รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : “ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ” ติดห้าง ติดรถไฟฟ้า ราคาว้าว

ถ้าพูดถึงทำเลคอนโดที่ราคาจับต้องได้ช่วงราคา 1-3 ล้าน แน่นอนครับ ทำเลอาจจะไม่ใช่กลางเมืองจ๋าๆ แต่ก็จะเป็นที่อยู่ถัดออกมานิดนึง แล้วทำเลยอดฮิตที่คอนโดจะไปกันเป็นที่ไหนหล่ะ? 

ก็คงหนีไม่พ้นสุขุมวิทตอนปลาย, ฝั่งธน, พหลช่วงสะพานใหม่ไปลำลูกกา หรือจะเป็นรถไฟฟ้าสายรองสีต่างๆ ที่กำลังสร้างใหม่อยู่ตอนนี้ หรือออกไปหน่อยก็มีคอนโดตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง

ซึ่งแต่ละทำเลก็จะมีจุดเด่นของตัวเองที่แตกต่างกันออกไปครับ แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาดูโครงการ “ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ” ซึ่งที่นี่ก็ชูจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ติดห้างดังของฝั่งธนอย่างซีค่อนบางแค, ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่เป็นรถไฟฟ้าสายหลัก ต่อเดียวเข้าถึงสีลม/พระราม 4 และติดถนนใหญ่อย่างเพชรเกษม มาในราคาเบาๆ ตามสไตล์ศุภาลัยที่เริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท

ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะน่าสนใจแค่ไหน เดี๋ยววันนี้ LivingPop จะเล่าเกี่ยวกับโครงการนี้ให้ฟังครับ


จุดเด่นโครงการ

ติดห้าง ติดรถไฟฟ้าสายหลัก

Unit ไม่เยอะ แค่ 376 ห้อง

เริ่ม 1.89 ล้าน ราคาเฉลี่ยตรม.ละ 66,500 บาท

ฝั่งธน

ย่านชุมชนเก่าแก่ ใกล้เมือง ที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่เปลี่ยนไปเมื่อมีรถไฟฟ้า

ก่อนจะไปพูดถึงทำเลโครงการ ขอพูดถึงฝั่งธนกันซักหน่อยก่อนครับ สำหรับย่านฝั่งธนเองเนี่ย จริงๆ ต้องบอกว่าเป็นย่านที่ใกล้เมืองมากนะครับ นึกภาพข้ามสะพานปิ่นเกล้าไปก็สนามหลวงเลย ข้ามสะพานตากสินก็ถึงสาทร หรือนั่งรถไฟฟ้าสีน้ำเงินจากท่าพระ แวบเดียวถึงเยาวราช-สามย่าน แต่ทำไมย่านนี้ยังดูเจริญไม่เท่าอีกฝั่งแม่น้ำอย่างพระราม 9 รัชดา ลาดพร้าว

ทีมงานคิดว่าด้วยลักษณะทางกายภาพเมืองกรุงเทพแต่ก่อนที่มีแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่กั้นระหว่างฝั่งพระนคร กับฝั่งธนครับ ซึ่งในเมื่อก่อนสะพานข้ามก็มีค่อนข้างน้อยมาก ติดย่านเมืองเก่าด้วย การขยายตัวของเมืองในยุคปี 2520-2540 ที่เมืองจะโตตามแนวถนนเป็นหลัก ก็เลยกลายเป็นว่าเมืองขยายไปในทางฝั่งตะวันออกซะมากกว่า ฝั่งธนก็ไม่ใช่ว่าไม่เจริญขึ้นนะ แต่ก็จะไปแบบช้าๆ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

เราจะเห็นได้ว่าฝั่งธนนี่ก็จะมีความเป็นย่านชุมชนเก่าครับ ยิ่งถนนเส้นหลักๆ อย่างจรัญสนิทวงศ์หรือเพชรเกษมนี่จะเห็นได้ชัดเลย คือเป็นย่านที่มีคนอยู่หนาแน่นนะ แต่จะเป็นตึกแถวและอาคารไม่สูงมากเป็นหลัก ย้อนกลับไปยุคก่อนรถไฟฟ้าตึกสูงในย่านฝั่งนี้นี่แทบนับนิ้วได้เลยนะ จะเน้นเป็นชุมชนแนวราบตามถนนสายหลักเป็นส่วนใหญ่

จนมีรถไฟฟ้าเข้ามา.. ย่านนี้ก็เปลี่ยนไป

ต้องบอกว่ายุคที่ฝั่งธนเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดด หนีไม่พ้นยุคที่ย่านนี้เริ่มมีรถไฟฟ้าเข้ามาตั้งแต่ช่วงประมาณ 10 ปีที่แล้วครับ เริ่มจะรถไฟฟ้า BTS จากเดิมที่สุดที่สถานีสะพานตากสิน คนฝั่งธนต้องนั่งเรือข้ามฟากไปขึ้นรถไฟฟ้า ก็ได้มีส่วนต่อขยายมาย่านตลาดพลู-บางหว้า คอนโดต่างๆ ก็ทะยอยมาขึ้นวงเวียนใหญ่-กรุงธนกันจนแน่น พร้อมชื่อต่อท้ายว่าสาทรกันแทบทุกโครงการ 

และอีกสายที่ทำให้ย่านฝั่งธนเจริญขึ้นไปอีก ก็หนีไม่พ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่เป็นส่วนต่อขยายจากใต้ดินเดิม มาตัดผ่านฝั่งธนแบบเต็มๆ ทั้งเส้นจรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม 

จากชุมชนตึกแถว ก็กลายเป็นเริ่มมีห้างใหม่ มีตึกออฟฟิศ และที่หนีไม่พ้นก็คงเป็นคอนโด ที่มาเปิดโครงการใหม่กันเรียกได้ว่ามีให้เลือกทุกสถานีของฝั่งธน ห้างเดิมที่เปิดอยู่ก็ทะยอยกัน renovate เพื่อรับการมาของรถไฟฟ้า หรืออย่างห้างฟิวเจอร์บางแค ที่เจอปัญหายุคปี 40 จนเงียบๆ แทบร้างไป ก็ได้กลุมซีค่อนมา renovate กลายเป็นห้างซีค่อนบางแค อีกหนึ่งห้างใหญ่เจ้าพ่ออีเว้นแปลกของย่านนี้ ก็ถือว่าเปลี่ยนย่านนี้ไปพอสมควรครับ

ก็ถือเป็นย่านใกล้เมือง ที่ถูกใครหลายๆ คนลืมไป ช่วงก่อนจะมีรถไฟฟ้า แต่ยุคนี้ก็ต้องบอกว่าด้วยความที่ความเจริญของย่านนี้ยังไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุด เราก็ยังสามารถหาโครงการที่ติดรถไฟฟ้า เข้าเมืองง่าย ในราคาที่เป็นมิตรได้จากย่านฝั่งธนอยู่นั่นเองครับ

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

อีกหนึ่งรถไฟฟ้าสายหลัก วิ่งผ่านจุดสำคัญรอบเมือง

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แต่เดิมจะเป็นสายที่วิ่งใต้ดิน อยู่ในช่วงบางซื่อ – รัชดา – พระราม 4 – หัวลำโพง ก่อนที่จะมีการสร้างส่วนต่อขยายให้วิ่งเป็นลักษณะคล้ายกับวงกลม โดยด้านบางซื่อเดิมจะขึ้นมาบนดินที่สถานีเตาปูน ก่อนจะข้ามแม่น้ำช่วงบริเวณบางโพ มาถนนจรัญสนิทวงศ์แล้ววิ่งตามแนวถนนมาสุดที่บริเวณท่าพระ

ส่วนด้านหัวลำโพงก็มีการสร้างส่วนต่อขยายผ่านย่านเมืองเก่าอย่างเยาวราช, สามยอด, ปากคลอง และมีอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำมาโผล่ฝั่งธน ก่อนจะเปลี่ยนมาวิ่งบนดินช่วงบริเวณแยกท่าพระ (จุดนี้ตัดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกฝั่ง) แต่ยังไม่สุดแค่นี้ เส้นนี้จะวิ่งต่อตามแนวถนนเพชรเกษมผ่านบางหว้า, ภาษีเจริญ ไปสุดที่หลักสอง ที่เป็นแยกระหว่างถนนเพชรเกษมและถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกที่เป็นที่ต้ังของเดอะมอลล์บางแค

ส่วนต่อขยายที่เปิดให้บริการในปี 2562

โดยส่วนต่อขยายนี้ก็เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมานี่เองครับ ค่อนข้างใหม่เลย โดยก็จะช่วยให้การเดินทางในย่านฝั่งธนเข้าเมืองสะดวกขึ้นมาก อย่างฝั่งที่อยู่เพชรเกษมเอง ก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้าต่อเดียว ไปถึงย่านสีลม พระราม 4 พระราม 9 ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสาย หรือใครที่ทำงานย่านสาทร หรือสีลม จะเปลี่ยนรถที่บางหว้าก็ได้ ส่วนย่านสุขุมวิท ก็จะมี interchange ไปรถไฟฟ้า BTS ที่อโศก

ต้องบอกว่าปัจจุบันสายสีน้ำเงินนี่ก็เป็นรถไฟฟ้าสายหลักอีกสายนึงของกรุงเทพเลยครับ โดยลักษณะของสายนี้จะกึ่งๆ คล้ายกับวงกลม วิ่งล้อมรอบกรุงเทพชั้นใน ซึ่งสายนี้จะมีหน้าที่หลักในการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ เข้าด้วยกัน สังเกตว่านอกจากสายนี้จะวิ่งจากฝั่งธนเข้าเมืองแล้ว ก็จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายต่างๆ เยอะมากครับ

สถานีภาษีเจริญ

หนึ่งในสถานีบนถนนเพชรเกษมที่ใช้ชีวิตได้ค่อนข้างครบทั้งกิน เที่ยว เดินทาง พักอาศัย

เราจะเห็นว่ารถไฟฟ้าสำหรับฝั่งธนไม่ได้มีแค่สถานีเดียวครับ อย่างเส้นเพชรเกษมเองนี่ก็มีสถานีรถไฟฟ้าไป 7 สถานีแล้ว แล้วสถานีภาษีเจริญน่าสนใจยังไง? ไม่ได้เป็นสถานีที่ใกล้เมืองมากที่สุด แต่ทำไมหลายโครงการถึงเลือกมาสร้างที่นี่??

ก็ต้องบอกว่าจุดเด่นของสถานีภาษีเจริญจะอยู่ที่ตรงนี้เป็นโซนที่ค่อนข้างกินอยู่ได้จริงครับ อย่างถนนเพชรเกษมตลอดทั้งสายก็จะมีความเป็นชุมชนเดิมอยู่แล้ว แต่ตรงสถานีนี้จะพิเศษกว่าหน่อยตรงที่มีห้าง Seacon บางแคมาตั้งอยู่ด้วย และไม่ใช่แค่ห้าง ตรงข้ามก็จะมีตลาดขนาดใหญ่อย่างตลาดเสนีย์ บริเวณใกล้ๆ แถวนี้ก็มีร้านอาหาร มีของกินค่อนข้างเยอะ เป็นทำเลนึงที่ค่อนข้าง Lively เป็นที่มาว่าทำไมถึงมีหลายโครงการเลือกมาเปิดที่นี่กันครับ

Seacon Bangkae

ใครที่อยู่ย่านนี้มานาน คงจะต้องทันห้างฟิวเจอร์บางแค แต่ก่อนฟิวเจอร์เค้าไม่ได้มีแต่แค่ที่รังสิตนะ แต่สาขานี้แต่ก่อนเปิดมาคนค่อนข้างน้อยครับ จากพิษเศรษฐกิจยุคปี 40 และเจอคู่แข่งอย่างห้าง The Mall ด้วย แต่หลังจากที่กลุ่ม Seacon ที่เข้ามาซื้อ แล้วทำใหม่ กลายเป็น Seacon บางแค ปัจจุบันก็เป็นอีกหนึ่งห้างคนแน่น ร้านดังเพียง ไม่ว่าจะเป็น Tops, Robinson, Muji, หรืออย่างร้านอาหารที่นี่ก็ค่อนข้างครบ มีไก่ทอดชุงมันกับสุกี้ตี๋น้อยอยู่หน้าห้าง สำหรับสายกินดึกด้วยนะ

และล่าสุด Donki เตรียมจะมาเปิดให้บริการที่นี่ช่วงกลางปีเช่นเดียวกันฮะ


ตลาดเสนีย์ฟู้ด

สำหรับใครที่ไม่อยากกินอะไรในห้าง ตรงข้ามจะเป็นตลาดเสนีย์ มีของกินแนว Street food เป็นหลัก ตลาดนี้ถือว่ามีของกินค่อนข้างครบ ร้านหลากหลาย พึ่งพาได้ครับ ด้านหน้ามีร้านกาแฟอเมซอนและร้านขายยาอยู่ด้วย ส่วนวันไหนใครขี้เกียจเดินมาจริงๆ ร้านในนี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ใน Grab ด้วยเช่นกันนะ


ร้านอาหารและห้างในละแวกนี้

นอกจากห้างและตลาด ด้วยความที่แถวนี้เป็นแหล่งชุมชน ก็จะมีร้านอาหารมาตั้งอยู่เยอะครับ อย่างใกล้ๆ กับสถานีก็จะมีมีตังค์พลาซ่า เป็นโซนร้านของกินที่จุดนึงของละแวกนี้ และสำหรับใครที่เป็นสายบุฟเฟ่ต์ นอกจากสุกี้ตี๋น้อยแล้ว ละแวกนี้ก็จะมีทั้งย่างเนย, ติดมันส์ และก็ Best Beef ครับ

นอกจากที่ตัวสถานีภาษีเจริญเองแล้ว ถัดออกไปสถานีนึงก็จะเป็นตลาดบางแคและโลตัส หรือถัดไปอีกสถานีก็จะเป็นสถานีหลักสอง ที่มีห้าง The Mall บางแคอยู่ เป็นอีกห้างใหญ่ของย่านนี้ที่มีทั้งห้าง ทั้งสวนสนุก สวนน้ำ 


ที่ตั้งโครงการ

220 เมตรจากรถไฟฟ้า มีห้าง Seacon อยู่เยื้องหน้าโครงการ

สำหรับที่ตั้งโครงการ “ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ” ก็ตามชื่อเลยครับ คือจะอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม ห่างจากรถไฟฟ้า MRT ภาษีเจริญ 220 เมตร เป็นระยะเดินที่ใกล้เลย แถมฟุตบาทของถนนเพชรเกษมช่วงนี้ก็จะค่อนข้างกว้างด้วยครับ ด้านข้างของโครงการก็จะเป็นโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า โครงการรุ่นพี่ที่เปิดตัวมาก่อน ผลตอบรับค่อนข้างดีมากตอนนี้ขายใกล้จะหมดแล้ว ทางศุภาลัยเลยซื้อที่ที่อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเดิม เพื่อเปิดตัวเป็นโครงการศุภาลัยลอฟท์ตัวนี้ครับ 

การเดินทางด้วยรถยนต์

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่นี่ก็จะใช้ถนนเพชรเกษมเป็นหลักครับ ถ้าหากจะเข้าเมืองโซนสาทร, สีลม ก็จะวิ่งตามเส้นเพชรเกษมไป แล้วไปข้ามสะพานตามสินครับ หรือถ้าไปย่านเมืองเก่า-พระราม 4 ก็สามารถไปทางวงเวียนใหญ่และไปข้ามสะพานพุธ/สะพานพระปกเกล้าได้ 

ถ้าหากใครจะไปย่านหมอชิต/ห้าแยกลาดพร้าว จากตรงนี้ก็สามารถวิ่งไปเส้นพุทธมลฑลสาย 1 หรือราชพฤกษ์ เพื่อไปขึ้นทางด่วนศรีรัช-วงแหวนได้ครับ จะตัดเข้าไปโซนนั้นได้ค่อนข้างไวอยู่ฮะ

ตัวโครงการจะอยู่บนถนนเพชรเกษมในฝั่งขาเข้าเมือง มีจุดกลับรถอยู่ใกล้ๆ ขับรถมาจากในเมืองสามารถกลับรถเข้าโครงการได้ในระยะไม่ไกลมาก 

การเดินทางด้วยรถเมล์

สำหรับถนนเพชรเกษม ถือเป็นถนนเก่าแก่อีกเส้นนึงของฝั่งธน ดังนั้นขนส่งมวลชนต่างๆ เลยจะค่อนข้างมีเยอะครับ สายรถเมล์จะมีผ่านค่อนข้างเยอะมาก นอกจากนี้ก็จะมีรถสองแถวที่วิ่งในโซนนี้อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน เป็นอีกทางเลือกในการเดินทาง

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

อันนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของโครงการนี้เลย กับการตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินสถานีภาษีเจริญ ข้อดีอย่างที่บอกไปคือสามารถเข้าเมืองได้โดยตรง โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถครับ จากที่นี่ไม่กี่สถานีก็จะถึงเยาวราช, สามย่าน, สีลมแล้ว หรือถ้าใครต้องการไปโซนสาทร จากสถานีภาษีเจริญ นั่งไป 2 ป้าย ก็จะเป็นสถานีบางหว้า ซึ่งเป็น Interchange กับ BTS สถานีบางหว้า สามารถเปลี่ยนสายเพื่อไปโซนสาทรได้ครับ

ระยะเวลาจากสถานีนี้ไปจุดต่างๆ

สถานีภาษีเจริญ >> สถานีบางหว้า : 5 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีท่าพระ : 9 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีวัดมังกร (เยาวราช) : 17 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีสามย่าน : 22 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีสีลม : 23 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีลุมพินี : 25 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีสุขุมวิท (อโศก) : 32 นาที
สถานีภาษีเจริญ >> สถานีพระราม 9 : 35 นาที


รูปแบบโครงการ

คอนโด Highrise 25 ชั้น ติดถนนใหญ่ ยูนิตไม่เยอะ 376 ห้อง ขนาดเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ :Supalai Loft สถานีภาษีเจริญ
Developer : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
เนื้อที่โครงการ :2-0-90 ไร่
จำนวนห้องพักอาศัย :ห้องพักอาศัย 376 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
รูปแบบโครงการ :High Rise 25 ชั้น 1 อาคาร
ลิฟต์ :ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และเซอร์วิสลิฟต์ 1 ตัว
ค่าส่วนกลาง :45 บาท/ตารางเมตร/เดือน
ค่ากองทุน :450 บาท/ตารางเมตร
Facility :ชั้น 1
Lobby
Relax Garden
– Delivery Drop-off
– Inspire Living
– Inspired Creativity

ชั้น 5
– สระว่ายน้ำ
– สระเด็ก
– Inspired Fitness

ชั้น 24
– Pocket Garden
– Scented Garden
– Flora Garden

ชั้น 25
– Sky Lounge
– Sky Active
แบบห้อง : 1 Bedroom ขนาด 30.5 – 35 ตารางเมตร
1 Bedroom Plus ขนาด 45.5 ตารางเมตร
2 Bedroom ขนาด 53 – 63 ตารางเมตร

3 Bedroom ขนาด 80 – 88 ตารางเมตร
ราคา :เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : ประมาณ 66,500 บาท/ตารางเมตร

มาดูตัวโครงการกันบ้างครับ สำหรับศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ จะเป็นโครงการคอนโด Highrise ขนาดไม่ใหญ่มากครับ (เมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนๆ รอบข้าง 555) ที่นี่จะมีที่ดินขนาด 2 ไร่นิดๆ เป็นอาคารสูง 25 ชั้น 1 อาคาร จัดห้องพักออกมาได้ 376 ยูนิตครับ ก็ถือมีห้องพักไม่เยอะมาก

โดยรูปแบบจะเป็นอาคารติดกับถนนใหญ่ มีร้านค้าและ Lobby อยู่ชั้นล่าง ถัดมาจะเป็นชั้นสำหรับจอดรถ สามารถจอดได้ 50% ส่วนชั้น 5 จะเป็นชั้นส่วนกลางหลักของโครงการ มีสระว่ายน้ำอยู่ที่ชั้นนี้ สำหรับห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ไปจนถึงชั้น 25 โดยชั้นที่ 24 จะมีพื้นที่ส่วน Pocket Garden เล็กๆ และชั้น 25 จะมี Sky Lounge และสวน Sky Yard อยู่ด้วยครับ 

ด้านห้องพักอาศัยที่นี่จะเริ่มต้นเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตรขึ้นไป ไปจนถึงห้องไซส์ 3 Bedroom สำหรับห้องนี้จะพิเศษหน่อยครับ เพราะมีแค่ 4 ห้องที่ชั้น 24 และ 25 ของตึก

Master Plan ของโครงการจะเป็นประมาณนี้ครับ

ดีไซน์ของตัวตึกภายนอกและภายในก็จะมาในตีม Minimal Loft ครับ คือจะลดทอนรายละเอียดต่างๆ ลง มีการเอารูปทรงเส้นโค้งมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบจุดต่างๆ จะมีกลิ่นอายของความเป็น Art Gallery อยู่ในโครงการ โดยการเลือกใช้โทนสีและการออกแบบก็จะเน้นให้ถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้นครับ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจุดต่างๆ ก็จะมีการออกแบบที่ผสมความดิบเบา โชว์วัสดุแบบสไตล์ Loft


วิวรอบข้าง

อย่างที่เราบอกไปครับว่าโครงการนี้จะตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้าเดิม โดยจะมีด้านทิศตะวันออก (ด้านขวาของโครงการ) และด้านทิศเหนือ (ด้านหลัง) ที่มีที่ดินติดกัน 

ทิศตะวันออก

โดยโครงการตึกจะมีลักษณะเป็นรูปแบบ L Shape ครับ ก็จะมีห้องบางมุมที่อาจจะหันเข้าหาตึกโครงการเดิมบ้าง แต่ทางโครงการก็ได้มีการพยายามดีไซน์ตึกให้ห่างกันให้ได้มากที่สุด ด้วยการดีไซน์วางสระว่ายน้ำไว้ด้านทิศตะวันออก เพื่อให้ห้องทิศตะวันออกมีระยะห่างระหว่างสองตึก ไม่ให้อยู่ชิดกัน ทิศนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ไม่เน้นวิวมาก ก็จะได้ห้องที่ราคาเบากว่าทิศอื่นหน่อยครับ

ทิศเหนือ

ห้องทิศเหนือ ที่หันไปด้านหลัง จะเห็นตึก B ของศุภาลัยเวอเรนด้าเช่นกัน แต่ทิศนี้จะค่อนข้างห่างครับ เพราะตึกของโครงการเวอเรนด้าส่วนนึงวางแนวเดียวกัน ส่วนที่เห็นเลยจะค่อนข้างอยู่ไกลพอสมควร ความพิเศษของทิศนี้ก็คือจะได้วิวสระแนวยาวครับ คือได้ทั้งวิวสระของโครงการศุภาลัยลอฟท์ และได้วิวของศุภาลัยเวอเรนด้าที่อยู่แนวเดียวกันด้วย ได้วิวสระ 2 สระแบบยาวๆ ไปเลย

ทิศตะวันตก

ทิศตะวันตก สำหรับใครที่อยากได้วิวโล่งขึ้น ทิศตะวันตกก็เป็นด้านนึงที่ยังไม่มีตึกสูงมาสร้างครับ โดยที่ดินติดกับโครงการจะเป็นโชว์รูมรถยนต์ มองไปเห็นแนวถนน, บ้านเรือน และพื้นที่สีเขียวในละแวกนี้

ทิศใต้

อีกทิศที่ค่อนข้างเป็นวิวเปิดโล่งก็จะเป็นด้านทิศใต้ครับ ด้านนี้จะหันเข้าหาถนนเพชรเกษม ตึกสูงที่ใกล้ๆ ก็จะเป็นโครงการคอนโด The Livin ฝั่งตรงข้าม แต่ตัวตึกอยู่ค่อนข้างไกลกัน และไม่ได้บังวิวมากครับ และจะเห็นซีค่อนบางแคที่มีความสูงไม่เยอะมาก นอกนั้นก็แทบไม่มีตึกสูงแล้วครับ


จุดเด่นแบรนด์ Supalai Loft 

สำหรับ Supalai Loft เองก็จะเป็นแบรนด์คอนโดระดับกลางของศุภาลัยครับ โดยส่วนใหญ่คอนโดแบรนด์นี้ก็จะมีจำนวน unit มาแบบกลางๆ ไม่เยอะมาก spec ต่างๆ ในห้องที่ให้ก็จะมีการอัพเกรดขึ้นมา step นึง อย่างคำว่า Loft ของศุภาลัย จะถูกตีความออกมาเป็นคำว่าพื้นที่สูงโปร่งแบบ Loft ดังนั้นคอนโดแบรนด์นี้ส่วนใหญ่ห้องเลยจะเพดานสูงกว่าปกติครับ ให้เป็นความสูง 2.7 เมตรในแทบจะทุกโครงการเลย ก็ถือว่าเกินมาตรฐานในคอนโดระดับราคาล้านปลายๆ ถึง 2 ล้าน

ส่วน spec ต่างๆ ในห้องก็จะมีการอัพเกรดด้วยเช่นกัน อย่างชุดก๊อกน้ำต่างๆ ก็จะให้เป็นแบบดีไซน์สีดำ วัสดุต่างๆ ดูดีขึ้น ชุดครัวมีเตาไฟฟ้า มีเครื่องดูดควันให้ มี Digital Doorlock 

ส่วนกลางของโครงการ

พื้นที่โครงการอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ส่วนกลางก็ให้มาครบ มี Sky Lounge ที่ชั้นดาดฟ้า

รู้จักกับตัวโครงการกันไปคร่าวๆ แล้ว เราลองมาดู ดีเทลของพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่กันบ้างครับ ว่าเค้าจัดออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ภาพรวมก็ต้องบอกว่าขนาดของโครงการอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก เน้นความเป็นส่วนตัวหน่อย มีจำนวน unit อยู่ 300 กว่าห้อง

ดังนั้นส่วนกลางที่มีมาให้ จำนวนก็อาจจะไม่ได้เยอะเว่อ หรือมีเท่าคอนโดที่มีจำนวนยูนิตหลักพันห้องครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะส่วนกลางน้อยนะ ก็ถือว่าจัดมาให้พอดีๆ กับไซส์โครงการและจำนวนลูกบ้านที่ใช้งานครับ ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คอนโดสมัยนี้มีก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Lobby ขนาดใหญ่, ห้อง Sky Lounge 

เรามาดูกันทีละส่วน ว่าแต่ละพื้นที่มีฟังก์ชั่นและหน้าตาเป็นยังไงบ้างครับ

ชั้น 1

เริ่มต้นกันที่ชี้น 1 บริเวณด้านหน้าโครงการจะเป็นสวน Relax Garden ขนาดพอประมาณ สำหรับกั้นความวุ่นวายระหว่างถนนกับภายในตัวโครงการ สามารถมาใช้งานพักผ่อนได้ ส่วนรอบโครงการจะเป็นถนนสำหรับเดินรถทางเดียววนครับ

ภายในอาคารบริเวณชั้น 1 พื้นที่หลักๆ ก็จะเป็นร้านค้าจำนวน 2 ร้าน, พื้นที่ Lobby, ห้องนิติ และงานระบบต่างๆ ครับ ที่ด้านหน้า Lobby จะมี Drop off สำหรับรับส่งลูกบ้านอยู่ ที่นี่จะมีโซน Delivery Drop off สำหรับรับอาหาร Delivery โดยเฉพาะด้วยนะครับ เข้ามาใน Lobby การตกแต่งจะเป็นสไตล์ Loft ผสมกับรูปทรงในลักษณะโค้งและลายจากธรรมชาติ เช่นลายหิน  สีที่เลือกก็จะออกมาในโทนขาวครีมและส้มอิฐครับ โดยรวมดูดีทีเดียว

พื้นที่ของ Lobby มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ เค้าเลยจะจัดพื้นที่ออกมาเป็นหลายโซน ให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย มีโซน Inspire Living สำหรับเป็นชุดโซฟานั่งเล่น นั่งพักคอย มีโซน Inspired Creativity ที่จะเป็นโต๊ะ สามารถนั่งพูดคุย ทั่งทำงานกันได้ หรือมุม Counter Bar สำหรับนั่งทำงานบนเคาท์เตอร์แบบเดี่ยวๆ 

พื้นที่ในห้องนี้ก็จะจัดออกมาหลายรูปแบบหน่อย เน้นกระจายการใช้งานไปแต่ละจุด ให้คนมีระยะห่างกันครับ


ชั้น 5 

ถัดมาชั้นส่วนกลางหลักของที่นี่จะอยู่ที่บริเวณชั้น 5 ครับ ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำและฟิตเนส โดยสระว่ายน้ำจะมาพร้อมสระเด็ก ส่วนด้านข้างจะมีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนทั้งบริเวณใต้อาคาร และบริเวณสวน Pocket Garden ข้างๆ สระว่ายน้ำครับ

ด้านข้างของสระว่ายน้ำจะมีห้อง Inspired Fitness ในห้องนี้ก็จะมีเครื่องสำหรับออกกำลังทั้งคาดิโอ เวทเทรนนิ่ง ต่อยมวย และพื้นที่โยคะครับ ขนาดอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่าโอเคกับจำนวน unit  เลย

ตีมการออกแบบของห้องนี้ก็จะมาในคอนเซป Reflection ที่เป็นเหมือนเงาสะท้อนของน้ำครับ ห้องจะเป็นโทนสว่างครับ ดูปลอดโปร่ง เห็นวิวบรรยากาศสระว่ายน้ำด้านนอก ส่วนด้านในก็จะมีการใช้กระจกเข้ามาตกแต่ง


ชั้น 24 

สำหรับชั้น 24 จะเป็นอีกจุดนึงของโครงการที่มีสวน Pocket Garden ครับ โดยชั้นนี้จะมีสวน 2 ฝั่งด้วยกัน ฝั่งแรกอยู่ด้านหน้า เป็น Scented Garden ที่จะปลูกไม้มีกลิ่นในสวนนี้ ส่วนด้านหลังจะเป็น Flora Garden ที่จะเป็นสวนไม้ดอก 


ชั้น 25

ชั้นนี้จะเป็นชั้นบนสุดที่มีห้องพักอาศัย โดยจะมีครึ่งนึงที่จัดออกมาเป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ เมื่อออกจากลิฟต์มาเราก็จะเจอกับ Sky Lounge เป็นห้องนั่งเล่นที่ชั้น 25 สำหรับมานั่งทำงานรับวิวจากที่สูงได้

ในห้องนี้ก็จะถูกจัดออกมาหลายโซนเช่นกัน โดยจะมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่น มีโต๊ะสำหรับนั่งทำงาน มีโซน Private Space หลบมุม สำหรับใครที่อยากนั่งทำงานแบบเป็นส่วนตัวมากขึ้น และห้องนี้จะได้เป็นเพดาดสูงเลย ค่อนข้างจะโปร่ง ด้านข้างกันจะเป็นสวน ทำให้วิวของ Sky Lounge ก็จะเห็นพื้นที่สีเขียวตรงนี้ด้วย

นอกจากนี้ตัวสวนก็ยังมีฟังก์ชั่นเล็กๆ อย่างพื้นที่โล่งสำหรับมาเล่นโยคะ หรือมีพื้นที่ Bar สำหรับมานั่งทำงาน นั่งชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกได้ด้วยครับ

และยังไม่หมด สำหรับคอนโดศุภาลัย สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือพื้นที่สำหรับเด็ก ดังนั้นที่นี่ ที่ชั้นดาดฟ้า จะมีพื้นที่ Sky Active ที่เป็นพื้นที่โล่ง มีกิจกรรมให้เล่นอย่างปีนหน้าผา (สูงประมาณ 2.5 เมตร) และพื้นที่แรมป์สเกตบอร์ดเล็กๆ อยู่ครับ แต่ชั้นนี้จะต้องขึ้นมาทางบันไดหนีไฟนะ


Universal Access

สำหรับส่วนกลางของที่นี่ ก็จะมีการพยายามดีไซน์ให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ

โดยเริ่มตั้งแต่ที่ชั้นล่าง จะมีจุดจอดรถสำหรับผู้ที่ต้องการใช้รถเข็น ซึ่งที่จอดจะมีความกว้างกว่าช่องปกติ สามารถจอดได้ทั้งหมด 6 คัน และส่วนกลางจุดต่างๆ ก็จะมีทางลาด ให้รถเข็นสามารถเข็นได้

ในส่วนของลิฟต์ ที่นี่ก็จะใช้ลิฟต์ดับเพลิง สำหรับอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเข็น และในพื้นที่ส่วนกลางชั้นต่างๆ ก็จะมีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ/ผู้พิการโดยเฉพาะด้วยครับ โดยเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างราวจับต่างๆ

นอกจากนี้ที่นี่ในส่วนของบันไดหนีไฟ ก็จะมีการติดตั้งราวจับขึ้นลงทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถใช้บันไดหนีไฟขึ้นลงได้


ได้ห้องใหญ่ ตามสไตล์ศุภาลัย

มีให้เลือกตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ไปจนถึง 88 ตารางเมตร มีห้องให้เลือกหลายแบบมาก

แน่นอนว่าสำหรับศุภาลัย ที่เราคุ้นเคยกันก็จะเป็นคอนโดที่ได้ห้องไซส์ใหญ่ ในราคาที่ค่อนข้างน่ารัก สำหรับที่นี่ก็ยังคงจุดเด่นตรงนี้ไว้ครับ อย่างไซส์ห้องเริ่มต้นของที่นี่ก็เริ่มที่ 30 ตารางเมตรกันเลย โดยห้องที่จะมีเยอะสุดก็จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ครับ มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 30 ไปจนถึง 35 ตารางเมตร

แบบแปลนที่มีหลักๆ ได้แก่

1 Bedroom หน้าลึก 30.5 – 32.5 ตร.ม. :

ห้อง Type นี้จะเป็นห้อง Type เริ่มต้นของโครงการ แปลนไม่ซับซ้อนครับ เข้ามาจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน ถัดไปจะเป็นห้องนั่งเล่น มีระยะดูทีวีค่อนข้างกว้าง มีฉากกั้นกระจกระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ห้องนอนมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน/โซฟาริมหน้าต่างได้

1 Bedroom หน้ากว้าง 34.5 – 35 ตร.ม. :

ห้องนี้จะเป็นห้องแปลนสำหรับใครที่ชอบพื้นที่แต่ละโซนกว้างๆ ครับ เปิดเข้ามาเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พร้อมโซนรับประทานอาหาร มีระยะดูทีวีกว้าง แบ่งห้องนอนด้วยบานกระจก ห้องนอนมีพื้นที่วางตู้ปลายเตียง วางชั้นทีวีได้ ส่วนครัวจะได้แบบติดระเบียง เหมาะกับคนชอบทำอาการหนักที่ต้องการการระบายกลิ่นที่ดี ห้องนี้เป็นห้องตัวอย่างที่โครงการทำไว้ครับผม

1 Bedroom หน้ากว้าง + Walk-in Closet 35 ตร.ม. :

ห้องนี้ ด้วยพื้นที่ จะมีขนาดเท่ากับห้องก่อนหน้าครับ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือการจัดฟังก์ชั่นการใช้งานภายในห้อง อย่างห้องที่แล้ว แต่ละโซนจะมีขนาดใหญ่ ห้องนี้แต่ละโซนก็จะมีขนาดเล็กลงอย่างละนิด อย่างละหน่อย ครัวจะย้ายตำแหน่งมาอยู่กลางห้อง ไม่ได้ติดระเบียง แต่จะได้พื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ สำหรับแต่งตัว/วางโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามาแทนครับ

1 Bedroom หน้าลึก  + Walk-in Closet  35 ตร.ม. :

เป็นอีกห้องที่มีขนาด 35 ตารางเมตรเช่นกัน แต่ตัวห้องจะมาในลักษณะหน้าลึกครับ โดนปีกซ้ายของห้องจะเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน กั้นด้วยกระจกเช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom แบบอื่นๆ ส่วนปีกขวาของห้องจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว และห้อง Walk-in Closet สำหรับห้องนี้จะได้ครัวแบบปิด มีฉากกั้นให้ครับ


1 Bedroom Plus 45.5 ตร.ม.

สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ที่นี่จะมีไซส์เดียวเลย คือขนาด 45.5 ตารางเมตร ห้องไซส์นี้จะได้ห้องนอนที่เป็นห้องนอนแบบปิด เพิ่มความเป็นส่วนตัวครับ โดยที่ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวจะเปิดโล่งหากัน ในห้องนี้จะมีห้อง Plus หรือที่ศุภาลัยเรียกว่า Favorite Corner ที่ด้านในสุดของห้องนั่งเล่นด้วย ห้องนี้สามารถปรับเป็นห้องทำงาน ห้องพักผ่อน หรือห้องนอนอีกห้องนึงได้


2 Bedroom 55 – 63 ตร.ม.

ห้อง 2 Bedroom ของโครงการนี้จะมีหลาย Type ให้เลือกครับ ตั้งแต่ 2 Bed 1 Bath ขนาด 55 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง 2 Bed 2 Bath ขนาด 62-63 ตารางเมตร เกือบทั้งหมดจะได้ตำแหน่งเป็นห้องมุมด้วยครับ ก็จะได้ข้อดีคือมีหน้าต่างสองด้าน รับแสงรับลมได้เต็มที่ ผนังห้องติดกับคนอื่นน้อยลง ลดโอกาสมีเสียงรบกวนจากข้างห้อง


3 Bedroom 80 – 88 ตร.ม.

ห้องนี้เป็นห้อง Rare ของโครงการนี้เลยครับ ทั้งโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ห้องด้วยกัน เป็นห้อง 3 Bedroom แบบหน้ากว้าง และห้องแบบหัวมุม ตำแหน่งที่ตั้งจะอยู่ที่ชั้น 24 และ 25 ของโครงการครับ ห้องนี้จะได้ที่จอดรถ Fixed ตำแหน่ง 1 คันด้วย และช่องจอดแบบปกติอีก 1 คัน

ห้องตัวอย่าง

โครงการมีห้องตัวอย่างให้ชม อยู่บนโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า เป็นห้อง 1 Bedroom 35 ตารางเมตร

โครงการ Supalai Loft สถานีภาษีเจริญจะมีห้องตัวอย่างทั้งหมด 1 ห้องด้วยกันครับ เป็น 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ต้องบอกว่าด้วยความที่เป็นแบรนด์ Loft พวก spec ของในห้องต่างๆ ก็จะมีความอัพเกรดขึ้นมาจากแบรนด์ Veranda หรือ City Resort ที่เราได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยทุกห้องจะขายแบบ Fully Fitted ครับ จะได้ในส่วนของห้องน้ำ อ่างล้างหน้า กระจก ชักโครก ฉากกั้นอาบน้ำ ฝักบัว และเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนห้องครัว มีเคาน์เตอร์ อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน นอกจากนี้ก็ยังมีแอร์ และ Digital Door Lock ด้วย

เพื่อนๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพว่าของที่ได้นั้นมีการอัพเกรดขึ้นมายังไง เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างกันฮะ


ห้องนี้ก็ถือเป็นแปลนที่ขายดีของศุภาลัยเลยครับ คือได้ครัวปิดอยู่ติดระเบียง ทั้งยังให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้าง วางได้ทั้งโซฟาและโต๊ะทานข้าว ส่วนห้องนอนก็จะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก และตัวห้องน้ำเองจะอยู่ในห้องนั่งเล่น สะดวกเวลาเพื่อนหรือแขกมาเยี่ยมที่ห้องฮะ พื้นที่ได้จะเป็นพื้น SPC แบบ Click Lock ส่วนผนังก็จะเป็นวอลเปเปอร์สีขาว

ถ้าเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอโซฟาก่อนเลย ด้วยขนาดพื้นที่แล้ว สามารถวางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้ หรือใครจะทำเป็นโซฟายาวเต็มผนัง แล้ววางโต๊ะทานอาหารขนาดกำลังพอเหมาะก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะฮะ จะได้ดูเชื่อมกันแบบไร้รอยต่อ ระยะห่างระหว่างโซฟาและชั้นวางทีวีค่อนข้างเยอะเลย แต่อาจจะวางทีวีจอใหญ่มากไม่ได้เท่าไหร่ เพราะจะติดประตูห้องน้ำครับ

ห้องจริงจะไม่ได้มีชั้นวางทีวีให้ เราจะ Built-in เอา หรือซื้อชั้นมาวางเองก็ได้ ถ้าใครมีรองเท้าเยอะ ด้านล่างมีตู้เก็บรองเท้าด้วยก็จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ แถมห้องไม่รกด้วย

มุมทานอาหารสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้ จะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสเหมือนกับห้องตัวอย่าง หรือทำเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วนั่งหันหน้าเข้ากำแพงก็ได้ฮะ

มาต่อกันในส่วนของห้องนอน เขาให้หน้าต่างมาค่อนข้างใหญ่เลยครับ แสงแดดเข้ามาได้เต็มๆ ตอนอยู่ห้องนั่งเล่นก็ไม่รู้สึกมืด เพราะห้องนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก แสงผ่านเข้าไปได้สบายๆ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้เลย จะ 5 หรือ 6 ฟุตก็ได้ เพราะพื้นที่ข้างเตียงยังเหลือทั้ง 2 ฝั่ง

ฝั่งทีวี ใครไม่ได้อยากติดทีวีไว้ในห้องนอน สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เยอะเลย หรือจะทำเป็นมุมทำงานก็ได้นะ

ห้องครัวเป็นประตูบานเลื่อนกระจก จะได้เคาน์เตอร์มาตรฐานของศุภาลัยเหมือนเดิม คือมีเคาน์เตอร์ครัวบิ้วด์อิน มีชั้นเก็บของด้านบน และอ่างล้างจาน ในส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาจะเป็นเตาไฟฟ้ากับเครื่องดูดควันของ Hafele ติดตั้งมาให้พร้อมเลยครับ ชุดครัวที่ให้จะมีขนาดกว้าง 1.2 เมตรครับ ส่วนถ้าเป็นห้องขนาด 2 Bedroom และ 3 Bedroom ก็จะได้ชุดครัวที่กว้างขึ้น เป็นขนาด 1.6 เมตร

พื้นห้องครัวจะเป็นพื้นกระเบื้อง ส่วนระเบียงก็ได้พื้นกระเบื้องเหมือนกัน แต่จะเป็นคนละลาย

ในส่วนของห้องน้ำ ปกติเราจะเห็นอุปกรณ์ต่างๆ เป็นสแตนเลสเงาใช่มั๊ยครับ แต่พอเป็นแบรนด์ Loft เขาเลือกใช้สีดำแทน ห้องน้ำจะเป็นแบบสำเร็จรูปนะ พื้นและผนังเป็นกระเบื้อง Porcelain อ่างล้างหน้ามีช่องเก็บของด้านล่างด้วย มีแค่อ่างล้างหน้ากับชักโครกที่เป็นสีขาวครับ ส่วนก็อกน้ำ ฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่น สายชำระ ที่ใส่กระดาษทิชชู่ ราวแขวนผ้าเช็ดตัวต่างๆ จะเป็นสีดำยี่ห้อ Hafele หมดเลย อ่อ สำหรับโครงการนี้จะได้ Rain Shower ด้วย ส่วนสุขภัณฑ์จะเป็นของ Cotto ครับ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเลื่อนกระจกอันนี้ก็ได้เช่นกันนะครับ

แต่สำหรับ 3 Bedroom ห้องน้ำจะต่างออกไปเล็กน้อยครับ คือเป็นห้องน้ำแบบปกติ ไม่ได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป แล้วก็อ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างที่ด้านล่างไม่มีช่องเก็บของ นอกนั้นก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย

สำหรับห้องนี้ขนาดกำลังพอเหมาะถ้าเพื่อนๆ ต้องการอยู่ 1 – 2 คน เพดานห้องสูง 2.7 เมตร แต่ถ้าเป็นห้องน้ำกับห้องครัวจะสูง 2.4 เมตร ด้วยความที่ห้องนี้ได้หน้าต่างบานใหญ่ ทำให้แสงด้านนอกเข้ามาได้เยอะ ห้องดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด ส่วนห้องครัวเองก็อยู่ติดระเบียง แสงจากด้านนอกก็ทำให้ห้องครัวสว่างตลอดทั้งวัน แถมยังช่วยระบายควันและกลิ่นเวลาเราทำอาหารได้ดีเลย ส่วนห้องนั่งเล่นก็ไม่แคบครับ มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาสังสรรค์เหลือเฟือ

ห้องตัวอย่างก็เป็นไอเดียนึงในการตกแต่งห้อง แต่เพื่อนๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนห้องได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองเลย เพราะห้องที่ขายจะเป็นแบบ Fully Fitted สามารถไปแต่งได้เองตามใจครับผม

ราคา

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นครับ ว่าราคาก็เป็นอีกจุดเด่นนึงของที่นี่เลย จริงๆ ก็ต้องบอกว่าราคาเป็นจุดเด่นของศุภาลัยเสมอมา สำหรับที่นี่ก็เช่นกัน ยังทำราคาได้กระชากใจเหมือนเดิม เรามาลองดูกันครับว่าราคาห้องแต่ละ Type เป็นอย่างไรบ้าง

1 Bedroom 30.5 – 35.0 ตารางเมตร : ราคา 2.04 – 2.69 ล้านบาท
1 Bedroom Plus 45 ตารางเมตร : ราคา 3.01 – 3.34 ล้านบาท
2 Bedroom 1 Bath 53.0 – 60.5 ตารางเมตร : ราคา 3.43 – 4.40 ล้านบาท
2 Bedroom 2 Bath 62.0 – 63.0 ตารางเมตร : ราคา 3.89 – 4.55 ล้านบาท
3 Bedroom 80.0 – 88.0 ตารางเมตร : ราคา 5.87 – 6.63 ล้านบาท

ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมโปรโมชั่นส่วนลดวันโอนอีก ซึ่งแต่ละ Type ก็จะได้ส่วนลดที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 150,000 ไปจนถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้ราคาห้องเริ่มต้นของที่นี่ หักลบส่วนลดแล้วก็จะเริ่มที่ 1.89 ล้านบาทครับ ซึ่งถ้าดูราคาเริ่มต้น อาจจะเป็นตัวเลข Start ที่ไม่ได้หนีจากคู่แข่งในย่านมาก แต่ก็ต้องบอกว่าที่นี่ห้องขนาดเริ่มต้นก็ 30 ตารางเมตรเข้าไปแล้วครับ และยิ่งถ้ามาดูห้องไซส์ 35 ตารางเมตร ก็จะอยู่แค่สองล้านต้นๆ – ถึงกลางๆ หรือถ้างบถึง 2 ล้านปลาย ก็ยังได้ห้องถึง 45 ตารางเมตรครับ

และสำหรับใครที่อยู่เป็นครอบครัว ในงบ 3 ล้านกว่าที่นี่ก็จะได้ห้องไซส์ใหญ่ 2 Bedroom แล้ว ก็ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างทำออกมาได้ดี สำหรับใครที่มองหาคอนโดราคาหยิบจับง่ายแต่ได้ห้องไซส์ใหญ่ครับ

สรุปโครงการ

สเปคอัพเกรดขึ้น ทำเลเด่น ราคาดี มียูนิตไม่แน่น

สำหรับโครงการศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ ก็ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการทำเลดี ในราคาน่ารักมากๆ ขอศุภาลัยที่ทำออกมาครับ ราคาของโครงการนี้เริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท สำหรับห้องไซส์ 30 ตารางเมตร ถ้าจะเฉลี่ยทั้งโครงการออกมาก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 66,500 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมดในย่านนี้ จะแพ้ก็คงแพ้โครงการของตัวเองอย่างศุภาลัยเวอเรนด้าที่เปิดมาก่อนหลายปีที่แล้ว ที่นี่นี่มีราคาสูงกว่าเล็กน้อยครับ ตัวนั้นจะอยู่ประมาณเฉลี่ย 5-6 หมื่นบาท/ตารางเมตร

แต่ที่ราคาสูงกว่า เค้าก็มีเหตุผลอยู่ครับ แน่นอนว่าที่ดินได้มาทีหลัง ราคาที่ดินยุคปัจจุบันก็สูงขึ้น และโครงการมี unit ไม่เยอะมาก ดังนั้นเมื่อหารต้นทุนการก่อสร้างราคาแต่ละห้องออกมาก็อาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมนิดนึง  และสิ่งที่ต่างชัดเจนเลยคือ spec ของต่างๆ ภายในห้องที่ถูกอัพเกรดขึ้นมาอีก 1 step ใหญ่ๆ เลย 

เริ่มจากชุดครัวของที่นี่ จะให้เป็นชุดครัวพร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน, ห้องน้ำจะเปลี่ยนมาใช้กระเบื้อง Porcelain แผ่นขนาดใหญ่ ที่ดูสวยขึ้น ชุดก๊อกน้ำต่างๆ ภายในห้องน้ำก็จะได้อัพเกรดเป็นรุ่นสีดำ ให้เข้ากับตีมที่เป็นลอฟท์มากยิ่งขึ้นครับ โดยห้องน้ำของที่นี่จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (ยกเว้นห้อง 3 ห้องนอนที่เป็นห้องน้ำแบบปกติ) ส่วนกระจกกั้นอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นก็ยังมีให้เช่นเคย

และจุดที่เป็นจุดขายของแบรนด์ Loft เลยก็คือเพดานห้องที่จะสูงกว่าคอนโดปกติทั่วไปใน Segment นี้ ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ 2.4-2.6 แต่แบรนด์ Loft ก็คือเป็นที่รู้กันว่าได้เพดานสูง 2.7 เลยครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นอะไรที่มาทำเพิ่มหรือเปลี่ยนเองทีหลังกันไม่ได้ 

นอกจากนี้ spec ด้านอื่นๆ ก็จะมีการอัพเกรดขึ้นมาอีกด้วยเช่นกัน อย่างหน้าต่างใช้เป็นวัสดุ UPVC ช่วยกันเสียง พื้นเปลี่ยนจากลามิเนตเป็น SPC แบบคลิ๊กล๊อกป้องกันการบวมน้ำ และมี Digital Doorlock มาให้แล้ว ตามยุคตามสมัย ไม่ต้องไปซื้อติดตั้งเอง

ถ้าดู spec ทั้งหมดที่ให้มา กับราคาที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมแค่นิดเดียว ก็ถือว่าเป็นอีกโครงการที่ทำราคาออกมาได้ดีมากๆ เหมือนเคยครับ

อย่างห้อง 35 ตารางเมตรของที่ราคาก็จะอยู่ในช่วง 2 ล้านต้นๆ – กลางๆ ห้อง 45 ตารางเมตร ที่นี่ก็ยังมีราคา 2 ล้านปลายๆ อยู่ครับ หรือแม้แต่ห้องแบบ 2 Bedroom ไซส์ใหญ่ 60 ตารางเมตร งบ 3 ล้านกว่า ที่นี่ก็ยังหาซื้อได้ ซึ่งในยุคนี้ ทำเลติดรถไฟฟ้าแบบนี้ค่อนข้างหาได้ยากจริงๆ

ทีนี้มาพูดถึงทำเล ตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT ภาษีเจริญ และได้ข้อดีของการที่อยู่ตรงข้ามห้างซีค่อนบางแคและมีตลาดอยู่ใกล้ๆ เป็นย่านที่ได้ทั้งการเดินทางกับได้ Lifestyle การกินอยู่ ที่ใช้ชีวิตได้จริงครับ  ด้วยตัวทำเลจริงๆ ก็ค่อนข้าง Prove ตัวเองแล้วในระดับนึง จากที่เราจะเห็นมีคอนโดมาเปิดที่สถานีนี้กันค่อนข้างเยอะ เรียกได้ว่าเยอะที่สุดบนเส้นเพชรเกษมแล้ว ซึ่งถ้าเราลองดูมีสถานีที่ใกล้เมืองกว่านี้ไหม ก็มีครับ แต่ที่นี่จะได้เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ตามที่เล่าไป 

ทำเลนี้จุดเด่นก็คือจะสะดวกสำหรับใครที่ใช้รถไฟฟ้าสำหรับเข้าเมือง สามารถขึ้นจะหน้าโครงการไปในเมืองแบบไม่ต้องเปลี่ยนรถได้เลย สะดวกสำหรับใครที่ทำงานในแนวสามย่าน, พระราม 4, สีลม, อโศก หรือถ้าใครที่ทำงานย่านสาทร ก็สามารถเปลี่ยนรถไป BTS ได้ที่สถานีบางหว้า ก็จะไปย่านสาทร สีลมได้เช่นกัน

และตัวโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ที่เป็นถนนสายหลักของฝั่งธน ดังนั้นถนนเพชรเกษมเองก็จะมีรถประจำทางค่อนข้างเยอะ รวมไปถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนถนนเส้นนี้ตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โรงเรียน โรงพยาบาล

อีกจุดที่โครงการนี้ค่อนข้างจะแตกต่างกับคู่แข่งรอบข้างที่เป็นตึก Highrise เหมือนกัน คือจำนวน unit ครับ ส่วนใหญ่รอบข้างก็จะเป็นหลักพันห้อง++ กันทั้งนั้น ที่นี่แทบจะเป็นตัวเลือกเดียวเลยสำหรับใครที่มองหาคอนโดที่ยูนิตน้อยหน่อย หรือใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่อยากวุ่นวายเจอคนเยอะๆ 

ซึ่งคอนโดทั้งสองแบบก็จะมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไปครับ อย่างถ้า unit เยอะ ก็อาจจะใส่ส่วนกลางมาได้เยอะตาม แลกกับมีคนมาร่วมใช้เยอะ แต่ถ้าคอนโด unit น้อย ส่วนกลางก็จะลดลงไปตามผู้ใช้งานที่น้อยลง แต่ได้ความเป็นสงบมากขึ้น 

แต่อย่างที่นี่ ถึงจะไม่ได้มีส่วนกลางเยอะลิสเป็นสิบยี่สิบข้อแบบคอนโด unit หลักพันอัพ แต่ก็ให้ส่วนกลางที่ควรจะมีมาครบครับ ไม่ว่าจะเป็น Lobby ชั้นล่างขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส, ห้อง Sky Lounge ที่ชั้นดาดฟ้า และมีพื้นที่สำหรับเด็กที่ชั้นบนสุด ก็ไม่ได้ตัดส่วนกลางอะไรที่จำเป็นหรือคอนโดควรจะมีออกไป ดังนั้นข้อนี้ก็จะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนชอบคอนโดสไตล์ไหนกัน เน้นส่วนกลางอลังการมากน้อยแค่ไหนฮะ

จริงๆ แล้วตัวทีมงานเองก็เป็นคนนึงที่เลือกซื้อคอนโดที่สถานีภาษีเจริญเหมือนกัน ด้วยความที่ติดรถไฟฟ้าและติดห้าง ส่วนตัวคิดว่าสำหรับโครงการนี้ก็เป็นอีกโครงการนึงที่น่าสนใจทั้งทำเล และราคาที่ทำออกมาจับได้เป็นเจ้าของได้จริงครับ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจโครงการ “ศุภาลัย ลอฟท์ ภาษีเจริญ” ทางโครงการจะเปิดให้จองครั้งแรกในงานวันที่ 17-23 พ.ค.นี้ ที่ชั้น 1 ของซีคอนบางแค 

ซี่งที่นี่อาจจะไม่ได้มี Sales Gallery ให้ชมนะครับ แต่สามารถติดต่อหรือลงทะเบียนในเว็บเพื่อให้เซลพาไปดูห้องตัวอย่างโครงการ ที่ทำไว้อยู่บนตึกศุภาลัย เวอเรนด้าที่อยู่ข้างๆ ได้ครับ ก็จะเห็นห้องจากวิวที่คล้ายกับวิวจริงของโครงการเลย

นอกจากนี้สำหรับใครที่จองในช่วงแรกก็จะมีโปรส่วนลดพิเศษ เพิ่มเติมให้อีกด้วย ตั้งแต่ 150,000 – 300,000 บาท ใครที่สนใจสามารถลงทะเบียน/ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ลิงค์นี้ครับ

โทร. 1720


Related posts
รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : "Centro รามอินทรา 2" บ้านเดี่ยวที่ใกล้ถนนรามอินทราและรถไฟฟ้าสายสีชมพู ในราคาเริ่ม 8 ล้านกลางๆ

รีวิวเจาะลึก

เจาะจุดเด่น "MUSE CONDO สะพานใหม่" คอนโดใหม่ตรงข้ามตลาดยิ่งเจริญ ระยะเดินแค่ 170 ม. จากสถานี BTS สะพานใหม่

รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : "Reference สาทร-วงเวียนใหญ่" คอนโดวิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ใกล้สาทรแค่ 2 สถานี ในบรรยากาศส่วนกลางที่ไม่เหมือนใคร

รีวิวเจาะลึก

เจาะจุดเด่น “MILFORD เอกมัย-ลาดพร้าว” บ้าน Private Luxury Townhome ติดทาวน์อินทาวน์