สวัสดีครับ วันนี้ LivingPop จะเพื่อนๆ มาดูโครงการคอนโดใหม่ล่าสุดของศุภาลัย กับโครงการ “Supalai Loft Ratchada – Wongsawang” ที่ตั้งอยู่บนถนนรัชดา ใกล้กับ MRT วงศ์สว่างครับ
ซึ่งที่นี่ต้องบอกว่าทำราคาออกมาดีมากๆ ตามสไตล์ศุภาลัย กับราคาเริ่มต้นกระชากใจที่ 1.7 ล้านสำหรับห้อง 28 ตร.ม. หรือตก 5-6 หมื่นบาทต่อตารางเมตรเท่านั้นเอง แถมส่วนกลางก็มาเต็ม ยกทุกอย่างทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องพักผ่อนขึ้นไปไว้บนชั้นดาดฟ้าหมด
น่าจะถูกใจสำหรับใครที่เริ่มๆ มองหาที่อยู่เป็นของตัวเองทำเลใกล้ๆ เมืองในงบ 2-3 ล้านบาท ที่นี่จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวรีวิวเจาะลึกวันนี้ จะพามารู้จักกับโครงการนี้กันครับ


ถนนรัชดา : ถนนวงแหวนรอบที่หนึ่งของกรุงเทพฯ




ถ้าพูดถึงถนนรัชดาภิเษก เรียกได้ว่าทุกคนก็ต้องรู้จักชื่อถนนสายนี้กันอยู่แล้วครับ แต่ทราบหรือไม่ครับว่าจริงๆ ถนนรัชดาเป็นถนนสายสำคัญสายนึงของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ ด้วยลักษณะเส้นทางของเส้นนี้ ที่จะตัดล้อมรอบตัวเมืองกรุงเทพเป็นวงกลม เพื่อเชื่อมต่อย่านต่างๆ ของเมืองเข้าด้วยกัน ถือว่าเป็นถนนวงแหวนรอบที่ 1 ของกทม.เลย ซึ่งถัดออกไปก็จะมีถนนและทางด่วนกาญจนาภิเษกที่เป็นวงแหวนรอบที่ 2
โดยถนนรัชดาภิเษกนี่ก็จะไม่ได้สร้างพร้อมกันในทีเดียวครับ แต่ก็จะมีบางช่วงที่ใช้ถนนเดิมที่มีอยู่แล้ว เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ


เลื่อนดูชื่อถนนได้นะ
ซึ่งพอเป็นถนนวงแหวนที่อยู่รอบในของกรุงเทพเนี่ย เราก็จะเห็นได้ว่าถนนรัชดาเค้าจะตัดผ่านโซนสำคัญๆ หลายจุดทั้งย่านในเมือง รวมมาถึงฝั่งธน อย่างย่านอโศก-สุขุมวิท, พระราม 9, รัชดา-ลาดพร้าว, รัชโยธิน, พระราม 3, ท่าพระ, จรัญสนิทวงศ์ และย่านวงศ์สว่างครับ
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในถนนสายหลักของกทม. ที่มีการใช้งานกันคึกคัก และในบางช่วงถนนก็เป็นแหล่งงาน แหล่งออฟฟิศ แหล่งช้อปปิ้ง หรือเป็น CBD ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนถนนวงแหวนเส้นนี้ครับ
แล้ว “ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง” ตั้งอยู่ตรงไหน?

อย่างที่เราเห็นคือถนนรัชดาจะวิ่งผ่านหลายโซนมากครับ ดังนั้นแต่ละช่วง แต่ละทำเลก็จะมีความเจริญที่แตกต่างกันออกไป โดยโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง จะตั้งอยู่บนถนนรัชดาในช่วงระหว่างแยกวงศ์สว่างกับแยกรัชวิภาครับ
ซึ่งถ้าเทียบกันกับรัชดาช่วงอื่น จะเห็นได้ว่าตรงนี้ไม่ใช่ย่านที่เจริญที่สุดหรือเป็น CBD ของถนนรัชดาฮะ อ่าวว!!
แต่นี่ก็คือจุดแข็งของโครงการเลย เอ๊ะยังไง?? ก็ต้องบอกว่าโครงการนี้ “มาในราคาน่ารักที่จับต้องได้จริง สำหรับคนอยากมีที่อยู่ใกล้เมือง” ขยับออกมานิด แต่ไม่ต้องเข้าซอย ได้อยู่บนถนนหลักช่วงที่ยังใกล้ใจกลางเมืองอยู่ กับราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาทต่อตารางเมตร เริ่มต้นล้านปลายๆ ได้ห้องใหญ่ ซึ่งราคานี้ถ้าว่ากันตรงๆ ก็หาได้ค่อนข้างยากแล้วกับคอนโดติดถนนใหญ่ ในทำเลที่ก็ถือว่ายังอยู่ในเมืองครับ
ซึ่งพออยู่บนถนนรัชดาช่วงนี้ ก็จะสะดวกสำหรับใครที่อาจจะมีที่ทำงานอยู่ในโซนรัชโยธิน/วิภาวดี/รัชดา-ลาดพร้าว รวมไปถึงย่านหมอชิต/บางซื่อ หรือถ้าจะเข้าไปในเมืองก็ยังสามารถไปได้จากทางขึ้นทางด่วนศรีรัชที่อยู่ถัดจากโครงการไปประมาณ 1-2 กิโลครับ และข้อดีของทำเลตรงนี้คือจะยังใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง เป็นทางเลือกในการเดินทางอีกทางนึงครับ


เลื่อนดูชื่อถนน/สถานีรถไฟฟ้าได้ครับ
สถานที่ใกล้เคียง








แล้วบรรยากาศรอบข้างเป็นยังไง?
บริเวณถนนรัชดาช่วงนี้ก็จะเป็นบ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ สลับกับร้านค้า/ตึกริมถนน ร้านของกินบริเวณใกล้กับโครงการมีพอประปราย ไม่เยอะมากครับ
แต่ถ้าไปถึงแยกวงศ์สว่างก็จะมีห้างวงศ์สว่าง Town Center ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ของย่านนี้เลย มีทั้ง Big C หรือร้านอาหารต่างๆ ทั้ง KFC, MK, บาบีก้อน และอื่นๆ ก็ฝากท้องกับที่นี่ได้ อยู่ใกล้ๆ กับรถไฟฟ้า MRT สถานีวงศ์สว่างครับ
ส่วนการสัญจรบนถนน รถที่ใช้ถนนเส้นนี้ก็จะค่อนข้างคึกคักเป็นปกติของถนนรัชดา ที่หน้าโครงการจะเป็นที่ตั้งของป้ายรถเมล์ มีผ่านหลายสายครับ



การเดินทางจากโครงการ




รถยนต์
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ จากโครงการสามารถเลี้ยวซ้ายออกมาแล้วขับรถเพื่อที่จะไปรัชวิภา/รัชโยธิน/รัชดา-ลาดพร้าวได้เลย จากโครงการไปค่อนข้างสะดวก แต่โครงการจะอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแยกนิดนึง ทำให้ไม่สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกจุดนี้ได้ครับ ส่วนใครจะไปย่านบางซื่อ ก็สามารถเลี้ยวไปทางประชาชื่นที่แยกประชานุกูลได้
ส่วนการเข้าเมืองโซนอื่น มีทางเลือกทั้งไปรัชวิภาเพื่อเข้าถนนวิภาวดีไปห้าแยกลาดพร้าว/จตุจักร/ดินแดง, วิ่งเข้าถนนกรุงเทพฯ-นนท์เพื่อเข้าตัวเมืองชั้นใน หรือจะไปตามถนนวงศ์สว่าง-จรัญสนิทวงศ์เพื่อเข้าสู่เมืองในช่วงสาทรก็ได้เช่นกัน (แต่อันนี้จะไกลหน่อย)
ซึ่งหน้าโครงการเป็นถนนใหญ่ ดังนั้นใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่บริเวณนี้ก็จะมีผ่านไปผ่านมาตลอดครับ หรือจะข้ามไปอีกฝั่ง สะพานลอยก็ไม่ไกลจากโครงการ สามารถข้ามไปเพื่อเรียกรถได้


ทางด่วน
เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กับทางด่วน จุดขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้กับโครงการจะมีให้เลือกหลายจุดเลย เริ่มจากด่านประชาชื่น จุดนี้จะอยู่ห่างจากโครงการออกไปประมาณกิโลนิดๆ สำหรับขับออกนอกเมืองไปถนนงามวงศ์วาน แจ้งวัฒนะ เมืองทอง รังสิต มธ. ไปจนถึงเชียงราก
อีกฝั่งก็จะมีทางขึ้นทางด่วนศรีรัชเพื่อเข้าเมืองไปทางถนนพระราม 6 ได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถใช้เพื่อเชื่อมต่อไปย่านพระราม 4, สีลม, สาทร, สุขุมวิท, พระราม 9 ซึ่งจุดขึ้นลงฝั่งนี้จะต้องไปกลับรถก่อนนิดนึงครับ ระยะทางรวมกลับรถอยู่ประมาณ 2 กิโลนิดๆ (ถ้านึกไม่ออกดูภาพด้านล่างได้ฮะ)
นอกจากนี้ก็จะมีตัวเลือกเป็นทางด่วนโทลล์เวย์ที่ถนนวิภาวดีสำหรับวิ่งไปดินแดงได้ หรือถ้าไม่อยากเสียเงินค่าโทลล์เวย์ก็ยังสามารถวิ่งตามถนนวิภาวดีเพื่อขึ้นทางด่วนขั้นที่ 1 ที่บริเวณแยกดินแดงได้ เป็นตัวเลือกในการเดินทาง เผื่อบางวันทางด่วนเส้นไหนรถติดครับ
อ่ออ นอกจากนี้ไม่ไกลมากบริเวณสะพานพระราม 7 จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช-วงแหวนด้วยครับ แต่ถ้าเข้าเมืองก็จะมาเจอกันที่บางซื่ออยู่ดี ดังนั้นขึ้นทางขึ้นที่ใกล้กับโครงการก็จะสะดวกกว่าครับ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

รถไฟฟ้า
สำหรับรถไฟฟ้าโดยตัวทำเลโครงการ อาจจะไม่ได้ติดรถไฟฟ้าซะทีเดียว มีระยะจาก MRT สายสีม่วงสถานีวงศ์สว่างประมาณ 850 เมตรครับ วัดจากบันไดสถานีมาถึงหน้าโครงการ (แต่ข้อมูลทางโครงการแจ้งว่า 1.1 กิโลเมตร อาจจะวัดคนละแบบกัน) เป็นระยะที่ถามว่าเดินได้ไหมก็พอเดินได้ แต่ก็อาจจะไม่ถึงกับใกล้ครับ
ซึ่งถ้าไม่อยากเดิน ทางโครงการก็มีบริการ Shuttle Service เป็นรถรับส่งจากสถานี MRT ให้ด้วยครับ หรือถ้าจะต่อวิน จาก MRT มา อันนี้ก็นิดเดียวถึงฮะ


การเดินทางอื่นๆ
นอกจากการเดินทางปกติแล้ว ทำเลย่านนี้จะมีความพิเศษตรงที่จะใกล้กับ Hub ขนส่งขนาดใหญ่หลายแห่ง สำหรับเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศครับ
เริ่มจากที่แรกสถานีกลางบางซื่อที่จะเป็นศูนย์กลางสำหรับรถไฟแห่งใหม่ในอนาคตแทนหัวลำโพง ที่จะมีทั้งรถไฟทางไกล รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่นี่จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 กิโลเมตรครับ

ถัดมาสำหรับใครที่จะเดินทางด้วยรถบัสหรือรถทัวร์ ตัวขนส่งหมอชิตใหม่เองก็จะอยู่ใกล้ๆ กันกับสถานีกลางบางซื่อ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 5 กิโลกว่าเช่นกัน นอกจากนี้ตัวโครงการก็จะไม่ได้อยู่ไกลจากสนามบินดอนเมืองมากครับ จากรัชดา เลี้ยวออกมาวิภาวดี ตรงมาอย่างเดียวก็ถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว ระยะทางจากโครงการมาประมาณ 12 กิโลเมตร
น่าจะพอเห็นภาพทำเลของโครงการนี้แล้ว เดี๋ยวเรามาดูตัวโครงการกันต่อฮะ
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | SUPALAI LOFT รัชดาฯ – วงศ์สว่าง |
เนื้อที่โครงการ : | 9-3-66.8 ไร่ |
รูปแบบโครงการ : | 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ ความสูง 18 ชั้น ชั้นพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 4 -17 |
จำนวนห้องพัก : | 1,302 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต |
Developer : | บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) |
จำนวนที่จอดรถ : | 52% ไม่รวมซ้อนคัน (690 คัน) |
สถานะโครงการ : | Pre-Sale กำหนดการแล้วเสร็จปี 2567 (ผ่าน EIA แล้ว) |
Facility : | – Lobby – EV Charger – สวนรอบโครงการ – จุดจอด Delivery Drop off – จุดจอดรถผู้พิการ – Co-Working Space + ห้องประชุม – Co-Living Space – Sky Fitness – Backyard Garden – Jogging Track – สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge – สนามเด็กเล่น |
ความปลอดภัย : | – ระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Face Scan และประตูอัตโนมัติแบบ Touchless – ที่จอดรถแบบ Easy pass – กล้องวงจรปิด 24 ชม. – รปภ. 24 ชม. |
แบบห้อง : | Studio28 ตร.ม. 1 Bedroom : 34.5 – 35 ตร.ม. 1 Bedroom Plus : 43 – 45.5 ตร.ม. 1 Bedroom Loft : 47 – 48 ตร.ม. 2 Bedrooms : 48 – 64.5 ตร.ม. |
ราคา : | เริ่ม 1.7 ล้านบาท เฉลี่ย 65,000 บาท/ตารางเมตร ห้องกว่า 85% ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท |
รูปแบบโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง



(สามารถกดดูรูปขยายใหญ่ได้นะครับ)
มาดูรูปแบบของโครงการกันบ้างครับ ลักษณะที่ดินของโครงการ Supalai Loft รัชดาฯ – วงศ์สว่างจะอยู่ติดกับถนนรัชดาเลยครับ เป็นที่ดินขนาดประมาณเกือบ 10 ไร่ ลึกเข้าไป เลยจัดรูปแบบอาคารออกมาได้เป็น 3 อาคาร สูง 18 ชั้น โดยแต่ละอาคารจะมีฐานที่เป็นที่จอดรถด้านล่างใช้ร่วมกัน ส่วนพื้นที่ส่วนกลางก็จะถูกยกไปอยู่ดาดฟ้าชั้นบนสุดครับผม
ด้วยขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่ ที่นี่จะมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 1,302 ยูนิต แล้วมียูนิตร้านค้าอีก 7 ยูนิตด้วยกัน
ตีมของโครงการนี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็น “Highland Livelihood” หรือการใช้ชีวิตอยู่บนที่สูงในธรรมชาติ เอาเข้ามาผสมกับในดีไซน์ โดยสีของอาคารจะใช้เป็นสีเทาเป็นหลักครับให้ดูทันสมัย
เราลองมาดูพื้นที่ส่วนกลางของโครงการไปทีละส่วนกันครับ เริ่มจากบริเวณทางเข้าด้านหน้า จุดนี้นอกจากทางเข้าแล้ว ก็จะมีพื้นที่สวนเล็กๆ เป็น Set back เว้นระยะระหว่างถนนใหญ่กับตัวโครงการ ให้ไม่ติดกันมากเกินไป ลดความวุ่นวายจากด้านนอก เป็นพื้นที่สีเขียวจุดแรกในโครงการ และที่ด้านหลังโครงการก็จะมีสวนเล็กๆ อีกจุดนึง



ถัดเข้ามาจะเป็นถนนวนรอบอาคาร สำหรับเข้าไปจุด drop off ของ lobby แต่ละอาคารครับ โดยตลอดแนวถนนจะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งด้วยไปจนถึงด้านหลังของโครงการ (แต่ก็ยังมีที่จอดรถบนอาคารที่ชั้น 2 และ 3 นะครับ ที่นี่จำนวนที่จอดรถค่อนข้างเยอะ ให้มา 690 คัน หรือ 52% ยังไม่รวมซ้อนคันครับ ดังนั้นเรื่องที่จอดน่าจะพอหายห่วง)
นอกจากที่จอดรถกลางแจ้งที่บริเวณชั้น 1 แล้ว จะมีจุดจอดรถไฟฟ้าที่มี EV Charger บริการให้ด้วย รวมไปถึงที่ Lobby แต่ละอาคารก็จะมีจุดจอดรถสำหรับผู้พิการหรือสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเข็น


ตัวอาคารที่แบ่งออกเป็น 3 ทาวเวอร์ เป็นตึก A, ตึก B และตึก C สำหรับที่นี่ ตึก C จะเป็นตึกที่อยู่หน้าสุดใกล้กับหน้าโครงการฮะ ใต้ตึกนี้จะเป็นที่ตั้งของร้านค้าด้วย ที่มาแล้วแน่ๆ ก็จะเป็นเซเว่นครับ

สำหรับหน้าตาของ Lobby หลัก จะอยู่ที่ตึก B ก็จะเป็นประมาณนี้ครับผม มาในแนว Loft ตามชื่อแบรนด์ของโครงการ แต่จะมีการดีไซน์ผสมผสานกับต้นไม้ เพราะ concept อยากให้ชั้นล่างเป็นเหมือนตีนเขา ที่ยังมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ นอกจากสวนด้านนอกอาคาร เลยจะใส่ต้นไม้เข้ามาเป็นส่วนนึงของงานดีไซน์ใน Lobby ด้วย ให้อารมณ์เหมือนเป็นคาเฟ่เบาๆ

ไฮไลท์ส่วนกลาง Rooftop

ส่วนกลางของที่นี่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้ครับ กับคอนโดในระดับราคาประมาณนี้ แต่ได้ส่วนกลางเกือบทั้งหมด ยกไปอยู่ที่ชั้น Rooftop ชั้น 18 ทั้ง Co-Working Space , Co-Living Space, Sky Fitness, สระว่ายน้ำ และสวน
โดยที่นี่ แต่ละอาคาร เค้าก็จะมีการแบ่งสไตล์และการใช้งานของพื้นที่ส่วนกลางที่แตกต่างกันออกไปด้วยฮะ (แต่ก็มีสะพานเดินเชื่อมหากันได้นะ)
อย่างอาคารแรก ตึก C ที่ติดถนนที่สุด ตึกนี้จะถูกทำออกมาเน้นกลุ่มคนที่อาจจะเป็นแนว First Jobber หรือ Office Worker ที่ใช้ชีวิตทำงาน อาจจะใช้รถสาธารณะเป็นหลัก มีความเร่งรีบ เน้นเข้าออกจากโครงการได้ง่ายเพราะอยู่หน้าสุด ตัวพื้นที่ส่วนกลางบนตึกนี้ที่ชั้น Rooftop ก็จะทำออกมาเป็น Cloud-Working Space สำหรับนั่งทำงาน




หน้าตาของ Cloud-Working Space ก็จะถูกออกแบบมาในสไตล์ลอฟท์ มีความดิบๆ ผสมอยู่เช่นกัน แต่ก็จะมีความทันสมัยผสมอยู่ด้วย สามารถมานั่งทำงานและมีห้องประชุมให้ด้วยครับ ส่วนด้านนอกของดาดฟ้าตึก C ก็จะเป็นพื้นที่สวน

ถัดมาที่ตึก B ครับ ตึกนี้จะเป็นตึกที่อยู่ตรงกลาง คอนเซปของตึกนี้ก็จะเน้น Facility ที่ไปทางแนวการใช้ชีวิตและสาย Healthy หน่อย อย่างบน Rooftop ชั้น 18 ของตึก B ก็จะจัดออกมาเป็นห้อง Sky Fitness ครับ ห้องฟิตเนสของที่นี่ก็จะรับวิวได้ค่อนข้างกว้างเลยระหว่างออกกำลังกาย
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวน Backyard Garden ที่เป็นเหมือนสวนหลังบ้านที่เป็นแปลงปลูกผักสวนครัวด้วย




อีกพื้นที่นึงสำหรับพักผ่อนบนตึกนี้คือห้อง Cloud Living Space ที่เป็นเหมือนกับห้องนั่งเล่นพักผ่อน ให้ลูกบ้านที่เบื่อๆ อยู่ห้องสามารถขึ้นมานั่งเล่นบนห้องนี้ได้ครับ ดีไซน์ของห้องนี้ถ้า Lobby เป็นเหมือนกับตีนเขา ห้องนี้ก็จะเป็นตีมยอดเขาที่เราจะมองเห็นดวงดาวและพระจันทร์ในตอนกลางคืนครับ สำหรับห้องนี้และฟิตเนสจะให้เพดานสูงโปร่ง 4 เมตรเลย
ทั้ง Lobby, Co-Working Space, Co-Living Space ดีไซน์จะออกมาแนวคล้ายๆ กันกับ Sales Gallery ที่ทางโครงการทำไว้ในปัจจุบันครับ ใครที่มาก็ลองดูสไตล์กันได้ น่าจะพอเห็นภาพของส่วนกลางที่นี่ ส่วนตัวทีมงานคิดว่าสวยดีครับ ลืมภาพศุภาลัยแบบเดิมๆ ไปเลย

มาถึงตึกในสุด คือตึก A ครับ คอนเซปต์ของตึกนี้จะเน้นเป็นกลุ่มที่เริ่มเป็นครอบครัวขึ้นมา บางคนหรือบางครอบครัวอาจจะใช้รถ ไม่จำเป็นต้องอยู่ตึกหน้าสุด ตึกนี้ก็จะ Private ขึ้นมาหน่อยเพราะห่างจากถนนใหญ่ที่สุดครับ



ตัว Facility บนตึกนี้ก็จะเน้นมาทางครอบครัวมากขึ้น เริ่มจากสระน้ำที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า เป็นสระแบบ Infinity Edge เห็นวิวเมืองฝั่งรัชวิภาและฝั่งพระราม 7 ได้เลยครับ เพราะวิวรอบข้างโครงการค่อนข้างจะโล่งมาก แทบไม่มีตึกหรืออะไรบังเลย
(ทางศุภาลัยแอบบอกมาว่าการออกแบบตัวสระ จะเป็นการยกโครงสร้างพื้นสระลอยจากดาดฟ้าตัวตึกด้วยนะครับ ดังนั้นใครที่กลัวสระน้ำรั่วซึมลงห้องชั้นล่าง ที่นี่ก็จะตัดปัญหานี้ไป)



นอกจากนี้ บนดาดฟ้าจะมีพื้นที่สนามเด็กเล่นเล็กๆ ให้สำหรับครอบครัวไหนที่มีลูกก็สามารถมาใช้งานส่วนกลางในจุดนี้ได้เช่นกัน
อย่างที่บอกไปครับว่าส่วนกลางที่ทำออกมาบนชั้นดาดฟ้าของที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย และเดินเชื่อมต่อกันได้ระหว่างแต่ละตึก ก็เลยมีการใส่ Jocking Track เข้ามาในพื้นที่สวนดาดฟ้าด้วยครับ ได้ระยะทางวิ่งรอบสวนระหว่างตึกอยู่ที่ 340 เมตร


New Normal Lifestyle + Universal Access
สำหรับโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง จะมีการออกแบบให้ทันกับยุค New Normal ด้วยเช่นกันครับ อย่างระบบรักษาความปลอดภัยเวลาเข้าตึกจะใช้เป็น Face Scan และประตูจะเป็นประตูแบบอัตโนมัติ การเข้าออกจะเป็นแบบ Touchless เพื่อลดการสัมผัส
รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องน้ำ จุดไหนที่ใช้ก๊อกน้ำหรือระบบเซนเซอร์ได้ทางโครงการก็จะพยายามใส่เข้ามาเพื่อลดการสัมผัสเช่นเดียวกัน รวมไปถึงจะมีจุด drop off สำหรับบริการ delivery โดยเฉพาะ
และอีกจุดที่โครงการนี้ใส่เข้ามาด้วยคือการที่พยายามให้ทุกจุดในคอนโดเป็น Universal Access ให้ทุกคนสามารถมาใช้งานอาคารหรือส่วนกลางได้มากที่สุดครับ เริ่มจากจุดจอดรถผู้พิการใต้ตึก 11 คัน, มีการทำทางลาดตลอดโครงการ, ห้องน้ำผู้พิการในส่วนกลาง, ลิฟต์บันไดบริเวณทางขึ้นสระว่ายน้ำ, ทำบันไดหนีไฟให้มีราวจับทั้ง 2 ด้าน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วต้องใช้งาน ก็เป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามแต่โครงการใส่เข้ามาให้ครับ
แปลนห้องไซส์ใหญ่ในราคาเบา
ถ้าใครที่รู้จักศุภาลัยมาก่อน น่าจะพอรู้กันอยู่แล้วว่าคอนโดแบรนด์นี้ จุดเด่นอยู่ที่ห้องที่ทำออกมาค่อนข้างกว้าง แต่มาในราคาที่หยิบจับได้ โครงการนี้ก็เช่นกันครับ ยังรักษาจุดเด่นเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น กับห้องเริ่มต้นที่ก็ปาเข้าไป 28 ตารางเมตรแล้ว ส่วนห้อง 1 Bedroom ของที่นี่ ก็จะเป็น 35 ตารางเมตรเลย
แต่ด้วยราคาต่อตารางเมตรที่อยู่แค่ประมาณ 5-6 หมื่นบาท ทำให้ราคาก็ยังออกมาน่ารักสำหรับคอนโดในเมืองครับ อย่างห้อง 28 ตารางเมตรนี่ก็เริ่มต้นที่ 1.7-1.8 ล้านบาท ส่วนห้อง 1 Bedroom 35 ตารางเมตร ก็จะเริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านต้นๆ ครับ ซึ่งห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ทำให้ห้องกว่า 85% ของโครงการนี้ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จริงๆ ต้องบอกว่าแม้แต่ห้องแบบ 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedrooms ที่ขนาด 40 กว่าตารางเมตรเนี่ย ก็ยังมีห้องราคาต่ำกว่า 3 ล้านให้เห็นครับ
รอบนี้ศุภาลัยก็ทำการบ้านเรื่องแปลนห้องมาพอสมควร จากเดิมที่คอนโดศุภาลัยจะได้ห้องกว้าง แต่เป็นแค่ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นใหญ่ๆ มาคราวนี้แปลนห้องเค้าได้มีการปรับใหม่ ให้มีพื้นที่ที่ใช้งานเป็นสัดเป็นส่วนได้มากขึ้น มีแบ่งพื้นที่บาง Type เป็น Walkin Closet หรือบาง Type ทำเป็นห้องเล็กๆ เป็น Favorite Corner สำหรับนั่งทำงานได้ แปลนห้องโครงการนี้ค่อนข้างหลากหลายทีเดียว จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราพาไปชมห้องตัวอย่างกันครับ
แวะดูห้องตัวอย่าง

การจะไปดูห้องตัวอย่าง อยากแวะพามาดู Sales Gallery กันซักเล็กน้อยครับ โดยจะตั้งอยู่บนที่ดินของโครงการจริงเลย สามารถมาดูทำเลจริงๆ บรรยากาศจริงๆ ตอนมาชมโครงการได้ครับ ภายใน Sales Gallery ก็จะตกแต่งออกมาสไตล์เดียวกันกับพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการจริงที่จะสร้าง






1 Bedroom 1A2 : 35 ตารางเมตร
สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการนี้จะมีให้ชม 2 ห้อง เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตรทั้งคู่ครับ แต่รูปแบบผังห้องจะแตกต่างกัน เริ่มจากห้องตัวอย่างห้องแรก 1 Bedroom 1A2
ห้องนี้จะเป็นห้องทรงหน้าลึก กึ่งๆ Studio มีฉากกระจกกั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำและห้องครัวจะอยู่ทางปีกด้านซ้ายของห้อง


จุดเด่นของห้องนี้คือโซนห้องนอนและห้องนั่งเล่นติดกันและแต่ละโซนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เลยจะดูกว้างหน่อยครับ เปิดเข้ามาเราจะเจอกับโซนห้องนั่งเล่นก่อน บวกกับเพดานของโครงการนี้ให้มาสูง 2.7 เมตรเลย ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปที่จะอยู่ประมาณ 2.5 เมตรกัน เลยช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้นไปอีก ส่วนพื้นที่เก็บของและตู้เสื้อผ้าก็จะถูกซ่อนไว้ที่มุมห้อง
ระยะสำหรับดูทีวีมีเยอะพอสมควร ห้องนี้สามารถวางชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้ หรือทำตู้เก็บรองเท้าเพิ่มขึ้นได้อีกครับ ถัดมาจากโซนโซฟาก็จะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถวางได้ 2-4 ที่นั่ง





มาดูที่ห้องครัวกันก่อนครับ ห้องแปลนนี้จะได้ครัวปิด สำหรับใครที่ทำอาหารมีกลิ่นหน่อยก็จะได้ข้อดีตรงที่กลิ่นของอาหารจะไม่ได้เข้ามารบกวนห้องนั่งเล่นมากครับ และดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นสำหรับใครที่ครัวอาจจะมีข้าวของเครื่องใช้เยอะหน่อย ส่วนด้านข้างของครัวจะเป็นห้องน้ำ เดี๋ยวเราพาไปดูห้องน้ำอีกทีนึงครับ



ถัดมาจากห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนของห้องนอนครับ ฉากกั้นกระจกที่เห็นอันนี้ก็คือจะแถมมากับห้องด้วยเลย ไม่ต้องทำเพิ่มเอง พอช่วยให้แบ่งการใช้งานระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนออกจากกันได้ รวมไปถึงช่วยประหยัดแอร์เวลาอยู่แค่ห้องใดห้องหนึ่งครับ อ่อ ที่นี่ถ้าเป็นห้องแบบ 1 Bedroom จะให้แอร์ 2 เครื่องหมดเลย เป็นแอร์แบบ inverter ด้วยครับ
ในห้องนอนจะมีพื้นที่ประมาณนึงเลย สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ สังเกตว่าถ้ามองจากหน้าห้องเข้าไปจะไม่เห็นตู้เสื้อผ้าเลยใช่ไหมครับ





เพราะจริงๆ แล้วแปลนนี้เค้ายังมีพื้นที่หลบมุมอีกหนึ่งจุด ไว้สำหรับทำเป็น Walk-in Closet เป็นห้องแต่งตัว บิ้วตู้เก็บเสื้อผ้าใหญ่ๆ ได้โดยเฉพาะ ก็น่าจะถูกใจสำหรับใครที่มีของเยอะ หรือรักการแต่งตัว มีเสื้อผ้าเยอะๆ โดยที่ทำให้ห้องดูไม่รกครับ ต้องบอกว่าห้องนี้นอกจากวางตู้เสื้อผ้าแล้วยังมีที่เหลือพอวางโต๊ะแต่งหน้าเล็กๆ ได้อีกด้วยนะครับ พื้นที่ให้มาเหลือๆ เลย มีหน้าต่างสำหรับรับแสงภายนอกได้ด้วยอีกหนึ่งบาน





ถัดไปจากห้องนอน จะเป็นประตูบานสไตล์สำหรับออกไปที่ระเบียงครับ โดยประตูบานนี้จะใช้เป็นช่องแสงหลักสำหรับรับแสงเข้าห้องด้วย
ความพิเศษสำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตรคือขนาดระเบียงของห้องมีมาให้ถือว่าประมาณนึงครับ แต่จะไม่มีคอมเพรซเซอร์แอร์มาเกะกะเลย เนื่องจากทางโครงการได้ทำการยกคอมแอร์ทั้งหมดขึ้นไปติดตั้งด้านบน (เป็นข้อดีจากการที่เพดานค่อนข้างสูงเลยยกคอมแอร์ไปไว้ด้านบนได้) พื้นที่ระเบียงเลยจะเหลือให้สามารถใช้งานได้เต็มๆ ไม่ต้องเกะกะคอมแอร์ หรือโดนลมร้อนของคอมแอร์เป่าเวลาไปใช้งานระเบียงฮะ



สำหรับใครที่อยากวางเครื่องซักผ้า พื้นที่ระเบียงก็จะมีการเตรียมปลั๊กไฟและท่อน้ำไว้ให้ครับ
1Bedroom 1C2 : 35 ตารางเมตร
ถัดมา มาถึงห้องตัวอย่างอีกหนึ่งแบบที่มีขนาดพื้นที่เท่ากัน แต่จัดแปลนออกมาให้ใช้งานได้ต่างกันครับ โดยห้องนี้จะเป็นห้องขนาด 35 ตารางเมตรที่มีหน้ากว้างของห้องเพิ่มขึ้นมา


ห้องนี้พื้นที่การใช้งานจะถูกแบ่งออกมาเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น มีมุม Favorite Corner ที่เป็นเหมือนห้องเอนกประสงค์ปรับเป็นห้องทำงานได้ หรือเป็นโซนพักผ่อน โซนปลูกต้นไม้ หรือจัดเป็นอะไรก็แล้วแต่มาใจเรา แต่พื้นที่ของแต่ละส่วนก็อาจจะเล็กกว่าห้องแบบ 1A2 ซักเล็กน้อย เดี๋ยวเราค่อยๆ มาดูทีละส่วนกันครับ
เริ่มจากเมื่อเปิดเข้ามาเราจะเจอกับพื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นและโซนรับประทานอาหารก่อนครับ พื้นที่ดูทีวีจะวางโซฟาได้ประมาณ 2-3 ที่นั่ง แต่ถ้า 2 ที่นั่งน่าจะกำลังดี ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารจะวางได้ประมาณ 2 ที่นั่งครับ
ในห้องนี้ยังมีพื้นที่เหลือพอให้ทำตู้เก็บรองเท้าได้ ส่วนชั้นวางทีวีอาจจะเล็กกว่าของแบบ 1A2 ลงนิดนึง แต่ก็ยังวางทีวีขนาด 50-60 นิ้วได้ไม่มีปัญหาครับ



ทางด้านห้องน้ำและห้องครัวจะอยู่อีกปีกนึงของห้องเช่นเคย แต่จะวางเป็นแนวขวาง ห้องนี้ยังได้เป็นครัวปิดเช่นเดียวกัน มีประตูปิดมาให้พร้อม
มาถึงจุดไฮไลท์ของห้องนี้ คือมุม Favorite Corner ที่ในห้องตัวอย่าง วางมาเป็นมุมสำหรับนั่งทำงานครับ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้แล้วแต่ว่าเราอยากจะให้เป็นห้องอะไรเลย โดยทางโครงการจะมีประตูกระจกกั้นตรงนี้ระหว่างห้องนั่งเล่นมาให้ เพื่อให้การใช้งานแยกส่วนกัน





ซึ่งถัดมาก็จะเป็นห้องนอนครับ ตรงนี้จะเป็นห้องที่กึ่งๆ เชื่อมต่อกับห้องเอนกประสงค์ คือมีกำแพงมาให้บางส่วน แต่ไม่ได้ปิดทั้งหมด ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสำหรับห้องนอนมากขึ้นก็สามารถทำประตูปิดทีหลังได้ครับ
แต่ถ้าอยู่กันคนสองคน จริงๆ ตรงนี้ไม่ต้องบิ้วประตูปิดก็ดูโปร่งดี เพราะด้วยแปลนของห้อง ห้องนอนก็จะหลบมุมออกมาจากห้องนั่งเล่นประมาณนึงอยู่แล้วฮะ ไม่ได้มองเห็นเข้าไปตรงๆ
ขนาดพื้นที่ห้องห้องนอนก็จะมีมาให้พอประมาณ วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ แต่หัวของสำหรับเตียง 6 ฟุตอาจจะเหลือข้างเดียว แปลนห้องนี้จะเอาตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามาไว้ในห้องนอนเลย





ข้อดีของแปลนนี้คือมีช่องรับแสงขนาดใหญ่ 2 จุดครับ คือหน้าต่างห้องนอนและประตูห้องอเนกประสงค์ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน แต่พื้นที่ของแต่ละโซนก็อาจจะเล็กลงกว่าแบบ 1A2 เพราะปรับพื้นที่มาแบ่งให้กับห้องเอนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเองครับ แต่ถึงจะเล็กลงก็ไม่แคบนะครับ มีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ได้ตามปกติ เป็นแปลนห้องนึงที่ดูดีเลย อันนี้ก็อยู่ที่ว่าชอบห้องแบบไหนกัน
ส่วนพื้นที่ระเบียง ห้องนี้ก็จะคล้ายกับแบบ 1A2 ครับ
Spec อื่นๆ ในห้อง
เนื่องจากห้องน้ำกับห้องครัวของโครงการนี้ รูปแบบค่อนข้างจะคล้ายกันหมดทุกห้อง เลยขอพาไปดูทีเดียวกันเลยฮะ เริ่มจากที่ชุดครัว ชุดครัวของห้องจริงที่จะได้ หน้าตาจะเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลย จุดที่จะต่างกันหลักๆ ก็จะเป็นแค่ความกว้างของชุดครัวของห้องแต่ละ Type ที่อาจจะไม่เท่ากันเท่านั้นเองครับครับ
ของมาค่อนข้างครบครับ มีชุดเตาพร้อมกับเครื่องดูดควันติดตั้งมาให้เสร็จเลย ไม่ต้องไปติดเพิ่มเอง แล้วก็มีการเดินท่อเครื่องดูดควันออกระเบียงไว้ให้ด้วยครับ
ชุดเตาและเครื่องดูดควันจะเป็นของ Hafele มีที่แขวนของที่บริเวณเหนือเคาน์เตอร์มาให้ด้วยนะ ส่วน backsplash ด้านหลังกันน้ำมันกระเด็นที่นี่จะใช้เป็นกระเบื้องครับ





ถัดมา มาดูห้องน้ำกันบ้างครับ สำหรับห้องน้ำของที่นี่จะเป็นแบบสำเร็จรูป มีพื้นยกขึ้นมาจากระดับห้องเล็กน้อย หน้าตาของห้องน้ำทำออกมาดูดีค่อนข้างจะเกินราคาห้องเลยครับ จุดนี้น่าชม สุขภัณฑ์ที่ให้มาในห้องจะเป็นของ Cotto ส่วนก๊อกน้ำต่างๆ จะเป็นของ Hafele เป็นรุ่นที่ทำเป็นสีดำแบบครบเซ็ท พร้อมมี Rain Shower และฉากกั้นอาบน้ำแถมมาให้ด้วย และบิวด์ชั้นวางของมาให้เลยครับ พร้อมใช้งาน แทบจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้วครับ เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นก็แถมมาให้





นอกจากนี้สิ่งที่โครงการจะให้มาด้วยในแต่ละห้องก็คือแอร์แบบ inverter, ฉากเลื่อนกั้นห้องสำหรับบาง Type, พื้นภายในห้องจะเป็นพื้น SPC ข้อดีก็คือทนน้ำได้ดีกว่าพื้นลามิเนต, ทุกห้องจะมี Digital Door Lock แถมให้ และตัวห้องจะมีการติดวอลเปเปอร์มาให้เลยครับ
นอกจากนี้ทางโครงการจะมีโปรแถมเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วยแบบครบเซ็ท (แต่จะเป็นคนละแบบกับที่อยู่ในห้องตัวอย่างนะครับ) ซึ่งสำหรับใครที่ไม่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ หรืออยากแต่งห้องเอง ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเลือกรับส่วนลดเพิ่มแทนได้ครับ
แปลนห้องที่มีให้เลือก
Studio : 28 ตร.ม.
ห้อง Type นี้จะเป็นห้อง Type เริ่มต้นของโครงการ เป็นห้องแบบ Studio เปิดเข้ามาเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน มีฉากกั้นห้องครัวกันกลิ่นเวลาทำอาหารให้ ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนครับ มีมุมเล็กๆ ที่บริเวณหน้าต่างสามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมทำงานได้ เป็นห้อง Studio ไซส์เริ่มต้นที่ถือว่าใหญ่กว่าห้องขนาดเริ่มต้นของคอนโดสมัยนี้พอสมควร แต่ก็มาในราคาเริ่มต้นอยู่ที่แค่ประมาณ 1.7 ล้านบาทครับ

1 Bedroom : 34.5 – 35 ตร.ม.
ห้องขนาด 1 Bedroom ของที่นี่จะอยู่ที่ขนาดประมาณ 35 ตารางเมตรครับ ถือว่าค่อนข้างใหญ่เช่นกันสำหรับห้องแบบ 1 Bedroom รูปแบบห้องที่มีให้เลือกหลักๆ จะมี 3 แบบครับ 2 แบบที่โครงการทำห้องตัวอย่างคือห้องแบบ 1A2 ที่เป็นห้องกึ่ง Studio มีครัวปิดกับ Walk-in Closet และห้อง 1C2 ที่เป็นห้องแปลนที่จัดออกมาให้มี Favorite Corner ทำเป็นมุมห้องทำงานได้
ส่วนแบบ 1B1 ก็จะเป็นห้องที่แบ่งพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นพอๆ กัน สำหรับคนที่ชอบห้องนอนมีพื้นที่มากหน่อย



1 Bedroom Plus : 43 – 45.5 ตร.ม.
สำหรับใครที่อยากได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่ได้ต้องการถึง 2 ห้องนอน โครงการก็มีห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43-45 ตารางเมตรครับ แปลนห้องมีให้เลือก 2 แบบคือห้องแบบ PA1 ที่เป็นห้องแนวลึก ห้องนั่งเล่นมีฉากกั้น สามารถใช้พื้นที่ทำเป็นห้องทำงานหรือพักผ่อนอีกห้องนึงได้ ส่วนห้องนอนก็มีพื้นที่มากพอทำ Walkin Closet
ส่วนแบบถัดมา PA2 ห้องแปลนนี้จะมีหน้ากว้างเพิ่มขึ้นมา ห้อง Plus มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ทำเป็นห้องนอนอีกห้องนึงได้ แต่ห้องนอนใหญ่ของแปลนนี้ก็อาจจะเล็กกว่าห้อง PA1 หน่อยครับ


1 Bedroom Loft : 47 – 48 ตร.ม.
ห้อง Type นี้ถือเป็นครั้งแรกของศุภาลัยเลย ที่มาทำห้อง Loft 2 ชั้นเพดานสูง 4.8 เมตร ความพิเศษของห้อง Loft ที่นี่ ที่ไม่เหมือนใคร คือเข้าประตูทางเข้าของห้องจะอยู่ที่ชั้น 2 ครับ เจ้ามาจะเจอกับห้องน้ำ และเดินขึ้นนิดนึงจะเป็นห้องนอน ส่วนพื้นที่ห้องครัวและห้องนั่งเล่นจะเดินลงมาที่ชั้นล่าง
ข้อดีของแปลนห้อง Loft แบบนี้คือเวลากลางคืนที่จะเข้าห้องน้ำ ก็จะสะดวกไม่ต้องเดินลงบันไดเหมือนห้อง Loft ทั่วไปครับ และอาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัวที่ห้องนอนใกล้ๆ ได้เลย แต่ห้อง Type นี้ทำออกมาไม่เยอะครับ มีแค่บริเวณชั้น 4 ชั้นเดียว ใครที่สนใจอาจจะต้องรีบนิดนึง น่าจะหมดก่อน Type แรกๆ เลย

2 Bedroom : 48 – 64.5 ตร.ม.
สำหรับใครที่อยู่เป็นครอบครัว หรือต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ ถ้าห้องแบบ 1 Bedroom Plus ยังมีพื้นที่ไม่มากพอ ที่นี่ก็ยังมีห้องแบบ 2 Bedroom ให้เลือกครับ โดยตำแหน่งทั้งหมดของห้อง 2 Bedroom จะได้เป็นห้องมุมทั้งหมด ก็จะได้ข้อดีในเรื่องของอากาศถ่ายเท เนื่องจากมีหน้าต่างมาให้ 2 ด้านครับ
รูปแบบของห้องมีตั้งแต่ 2 นอน 1 น้ำ แล้วก็ 2 นอน 2 น้ำครับ




รูปแบบผังห้องของทั้ง 3 อาคารจะวางคล้ายๆ กันครับ มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง แยกเป็นห้องพักทางปีกซ้ายและขวาโดยวางห้องแบบ 2 ห้องนอนไว้ที่มุมทั้ง 4 มุม ดังนั้นจะเลือกตึกไหนก็ห้องจะเกือบคล้ายกันหมดครับ ยกเว้นห้องแบบ 2 ห้องนอนที่ขนาดต่างกันเล็กน้อย
ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 4 ไปจนถึงชั้น 17 ทุกชั้นแปลนจะเหมือนกันครับ ยกเว้นชั้น 4 ที่จะมีห้อง Loft 2 ชั้น อาคารละ 8 ห้อง






ราคา
อย่างที่บอกไปครับว่าที่ผ่านมาราคาเป็นจุดเด่นของศุภาลัยมาอยู่เสมอๆ อย่างโครงการนี้ก็เช่นกัน ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร และมีห้องที่เริ่มต้นประมาณ 5 หมื่นกว่าต่อตารางเมตรด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าลองดูราคาคอนโดรอบข้างหรือตามแนวรถไฟฟ้าหรือถัดออกไปก็จะเห็นว่าแทบทั้งหมดจะราคาสูงกว่าที่นี่ครับ
แล้วอะไรทำให้คอนโดเปิดใหม่ ทำราคาได้ถูกกว่าโครงการแถวนี้ที่เปิดก่อนหน้าอีก เคล็ดลับความอร่อยอย่างนึงของที่นี่คือที่ดินตรงนี้เคยเปิดโครงการเป็น Supalai Park ไปแล้วเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องของ EIA ทำให้ยังไม่ได้ก่อสร้าง จนปรับแบบแล้วกลับมาเปิดเป็น Supalai Loft ใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันผ่าน EIA เรียบร้อยกำลังจะเริ่มก่อสร้าง
ดังนั้นต้นทุนราคาที่ดินของที่นี่ส่วนนึงก็จะเป็นต้นทุนราคา 5 ปีก่อน บวกกับปกติที่คอนโดศุภาลัยก็จะราคาดีอยู่แล้วด้วย เลยได้เห็นคอนโดในเมืองราคาแบบนี้ในปี 2022 ครับ
ซึ่งไม่ใช่แค่ราคาไม่หนีกันมากจากโครงการ Supalai Park เดิมที่เคยเปิดในตอนนั้น แต่ Spec ห้องและส่วนกลางอันนี้ก็อัพเกรดมาแบบคนละเรื่องกันเลย เราลองมาดูราคาห้องแต่ละแบบกันครับ
- Studio 28 ตร.ม. : 1.89 – 2.24 ล้านบาท
- 1 Bedroom 34.5-35 ตร.ม. : 2.10 – 2.75 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 43.0 – 45.5 ตร.ม. : 2.59 – 3.25 ล้านบาท
- 1 Bedroom Loft 47 – 48 ตร.ม. : 3.20 – 3.61 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48 – 64.5 ตร.ม. : 2.99 – 4.74 ล้านบาท
ซึ่งห้องส่วนใหญ่ก็จะราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท อย่างห้อง 1 Bedroom 35 ตร.ม. ที่นี่ก็จะราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆ กลางๆ เท่านั้นเองครับ
ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมส่วนลดวันโอนอีก 90,000 – 180,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาเฟอนิเจอร์ของแถมหรือเปล่า ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะมีส่วนลด 130,000 – 260,000 บาทด้วยกันครับ
(ราคา ณ เดือนมกราคม 2022)

สรุปโครงการ ” ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง “
จากที่เล่ามาทั้งหมด เพื่อนๆ ที่อ่านน่าจะพอเห็นภาพแล้วล่ะว่าราคาที่นี่ทำออกมาดี แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่แค่ราคาครับ เพราะที่นี่ไม่ได้ลดทุกอย่างให้ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พยายามจะใส่ spec ในส่วนกลางเข้ามาให้ตัวโครงการมี Value แต่ยังอยู่ในระดับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายอยู่
Price x Facility x Spec
อย่างส่วนกลางที่ถูกยกขึ้นไปชั้น Rooftop ทั้งหมด ในคอนโดราคาระดับประมาณนี้จริงๆ หายากมากครับ ในยุคนี้คอนโดบางทีเลือกตัดส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำออกไปด้วยซ้ำ มีแค่ห้องพักผ่อนห้องทำงานต่างๆ ไว้ให้ลูกบ้านมาใช้งาน ส่วนดีเทลการออกแบบต่างๆ พอเป็นศุภาลัยยุคใหม่ก็ค่อนข้างมีการปรับจากเดิมให้ดูดีขึ้นไปเยอะพอสมควร ดูจากภาพ Render แล้ว ของจริงก็น่าจะออกมาสวยเช่นกัน
อีกอย่างที่ทำออกมาดีคือ Spec ภายในห้องครับ วัสดุที่เลือกใช้และที่โครงการให้แต่ละจุดค่อนข้างให้ของโอเคเลยเทียบกับราคา เริ่มจากความสูงเพดานที่ 2.7 เมตร, ให้ digital door lock, ชุดครัวครบชุดมีเตาและที่ดูดควันปล่อยออกข้างนอก, ห้องน้ำที่ให้มาครบ ทั้งฉากกั้น เครื่องทำน้ำอุ่น ให้มายัน Rain shower ซึ่งก๊อกทั้งหมดเป็นรุ่นสีดำจาก Hafele เพื่อให้เข้าตีมความเป็น Supalai Loft ตามชื่อโครงการ
ในด้านของแปลนห้อง ที่นี่ก็ยังคงทำห้องไซส์ที่ค่อนข้างใหญ่ตามสไตล์ศุภาลัย แต่รอบนี้จะมีการปรับโซน แบ่งพื้นที่ภายในห้องให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้แค่ใหญ่อย่างเดียวแล้ว สังเกตจากในห้องหลายๆ แปลนจะมีแบ่งโซนสำหรับทำ Walkin Closet หรือการมีโซน Favorite Corner ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ ทำให้ห้องใช้งานได้ยืดหยุ่นและเป็นสัดเป็นส่วนขึ้น ซึ่งแปลนของห้องที่นี่ก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ สำหรับสไตล์แต่ละคนที่อาจจะแตกต่างกันครับ



สุดท้ายเรื่องของทำเล ก็ต้องบอกว่าที่นี่ไม่ได้ติดรถไฟฟ้าในระยะเดินแบบใกล้ๆ ครับ จะห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 850 เมตรจาก MRT วงศ์สว่าง เป็นระยะพอเดินได้ แต่ก็แอบเดินเยอะหน่อย ซึ่งโครงการก็มีรถ Shuttle รับส่งลูกบ้านให้ด้วยครับ บริเวณแยกวงศ์สว่างจะมีห้างอย่าง Big C อยู่ ซึ่งจุดนี้ของกินค่อนข้างเยอะ ฝากห้องได้สบาย แต่ถ้าเดินมาบริเวณโครงการอาจจะมีร้านค้าค่อนข้างน้อยครับ เป็นบ้านคนและตึกริมถนนซะส่วนใหญ่
แต่สิ่งที่ได้มาคือโครงการนี้ไม่ต้องเข้าซอยครับ ตั้งอยู่บนถนนรัชดาซึ่งเป็นถนนใหญ่ พออยู่บนนถนนรัชดาช่วงนี้ การเดินทางเข้าเมืองก็จะค่อนข้างสะดวก ไปนิดนึงก็รัชโยธิน หรือจะไปบางซื่อ, จตุจักร, 5 แยกลาดพร้าวก็ไม่ไกลครับ รวมไปถึงใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ทำให้การเดินทางด้วยรถก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างของทำเลนี้ครับ
สำหรับใครที่กำลังขยับขยาย มองหาคอนโดเป็นของตัวเองในราคาไม่สูงมาก งบ 1 ห้องนอนอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท (เป็นงบ 2-3 ล้านที่ยังเหลือเงินแต่งห้อง) เดินทางเข้าเมืองสะดวก ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีส่วนกลาง มี spec ห้องที่ดี ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่น่าสนใจ ลองมาชมโครงการกันได้ทุกวันที่ Sales Gellery ของโครงการ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า – 6 โมงเย็น
หรือลงทะเบียน/ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 1720
