fbpx
รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : “Supalai Prime Rama 9” ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า มาในราคาน่าร้ากกก

อยากได้คอนโดทำเลในเมือง ถ้ามีงบ 2 ล้านกลาง จะได้ทำเลประมาณไหนนะ?? 🤔 แน่นอนครับ ด้วยราคาที่ดินในปัจจุบัน งบ 2 ล้านกลางๆ หาคอนโดที่ติดรถไฟฟ้าในเมืองยากมากก บางทีก็อาจจะต้องเข้าซอยลึก หรือถ้าไม่เข้าซอยก็อาจจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ไกลออกไป แต่วันนี้เราจะพามารู้จักกับโครงการ “ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9”

ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า spec ดี แต่ราคาเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมหล่ะครับ จะเป็นอย่างไร วันนี้เรามีรีวิวเจาะลึกของที่นี่มาให้อ่านกันครับ


โครงการอยู่ตรงไหน

“ติดถนนพระราม  9 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรฟม. 350 เมตร”

ที่ตั้งของโครงการ ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9 จะตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนพระราม 9 เลยครับ ไม่ต้องเข้าซอย และในอนาคต (ปี 2567) ใกล้ๆ กับโครงการจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้บริการ ระยะเดินแค่ประมาณ 350 เมตรครับ ซึ่งปัจจุบันก็ก่อสร้างคืบหน้าไปมากแล้ว

ก็ถ้าว่ากันตามตรง ที่ตั้งของโครงการจะเป็นการกระเถิบออกมานิดนึงจากแยกพระราม 9 ครับ ซึ่งถ้าเราลองดูราคาคอนโดที่แยกพระราม 9 ในปัจจุบัน ราคามีตั้งแต่ตารางเมตรละ 120,000 ไปจนถึง 200,000 เลยทีเดียว

โครงการนี้เลยจะไม่ได้ไปสู้รบราคากับโครงการต่างๆ บริเวณนั้นตรงๆ แต่จะจับกลุ่มราคาที่เบาลงมาครับ น่าสนใจสำหรับใครที่ยังมองหาคอนโดทำเลในเมือง ยังได้ทำเลพระราม 9 อยู่ (ห่างจากเซ็นทรัลพระราม 9 ประมาณ 2 ก.ม.) แต่มองหาราคาที่หยิบจับได้ง่ายขึ้น ซึ่งราคาของโครงการ ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9 จะอยู่ประมาณ 8-9 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ทำให้ห้องของโครงการนี้ทำราคาเริ่มต้นได้ที่ 2.69 ล้านบาท แล้วก็ยังได้ห้องขนาด 31.5 ตารางเมตรด้วยครับ 

ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นทำเลที่ถัดออกมาจากแยกนิดนึง แต่ทำเลของโครงการนี้ก็จะได้จุดเด่นในเรื่องของตัวโครงการที่ติดถนนใหญ่เลยครับ ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในซอยเล็ก หรือเป็นถนนวันเวย์ และยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งข้อนี้จะเป็นจุดที่แตกต่างจากโครงการอื่นในระดับราคาใกล้กันครับ


พูดถึงพระราม 9 แล้วพระราม 9 น่าสนใจอย่างไร??

ต้องบอกว่าทำเลบริเวณ “แยกพระราม 9” ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ ครับ น่าจะเป็นหนึ่งในย่านที่มีความเจริญเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย จนเป็นทำเลที่หลายๆ คนเรียกว่า New CBD (New Central Business District) ถึงแม้ว่าหลายๆ คนจะแซวว่าเป็น New Condo Building District ด้วยก็ตาม เพราะนอกจากตึกออฟฟิศต่างๆ ที่มาเปิดใหม่ ก็มีคอนโดเปิดใหม่เยอะไม่แพ้กัน 5555

แล้วทำไมทำเลพระราม 9 ถึงมาบูมในช่วงนี้ ต้องย้อนกลับไปดูลักษณะเมืองของกรุงเทพก่อนครับ อย่างที่เราทราบกันว่าย่าน CBD เดิมของกรุงเทพ ก็จะหนีไม่พ้น สีลม สาทร หรือสุขุมวิท ซึ่งทำเลต่างๆ เหล่านี้ราคาพุ่งทะลุไปไกลแล้ว

ซึ่งพอมีการมาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่เป็นรถไฟฟ้าสาย loop line ตัดผ่านทำเลรองต่างๆ อย่างเช่น รัชดา, ลาดพร้าว, พระราม 4 ทำให้ที่ดินในย่านต่างๆ เหล่านี้ได้รับความสนใจขึ้นมามากขึ้นในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา จากการเดินทางที่สะดวกนั่นเองครับ 

อย่างย่านรัชดา-พระราม 9 ถ้าลองดูจริงๆ จะสังเกตได้ว่าขึ้นรถไฟฟ้าแค่ 2 สถานี ก็สามารถไปถึงอโศก ที่เป็นใจกลางเมืองได้แล้ว และนอกจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแล้วยังมีรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้อีก รวมไปถึงบริเวณนี้ก็เป็นจุดที่มีทางด่วนตัดผ่านหลายสาย เมื่อรวมกันทำให้ทำเลพระราม 9 เป็นทำเลที่ใกล้ใจกลางเมืองที่มีตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกครับ

เพราะอย่างนี้ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เลยมีโปรเจคใหญ่ๆ มาเกิดที่แถบนี้เป็นจำนวนมาก จากตัวเลือกการเดินทางเยอะ ใกล้ใจกลางเมือง และยังมีพื้นที่ว่างพร้อมพัฒนาเป็นจำนวนมากในตอนนั้น

จนปัจจุบัน ย่านนี้เป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์มากๆ อีกย่านนึงแล้ว เริ่มจาก Project Mixed-Use ขนาดใหญ่ อย่างโครงการ The Grand Rama 9 ของ G Land ที่มีทั้งอาคารออฟฟิศ, ที่พัก และห้างอย่าง Central พระราม 9 ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มี Super Tower ตามแผน แต่ก็เป็นโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันแล้วเสร็จไปเยอะมากเช่นกัน

รวมไปถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ก็มีมาตั้งในแถบนี้เยอะเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นอาคาร AIA Capital Center, อาคารตลาดหลักทรัพย์, CW Tower หรืออย่างล่าสุดเพิ่งจะมีอาคารออฟฟิศแห่งใหม่ของการทางพิเศษที่ย้ายมาในย่านนี้ด้วย

ส่วนเรื่องของแหล่ง Shopping ก็มีไล่ตามถนนรัชดาไปเลยครับ ตั้งแต่ Central, Fortune Town, Esplanade, The Street, Big C, Home Pro รวมไปถึงตลาดนัดรถไฟ

เกร็ดข้อมูลเพิ่มเติม ทราบหรือไม่ครับว่า MRT พระราม 9 เป็นสถานีที่มีผู้ใช้งานต่อวันมากที่สุดอันดับ 2 ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รองจากสถานีสุขุมวิทเท่านั้นเอง

เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะพอเห็นภาพแล้วแหล่ะ กับความเจริญที่เปลี่ยนไปของย่านนี้ ว่าแต่… 

แล้วพระราม 9 ยังเจริญกว่านี้ได้อีกไหม??

บางคนอาจจะสงสัย แล้วพระราม 9 ต่อไปจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าซื้อโครงการแถบนี้ไปแล้ว หลังจากนี้ก็นิ่งไปเลย คนหันไปสนใจทำเลอื่นแทนนะ ก็ต้องบอกว่ายังครับ ย่านพระราม 9 ยังมีโครงการต่างๆ ในย่านนี้ที่เตรียมจะมาอีก วันนี้เราเลยขอสรุปสั้นๆ ว่าย่านนี้จะมีอะไรตามมาอีกในอนาคต

รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และการพัฒนาที่ดิน

(ภาพโครงการตามแผนเดิม)

หลายคนอาจจะเคยได้ข่าวการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินกันไปแล้ว ซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างสนามบินดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – สนามบินอู่ตะเภา ที่เป็นรถไฟฟ้าแบบความเร็วสูง ซึ่งนอกจากการสร้างรถไฟฟ้าที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นแล้ว ที่ดินบริเวณสถานีมักกะสันที่เป็นแปลงขนาดใหญ่ก็ถูกประมูลเพื่อนำไปใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยด้วยเช่นเดียวกัน ต้องรอดูว่าทาง CP ที่ประมูลโครงการนี้ไปได้ จะเปิดตัวโครงการอะไรบนที่ดินมักกะสันแปลงใหญ่กว่าร้อยไร่แปลงนี้ครับ

G Land

สำหรับโครงการ The Grand Rama 9 เป็นโปรเจค Mixed-Use ขนาดใหญ่ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2010 ปัจจุบันเสร็จไปหลายส่วนแล้วครับ แต่ยังเหลือที่อีกบางแปลงที่รอบการพัฒนา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าจะสร้างตึก Super Tower ที่เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ปัจจุบันโครงการนี้ได้เปลี่ยนเจ้าของมาอยู่ในกลุ่มของ Central เป็นที่เรียบร้อย ด้านตึก Super Tower นี้ก็น่าจะหายไปแล้ว ด้วยความไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ต้องรอดูว่าตรงนี้จะถูกปรับรูปแบบออกมาเป็นอะไรครับ ซึ่งไม่ว่ารูปแบบจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตามก็น่าจะช่วยให้โซนนี้พัฒนาขึ้นไปอีกอยู่ดีครับ

ที่ดินย่านศูนย์วัฒนธรรม 

อย่างที่บอกไปว่าย่านรัชดายังมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ รอการพัฒนาอีกหลายแปลง สำหรับบริเวณสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรมตรงนี้ก็ยังมีที่ว่างขนาดใหญ่อยู่ครับ ซึ่งติดกับสถานี interchange ของสายสีน้ำเงินและส้มเลย ปัจจุบันประกาศขายอยู่ ต้องรอดูว่าใครจะซื้อที่ตรงนี้ไปพัฒนาครับ

โครงการย่านพระราม 4

นอกจากความเจริญจากในตัวพื้นที่ย่านพระราม 9 เองแล้ว ปัจจัยความเจริญจากพื้นที่รอบข้างก็มีผลเช่นเดียวกันครับ อย่างเช่นย่านถนนพระราม 4 ซึ่งอยู่บนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเช่นเดียวกับย่านพระราม 9 และไม่ห่างกันมาก ในย่านนี้จะมีโปรเจค Mixed-Use ขนาดใหญ่มาเปิดโครงการกันหลายแห่งเลยครับ รวมไปถึงกลุ่มตึกศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ใหม่ ทั้งหมดกำลังก่อสร้างในปัจจุบัน อนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าย่านพระราม 4 น่าจะเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรครับ

รถไฟฟ้าสายสีส้ม

อีกหนึ่งโครงการใหญ่ของบริเวณรัชดา-พระราม 9 ต้องบอกว่ารถไฟฟ้าสายสีส้ม จะมาเป็นรถไฟฟ้าสายหลักอีกสายหนึ่งของกทม.เมื่อสร้างเสร็จเลยครับ โดยจะเป็นสายที่นำคนจากทั้ง 2 ฝั่งเมือง เข้าสู่ใจกลางเมืองได้โดยตรง 

โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แค่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ จะวิ่งจากมีนบุรี ผ่านถนนรามคำแหงตลอดทั้งเส้น มาเข้าถนนพระราม 9 ก่อนจะเลี้ยวไปเจอรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่บริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ผ่านหน้าโครงการนั่นเองครับ ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วประมาณ 80% เตรียมเปิดให้บริการในปี 2567

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะเริ่มจากสถานีศูนย์วัฒนธรรม ผ่านบริเวณประชาสงเคราะห์ไปออกดินแดง ก่อนจะเลี้ยวไปทางถนนราชปรารภ และเลี้ยวไปถนนเพชรบุรีผ่านย่านประตูน้ำ ตัดกับ bts สถานีราชเทวี

และต่อไปเรื่อยๆ ผ่านย่านเมืองเก่า สนามหลวง และลอดใต้แม่น้ำบริเวณรพ.ศิริราช ไปสุดที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางขุนนนท์ ความคืบหน้าปัจจุบันกำลังรอเปิดประมูลครับ

จากผังก็จะเห็นว่าค่อนข้างตัดตรงเข้าเมืองมากครับ โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มก็จะมาเป็นรถไฟฟ้าสายหลักในการนำคนเข้าเมืองอีกเส้นครับ รูปแบบของรถไฟฟ้าสายนี้ เกินครึ่งจะเป็นใต้ดินหมดเลย ยกเว้นในส่วนรามคำแหงที่เป็นโซนนอกเมืองออกไป ถึงจะยกระดับขึ้นมาอยู่บนดินครับ

และนอกจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในอนาคต บริเวณถนนทองหล่อ-เลียบด่วนรามอินทรา มีโครงการที่จะทำรถไฟฟ้าสายสีเทา ที่จะนำคนจากบริเวณย่านรามอินทรา/เลียบด่วน เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าชั้นในอย่าง BTS ที่บริเวณสถานีทองหล่อ ถ้าสายนี้สร้าง ก็จะเพิ่มความสะดวกในการเข้าสู่ย่านสุขุมวิท/ทองหล่อได้มากขึ้นเยอะครับ โดยรถไฟฟ้าสายสีเทามีแผนจะตัดกับรถไฟฟ้าสายสีส้มที่บริเวณสถานีวัดพระราม 9 ที่ห่างจากโครงการ ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9 ไป 1 กิโลเมตรครับ (แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าสายนี้ความคืบหน้ายังไม่ค่อยชัดเจนซักเท่าไหร่)


การเดินทางจากโครงการ

พูดถึงทำเล และอนาคตของย่านพระราม 9 กันไปพอสมควรแล้ว กลับเข้ามาที่ตัวโครงการกันบ้างครับ ในเรื่องของการเดินทางที่นี่ก็ต้องบอกว่ามีให้เลือกหลากหลายประเภทครับ เริ่มจากอย่างแรกที่เด่นๆ เลยคือรถไฟฟ้า

แผนที่แสดงจุดสถานที่สำคัญต่างๆ รอบข้างโครงการ

รถไฟฟ้า

อย่างที่เกริ่นไป ปัจจุบัน สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรฟม. อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 350 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะเดินได้อยู่ จากสถานีนี้ นั่งไป 1 สถานีก็จะถึงกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมที่เป็นสถานี Interchange ขนาดใหญ่ สามารถเปลี่ยนรถไปสายสีน้ำเงินได้ ซึ่งสายนี้จะเปิดให้ใช้งานในปี 2567 ครับ

ส่วนสายที่สามารถใช้งานได้เลยในปัจจุบัน จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีพระราม 9 ครับ อยู่ห่างจากโครงการไประยะประมาณ 2 กิโล อาจจะต้องต่อรถนิดนึง แต่ก็จะมีรถเมล์ผ่านอยู่ หรือถ้าเรียกแท๊กซี่จากหน้าเซ็นทรัล มิเตอร์กระดิกนิดนึงก็ถึงโครงการครับ

นอกจากนั้นที่นี่ยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า Airport Rail Link อีกด้วยครับ โดยจะห่างจาก ARL สถานีรามคำแหงประมาณ 3.2 กิโลเมตร สามารถขึ้นเพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือไปต่อรถไฟฟ้า BTS สถานีพญาไทได้


รถยนต์ส่วนตัว

สำหรับใครที่มีรถ ทำเลของที่นี่ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกครับ ด้วยความที่ใกล้ทั้งโซนรัชดาพระราม 9 และก็สามารถไปย่านสุขุมวิทอย่างเอกมัย/ทองหล่อได้สะดวกเช่นเดียวกัน จากโครงการ เลี้ยวไฟแดงแยกเดียวตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอกมัยเลย

ซึ่งถนนพระราม 9 ในช่วงเย็นวันธรรมดาแถบนี้อาจจะรถหนาแน่นซักเล็กน้อย นอกจากถนนเส้นหลักแล้ว ที่ด้านข้างของโครงการจะมีซอยย่อย อย่างพระราม 9 ซอย 13 และ 17 ที่สามารถทะลุหลังอู่รถไฟฟ้า ไปออกถนนประชาอุทิศ/เทียมร่วมมิตรได้ ตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลัดไปออกรัชดา/เลียบด่วนตอนรถติดได้ครับ


ทางด่วน

นอกจากการเดินทางด้วยถนนปกติแล้ว ที่หน้าโครงการเองก็มีทางด่วนด้วยเช่นกัน มีให้เลือกใช้งานทั้งทางด่วนศรีรัชที่เป็นทางด่วนหลักในเมือง โดยจุดขึ้นสำหรับเข้าเมืองจะมีสองจุดคือบริเวณถนนพระราม 9 ขาเข้า ห่างโครงการไป 2.1 ก.ม. (รวมกลับรถ) กับอีกจุดคือบริเวณถนนจตุรทิศ ระยะ 4.2 ก.ม. (รวมกลับรถ) ซึ่งอยากจะแนะนำทางขึ้นเป็นจุดนี้เพราะจะไม่ต้องเสียค่าด่าน 2 ต่อ ที่ต้องจ่ายเพิ่ม 25 บาทครับ

หรือสายออกนอกเมืองไปย่านรามอินทรา-วงแหวนก็สามารถไปขึ้นทางด่วนฉลองรัช โดยจุดขึ้นจะอยู่ห่างออกไป 1.7 กิโลเมตร ค่าทางด่วน 30 บาทสามารถวิ่งไปถึงวัชรพล/สุขาภิบาล 5/วงแหวนตะวันออกได้เลย แต่ทางด่วนฉลองรัชฝั่งไปบางนาจะไม่มีทางขึ้นจากด้านนี้ครับ

นอกจากนี้ถนนพระราม 9 ยังตัดตรงไปเชื่อมต่อกับถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 สามารถไปสนามบินสุวรรณภูมิหรือไปต่อถึงชลบุรี/พัทยา/ระยองได้เลย


การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ

สำหรับตัวโครงการเอง ด้วยความที่อยู่ติดถนนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นรถแท๊กซี่ก็จะมีผ่านเรื่อยๆ ครับ แต่ต้องบอกว่าถนนจุดที่โครงการตั้งอยู่ จะเป็นจุดที่ถนนเป็นเส้นคู่ขนานนะครับ

ในส่วนของวินมอเตอร์ไซค์ เท่าที่ทีมงานสังเกตมา ก็จะมีพี่ๆ วินมาจอดรอบ้างเช่นเดียวกัน เพราะตัวโครงการศุภาลัย prime พระราม 9 เค้าไม่ได้ตั้งอยู่เดี่ยวๆ แต่ด้านหลังจะเป็นโครงการศุภาลัย Veranda พระราม 9 ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ประมาณ 1400 ยูนิต ที่มาเปิดอยู่ก่อน แน่นอนว่าต้องมีคนต้องการพี่วินแน่ๆ เลยมีพี่วินมาจอดรอครับ 

ในด้านรถเมล์ ถนนพระราม 9 ขาออก เดินไประยะไม่ถึง 100 เมตรก็จะมีป้ายรถเมล์แล้วครับ สามารถขึ้นรถเมล์มาลงที่ป้ายนี้ได้ มีผ่านหลายสายอย่างเช่น R26E, 517, 171, 168, 137 ครับ แต่ถ้าจะข้ามไปฝั่งตรงข้าม สะพานลอยจะอยู่ไกลออกไปนิดนึงครับ แต่ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จก็จะสามารถใช้สถานีเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้สะดวกอีกทางนึงครับ


รูปแบบโครงการ

สำหรับโครงการนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Lowrise จำนวน 8 ชั้น 2 อาคารครับ ขนาดโครงการไม่ใหญ่มาก มีห้องพักอาศัยประมาณ 200 กว่าห้องเท่านั้นเอง ตัวโครงการของที่นี่เลยออกแบบมาให้รู้สึกเงียบ สงบ มีความ private เป็นอารมณ์กึ่งๆ รีสอร์ทกลางเมืองครับ ตีมดีไซน์ของที่นี่จะมาในคอนเซปต์ Rhythm of nature สึตึกแนว earth tone ดูอบอุ่น แซมด้วยสีทองเบาๆ

ซึ่งตัวโครงการนี้ จะเป็นโครงการที่ 2 ที่ทางศุภาลัยมาเปิดในย่านนี้ครับ หลังจากที่ทางศุภาลัยได้เปิดโครงการศุภาลัยเวอเรนด้า ที่เป็นอาคารสูงอยู่ด้านหลังไปก่อนแล้ว ข้อดีก็คือลูกบ้านในโครงการนี้สามารถเดินไปใช้บริการร้านค้าอย่าง 7-11 หรือร้านซักรีด ที่อยู่ในโครงการศุภาลัยเวอเรนด้าได้ครับ

สำหรับแบรนด์ Supalai Prime จะเป็นแบรนด์ใหม่ของทางศุภาลัยครับ ที่นี่ spec ต่างๆ ภายในโครงการจะถูกอัพเกรดขึ้นมาพอสมควร เดี๋ยวดูรีวิวไปเรื่อยๆ น่าจะพอเห็นภาพฮะ

ข้อมูลโครงการ

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ :Supalai Prime พระราม 9
เนื้อที่โครงการ :2-1-50 ไร่
รูปแบบโครงการ :อาคาร Low rise 8 ชั้น 2 อาคาร
จำนวนห้องพัก :217 UNITS
Developer :บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
จำนวนที่จอดรถ :53% รวมจอดซ้อนคัน
สถานะโครงการ :สร้างเสร็จพร้อมอยู่
Facility :– Lobby แยกอาคาร
– Fitness
– สวนที่ชั้นดาดฟ้าทั้ง 2 อาคารและสนามเด็กเล่น
วามปลอดภัย :– ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยคีย์การ์ด, สแกนนิ้ว และสแกนหน้า
– ลิฟต์ล๊อกชั้น
– กล้องวงจรปิด 24 ชม.
– รปภ. 24 ชม.
– ที่จอดรถระบบ easy pass
แบบห้อง :1 Bedroom 31.5 – 38 ตร.ม.
1 Bedroom Plus 40.5 – 46 ตร.ม.
2 Bedroom 48.5 – 67.5 ตร.ม.
ราคา :เริ่มต้น 2.69 ล้านบาท


ส่วนกลาง

ด้วยความที่โครงการนี้ พื้นที่แค่ประมาณ 2 ไร่ มีจำนวนห้องอยู่แค่ 217 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการที่ยูนิตค่อนข้างน้อยมากเลยครับ ดังนั้นส่วนกลางต่างๆ ของที่นี่อาจจะไม่ได้มีเยอะมากแบบสไตล์คอนโดใหญ่ที่มียูนิตเยอะๆ 

แต่ที่นี่จะเน้นความสงบ เป็นส่วนตัวแทน อารมณ์เหมือนเป็นบ้านที่กลับมาแล้วตัดความวุ่นวายจากภายนอก ซึ่งต้องบอกว่าส่วนกลางของที่นี่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าแต่ละจุดเค้าก็ใส่ใจในงานออกแบบ ทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ เดี๋ยวเราไปไล่ดูทีละส่วนกัน

ด้านนอก

เริ่มจากหน้าโครงการจะเป็นป้อมรปภ.ครับ ที่นี่จะใช้ระบบ easy pass ไม่ต้องแตะบัตร

สำหรับชั้น 1 ชั้นนี้จะไม่มีพื้นที่พักอาศัยครับ จะจัดออกมาเป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด รวมถึงเป็นพื้นที่ Lobby ของแต่ละอาคาร ที่จอดรถก็ทำออกมาสวยเหมือนกันครับ จำนวนที่จอดรถของที่นี่จะอยู่ที่ 49% ไม่รวมจอดซ้อนคัน หรือถ้าจอดซ้อนคันด้วยก็จะได้ประมาณ 53% ครับ ก็ถือว่าให้มาเกินมาตรฐาน

Lobby

ในด้านของ Lobby จะแยกกันสำหรับตึก A และตึก B แต่ดีไซน์การออกแบบจะคล้ายกันเลยครับ สำหรับ Lobby ที่นี่ทำเอาลืมภาพศุภาลัยแบบเมื่อก่อนไปเลย กับการตกแต่งที่ค่อนข้างดูดี มาในโทนเข้มขรึม มีลูกเส่นเป็นหินต่อลายขนาดใหญ่ 

โดยใน Lobby แต่ละอาคาร จะมีลิฟต์ใช้งาน อาคารละ 2 ตัวครับ เรียกได้ว่าเหลือๆ เลยสำหรับแต่ละตึกที่มีประมาณ 100 unit 

อีกหนึ่งความแปลกของที่นี่คือ Mailbox ของที่นี่จะไม่ได้รวมกันเป็นห้องเดียวอยู่ที่ Lobby นะครับ แต่จะย้ายมาไว้ที่แต่ละชั้นเลย สะดวกสำหรับลูกบ้านมากขึ้น


สระว่ายน้ำ

ถัดมาตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ที่ชั้น 1 บริเวณนี้จะถูกจัดออกมาเป็นฟิตเนสและสระว่ายน้ำครับ บริเวณนี้จะดีไซน์ออกมาให้เป็นส่วนตัวพอสมควรด้วยการวางต้นไม้และรั้ว เพื่อบังสายตาจากโซนที่จอดรถ

ต้นไม้ในโซนสระว่ายน้ำมีทั้งต้นไม้ขนาดเล็กเพื่อบังสายตาจากที่จอดรถ และต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งจัดออกมาค่อนข้างเยอะพอตัวเลย ให้อารมณ์เหมือนอยู่รีสอร์ทสงบๆ เลยครับ ซึ่งนอกจากจะมาว่ายน้ำ ก็สามารถมานั่งพักผ่อนริมสระได้เช่นเดียวกัน


ฟิตเนส

ขนาดของฟิตเนสจัดออกมาถือว่าโอเคเลยครับ เทียบกับขนาดโครงการที่ไม่ใหญ่มาก มีเครื่องออกกำลังต่างๆ หลายชิ้น ไม่ว่าจะคาดิโอหรือบอดี้เวท และเช่นเดียวกับใน Lobby คือในส่วนของฟิตเนสตรงนี้ก็ตกแต่งออกมาดีอีกเช่นเดียวกัน

การใช้งานฟิตเนสห้องนี้จะเป็นกระจกใส 3 ด้าน ค่อนข้างโปร่ง แต่เนื่องจากฟิตเนสอยู่ระหว่างอาคารพักอาศัย 2 อาคาร ทำให้จุดนี้แดดจะไม่ค่อยได้ส่องเข้ามาทั้งวัน ทำให้ฟิตเนสที่นี่สามารถเปิดรับวิวสระได้ตลอดเวลา ไม่ต้องปิดม่านครับ

ส่วนด้านหลังของฟิตเนสจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง และมีบริการ Smart Locker แบบปลดล๊อกด้วยริสแบนด์


สวนดาดฟ้า

อีกหนึ่งจุดพักผ่อนของโครงการคือดาดฟ้าของทั้ง 2 อาคารจะจัดเป็นพื้นที่สีเขียวด้วยเช่นเดียวกันครับ ตรงนี้จะมีทั้งพื้นที่สำหรับมาพักผ่อน และที่สำหรับเด็กเล่น ตอนกลางวันอาจจะร้อนนึดนึง แต่พอเย็นๆ แล้วบรรยากาศค่อนข้างดีเลยครับ วิวโล่งๆ เห็นตัวเมือง

อ่อ การขึ้นมาชั้นนี้ จะขึ้นมาผ่านบันไดหนีไฟจากชั้น 8 นะครับ


แปลนอาคาร

 มาดูผังโครงการกันบ้างครับ ตัวโครงการจะหันไปทางทิศใต้ แต่ทิศห้องในโครงการจะมีให้เลือกทุกทิศเลย ด้านหน้าของโครงการทางทิศใต้จะติดกับถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นช่วงที่มีสะพานข้ามจากถนนจตุรทิศ ซึ่งก็ไม่ได้ถึงกับติดกันมากนะ มีระยะถอยร่นออกมาพอตัว แต่ใครที่ห่วงเรื่องเสียงจากถนนก็อาจจะมีบ้าง

ด้านทิศตะวันออกของโครงการ จะเป็นโครงการ Mixed-Use เพื่อนบ้านที่กำลังสร้างอยู่ครับ 

ส่วนทิศตะวันตก จะติดกับถนนทางเข้าโครงการ Supalai Veranda ทำให้ด้านนี้แน่นอนว่าจะไม่มีอะไรมาสร้างระยะประชิดในอนาคตได้ครับ แต่ถัดออกไปก็จะเป็นที่โล่งขนาดใหญ่ ส่วนนี้ก็ต้องรอดูว่าจะถูกพัฒนาเป็นอะไรในอนาคตครับ วิวทิศนี้จะเห็นเมืองฝั่งพระราม 9 ด้วย

ด้านหลังทางทิศเหนือ (ด้านหลังของโครงการ) จะเป็นโครงการ Supalai Veranda ที่สร้างเสร็จมาก่อนนั่นเองครับ ระยะตึกก็ไม่ถึงกับใกล้กันมาก มีเว้นระยะกันประมาณนึงครับ

ผังของแต่ละชั้นในโครงการจะจัดออกมาแบบไม่แน่นมากครับ จำนวนห้องพักต่อชั้นจะอยู่ที่ประมาณ 15-16 ห้องต่อชั้นเท่านั้นเอง และเกือบครึ่งนึงของแต่จะชั้นจะจัดออกมาเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนครับ ซึ่งห้องที่หันรับวิวสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลาง จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนทั้งหมดครับ แต่ก็จะแอบมีห้อง 1 Bedroom บางตำแหน่งบนตึก B ที่เป็นวิวส่วนกลางด้านในด้วยเช่นกัน วิวนี้ก็จะดูร่มรื่นเป็นพิเศษ


รูปแบบห้อง

มาดูแบบห้องที่มีให้เลือกของที่นี่กันบ้างครับ ต้องบอกว่าถึงจำนวน unit จะมีแค่นี้ แต่แบบห้องมีเยอะมากกกก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 Type หลักๆ ได้แก่ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ครับ แต่ละ Type ก็จะมีขนาดให้เลือกอีกว่าต้องการไซส์ไหน

1 Bedroom :​

แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบรนด์ศุภาลัย ที่นี่ต่อให้ห้องเล็กสุดยังไงก็ยังใหญ่อยู่ดีตามสไตล์ กับห้องไซส์เริ่มต้นที่ 31.5 ตารางเมตร ไปจนถึง 38 ตารางเมตรครับ ก็ถือว่าเป็นไซส์ที่ใช้ชีวิตจริงได้ค่อนข้างสบายครับ ไม่อึดอัดเลย ซึ่งเมื่อคูณราคาต่อตารางเมตรเข้าไปแล้ว ห้องไซส์นี้ก็จะอยู่ในระดับราคา 2 ล้านกลาง ถึง 3 ล้านต้นๆ ครับ 

รูปแบบห้องส่วนใหญ่จะเป็น 1 ห้องนอน มีกระจกกั้นแบ่งห้องให้


1 Bedroom Plus :

สำหรับ 1 Bedroom Plus ของที่นี่จะมีขนาด 40.5 – 46 ตารางเมตรเลยทีเดียว ซึ่งบางที่อาจจะทำห้องไซส์นี้เป็น 2 Bed ไปแล้ว ห้องนี้จะเป็นห้องมุม unit plan ค่อนข้างสวยเลยครับ ได้ห้องนอนปิดเป็นส่วนตัว ครัวเป็นสัดส่วน กั้นเป็นครัวปิดในอนาคตเองได้ และห้อง plus ที่มีหน้าต่างรับแสงของตัวเองด้วยเช่นกัน สำหรับห้อง Type นี้ ราคาจะอยู่ประมาณ 3 ล้านกลางๆ – 4 ล้านบาทครับ


2 Bedroom :

มาถึงห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการ กับห้องแบบ 2 ห้องนอน ห้อง Type นี้จะเริ่มต้นที่ขนาด 48.5 ตารางเมตร ไปจนถึง 67.5 ตารางเมตรครับ มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องน้ำ และ 2 ห้องน้ำ ที่มีห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ระดับราคาของห้อง Type นี้จะเริ่มต้นที่ 4.1 ล้าน ไปจนถึง 6 ล้าน แล้วแต่ว่าเป็นห้องตำแหน่งไหน ตึกอะไร และขนาดเท่าไหร่ครับ

.


ห้องตัวอย่างของโครงการ

1 Bedroom 33 ตร.ม. :

เริ่มกันที่ห้อง Type แรก เป็นกึ่งๆ แบบห้อง Studio ครับ สำหรับห้องของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted นะครับ คือเป็นห้องเปล่า แต่ก็จะมีบางอย่างที่โครงการแถมให้เช่นชุดครัว แอร์ หรือฉากกั้นห้องต่างๆ  เปิดเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่น และห้องนอน ส่วนด้านข้างจะเป็นพื้นที่ห้องครัวแบบครัวปิดที่เชื่อมกับระเบียง และมีส่วนของห้องน้ำ

ด้วยความที่ห้องนี้มีพื้นที่ 33 ตารางเมตร และห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกัน ทำให้ห้องค่อนข้างดูกว้างเป็นพิเศษเลยครับ สามารถจัด หรือขยับเฟอร์นิเจอร์ได้หลายรูปแบบ เนื่องจากมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะพอสมควร โซฟาสามารถวางเป็น 3 ที่นั่งได้ หรือใครจะวางเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 คนก็ได้เช่นกัน

ฉากกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นบานสไตล์ขนาดใหญ่ ตรงนี้โครงการทำมาให้เลยครับ ด้านห้องนอนก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางที่นอนได้ทั้ง 5 และ 6 ฟุต 

ที่บริเวณปลายเตียง จะเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งครับ ระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นโครงการจะแยกแอร์กัน ห้องนอนจะมีหน้าต่างขนาดใหญ่ รับแสงเข้ามาในห้อง

ถัดมาที่ห้องครัว จุดนี่ทางโครงการจะทำออกมาเป็นประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกัน สำหรับห้องนี่จะได้ครัวปิดครับ จากพื้นในห้องที่เป็นลามิเนต ในห้องครัวจะเปลี่ยนมาเป็นแกรนิโต้แทน ขนาดห้องครัวพอประมาณ ไม่เล็กไม่ใหญ่

ด้วยความที่ห้องนี้ครัวอยู่ติดระเบียง การระบายกลิ่นเวลาทำครัวของห้องแปลนนี้เลยจะทำได้ค่อนข้างดีครับ ที่จะเบียงจะมีคอมแอร์ 2 ตัว และด้านล่างจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า มีการเดินปลั๊กพร้อมท่อน้ำเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะเป็นห้องน้ำครับ แต่เนื่อจากห้องน้ำที่นี่จะคล้ายกัน เดี๋ยวเราขอพาไปดูห้องน้ำทีเดียวที่ด้านล่างนะครับ


 2 Bedroom 50 ตร.ม. :

ห้องนี้จะเป็นห้องมุมครับ เปิดเข้ามาจะกับครัวและส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน และอีกปีกนึงของห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนอน

ห้องครัวของห้อง Type นี้ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นครับ ถึงชุดครัวจะขนาดเท่าเดิม แต่จะมีพื้นที่สองฝั่ง เราสามารถบิ้วด์ชั้นเพิ่มเติมที่ฝั่งด้านหลังชุดครัวได้ ในห้องนี้เครื่องซักผ้าจะถูกย้ายเข้ามาวางไว้บริเวณห้องครัวแล้ว

ถัดมาที่บริเวณห้องนั่งเล่น ส่วนนี้ขนาดก็ใหญ่พอสมควรครับ แต่อาจจะต้องแบ่งพื้นที่ใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารด้วย ชุดชั้นวางทีวีเลยอาจจะไม่ได้ใหญ่มากนักครับ

ด้านระเบียงก็จะได้พื้นที่ที่กว้างขึ้นกว่าเดิมชัดเจน สามารถจัดสวน หรือเอาเก้าอี้มาวางนั่งเล่นตอนเย็นได้ เนื่องจากระเบียงห้อง type นี้มีพื้นที่เยอะขึ้น คอมแอร์ของห้อง type นี้จะถูกหันออกไปทางข้างนอกแล้วเรียบร้อย

มาดูห้องนอนหลักกันบ้างครับ ห้องนี้ต้องบอกว่าพื้นที่เหลือๆ เลย สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่พอจะปูเสื่อโยคะเล่นบนพื้นได้อีกมี่ข้างเตียง

ห้องนี้จะอยู่บริเวณมุมตึกพอดีครับ เลยทำให้ได้หน้าต่างมา 2 ด้านเลย ปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวี และโต๊ะแต่งหน้าได้

ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กครับ ขนาดไม่ใหญ่มาก วางเตียงแบบ 3.5 ฟุตกำลังพอดี เหลือพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้า โต๊ะหัวเตียง และโต๊ะอ่านหนังสือได้ หรือถ้าใครอยู่กัน 1-2 คน ก็สามารถปรับห้องนี้ไปเป็นสำหรับนั่งทำงานหรืออื่นๆ ได้ครับ


Spec ห้องดี ในราคาที่จับต้องได้

อย่างที่บอกไปว่า Supalai Prime ที่นี่ spec ต่างๆ จะถูกอัพเกรดขึ้นมาครับ อย่างหน้าต่างของห้องพักทุกห้อง จะได้เป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ สูงเกือบพื้นถึงฝ้า ช่วยให้ห้องดูโปร่ง สามารถรับแสงได้ดี หรืออย่างประตูของห้องต่างๆ เช่นห้องนอน ห้องน้ำ ก็จะมีการซ้อนวงกบไว้ให้ดูสวยงามมากขึ้น และให้ชุดลูกบิดที่ค่อนข้างจะดูดี ส่วนประตูเข้าห้องจะมี digital door lock มาให้ด้วยเลย

ด้านแอร์ของโครงการจะให้เป็นแบบ inverter ทั้งหมดครับ มี 2 เครื่องสำหรับห้องแบบ 1 Bedroom และ 3 เครื่องสำหรับห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งสำหรับห้องที่ Compressor แอร์หันเข้าระเบียง ทางโครงการจะมีการติด Grill เปลี่ยนทิศทาง ระบายลมร้อนออกไปนอกระเบียงให้เลย

ส่วนระยะพื้นถึงฝ้าของที่นี่จะอยู่ที่ 2.5 เมตร ถ้าห้องไหนที่มีฉากกระจกกั้นห้อง ก็จะได้ฉากแบบกระจกเต็มบานพื้นถึงฝ้า ที่แบ่งสไลด์ได้เป็น 3 ตอนครับ


ชุดครัว

ชุดครัวที่แถมมาให้จะเป็นชุดครัวของ Modernform ครับ บานประตูต่างๆ จะเป็นแบบ soft close ส่วนวัสดุหน้าบานจะเป็น hi gross โทนสว่าง ผสมกับลายไม้

ในชุดครัวจะมีอ่างล้างจานแบบฝัง 1 จุดของ FRANKE รวมไปถึงทำพื้นที่ไว้สำหรับวางเตาไมโครเวฟ, วางเตาไฟฟ้า, และเตรียมท่อสำหรับเครื่องดูดควันไว้ปล่อยออกนอกห้องเรียบร้อยครับ ตรงนี้โครงการจะไม่ได้ให้เตากับเครื่องดูดควันมาให้นะครับ แต่ถ้าใครต้องการ ก็สามารถซื้อมาติดได้ โครงการทำท่อต่างๆ รอไว้ให้แล้ว


ห้องน้ำ

ห้องน้ำของที่นี่ก็จัดมาให้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน เริ่มจากชุดเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบบิวด์อิน พร้อมชั้นวางของ ตรงนี้ทางโครงการจะติดตั้งกระจกขนาดใหญ่มาให้เลยครับ ส่วนชุดสุขภัณฑ์ต่างๆ จะเป็นของ Cotto

จุดที่จะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยในคอนโดระดับราคานี้คือที่นี่ให้เครื่องทำน้ำร้อน ติดตั้งอยู่ใต้อ่างล้างมือครับ ทีให้ทั้งก๊อกอ่างล้างมือ และ shower จะเป็นก๊อกน้ำแบบผสมทั้งหมด ช่วยให้ห้องน้ำดูเรียบร้อย ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเกะกะในห้องอาบน้ำครับ

บริเวณส่วนเปียก โครงการจะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยบานเปลือยมาให้เลย ความแปลกคือที่นี่จะดีไซน์รางระบายน้ำไว้ที่ใต้ประตูของฉากกั้นครับ ทำให้ส่วนเปียกของที่นี่ ไม่มี step ที่ต้องเดิมข้าม ช่วยเพิ่มความปลอดภัย กันสะดุดล้ม

วัสดุในห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องทั้งหมด และติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้เรียบร้อยครับ


จุดสังเกตอื่นๆ 

ตรงนี้ใส่เข้ามาเพิ่มเป็นจุดเล็กๆ ที่ทีมงานสังเกตตอนเข้าไปชมโครงการครับ คือนอกจากวัสดุและการเก็บรายละเอียดภายในห้องที่ค่อนข้างโอเคแล้ว บริเวณของส่วนกลางก็มีการเก็บ detail ส่วนต่างๆ เช่นเดียวกัน อย่างเช่นห้องของที่นี่จะมีธรณียกขึ้นมากันฝุ่นจากข้างนอกเข้าห้อง, มีการเดินท่อระบายน้ำในโถงทางเดินข้างนอก กันน้ำท่วมแล้วไหลย้อนไปเข้าห้องพักอาศัย, โถงลิฟต์ที่มีการตกแต่ง, หลังคาฟิตเนสที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นจุดหลักที่คนส่วนใหญ่เห็น แต่ก็มีการปูหญ้าเทียม ให้พื้นที่สีเขียวดูกลมกลืนเมื่อมองลงมาจากห้อง, หรือแม้แต่บริเวณที่จอดรถก็มีการตกแต่งปูพื้น ทำฝ้า และจัดไฟออกมาดูดีทีเดียวครับ

เมื่อรวมกับการตกแต่งของส่วนกลางที่ค่อนข้างดูดี ทีมเลยอยากแอบเพิ่มคะแนนความใส่ใจตรงนี้ให้ฮะ