่เล่าไปว่าตึกนี้จะเป็น Single Corridor มีห้องพักแค่ฝั่งเดียว ชั้นนึงเลยมีแค่ 10 ห้องเท่านั้น เป็น 1 Bedroom 34.5-39 ตารางเมตรล้วนๆ ยิ่งชั้นสระว่ายน้ำที่เป็น Pool Access จะมีห้องพักแค่ 7 ห้องเท่านั้น ซึ่งความแตกแต่างอีกอย่างคือตึกนี้จะมีเพียงแค่ 7 ชั้นครับ ทำให้ความสูงของเพดานห้องในตึก A จะแตกต่างจากตึกอื่นด้วย โดยห้อง Pool Access จะได้เพดานสูง 2.7 เมตร และชั้นอื่นๆ ของตึก A สูง 2.6 เมตร ส่วนห้องพักตึก B และ C เพดานจะสูง 2.5 เมตรครับ

แล้วก็จากแปลนถ้าเพื่อนๆ ดูใกล้ๆ กับ Lift Lobby จะมีห้องเก็บของหรือ Private Storage ที่ทางศุภาลัยเขาขายเพิ่มให้กับลูกบ้านด้วย เป็นห้องที่ราคาต่อตารางเมตรจะถูกกว่าห้องพักอาศัยปกติฮะ ออกโฉนดเป็นของเราเลย สามารถเก็บของได้จริง แต่อาคาร A จะมีชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น โดยเริ่มจากชั้น 4-7

จริงๆ แล้วห้องเก็บของนี้ทางศุภาลัยก็จะเริ่มใส่มากับโครงการใหม่ๆ อย่างตัว Supalai Parc เอกมัย – พัฒนาการเองก็มีเหมือนกัน ด้วยความที่เดี๋ยวนี้เป็นยุคของการสั่งทุกสิ่งอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ บางทีที่เก็บของในห้องอาจจะไม่พอ ห้องเก็บของตรงนี้ก็จะช่วยเราได้ แถมยังอยู่ชั้นเดียวกันด้วย เดินไปหยิบไปเก็บได้สะดวกฮะ

มาดูแปลนแบบแรกของอาคาร A กันฮะ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าไทป์ 1D1, 1D2 และ 1D3 จะมี Layout ห้องที่เหมือนกันทั้งหมดเลย อาจจะสลับกันแค่ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา และขนาดเท่านั้นที่แตกต่างกัน แต่นอกนั้นเหมือนกันฮะ โดยทั้งสามห้องจะมี Living Area ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า มีโต๊ะกินข้าวอยู่ติดกับทางเข้าประตู มีครัวปิดอยู่ข้างๆ ซึ่งห้องน้ำจะอยู่ในครัวอีกที ห้องนอนจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกนะครับ ซึ่งเป็นบานเลื่อนที่ไม่เห็นตัวห้องนอนของเรานะ จะเห็นเป็น Corner ที่อยู่ติดกับระเบียง ให้อารมณ์เหมือนเป็นห้องอเนกประสงค์ฮะ ต้องเดินเข้ามาหน่อยถึงจะเจอกับห้องนอน ขนาดไม่เล็กเลย มีพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าแบบเต็มผนังฝั่งนึงได้เลย หรือจะแบ่งกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนกับในแปลนก็ได้ แล้วตัวห้องนอนเองก็จะได้หน้าต่างบานใหญ่ด้วย

1 Bedroom
ขนาด 35 ตารางเมตร

1 Bedroom
ขนาด 36.5 ตารางเมตร

1 Bedroom
ขนาด 39 ตารางเมตร

ส่วนไทป์ 1P1 กับ 1P2 จะอยู่ที่ชั้น 2 เท่านั้นครับ ตัวที่เป็น Pool Access คือ 1P1 ห้องนี้จะเป็นห้องแบบครัวเปิด ถ้าเปิดประตูเข้าไปจะเป็นครัวด้านหน้า โต๊ะกินข้าวตรงกลาง และด้านในสุดติดกับระเบียงจะเป็นห้องนั่งเล่น ก็จะได้วิวสระว่ายน้ำทั้งจากในห้องและจากระเบียงเลย ส่วนปีกขวาของห้องจะเป็นห้องนอน และห้องน้ำที่เข้าในห้องนอน และด้วยความที่ห้องนอนแปลนนี้ค่อนข้าวยาว ดังนั้นก็จะมีมุมสำหรับทำ Walk-in Closet ด้วย เป็นห้องที่มีพื้นที่เก็บของเยอะครับ

แล้วก็ไทป์ 1P1 กับ 1P2 จะต่างกันที่ขนาดของห้อง กับตรงที่ระเบียง 1P1 จะมีบันไดลงไปยังสระว่ายน้ำด้วย ส่วนนี้จะคิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนะครับ เขาไม่ได้เอาไปคิดกับขนาดห้องด้วย ในขณะที่ห้อง 1P2 จะมีบันไดลงไปในพื้นที่ของ Pool Bed ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำเช่นกัน

 1 Bedroom
ขนาด 34.5 ตารางเมตร

1 Bedroom
ขนาด 39 ตารางเมตร

แบบห้องอาคาร B และ C

เป็นอาคารที่มีแบบห้องให้เลือกเยอะที่สุด แต่จะเน้นไปที่ 1 Bedroom เป็นหลัก

สำหรับอาคาร B และ C ไทป์และ Layout ของห้องจะมีให้เลือกเยอะกว่าครับ ทั้งห้องแบบ 1 Bedroom Plus แล้วก็ 2 Bedroom ด้วย ถ้าเป็น 2 Bedroom ก็จะอยู่มุมอาคารทั้ง 2 ฝั่งเลย ชั้นนึงมีประมาณ 4 ห้อง ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus ชั้นนึงจะมีแค่ห้องเดียวครับ ทั้งสองอาคารชั้นนึงจะมีทั้งหมด 30 ยูนิตด้วยกัน ส่วน Storage Room หรือห้องเก็บของชั้นนึงจะมีทั้งหมด 2 ห้องครับ ตำแหน่งก็จะอยู่หลังลิฟต์เหมือนกัน โดยเริ่มจากชั้น 3-8


1 Bedroom 25 – 41 ตารางเมตร

ตัว 1 ห้องนอนจะมีให้เลือกหลายไทป์เลยครับ ผมเลือก Layout ที่ไม่ซ้ำกันมาให้เพื่อนๆ ได้ดู ก็จะมี 4 Layout ด้วยกันฮะ อย่างไทป์ 1A1 เป็นไทป์ที่มีค่อนข้างเยอะเลย มีห้องตัวอย่างให้ดูด้วย ห้องนี้เน้นอยู่คนเดียวชิวๆ ครับ เป็นครัวปิด อยู่ด้านหน้าทางเข้า ห้องน้ำเข้าตรงครัว ส่วนโซน Living จะรวมกันทั้งโซนเตียงนอน โซนนั่งเล่น และโซนทำงาน ไม่ต้องทำความสะอาดเยอะ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทุกพื้นที่ในห้องแล้ว

ส่วนไทป์ 1B1 ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาเลยฮะ เป็นไทป์ที่มีห้องตัวอย่างเหมือนกัน ด้วยความที่พื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้น เขาเลยแบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วนได้ลงตัว โซน Living คือกว้างมากๆ มีมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว ได้ครัวปิดติดระเบียงด้วย ห้องน้ำจะอยู่ที่โซน Living ส่วนห้องนอนก็กว้างครับ แบ่งมุมแต่งตัวกับมุมเตียงนอนได้

ต่อไปเป็นไทป์ 1C1 ที่ Layout จะแตกต่างจากห้องก่อนหน้าเล็กน้อยครับ เขาโยกเอามุมกินข้าวไปไว้ติดกับทางเข้าแทน แล้วค่อยเป็นมุมนั่งเล่น ได้ครัวปิดติดระเบียงเหมือนเดิม ห้องนอนกว้างขึ้น มีพื้นที่ทำเป็น Walk-in Closet ด้วย ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ในห้องนอนเลย ก็อาจจะเดินลึกนิดนึง

ไทป์ 1E1 เป็นไทป์ที่ Layout ต่างจากห้องอื่นมากครับ เขาทำเป็น Open Plan ให้เราสามารถออกแบบเองได้ว่าจะจัดสรรห้องยังไง อย่างห้องนี้ถ้าเปิดเข้ามาก็จะเจอครัวก่อน เป็นครัวแบบเปิด จากที่ทางโครงการวางมาให้ดูก็จะเป็นมุมกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งอยู่ติดกับโซฟาไปเลย เวลากินข้าวไปเราก็สามารถดูทีวีไปพร้อมกันได้ หรือเวลาเพื่อนๆ มาที่ห้อง ก็มีพื้นที่เยอะให้ได้เลือกนั่ง จะนั่งที่โซฟาก็ได้ นั่งที่โต๊ะกินข้าวก็ได้ หรือบางทีอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็มานั่งทำงานที่โต๊ะกินข้าวก็ได้ ทั้งห้องเป็นเหมือนมุมอเนกประสงค์ของเราเลย ที่เป็นไฮไลต์ของห้องคือเขามีมุมสำหรับ Walk-in Closet โดยเฉพาะด้วยครับ เป็นห้องแยกออกมาเลย พื้นที่ค่อนข้าวยาว อยู่ติดห้องนอนและห้องน้ำ ห้องน้ำจะเข้าออกได้ 2 ทาง ส่วนห้องนอนก็กว้างขวาง มีพื้นที่สำหรับชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานแบบเหลือๆ เลย


1 Bedroom Plus 40.50 ตารางเมตร

ห้องนี้จะมีไทป์เดียว Layout เดียวให้เลือกครับ แบ่งห้องเป็นสัดส่วนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีห้องอเนกประสงค์ เป็นประตูบานเลื่อนกระจกกั้น เพราะห้องอเนกประสงค์อยู่ติดกับระเบียง แสงจากข้างนอกจะได้ส่องเข้ามาถึงตัว Living Area ได้ ครัวจะอยู่ปีกซ้ายของห้อง สามารถวางชั้นหรือ Built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมเองได้ ห้องน้ำก็จะเข้าจากทางห้องครัว ส่วนห้องนอนขนาดกำลังดี วางเตียง ชั้นวางทีวี ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานได้


2 Bedroom 45.50 – 53 ตารางเมตร

จริงๆ แล้วไทป์ 2A1 กับ 2A2 ไม่ได้ต่างกันเลยครับ สลับซ้ายขวากับขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่านั้นเอง สองไทป์นี้จะมี 1 ห้องน้ำ อยู่ในโซน Living ได้ครัวเปิดอยู่ติดกับทางเข้า สามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้ ห้องนั่งเล่นอยู่ด้านในสุดติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนทั้งสองห้องจะอยู่ฝั่งขวา ห้องนอนเล็กกับห้องนอนใหญ่ขนาดต่างกันเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นห้องมุม ก็ทำให้ทั้งสองห้องมีหน้าต่างเป็นของตัวเอง ได้เห็นแสงธรรมชาติและสามารถมองวิวข้างนอกได้

ส่วนไทป์ 2B1 จะเป็นห้องหน้ากว้าง ได้ 2 ห้องน้ำด้วย ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว จะมีโถงทางเดินจากห้องนอนเชื่อมเข้าสู่โซน Living ด้วย ก็จะทำให้ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ ส่วนโซน Living ก็จะเชื่อมต่อกันทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นครัวเปิดด้านหน้า มุมกินข้าวตรงกลาง หรือมุมนั่งเล่นที่ติดกับระเบียง

1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร

ห้องเหมาะกับการอยู่คนเดียว ได้ครัวปิด วางเครื่องซักผ้าได้ ไม่เกะกะระเบียง

ห้องนี้จะเป็นห้องตอนลึกที่เขาเอาครัวกับห้องน้ำมาไว้ด้านหน้าเลยครับ ครัวจะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเอาไว้ให้ เผื่อเราทำอาหาร กลิ่นจะได้ไม่เข้าไปในห้อง จากที่ทำรีวิวของทางศุภาลัยมา โครงการใหม่ๆ ที่เพิ่งจะเปิดตัว เขาเริ่มทำเคาน์เตอร์ครัวให้วางเครื่องซักผ้าได้แล้วครับ จะเป็นเหมือนกันหมดทุกห้องเลย เราจะได้ไม่ต้องเอาเครื่องซักผ้าไปวางไว้ที่ระเบียง ข้อดีคือระเบียงมีพื้นที่เพิ่ม เราสามารถทำเป็นมุมอื่นๆ ที่ชอบได้ เช่นทำเป็นสวนเล็กๆ ทำมุมจิบกาแฟยามเช้า หรือเป็นมุมชมวิวยามเย็น ส่วนข้อเสียก็คงเป็นการที่ครัวจะเสียพื้นที่เก็บของไปฮะ แต่เวลาซักผ้าเราไม่ต้องออกไปข้างนอกนะ เดินมาซักที่ครัวก็ง่ายไปอีกแบบ

ส่วนโซน Living ก็จะเป็นโซนใหญ่ๆ ที่รวมทุกอย่างเอาไว้ที่เดียวเลย ทั้งมุมนั่งเล่น เตียงนอน มุมแต่งตัว และมุมทำงาน เป็นห้องที่อยู่คนเดียวได้ชิวๆ ไม่ต้องเหนื่อยทำความสะอากหรือจ้างแม่บ้านบ่อยๆ ด้วย

เดินเข้าห้องมาก็จะเจอโซนครัวก่อนเลย ด้านล่างวางเครื่องซักผ้าได้ ส่วนด้านล่างอ่างล้างจานสามารถเก็บของได้ เขาจะมีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันมาให้พร้อมใช้งานเลย ส่วนด้านบนจะเป็นที่วางไมโครเวฟ แล้วก็มีพื้นที่เก็บของอีกนิดหน่อยฮะ

มาถึงโซน Living กันบ้างฮะ ด้วยความที่เป็นห้องตอนลึกพื้นที่ใช้สอยก็เหมือนจะแบ่งออกเป็น 3 ตอนด้วยกัน คือด้านหน้าจะเป็นมุมนั่งเล่น ตรงกลางเป็นเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้า และริมสุดเป็นมุมทำงานกับระเบียง ห้องนี้ฝ้าเพดานจะสูง 2.50 เมตร ขนาดมาตรฐานทั่วไปเลย

มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ วางโต๊ะกาแฟเล็กๆ ได้ เพราะระยะระหว่างชั้นวางทีวีกับโซฟาค่อนข้างเหลือพอสมควรเลย

เตียงวางขนาด 5 ฟุตกำลังดี ไม่ทำให้ห้องดูอึดอัด ยังมีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงได้อีก ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างเขาออกแบบให้เป็นมุมทำงาน ซึ่งจริงๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นมุมอื่นๆ ได้นะ

มุมตู้เสื้อผ้ากับชั้นวางทีวีก็จะติดกันเลย สามารถวางทีวีที่จอใหญ่กว่าในห้องตัวอย่างได้นะครับ พื้นที่ยังเหลือ หรือจริงๆ ถ้าเราไม่ได้ชอบชั้นวางทีวี เดี๋ยวนี้ก็มีทีวีที่มาพร้อมขาติดผนัง หรือมีขาตั้งทีวีขายแยกสวยๆ เยอะเลย ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการที่เก็บของมากน้อยแค่ไหน หรือจะเอาไปเก็บไว้ที่ตู้เสื้อผ้าก็ได้ ขนาดไม่เล็กครับ เก็บเสื้อผ้าและของจุกจิกได้เยอะเลย

1 Bedroom ขนาด 33 ตารางเมตร

โซน Living กว้าง ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัว ได้ครัวปิดติดระเบียง

ต่อไปเพิ่มพื้นที่ห้องให้กว้างขึ้นมาหน่อยฮะ เป็น 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่เป็น 1 ห้องนอนที่ได้ผนังทึบ คนด้านนอกมองมาไม่เห็นห้องนอนเรา มีความเป็นส่วนตัวมากๆ โซน Living ก็กว้าง ได้ครัวปิดติดระเบียงด้วย ห้องนี้อยู่คนเดียวคือสบายมาก แต่ถ้าอยู่ 2 คนก็ไม่อึดอัดเลยครับ

ถ้าเปิดห้องเข้ามาเราจะเจอโซน Living ใหญ่ๆ แบบนี้เลย ก็จะแบ่งด้านหน้าเป็นมุมนั่งเล่น ด้านหลังเป็นมุมกินข้าว ผมว่าห้องนี้ค่อนข้างเหมาะสำหรับคนที่มีของเยอะ ต้องการ Built-in ตู้เก็บของ หรือวางตู้เก็บของเพิ่ม เพราะห้องนี้มีหลายมุมมากๆ ให้เราเพิ่มเฟอร์นิเจอร์เข้าไปได้อีก

มุมนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้สบายๆ หรือจะวางเป็นโซฟา L-shape หรือเพิ่มอาร์มแชร์เข้าไปเพื่อทำให้ห้องดูเก๋ขึ้นก็ยังได้ฮะ

มุมกินข้าวก็จะอยู่ติดกับโซฟาเลย ซึ่งถ้าใครจะดัดแปลงเป็นมุมทำงานก็ได้เหมือนกันนะครับ เอาจริงถ้าอยากได้โต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ผมว่าวางได้นะ ถ้าขยับเก้าอี้มาทางโซฟาอีก ยังมีพื้นที่เหลือให้เขยิบได้ จะได้เข้าห้องครัวไม่ลำบากด้วย แต่ถ้าใครไม่ต้องการโต๊ะกินข้าวใหญ่ๆ แค่ 2 ที่นั่งก็เพียงพอแล้ว

มุมชั้นวางทีวีก็ไม่ได้เล็กนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้ ด้านล่างจะเก็บของหรือเก็บรองเท้าก็ได้ ชั้นบนก็ยังว่าง Built-in ชั้นเพิ่มได้อีก

ส่วนห้องนำ้ที่ได้จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปนะครับ ทุกอย่างที่ได้จะเหมือนกับห้องน้ำของห้องตัวอย่างเลย มีอ่างล้างหน้ามาพร้อมกระจก ชักโครกเป็นแบบธรรมดา มีฉากกั้นอาบน้ำแบบบานเลื่อนกระจกมาให้ มีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งมาให้แล้ว มีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำด้วย แล้วก็พวกก๊อกน้ำ ที่ใส่กระดาษทิชชู่ สายชำระ และฝักบัวจะได้เป็นสีดำทั้งหมดนะ

ตรงชั้นที่อยู่ระหว่างประตูห้องน้ำกับประตูห้องนอน เราสามารถตกแต่งเพิ่มเองได้นะครับว่าจะวางเฟอร์นิเจอร์แบบไหน

ห้องนอนจะอยู่ติดกับหน้าต่างเลย มองเห็นวิวด้านนอกได้ วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะ

โต๊ะเครื่องแป้งค่อนข้างยาว เราเลื่อนเตียงให้ห่างออกไปอีกได้นะครับ จะได้นั่งแต่งหน้าทาครีมแบบสบายๆ หน่อย ส่วนริมฝั่งประตูจะเป็นที่สำหรับตู้เสื้อผ้า ขนาดกำลังดีฮะ ไม่เล็กไม่ใหญ่

ครัวที่ได้ก็เป็นครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง ของที่ได้ทุกอย่างจะเหมือนกันทุกห้องเลย

Spec ห้องที่ได้มีอะไรบ้าง?

ราคาล้านกว่าๆ กับห้องแบบ Fully Fitted

ห้องครัว

ในส่วนของห้องครัว ถ้าเป็นห้องที่ขนาดไม่ถึง 40 ตารางเมตร ก็จะได้เคาน์เตอร์เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ คือด้านล่างเคาน์เตอร์วางเครื่องซักผ้าได้ มีตู้เก็บของมาให้ ชั้นบนก็วางไมโครเวฟกับเก็บของได้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นห้องที่ขนาด 40 ตารางเมตรขึ้นไป เคาน์เตอร์ครัวจะยาวขึ้น มีพื้นที่ทำอาหารมากขึ้น และตู้เก็บของด้านบนก็จะมีเยอะขึ้นด้วย ส่วนผนังชุดครัวก็เป็นกระเบื้องเซรามิก

ที่นี่เขาให้อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele ด้วย เป็นแบบดูดออกครับ


ห้องน้ำ

ห้องน้ำอย่างที่บอกไปว่าเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปครับ ของที่ได้ก็เหมือนกันทุกห้องเลย โดยอุกปกรณ์และสุขภัณฑ์ทั้งหมดเขาจะใช้ของ Hafele ทั้งอ่างล้างหน้า ชักโครก ก๊อกน้ำ สายชำระ ที่แขวนกระดาษทิชชู่ ฝักบัวต่างๆ จะเป็นสีดำทั้งหมดเลยฮะ

ฉากกั้นอาบน้ำจะเป็นแบบบานเลื่อนกระจก มีเครื่องทำน้ำอุ่นของ Stiebel Eltron มาให้ แล้วก็มีชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำด้านในด้วย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว


ระเบียง

ระเบียงขนาดไม่ได้ใหญ่ก็จริง แต่ด้วยความที่เขายกเครื่องซักผ้าไปไว้ในครัวแล้ว คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนด้านข้าง ดังนั้นพื้นที่ระเบียงก็จะเหลือฮะ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆ จะเอาระเบียงไปใช้ทำอะไร


อื่นๆ

สำหรับห้องครัวจะเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกลายหินอ่อน ส่วนห้องโซนอื่นๆ จะเป็นพื้นลามิเนต ส่วนผนังจะติดวอลเปเปอร์สีขาวเทามาให้ รวมไปถึงแอร์ที่จะติดตั้งมาให้ทุกห้องแล้วเหมือนกันครับ ส่วน Digital Door Lock จะได้ของ Hafele ด้วย

ราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 63,000 บาท

คอนโดใกล้ห้างซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ ใกล้สวนหลวงร. 9 และตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ มี Shuttle Service จากโครงการถึงรถไฟฟ้าด้วย

โครงการของศุภาลัยแน่นอนว่าราคาต้องคุ้มค่าตามสไตล์ฮะ อย่างตัว Supalai Sense Srinakarin เองราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.42 ล้านบาทหรือประมาณตารางเมตรละ 57,000 บาท เป็นราคาโปรโมชั่นตอนนี้ฮะ เป็น 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการเลย ราคาของที่นี่เทียบกับคอนโดในย่านเดียวกันก็ถือว่าตัวนี้ทำราคาได้ดีเช่นเคย เฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 63,000 บาท/ตารางเมตร

ราคาห้องแต่ละไทป์ของโครงการ

  • 1 Bedroom
    • 25 – 26 ตารางเมตร : 1.57 – 1.83 ล้านบาท
    • 33 – 34.5 ตารางเมตร : 2.08 – 2.42 ล้านบาท
    • 34.5 – 39 ตารางเมตร : 2.58 – 3.18 ล้านบาท (Tower A)
    • 41 ตารางเมตร : 2.53 – 2.72 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus
    • 40.5 ตารางเมตร : 2.50-2.69 ล้านบาท
  • 2 Bedroom
    • 45.5 – 48 ตารางเมตร : 3.16 – 3.46 ล้านบาท
    • 53 ตารางเมตร : 3.56 – 3.87 ล้านบาท

โดยรายละเอียดราคาและโปรโมชั่นเพิ่มเติมสามารถสอบถามยังฝ่ายขายโครงการได้เลยฮะก็ถือเป็นราคาที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าของห้อง อยู่เองก็ได้ หรือเก็บไว้ลงทุนก็น่าสนใจฮะ

สรุป

ทำเลดี ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ห้างอยู่ตรงหน้า ราคาเข้าถึงง่าย

ต้องบอกว่าศุภาลัยเป็นแบรนด์นึงที่พัฒนา Product ภายใต้ขอจำกัดเรื่องของราคาได้ดีเสมอๆ ครับ เพราะไม่ใช่ว่า Developer ทุกเจ้าจะเก่งกับการทำโครงการในระดับราคานี้ บางเจ้าเกือบเอาชื่อมาทิ้งก็มี ด้วยความที่ Product กลุ่มนี้เน้นราคาขายที่เป็นมิตรอยู่ในช่วงล้านปลายๆ สองล้านต้นๆ ก็เลยจะมีเรื่องของการคุม cost การคุมต้นทุนต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ บางทีไปตัดสิ่งที่ไม่ควรตัดเพื่อให้ทำราคาได้

ซึ่งสำหรับศุภาลัย ค่อนข้างจะเป็นแบรนด์ที่เก่งกับการทำคอนโดตลาดราคาที่เน้นความคุ้มค่ามากเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ไม่ว่าจะไปทำเลไหน ก็มักจะทำราคาได้ดีโดยที่คุณภาพก็ยังโอเค ซึ่งศุภาลัยก็ค่อนข้างมั่นใจตรงนี้ รอบนี้เลยมีการเพิ่มการรับประกันห้องเป็น 3 ปี และประกันโครงสร้าง 10 ปีอีกด้วยครับ 

ถ้าพูดถึงความคุ้มค่า ชื่อของศุภาลัยก็จะติดมาเป็นอันดับต้นๆ ที่คนนึกถึงแน่นอน แต่จุดอ่อนในเมื่อก่อนของศุภาลัยก็ต้องยอมรับว่าคุ้มค่า แต่มันไม่เท่ครับ ส่วนกลางหรือ spec ห้องต่างๆ มันดูเชย มันดูอวดใครไม่ได้ซักเท่าไหร่ ซึ่งในยุคหลัง ทางศุภาลัยก็พยายามปรับ พยายาม Rebrand เราเลยจะเห็นโครงการยุคใหม่ๆ แต่ละที่ของศุภาลัยอัพเกรดเรื่องของงาน Design ขึ้นมาแบบก้าวกระโดดพอสมควร อย่างที่นี่ก็เป็นอีกโครงการนึงที่ดีไซน์ต่างจากยุคก่อนๆ มากกกก

ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านนี้ ที่จะมีทั้งคอนโดจาก Developer เจ้าเล็ก ที่ทำราคาได้ค่อนข้างดีเลย กับ Developer ระดับ Top Tier ที่ก็มาเปิดโครงการที่นี่เช่นกัน ทีมงานก็มองว่าตัว Supalai Sense ศรีนครินทร์จะเป็นโครงการที่ผสมข้อดีของแต่ละด้านเอาไว้ครับ คือมาในราคาที่ดี แต่อาจจะไม่ได้ถึงกับถูกที่สุดในย่าน แต่ได้พื้นที่ส่วนกลาง ได้แบรนด์ ได้เรื่องความน่าเชื่อถือ ในเรื่องความสวยความเท่ ตัวนี้ก็ทำได้ดี แต่อาจจะไม่ได้ชนะเพื่อนบ้านบางเจ้าในย่านนี้ (ในมุมมองของทีมงาน) แต่ก็กลับไปที่เรื่องของราคา ที่ทำออกมาต่างกัน

เลยคิดว่าที่นี่เป็นเหมือนกับการผสมเอาข้อดีแต่ละอย่างที่คนที่มองหาคอนโดในย่านนี้น่าจะต้องการมาเขย่าๆ หาจุดกึ่งกลางทั้งในเรื่อง ทำเล ส่วนกลาง ขนาดห้อง spec ต่างๆ ทำออกมาเป็นโครงการ Supalai Sense ตัวนี้ ในราคาที่ยังน่ารักคุ้มค่าในแบบศุภาลัยเช่นเคยครับ

ซึ่งในแง่ของตัวโครงการ ที่นี่ก็ให้ส่วนกลางมาครบครับ ไม่ว่าจะเป็นห้อง Lobby ที่มีโซนเพดานสูง, สระว่ายน้ำ Infinity Edge ยาว 36 เมตร, ห้องฟิตเนส, ห้อง Co-Working Space พื้นที่สวนทั้งบริเวณชั้น 3 และดาดฟ้าตึก A แต่ละส่วนก็จะมีการแทรกดีเทลการออกแบบ ทำออกมาดูน่าใช้งานครับ โดยตีมของโครงการคือจะเน้นให้ที่นี่เป็นเหมือนที่พักผ่อนให้ทุกวันเป็นวันหยุด อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งถือว่าส่วนกลางที่ทำออกมาก็ดูดีใช้ได้เลย สำหรับคอนโดระดับราคาอยู่ช่วง 5-6 หมื่นบาท/ตารางเมตร และมีขนาดโครงการไม่ใหญ่มากครับ

ความพิเศษของโครงการ Supalai Sense ศรีนครินทร์อีกอย่างคือตึก A จะมีความพรีเมี่ยมกว่าอีก 2 ตึกที่เหลือครับ ในตึกจะเป็นตึกที่มีส่วนกลาง ได้ห้องแบบ Single Corridor ไม่มีห้องตรงข้าม ทั้งชั้นมีแค่ 7-10 ยูนิต แล้วมีแค่ 7 ชั้น ทั้งตึกมีแค่ 57 ห้อง ห้องเพดานสูงขึ้นมาเป็น 2.6 เมตรและ 2.7 เมตร แถมแปลนห้องจะได้หน้ากว้างกว่าปกติ เริ่มต้นที่ 34.5 ตารางเมตร และมีห้องที่เป็นห้องพิเศษสุดๆ 6 ห้องที่เป็น Pool Access ที่ชั้น 2 

ตึก A เลยจะเหมาะกับคนที่มองหาคอนโดที่อัพสเปกขึ้นไปอีก Step นึงโดยที่ราคาก็ยังอยู่ในช่วง 2 ล้านกลางๆ ไม่เกิน 3 ล้านอยู่ครับ แม้จะเป็นห้องใหญ่ที่สุดในตึกอย่างห้อง 39 ตารางเมตร

ส่วนตึก B และ C ก็จะเป็นตึกที่ทำราคาออกมาได้น่ารักขึ้น ส่วนใหญ่มาในห้องแปลนหน้าลึก เริ่มต้น 25 – 53 ตารางเมตร มีห้องใหญ่สุดเป็น 2 Bedroom ที่ตำแหน่งจะเป็นบริเวณมุมของแต่ละอาคาร ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 57,000 บาท/ตารางเมตร ถ้าเฉลี่ยรวมทั้งโครงการก็ประมาณ 63,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งตัวห้องเองก็จะขายแบบ Fully Fitted ได้ในส่วนของชุดครัวที่มีทั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันมาให้ ห้องน้ำเองก็เป็นแบบสำเร็จรูปที่มีของติดตั้งมาให้ครบ มีเครื่องทำน้ำอุ่นและฉากกั้นอาบน้ำด้วย นอกจากนี้ก็จะมีแอร์และ Digital Door Lock ด้วยครับ พื้นที่ส่วนอื่นๆ ในห้องเราสามารถตกแต่งเพิ่มเติมให้เป็นในแบบของตัวเองได้เลย

แล้วที่นี่เหมาะกับใคร?? ด้วยทำเลและระดับราคาคอนโดนนี่ก็จะเน้นกลุ่มคนทำงาน ที่อาจจะทั้งจบใหม่และกลุ่มคนที่มองหาคอนโดซักห้องในราคาที่ไม่สูงเกินไปครับ แน่นอนว่าที่นี่อาจจะไม่ได้ถึงกับอยู่ติดรถไฟฟ้าเลย มีระยะห่างออกมา 700 เมตร ซึ่งก็ถือว่าอาจจะเกินระยะเดินทั่วไป แต่ก็แน่นอนครับว่าถ้าใกล้รถไฟฟ้าหรือไปอยู่ติดถนนศรีนครินทร์ ราคาก็คงไม่ใช่แบบที่เห็นแน่ๆ ดังนั้นที่นี่ในเรื่องของที่ตั้งเลยจะเป็นความเขยิบมานิดนึง แต่ได้ราคาที่ซื้ออยู่ได้จริงสำหรับคนทำงานย่านนี้นั่นเองครับ (ซึ่งเรียกวินไปก็ 10 บาท หรือใช้งาน Shuttle Service เพื่อไปกลับสถานีจากโครงการได้ครับ)

โดยการใช้งานรถไฟฟ้าจะอิงกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่เป็นรถไฟฟ้าสายรอง เน้นเชื่อมต่อย่านรอบนอกของกรุงเทพ โดยการเข้าเมืองจะต้องเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักอย่าง BTS, MRT อีกทีนึง ตัวทำเลโครงการคอนโดย่านนี้เลยจะเน้นกลุ่มคนที่ทำงานอยู่ในย่านละแวกนี้เป็นหลักครับ ทั้งบนถนนศรีนครินทร์, อุดมสุข, บางนา, เฉลิมพระเกียรติ ร.9 และอ่อนนุช ซึ่งเป็นย่านนี่มีออฟฟิศและธุรกิจขนาดเล็กกระจายตัวอยู่เยอะ และสามารถใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เพื่อไปย่านอื่นๆ ได้เช่นสำโรง, บางกะปิ, ลาดพร้าว, รัชดา สำหรับใครที่อาจจะทำงานอยู่ในละแวกใกล้เคียง

ซึ่งข้อดีของที่ตั้งโครงการนี้ ที่เป็นจุดขายเลยคืออยู่ในซอยที่ตรงข้ามกับซีคอนสแควร์ ที่นี่ก็จะมีทั้งคนทำงานในห้าง และเป็นแหล่ง Shopping แหล่งกินเที่ยว แหล่งพบปะ เป็นจุดศูนย์กลางของย่าน ทำให้เป็นย่านที่ค่อนข้างคึกคักทั้งวันธรรมดาและวันหยุดครับ 

ดังนั้นในเรื่องของทำเลถ้าเทียบกับในโซนต่างๆ ของศรีนครินทร์เองที่นี่ก็เป็นโซนนึงที่มีค่อนข้างครบครัน มีห้างใหญ่ มีสวน มีทางเลือกการเดินทางสะดวก เป็นทำเลที่เน้นสำหรับคนทำงานในย่านนี้หรือละแวกใกล้ๆ ได้ทั้งอยู่เองหรือถ้าปล่อยเช่ากลุ่มคนที่มาเช่าก็ค่อนข้างมีภาพชัดเจนว่าจะเป็นใคร โดยที่ต้นทุนราคาห้องก็ยังไม่สูงเกินไปพอให้ทำราคาเช่าที่โอเคได้ แต่ถ้าใครทำงานในเมืองกรุงเทพชั้นในแล้วมองหาคอนโดราคาเบาๆ ที่นี่อาจจะยังไม่ได้ทำมาเน้นตอบโจทย์นั้นครับ


สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านศรีนครินทร์ Supalai Sense ศรีนครินทร์ ก็เป็นอีกโครงการนึงที่น่าสนใจมากๆ ครับ ทั้งราคา ทำเล และรูปแบบตัวโครงการ โดยในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้โครงการเตรียมที่จะเปิด Presales ครั้งแรก ที่สำนักงานขายชั้น 3 ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์ โซนโลตัส มาในราคาเริ่มต้น 1.42 ล้านบาท 


Related posts
รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก Noble Around Ari : คอนโดพร้อมอยู่ใจกลางย่านอารีย์ ติดถนนพหลฯ ใกล้ BTS แค่ 90 เมตร

รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก SHUSH Ratchathewi : คอนโด Loft 2 ชั้นจากแสนสิริ 140 ม. BTS ราชเทวี 1 สถานีถึงสยาม!

รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก Supalai Loft แคราย : คอนโดตึกสูง ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า แต่ราคาเหมือนอยู่ในซอย เริ่ม 1.49 ล้าน

รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : Areeya COMO Botanica II บ้านบรรยากาศธรรมชาติ ใกล้เมกาบางนา เริ่ม 6.99 ล้าน