ถ้าพูดถึงคอนโดสำหรับคนทำงานย่านสีลม-สาทร-สามย่าน-พระราม 4 ในระดับ Mainclass ราคาซัก 2-3 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็จะมองมาเป็นแถวฝั่งธนใช่ไหมครับ ด้วยความที่เป็นย่านที่ใกล้เมือง แค่ข้ามแม่น้ำไปก็ถึง แต่ราคายังไม่แรงมาก
วันนี้เราก็จะพาไปรู้จักกับอีกหนึ่งคอนโดที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่สถานี Interchange “ท่าพระ” และไม่ไกลจากแหล่งย่านธุรกิจใจกลางเมืองด้วยครับ กับโครงการ
“Supalai Lite ท่าพระ-วงเวียนใหญ่”
และนอกจากความน่าสนใจในเรื่องของทำเลที่ตั้ง Spec และขนาดห้องเทียบกับราคาของที่นี่เค้าก็ไม่ธรรมดาครับ เป็น Supalai ตัว Rare เลยก็ว่าได้ที่เราจะเห็นเค้ามีงาน Design และให้ Spec ต่างๆ มาแบบนี้ ที่นี่จะเป็นอย่างไร เดี๋ยววันนี้เราพาไปดูแบบเจาะลึกกันครับ
จุดเด่นโครงการ
ใกล้แหล่งงานย่านธุรกิจสีลม-สาทร
ใกล้รถไฟฟ้าสถานี Interchange “ท่าพระ” 570 เมตร
ห้องใหญ่ Spec อัพเกรดให้แบบจัดเต็ม
Supalai Lite
พูดถึงคอนโดจากศุภาลัย หลายๆ คนน่าจะได้ยินในเรื่องของความคุ้มค่ากันอยู่แล้ว แต่ละโครงการเค้าค่อนข้างมาในราคาที่ถือว่าถูกกว่าตัวอื่นในย่าน ไม่ก็จะได้พื้นที่ห้องที่กว้างกว่า เอาเป็นว่าถ้าลองดูราคาต่อตารางเมตรละก็ ยังไงก็มีตัวเลขราคาที่ถูกกว่าเสมอๆ ครับ อันนี้เป็นจุดเด่นของศุภาลัยเสมอมา ที่หลายเจ้าสู้ค่อนข้างยาก ส่วนนึงก็มาจากรูปแบบโครงการที่เน้น Scale ระดับแมส กับการจัดการต้นทุนต่างๆ ของค่ายนี้ที่เก่งมาก ทำให้ทำราคาออกมาได้ดี ในขณะที่ก็ยังคงมาตรฐานการก่อสร้างพร้อมกันไปด้วย
ซึ่งในระยะหลังๆ เราก็จะเห็นศุภาลัยใช้แบรนด์ Supalai Veranda, Supalai Loft ซึ่งเป็นตัวที่เน้นตลาดแมส จับต้องได้ spec ระดับกลางๆ เปิดในทำเลรอบนอกซะเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้เราจะพามาดูโครงการศุภาลัยที่ต่างออกไปครับ กับ Supalai Lite ที่จะเป็นแบรนด์คอนโดศุภาลัยในระดับที่ Upscale ขึ้นมา มี Spec และส่วนกลางต่างๆ ที่อัพขึ้นไปอีกระดับ พร้อมทำเลที่ใกล้เมืองขึ้น ที่นานๆ ทีเราจะเห็นศุภาลัยใช้แบรนด์นี้ครับ
แต่ก็ต้องบอกว่าถึงจะอัพ Spec ต่างๆ ใส่มาให้ค่อนข้างจัดเต็ม แต่ที่นี่ก็ยังมีความคุ้มค่าในแบบของศุภาลัยอยู่ครับ แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงตัวโครงการ เรามาดูในฝั่งของทำเลกันก่อนฮะ
ฝั่งธน ย่านใกล้เมือง
แค่ข้ามฝั่งแม่น้ำก็ถึงย่านธุรกิจสีลม-สาทร
ต้องบอกว่าฝั่งธนเป็นย่านนึงที่ถือว่าใกล้เมืองมากๆ ครับ คือแค่ข้ามสะพานไปเราก็จะถึงฝั่งของย่านธุรกิจแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าย้อนกลับไปยุคก่อน 20-30 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีรถไฟฟ้า ย่านฝั่งธนก็ถือว่าเป็นย่านที่มีการขยายตัวของเมืองออกมาน้อยกว่ากรุงเทพด้านฝั่งตะวันออกพอสมควรครับ ด้วยการที่ส่วนนึงติดย่านเมืองเก่าอย่างโซนสนามหลวง-ราชดำเนิน นอกจากนี้ในยุคนั้นก็ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้เยอะเท่าสมัยปัจจุบัน เมืองเลยเหมือนโดนกั้นด้วยแม่น้ำด้วยส่วนนึงครับ เราเลยจะเห็นว่าในยุค 20-30 ปีก่อน เมืองจะขยายกันไปทางโซนรัชดา-ลาดพร้าว-สุขุมวิทตอนปลายเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่จริงๆ ถ้าเราลองดูระยะห่างจากในเมืองแล้ว ก็จะเห็นว่าฝั่งธนเองก็ไม่ได้ห่างจากย่านธุรกิจต่างๆ มากเท่าไหร่เลยครับ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝั่งธนในยุคนั้นไม่มีอะไรเลยซะทีเดียวนะครับ อย่างย่านวงเวียนใหญ่เอง ตรงนี้ก็เป็นเหมือนศูนย์กลางของย่านในยุคนั้น ก็มีความเจริญในระดับนึง มีห้างต่างๆ เป็นจุดต่อรถ จุดนัดพบ เป็นแหล่งศูนย์กลางของกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าความเป็นเมืองหนาแน่นอาจจะยังไม่ได้กระจายมาทางด้านนี้ เท่ากับฝั่งกรุงเทพด้านตะวันออก
จนกระทั่งการมาถึงของรถไฟฟ้า
ก็ต้องบอกว่าฝั่งธนฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลับมาบูมอีกครั้งหลังจากการเข้ามาพร้อมๆ กันของรถไฟฟ้าหลากหลายสายครับ เริ่มตั้งแต่รถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย ที่ต่อมาจากสถานีสะพานตากสิน ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามามีสถานีกรุงธนบุรีและวงเวียนใหญ่ ก็เป็นครั้งแรกของฝั่งธนที่มีรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำมาให้ได้ใช้บริการกัน หลังจากนั้นก็มียาวไปถึงบางหว้าเลย
ส่วนอีกสายก็จะเป็นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่วิ่งอยู่บน 2 ถนนเส้นหลักของฝั่งธนเลย ไม่ว่าจะเป็นเส้นจรัญฯ และเพชรเกษม เราจะเห็นว่าโครงการคอนโดต่างๆ ก็จะมาเปิดกันตามสถานีรถไฟฟ้าแต่ละสถานี เรียกได้ว่าทุกสถานีก็จะมีอย่างน้อย 1 โครงการก็ว่าได้ครับ
โดยที่จุดเด่นของย่านฝั่งธนคือจากที่นี่จะห่างจากในเมืองเช่นย่านสีลม-สาทร-สามย่านไม่มาก นั่งรถไฟฟ้าไปไม่กี่สถานีก็ถึงใจกลางเมืองแล้วครับ โดยที่พอเป็นฝั่งเมืองที่อาจจะยังไม่ได้เจริญไปไกลมาก เราก็จะยังมีคอนโดต่างๆ ในราคาที่หยิบจับได้ง่าย งบเอื้อมถึง ซึ่งถ้าเรามองคอนโดในกรุงเทพอีกฝั่งด้านนึง ด้วยงบเท่ากันอาจจะต้องไปอยู่ในซอย หรืออยู่สถานีที่ไกลเมืองออกไปอีกครับ
ซึ่งการมาของรถไฟฟ้า นอกจากจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่การเดินทางที่สะดวกขึ้นแล้ว การเกิดขึ้นของโครงการคอนโดต่างๆ มีคนอยู่อาศัยมากขึ้น ก็ทำให้ย่านนี้เริ่มมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามมาด้วยครับ เช่นเราจะเห็นโครงการห้างใหม่ๆ มาเปิด มีคาเฟ่ มีร้านแปลกๆ ใหม่ๆ ตามแนวรถไฟฟ้า
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
รถไฟฟ้า Main Line สายสำคัญ ที่วิ่งรอบกรุงเทพเชื่อมฝั่งธนเข้าเมือง
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะเป็นอีกหนึ่งรถไฟฟ้าสายหลักของกทม.เลยก็ว่าได้ครับ จากการที่เป็นสายที่ถูกออกแบบมาให้วิ่งในลักษณะคล้ายกับวงกลม คือจะเป็นสายที่วิ่งล้อมเมือง ผ่านจุดสำคัญๆ ต่างๆ โดยในบางช่วงก็จะเป็นช่วงที่ผ่ากลางเมืองด้วยเช่นกัน เลยมีหน้าที่ทั้งเป็นการนำผู้คนเข้า/ออกเมือง และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสำคัญๆ สายอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
จุดสำคัญที่รถไฟฟ้าสายนี้ผ่านก็อย่างเช่น ถนนจรัญสนิทวงศ์ทั้งสาย, ย่านเตาปูน-บางซื่อ, หมอชิต, ห้าแยกลาดพร้าว, ถนนลาดพร้าวช่วงต้น, ถนนรัชดา, แยกพระราม 9, อโศก, ย่านศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์-คลองเตย, ลุมพินี, สีลม, สามย่าน, เยาราช, ย่านเมืองเก่า-สามยอด-วังบูรพา-สนามไชย และมีอีกฝั่งที่วิ่งบนถนนเพชรเกษมไปสุดที่เดอะมอลล์บางแค
จะที่ไล่มาก็จะเห็นว่าผ่านจุดสำคัญๆ ต่างๆ ค่อนข้างเยอะมากครับ แต่ด้วยความเป็นสายที่ผ่านหลายทำเล ดังนั้นคอนโดบนแนวรถไฟฟ้าสายนี้ก็จะมีช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้าง มีตั้งแต่หลักหมื่นต่อตารางเมตร ไปจนถึงหลายแสนบาทต่อตารางเมตรเลยทีเดียว
สถานี Interchange ท่าพระ
อีกหนึ่งศูนย์กลางย่านฝั่งธน เป็นทั้งจุดตัดรถไฟฟ้าและจุดตัดถนนสายสำคัญ
ตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับสถานี “ท่าพระ” ที่เป็น Interchange ใหญ่อีกจุดนึงของย่านฝั่งธนครับ สำหรับสายนี้อย่างที่บอกไปคือเค้าจะวิ่งในลักษณะที่คล้ายกับวงกลม แต่มีอีกส่วนนึงที่ต่อออกไปบนถนนเพชรเกษม เลยทำให้สถานี “ท่าพระ” จะเป็น Interchange ที่เป็นจุดตัดระหว่างสายสีน้ำเงินด้วยกันเองครับ (ไม่ได้ไปตัดกับสายอื่นนะ)
เผื่อใครงงการวิ่ง เส้นทางการเดินรถเค้าจะไม่ได้เป็นวงกลมแบบเป็น Loop นั่งวนได้เรื่อยๆ แบบไม่ต้องเปลี่ยนรถครับ แต่เค้าจะวิ่งเป็นเหมือนเลข 6 คือเริ่มจากสถานีท่าพระ ไปทางถนนจรัญฯ ข้ามแม่น้ำเข้าเตาปูนบางซื่อ ไปลาดพร้าว รัชดา อโศก พระราม 4 เยาวราช แล้วลอดแม่น้ำ กลับมาที่สถานีท่าพระอีกทีนึง ก่อนจะวิ่งต่อไปยังบนถนนเพชรเกษม แล้วไปสุดที่หน้าเดอะมอลล์บางแคครับ
แล้วจุดเด่นของการอยู่สถานี Interchange แบบนี้คืออะไร
ก็ต้องบอกว่า เราจะสามารถไปได้ทุกทิศทางโดยที่เราไม่ต้องลงจากรถมาเปลี่ยนขบวน เปลี่ยนสายครับ ยกตัวอย่างเช่นถ้ามาจากสถานีทางจรัญ จะเข้าเมืองฝั่งสามย่าน-สีลม-พระราม 4 ก็จะต้องลงจากรถเปลี่ยนขบวนก่อน 1 ครั้งที่สถานีท่าพระครับ หรือถ้ามาจากฝั่งเพชรเกษม จะไปจรัญก็จะมีการเปลี่ยนรถก่อนเช่นกัน แต่ถ้าอยู่ที่สถานีท่าพระอยู่แล้ว ก็สามารถไปได้ทั้ง 3 เส้นทาง เข้าเมือง/ไปจรัญฯ/ไปเพชรเกษม โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนรถเปลี่ยนสายครับ ก็จะเป็นข้อดีของสถานี Interchange ตรงนี้
นอกจากนี้ตัวสถานีเค้าก็จะตั้งอยู่บนแยกท่าพระ ที่ก็ถือว่าเป็นอีกแยกใหญ่ของฝั่งธนเช่นเดียวกันครับ ตรงนี้จะเป็นจุดตัดกันระหว่างถนนสายสำคัญ 2 สายของฝั่งธนอย่างเพชรเกษมและจรัญสนิทวงศ์ ดังนั้นเราก็จะเห็นความอลังการของแยกนี้ไม่ว่าจะเป็นการมีทั้งอุโมงค์และสะพานข้ามแยกซ้อนกัน แล้วพอเป็นถนนหลัก 2 เส้นตัดกัน สิ่งที่ตามมาก็คือการเดินทางไปเชื่อมต่อย่านต่างๆ ก็ค่อนข้างที่จะสะดวกครับ นอกจากนี้ในเรื่องระบบการขนส่งสาธารณะที่นอกเหนือจากรถไฟฟ้าตรงนี้ก็จะมีให้เลือกเยอะ เนื่องจากเป็นถนนเก่าแก่ทั้ง 2 สาย มีทั้งรถเมล์ รถกะป๊อ แท๊กซี่ผ่านตลอดวัน มีพี่วินมาจอดรอเรียก
ที่ตั้งโครงการ
ติดถนนเพชรเกษม 570 เมตรจากสถานี Interchange ท่าพระ
สำหรับที่ตั้งโครงการ จะตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมฝั่งขาออก ถ้ามาจากวงเวียนใหญ่ก็จะอยู่ในช่วงก่อนถึงกับแยกท่าพระครับ โดยตัวโครงการจะมีระยะห่างจากตัวสถานีท่าพระที่ตั้งอยู่ตรงแยก ประมาณ 570 เมตรครับ อาจจะไม่ถึงกับติดซะทีเดียว แต่ก็อยู่ในระยะที่ยังเดินได้ครับ ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ก็จะมีจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ทั้งฝั่งเข้าเมืองและออกนอกเมืองครับ
7 สถานีถึงสีลม ด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
จุดเด่นของตัวทำเลนี้ จะเป็นเรื่องของการใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการเข้าเมือง ที่ค่อนข้างสะดวกมากครับ โดยถ้าขึ้นจากสถานีท่าพระ 4 สถานีก็ถึงเยาวราชแล้วที่สถานีวัดมังกร หรือถ้าไปย่านแหล่งงาน สถานีสีลมเองก็แค่ 7 สถานีครับ นอกจากนี้ก็สามารถนั่งยาวเพื่อไปสู่ย่านอโศก-พระราม 9 ได้ แล้วอย่างที่บอกว่าสถานีนี้เป็นจุด Interchange ดังนั้นก็จะสามารถขึ้นไปฝั่งจรัญฯ เพื่อเข้าเมืองฝั่งบางซื่อได้เช่นเดียวกัน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น อันนี้จะเป็นเวลาคร่าวๆ จากการขึ้นสถานีท่าพระไปสถานีต่างๆ ครับ (ไม่รวมเวลารอรถนะครับ)
สถานีท่าพระ >> สถานีวัดมังกร (เยาวราช) : 9 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีสามย่าน : 12 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีสีลม : 14 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีศูนย์สิริกิติ์ : 19 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีสุขุมวิท (อโศก) : 22 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีพระราม 9 : 26 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีบางหว้า : 3 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีไฟฉาย : 4 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีบางซื่อ : 21 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีจตุจักร : 25 นาที
สถานีท่าพระ >> สถานีลาดพร้าว : 30 นาที
ไม่ห่างจากรถไฟฟ้าสายอื่น
นอกจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่เป็นการเดินทางหลักของตัวโครงการนี้แล้ว นอกจากนี้โครงการก็จะใกล้กับรถไฟฟ้าสายอื่นด้วยเช่นเดียวกันครับ ได้แก่
รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสีลม)
สำหรับรถไฟฟ้า BTS ก็จะเป็นอีกหนึ่งสายที่อยู่ใกล้กับโครงการครับ สายนี้ก็จะสะดวกสำหรับใครที่จะไปย่านช่องนนทรี, สาทร, สีลม, สยาม หรือเชื่อมต่อไปย่านเพลินจิต-สุขุมวิท สถานีที่ใกล้ที่สุดมีระยะห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตรครับ และด้วยความที่เส้นทางสายนี้ค่อนข้างจะวิ่งล้อมตัวโครงการ เลยสามารถเลือกใช้งานได้หลายสถานี โดยที่ระยะห่างก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 กิโลเมตรพอกันครับ
อย่างเช่นถ้าเราอยากใช้รถไฟฟ้า BTS โดยที่ขึ้นมาจาก MRT สายสีน้ำเงิน ก็สามารถนั่งย้อนไปที่ MRT สถานีบางหว้า ที่ห่างออกไป 2 สถานี เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีชื่อเดียวกันได้ครับ หรืออีกทางเลือกก็นั่ง MRT สายสีน้ำเงินเข้าเมืองไปเลย และไปเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีสีลม-ศาลาแดง
แต่ถ้าไม่อยากขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินไปต่อ ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ ครับ เช่นสามารถใช้รถเมล์สาย 84 ที่ผ่านหน้าโครงการ ไปลงที่สถานี BTS กรุงธนบุรีได้ ก็จะประหยัดค่าต่อรถและเดินน้อยครับ หรือถ้าใครเร่งรีบ ต้องการความเร็ว ก็สามารถใช้วิน ถ้าพี่วินในพื้นที่ที่รู้ทาง เค้าก็จะลัดเลาะเข้าทางถนนเทอดไทเข้าซอยลับตรงวัดโพธ์นิมิตร ที่ผ่านได้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ ก็จะสามารถมาทะลุออก BTS สถานีโพธิ์นิมิตรได้ครับ
แต่ถ้าอยากจะช้อปปิ้งก่อนกลับบ้าน ก็เลือกมาลงที่สถานีตลาดพลู ตรงนี้ก็จะมีทั้ง The Mall ท่าพระ, ตลาดต่างๆ เสร็จแล้วก็ใช้รถเมล์ฝั่งตรงข้ามห้าง มาลงช่วงก่อนถึงแยกท่าพระ แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อยก็ถึงโครงการครับ
รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้
รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็จะเป็นอีกสายหนึ่งที่ใกล้กับโครงการเช่นเดียวกันครับ มีเส้นทางมาผ่านอยู่ที่บริเวณวงเวียนใหญ่ ตัวสถานีห่างออกไปไม่ถึง 2 กิโลเมตร โดยเส้นทางหลักๆ ของสายนี้จะวิ่งต่อจากสายสีม่วงเดิมบริเวณเตาปูน ผ่านรัฐสภาใหม่ วิ่งมาย่านสามเสน ผ่านหอสมุดแห่งชาติ-แบงค์ชาติ ตัดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีสามยอด แล้วลอดใต้แม่น้ำช่วงบริเวณสะพานพุทธ มาวงเวียนใหญ่ แล้ววิ่งไปทางถนนสุขสวัสดิ์ จบที่พระประแดงครับ
สายนี้เมื่อเปิดบริการก็จะเป็นสายนึงที่ผ่านย่านเมืองเก่าและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพชั้นในพอสมควร ก็จะช่วยให้จากวงเวียนใหญ่ เข้าย่านชั้นในโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแต่การใช้รถยนต์ได้ครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2570 ปัจจุบันกำลังก่อสร้างครับ
รถไฟฟ้าสายสีทอง
สายนี้จะเป็นรถไฟฟ้าล้อยางที่วิ่งจาก BTS สถานีกรุงธนบุรีไปสุดที่คลองสานครับ หลักๆ ก็จะเน้นอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ไปห้าง ICONSIAM ซึ่งถ้ามาจากโครงการก็สามารถใช้รถเมล์สาย 84 หรือเรียกรถต่างๆ เพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายนี้ได้ แต่ถ้าจะเรียกรถไปถึงสถานีสายสีทองแล้วหล่ะก็ ก็แนะนำว่านั่งต่อไปให้ถึง ICONSIAM หรือ BTS กรุงธนบุรีเลยทีเดียวให้จบๆ ดีกว่าครับ ขึ้นสายสีทองเผลอๆ เสียเงินเยอะกว่า มีแค่ 3 สถานี 5555555 (แรงไปไม๊อ่า)
วงเวียนใหญ่ เข้าเมืองได้หลายเส้นทาง
ใกล้หลายสะพาน เชื่อมต่อเมืองได้หลายย่าน
นอกจากในเรื่องของการเดินทางด้วยการใช้รถไฟฟ้าแล้ว วงเวียนใหญ่ก็เป็นเหมือนกับศูนย์กลางของย่านนี้ในสมัยก่อนครับ ดังนั้นถนนเค้าก็จะเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายสาย มีทางเลือกในการใช้รถยนต์เข้าเมืองหลายด้าน เริ่มจากเส้นทางหลักที่คนส่วนใหญ่น่าจะใช้เข้าเมืองในสมัยนี้ก่อน
สะพานตากสิน-สาทร : ตรงนี้จากโครงการก็จะสามารถไปทางวงเวียนใหญ่ และเลี้ยวไปขึ้นสะพานตากสินวิ่งเข้าสาทรได้ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ไม่ไกลกับสะพานมากครับ สามารถเลือกเส้นทางได้ทั้งจากถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือจะไปขึ้นจากเชิงสะพานที่ถนนเจริญนคร สามารถเลือกใช้ได้อยู่ที่ว่าวันไหนบรรยากาศการจราจรเป็นอย่างไรครับ
สะพานพุทธ-สะพานพระปกเกล้า : ด้านนี้ก็จะสำหรับคนที่จะไปย่านเมืองเก่าครับ เผื่อใครที่ทำงานกระทรวงต่างๆ ก็จะสามารถใช้ด้านนี้เพื่อเข้าสู่ย่านเมืองเดิมได้ นอกจากนี้ถ้าสะพานสาทรรถติด ก็จะสามารถใช้ทางนี้เพื่อลัดเลาะเข้าสู่ย่านปทุมวัน ราชเทวี พระราม 4 ได้เช่นกันครับ
สะพานกรุงเทพ-สะพานพระราม 3 : ฝั่งนี้ก็จะเป็นอีกทางในการเข้าเมือง สำหรับใครที่ทำงานอยู่โซนถนนพระราม 3, นราธิวาส และสามารถใช้เป็นทางเลี่ยงรถติด สำหรับใครที่จะไปย่านสาทร, คลองเตย หรือขึ้นทางด่วนได้ด้วยครับ
จรัญฯ-พระราม 7 : เดาว่าคนอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยได้เน้นเดินทางมาฝั่งนี้ แต่ก็สามารถใช้เส้นทางบนถนนจรัญสนิทวงศ์ เพื่อไปข้ามสะพานพระราม 7 ได้ครับ ก็จะสามารถเข้าสู่ย่านบางซื่อ, วิภาวดี, รัชดา, ห้าแยกลาดพร้าวได้
ส่วนตัวเลือกในการเดินทางอื่นๆ นอกจากรถไฟฟ้าและรถยนต์แล้ว ถนนตรงหน้าโครงการเป็นถนนใหญ่และเป็นเส้นเก่าแก่ของย่านฝั่งธน ดังนั้นตรงนี้เค้าก็จะมีรถเมล์ผ่านหลายสายเลยครับ สามารถเลือกขึ้นได้ไปหลายโซน นอกจากนี้ในย่านนี้เองเค้าก็จะใช้รถสองแถวเล็ก (รถกะป๊อ) ในการเดินทางด้วยเช่นเดียวกัน เป็นอีกตัวเลือกเดินทางไปจุดต่างๆ ในย่านใกล้ๆ อย่างไปรถไฟฟ้า BTS
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ
ใกล้ห้างใหญ่หลายแห่งของฝั่งธน
สำหรับตัวโครงการนี้ ในระยะเดินอาจจะไม่ได้มีห้างใหญ่ๆ ครับ แต่ด้วยความที่เป็นถนนดั้งเดิม สองข้างทางเป็นตึกแถว ในซอยมีบ้านคนอยู่เยอะ ดังนั้นระหว่างทางที่เดินจากรถไฟฟ้ามาถึงตัวโครงการ ในตึกแถวต่างๆ ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารตั้งอยู่เรื่อยๆ ตลอดทาง ไม่ว่าจะเดินทางฝั่งขาเข้าหรือฝั่งขาออกครับ อย่าง 7-Eleven นี่ก็มี 2 สาขาเลยครับ ส่วนที่ใกล้กับสถานีท่าพระ ก็จะมีศูนย์อาหารตั้งอยู่อีก 1 จุด สามารถแวะหาอะไรกินตอนกลับบ้านได้
หรือถ้าออกไปหน่อย ตัวโครงการก็จะไม่ไกลจากย่านตลาดพลูบริเวณทางรถไฟ ตรงนี้ก็จะเป็นแหล่ง Streetfood ชื่อดังของย่านฝั่งธนเลย มีร้านขึ้นชื่อหลายร้านครับ และรอบข้างบริเวณนี้ก็จะมีตลาดตั้งอยู่หลายแห่งด้วย
ส่วนแหล่ง Shopping ที่เป็นห้าง ในย่านนี้ก็จะมีให้เลือกหลายที่ครับ ใกล้ที่สุดก็จะเป็นที่ The Platform วงเวียนใหญ่ จะเป็นห้างขนาดไม่ใหญ่มาก เน้นเป็นแหล่งกวดวิชา นอกจากนี้ก็จะมีห่างใหญ่ของย่านอย่างเช่น The Mall ท่าพระ ที่อยู่ที่ BTS ตลาดพลู หรือถ้าอยากนั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวถึงก็จะมีห้าง Seacon Bangkae ที่นี่ก็จะของกินครบแถมมีอีเวนต์จุกๆ ส่วนใครมีฟีลอยากไปแบบลักชูหน่อย ก็สามารถไป ICONSIAM ได้ครับ ก็จะอยู่ไม่ไกลจากโครงการเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บนถนนจรัญฯ เค้าก็จะมีพวก KFC Drive thru, Lotus’s Go Fresh ที่เป็นสาขาที่ค่อนข้างใหญ่ และมี HomePro ตั้งอยู่
ย่านตลาดพลู
ห้างในย่านนี้
รูปแบบโครงการ
คอนโด Highrise ติดถนนใหญ่ 21 ชั้น 421 ยูนิต
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | Supalai Lite Thaphra – Wongwianyai (ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ – วงเวียนใหญ่) |
Developer : | บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) |
เนื้อที่โครงการ : | 2-2-42.1 ไร่ |
จำนวนห้องพักอาศัย : | 421 ยูนิต (ห้องพักอาศัย 419 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต) |
รูปแบบโครงการ : | High Rise 22 ชั้น 1 อาคาร |
ลิฟต์ : | ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และเซอร์วิสลิฟต์ 1 ตัว |
ที่จอดรถ : | 60% |
ค่าส่วนกลาง : | 45 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
ค่ากองทุน : | 450 บาท/ตารางเมตร |
Facility : | Grand Lobby, Meeting Room, Fitness, Playground, Sauna, Kid’s Pool, Swimming Pool&Jacuzzi, Co-living Space, Co-working Space, Pocket Garden, Rooftop Garden และ Smart Locker |
แบบห้อง : | Studio ขนาด 28 – 28.5 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 34 – 35 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 43 – 47 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 52 – 63.5 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 99.5 ตารางเมตร |
ราคา : | เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 80,000 – 90,000 บาท/ตารางเมตร |
สถานะโครงการ : | สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ |
สำหรับรูปแบบโครงการ Supalai Lite ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ ที่นี่จะเป็นคอนโด Highrise ติดถนนเพชรเกษมครับ เป็นถนนใหญ่ ตัวขนาดโครงการมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ครึ่ง ความสูงอาคารอาคารอยู่ที่ 22 ชั้นจัดออกมาเป็นห้องพักอาศัยได้ 419 ห้องครับ ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ Unit ไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่ คนไม่ถึงกับจอแจครับ ใครที่ชอบคอนโดที่มียังมีความสงบๆ หน่อย น่าจะชอบที่นี่ (แต่ก็ไม่ได้ถึงกับน้อยระดับมีแค่ 100-200 ห้องนะครับ)
โดยตัวอาคารเค้าก็จะวาง Facility ต่างๆ มาไว้ในแต่ละชั้นครับ อย่างชั้นล่างก็จะเป็น Lobby มีสวนที่ชั้น 1 ขนาดถือว่าใหญ่เลยพร้อมสนามเด็กเล่นด้านหลังโครงการ มีฟิตเนสและสระว่ายน้ำที่ชั้น 5 ส่วนที่ชั้น 21 และ 22 จะเป็น Co-Living Space และ Co-Working Space ห้องใหญ่เพดานสูง และมีสวนอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าด้วย
รูปแบบตึกของที่นี่ ด้วยความที่ด้านหลังของโครงการเป็นซอยสาธารณะขนาดเล็กครับ เค้าก็เลยจะทำตึกให้มี Setback ร่นระยะ สังเกตด้านหลังอาคารจะมีการร่นเข้ามาในแต่ละชั้น เป็นขั้นบันได ทำให้ที่ตัวอาคารในบางชั้น จะมี Pocket Garden เป็นพื้นที่สีเขียวซ่อนอยู่ ก็จะเป็นชั้นพิเศษที่สามารถมาใช้งานพื้นที่สวนเล็กๆ ตรงนี้ได้
ในด้านห้องพักของที่นี่ ก็จะค่อนข้างมีหลากหลาย Type เลยครับตั้งแต่ Studio 28 ตารางเมตร, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom จนไปถึงใหญ่สุด 3 Bedroom เกือบ 100 ตารางเมตรครับ
จุดเด่น Supalai Lite
สำหรับแบรนด์ Supalai Lite เอง ถึงจะเห็นชื่อมีคำว่า Lite แต่จริงๆ ที่นี่จะเป็นแบรนด์ที่ถูกอัพเกรดความหรูหรา อัพเกรด Spec ต่างๆ ขึ้นมาจากแบรนด์ Supalai Veranda, Supalai Loft พอสมควรเลยครับ ซึ่งนานๆ ทีเราจะเห็น Supalai เลือกใช้แบรนด์นี้ อย่างตัวก่อนหน้านี้ก็จะเป็นทำเลฝั่งในเมืองอย่าง Supalai Lite รัชดา-นราธิวาส และ สาทร-เจริญราษฎร์ครับ
ซึ่งมารอบนี้แบรนด์ Supalai Lite เค้าก็ค่อนข้างจัดเต็ม Look&Feel ต่างๆ จะแตกต่างกับโครงการศุภาลัยโครงการอื่นที่เราเคยไปเลย ที่นี่จะมี Concept มี Theme การออกแบบต่างๆ ที่ชัดเจน ทำให้บรรยากาศของโครงการจะดู Premium ไปอีกระดับนึง และทำของจริงออกมาได้ดีด้วยครับ ใครติดภาพศุภาลัยส่วนกลางเก่าๆ เชยๆ ที่นี่ห่างไกลจากคำนั้นมากๆ เป็นศุภาลัย Gen ใหม่แล้ว
อย่าง Concept การออกแบบของโครงการนี้ เค้าจะเน้นสถาปัตยกรรมในรูปแบบของสไตล์ Colonial ก็จะมีความเป็นยุโรปแบบ Modern มีความดูหรูหราหน่อย มีซุ้มโค้งในงานดีไซน์ มีการใช้สีโทนอ่อนไม่ฉูดฉาด เล่นกับวัสดุตกแต่งต่างๆ อย่างที่ Lobby ที่นี่ก็จะมีหินอ่อนต่อลายแผ่นใหญ่ตกแต่งอยู่ นอกจากนี้พื้นที่ด้านนอกที่เป็นสวนก็จะล้อไปในตีมเดียวกัน มีความเป็นกลิ่นอายแบบสวนยุโรปด้วยการตกแต่งและการเลือกพรรณไม้
นอกจากนี้ Spec ต่างๆ ภายในห้องเค้าก็จะให้มาแบบค่อนข้างพรีเมี่ยมเลย อย่างที่นี่จะได้แอร์ฝังฝ้า ได้ระบบทำน้ำร้อนเป็นก๊อกผสม ได้วัสดุต่างๆ ที่ค่อนข้างดี แต่ก็ยังสามารถทำราคาออกมาได้ไม่เกิน 100,000 บาท/ตารางเมตร ก็เป็นจุดเด่นของที่นี่ ที่จะได้ความ Premium มากขึ้น ในราคาที่ยังคุ้มค่าแบบศุภาลัยครับ
พื้นที่ส่วนกลาง
มาในสไตล์เรียบหรู มีให้ใช้งานตั้งแต่ชั้นล่างยัน Rooftop
รู้จักกับทำเลและตัวโครงการกันไปแบบคร่าวๆ กันแล้ว เราลองมาเดินดูตัวโครงการกันบ้างครับ ตอนนี้โครงการ Supalai Lite ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ เค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะเห็นว่ามีลูกบ้านเริ่มเข้ามาอยู่กันแล้วครับ ส่วนกลางต่างๆ ของโครงการนี้อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่อลังการเว่อมาก ขนาดเค้าก็จะทำออกมาให้พอดีกับการใช้งานที่จำนวนลูกบ้านไม่ได้มีเยอะมากครับ แต่เค้าก็จะเน้นการตกแต่งที่ทำให้ส่วนกลางหลายๆ จุดดูน่าใช้งาน
เริ่มจากทางเข้า
เริ่มจากทางเข้าโครงการ จะอยู่ติดกับถนนใหญ่ ป้ายโครงการตั้งอยู่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนครับ ตัวป้อมรปภ.จะถูกเขยิบเข้ามาด้านในนิดนึง พอมีพื้นที่ให้รถจอดรถโดยที่ไม่ยื่นออกไปที่ถนนใหญ่ เข้ามาก็จะเจอกับน้ำพุต้อนรับและโถง Drop off
ตัวโถง Drop off รับส่งของที่จะมีอยู่ใต้อาคารและมีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ ดังนั้นถ้ามาตอนฝนตกก็สบายใจไม่ ไม่เปียกแน่นอน ส่วนรอบๆ อาคารก็จะมีที่จอดรถสำหรับ Visitor นอกจากนี้ก็จะมี EV Charger ให้ 2 จุดสำหรับชาร์จรถไฟฟ้าด้วยครับ ส่วนในด้านที่จอดรถ ที่นี่ให้ที่จอดมาประมาณ 50% ก็ถือว่าเยอะกว่ามาตรฐานทั่วไปพอสมควรเลย
อ่อ ที่โถง Drop off ตรงนี้จะมีพื้นที่ทำหรับร้านค้าให้ 2 ห้องด้วยนะครับ
Grand Lobby
ถัดเข้ามาจาก Drop off ก็จะเจอกับ Grand Lobby ที่เป็นห้องต้อนรับหลักของทางโครงการครับ ตรงนี้ก็เป็นจุดนึงที่ฟิลลิ่งจะต่างกับโครงการจากศุภาลัยยุคก่อนๆ เลย ตกแต่งออกมาในสไตล์ Modern Classic ให้ดูมีความเรียบหรู ใช้สีไม่ฉูดฉาดมาก แต่ก็มีการเล่น Detail ที่จุดต่างๆ ครับ อย่างที่ผนังก็มีการตกแต่งด้วยหินอ่อน Bookmatch ต่อลาย ค่อนข้างเด่นทีเดียว
โดยรวมบรรยากาศ Lobby นอกจากความหรูก็จะดูมีความอบอุ่น แอบคล้ายเป็นห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ๆ เหมือนกันครับ จากหน้าต่างทรงโค้งตามสไตล์ Colonial ยิ่งตอนช่วงบ่ายๆ ที่แสงส่องผ่านหน้าต่างและม่านเข้ามา ค่อนข้างสวยทีเดียว
ถัดเข้ามาด้านในของ Lobby ตรงนี้จะเป็นอีกหนึ่ง Facility ของโครงการที่ทำออกมาเป็นห้องใช้งานนั่งประชุมครับ ขนาดห้องถือว่าใหญ่พอประมาณเลย มาใช้งานนั่งประชุม คุยงานต่างๆ ได้
ยังไม่หมดครับอีกจุดนึงของ Lobby จะมีตู้ Smart Locker ให้บริการครับ สามารถใช้งานฝากของต่างๆ ได้ ถัดเข้ามาอีกส่วนหนึ่งของ Lobby ถูกจัดออกมาเป็นห้อง Mailroom ตกแต่งมาสไตล์เดียวกัน โดยตัว Mailroom เค้าจะอยู่ในโซนเชื่อมต่อกันกับโถงลิฟต์ครับ การเข้าออกจะต้องใช้ Facescan
สำหรับโถงลิฟต์ก็ยังคุมตีมไม่หลุด มาใน Design สไตล์แบบเดียวกันครับ มีการตกแต่งเล่นไฟที่ขอบต่างๆ
สวนหลังโครงการ
แต่ก่อนจะขึ้นไปชั้นบน แอบแวะมาดูที่ด้านหลังของโครงการกันก่อนครับ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่สวน On Ground ขนาดพอประมาณ จัดออกมาเป็นสนามเด็กเล่นครับ พื้นที่สีเขียวตรงนี้ถ้ามองออกมาจากหน้าต่างของ Lobby ก็จะเห็นด้วยเช่นเดียวกันครับ การตกแต่งก็จะมีความเป็นสวนยุโรปเบาๆ
สระว่ายน้ำ
ขึ้นมาที่ชั้น 5 ของโครงการ ชั้นนี้ก็จะเป็นชั้น Main Facility อีกหนึ่งจุดครับ มีส่วนหนึ่งที่ถูกจัดออกมาเป็นพื้นที่ของฟิตเนสและสระว่ายน้ำ อีกส่วนก็จะเป็นห้องพักอาศัย
สระว่ายน้ำของโครงการนี้ทำออกมาค่อนข้างกว้างที่เดียวครับ มีขนาดยาวประมาณ 20 เมตรนิดๆ กว้าง 8.4 เมตร (รวมสระเด็ก) ตัวสระวิวจะหันไปทางด้านหลังของโครงการ ซึ่งรอบข้างจะเป็นในซอย ดังนั้นจากชั้น 5 ตรงนี้ วิวสระก็จะเปิดโล่งแล้วครับ ค่อนข้างพ้นหลังคาบ้านต่างๆ หมดแล้ว วิวที่ได้ก็จะมองไปทางด้านตลาดพลู จะเห็นตึกคอนโดต่างๆ อยู่ไกลออกไปตามแนวรถไฟฟ้า BTS ครับ
อ่อ สระนี้ตอนกลางคืนเค้าจะซ่อนไฟเส้นรอบขอบสระด้วย สวยทีเดียวครับ ส่วนบริเวณรอบๆ สระก็จะมีที่นั่งพักผ่อน มานอนชิวๆ รับบรรยากาศริมน้ำได้ นอกจากนี้ก็จะมีพื้นที่สวนเล็กๆ มีสไลเดอร์ให้เด็กมาเล่นได้อีกหนึ่งจุดเพิ่มเติมจากสนามเด็กเล่นด้านล่าง
บริเวณข้างสระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงไว้ด้วยครับ ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีตู้ล๊อกเกอร์สำหรับใส่ของ นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Sauna สามารถมาใช้ได้ฮะ
Fitness
ส่วนที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นห้อง Fitness ครับ ออกกำลังกายไปรับวิวสระไปได้เลย มีบานกระจกขนาดใหญ่ตลอดแนว เครื่องเล่นที่มีมาให้จัดมาค่อนข้างพอประมาณเลยครับ การตกแต่งก็ยังมาในแนวเดียวกับ Lobby ที่ชั้น 1 ครับ แอบมีลูกเล่นเป็นพื้นต่างระดับ แยกฟังก์ชั่นการใช้งานระหว่างโซนคาดิโอและโซนเวทเทรนนิ่งด้วย
Co-Living Space
ขึ้นมาที่ชั้น 21 กันบ้าง ชั้นพักอาศัยของโครงการนี้จะขึ้นมาถึงชั้นนี้ครับ โดยที่มีฝั่งนึงถูกจัดออกมาเป็นห้อง Co-Living Space เป็นห้องเพดานสูง 2 ชั้นเลย ในห้องนี้ก็จะมีโซฟากระจายตามจุดต่างๆ มานั่งเล่นกันได้ครับ และก็จะมีโซนเคาท์เตอร์บาร์ด้วย
บรรยากาศในห้องนี้ก็เช่นกัน จะมาในตีม Modern Classic แบบเดียวกันกับ Lobby ครับ มองออกไปจากห้อง Co-Living จะเห็นสวนที่เป็น Pocket Garden ของชั้นนี้ด้วยครับ สามารถออกไปเดินเล่นได้ด้วย
Co-Working Space ชั้น 22
ขึ้นมาอีกชั้นนึงที่ชั้น 22 ชั้นนี้จะสามารถกดลิฟต์ขึ้นมาถึงได้เช่นเดียวกันครับ พื้นที่ของชั้น 22 ก็จะถูกจัดออกมาเชื่อมต่อกันกับห้อง Co-Living ชั้นล่าง คือสามารถมองลงไปเห็นจากชั้นบนได้ครับ เพียงแต่ว่าจะไม่ได้มีบันไดเดินหากัน ต้องกดลิฟต์ขึ้นมา ฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องชั้นนี้ก็จะเป็นการนั่งทำงานเป็นหลัก ด้วยการทำออกมาเป็นห้องปิด สามารถใช้งานเป็นห้องประชุมได้ครับ
สวน Rooftop
อีกฝั่งนึงของชั้น 22 จะเป็นในส่วนของสวนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าครับ ที่นี่สามารถกดลิฟต์ขึ้นมาออกที่ชั้นดาดฟ้าได้เลย สวนชั้นบนก็จะเน้นเป็นพื้นที่เปิดโล่ง และมีมุมต่างๆ ให้มานั่งพักผ่อน เค้าก็จะทำซุ้ม ทำมุมต่างๆ ห้องออกมาเป็นสวนสไตล์แบบยุโรปครับ ส่วนวิวบนชั้นนี้ก็ต้องบอกว่าดีมากๆ ฮะ เราจะมองเห็นวิวเมืองฝั่งสาทร เห็นตึกในเมืองเป็นแผง ตอนเย็นๆ แดดร่มลมตกบรรยากาศดีเลยครับ
แปลนตึกและแปลนห้อง
มีห้องให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ Studio ยัน 3 Bedroom
Masterplan ของโครงการ หน้าโครงการจะเป็นทิศเหนือครับ แต่ตัวตึกเค้าจะไม่ได้หันเข้าหาถนนโดยตรงนะครับ ตัวตึกเค้าจะหันทำมุม 45 องศา ดังนั้นห้องของที่นี่เค้าก็จะไม่ได้หันหาแดดแบบตรงๆ ครับ โดยผังตึกจะมาในรูปร่างคล้ายๆ ตัว L ครับ
ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้นแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 21 ผังห้องส่วนใหญ่ของที่นี่ก็จะเป็นแปลนที่ค่อนข้างหน้าลึกนิดนึง ตำแหน่งห้องของแต่ละ Type จะถูกวางตำแหน่งคละกัน ส่วนห้อง 2 ห้องนอนจะถูกจัดไว้ที่มุมตึกแต่ละด้านครับ โดยที่จะมีชั้นพิเศษที่มี Pocket Garden อยู่ที่ชั้น 9, 14, 18 และ 21 ครับ
สำหรับผังตึกแต่ละชั้นจะเป็นประมาณนี้ครับ (สามารถกดเลื่อนดูแต่ละชั้นได้นะ)
แปลนห้อง
สำหรับแปลนห้องของที่นี่ ก็จะได้เป็นห้องที่ค่อนข้างไซส์ใหญ่ ในราคาที่มาแบบน่ารักๆ ไม่สูงมากครับ อย่างห้องไซส์เริ่มต้นของที่นี่ก็จะมีขนาดเริ่ม 28 ตารางเมตร มาในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท นอกจากนี้ห้องแปลนอื่นๆ ที่มีให้เลือกก็มาในขนาดที่ค่อนข้างใหญ่หมดเลย
Studio
Type นี้จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้น แปลนส่วนใหญ่จะคล้ายกันหมดเลยครับ คือเป็นห้องแนวตอนลึก เข้ามาเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน ถัดเข้าไปเป็นโซน Living และห้องนอน และมีพื้นที่นั่งทำงานอยู่ติดหน้าต่าง แปลนนี้เนื่องจากไม่มีผนังกั้นห้อง ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นขยับโซนไปมาได้ง่าย
(กดที่รูปเพื่อขยายเป็นรูปใหญ่)
1 Bedroom
ห้อง Type นี้ก็จะมีพื้นที่มากขึ้น ขนาด 1 Bedroom ของโครงการนี้ก็จะให้มา 34-35 ตารางเมตรเลย ถือว่าเยอะกว่า 1 Bedroom ทั่วๆ ไปพอตัวเลยครับ บางโครงการพื้นที่ประมาณนี้จัดออกมาเป็น 1 Bedroom Plus กันแล้ว โดยแปลนห้องนี้ก็จะยังได้เป็นแปลนแบบหน้าลึกเช่นเดียวกัน แต่จะมีหน้าที่กว้างขึ้น มีฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างจะได้ครัวปิด ได้พื้นที่ Walkin-Closet และมีการกั้นบานสไลด์ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนให้เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นครับ
(กดที่รูปเพื่อขยายเป็นรูปใหญ่)
1 Bedroom Plus
สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดเค้าก็ยิ่งขยายขึ้นไปอีกครับ อยู่ที่ 43-47 ตารางเมตรเลย ห้อง Type นี้ก็จะได้ห้องนอนที่แยกเป็นสัดเป็นส่วนเลย มีผนังทึบปิด พื้นที่แต่ละโซนค่อนข้างใหญ่มากครับ ไม่ว่าจะเป็นโซนครัว-โซนนั่งเล่น-โซนกินข้าว-ห้องนอนขนาดใหญ่มีพื้นที่ให้โซนแต่งตัว วางโต๊ะแต่งหน้าได้ โดยที่ยังมีห้อง Plus ให้อีก 1 ห้องอยู่ติดหน้าต่างบริเวณโซนนั่งเล่น
(กดที่รูปเพื่อขยายเป็นรูปใหญ่)
2 Bedroom & 3 Bedroom
สำหรับห้อง 2 Bedroom แปลนค่อนข้างจะหลากหลายครับ ห้อง 2 Bedroom มีทั้งแบบ 1 ห้องน้ำและ 2 ห้องน้ำ ขนาดตั้งแต่ 52 – 63 ตารางเมตร โดยห้อง 2 ห้องนอนของที่นี่จะได้เป็นห้องมุมทั้งหมดครับ ยกเว้นที่ชั้น 21 ที่เป็นชั้นพิเศษ มีห้อง 2 ห้องนอนมากกว่าปกติ และที่ชั้นนี้จะมีห้องพิเศษ 3 ห้องนอนขนาด 99 ตารางเมตรอยู่ด้วยเช่นกัน ห้อง Type นี้มีแค่ห้องเดียวในโครงการเลย
(กดที่รูปเพื่อขยายเป็นรูปใหญ่)
เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างของโครงการกันครับ
1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร
ห้องกว้าง ได้ครัวปิด มีมุมด้านในสำหรับ Walk-in Closet โดยเฉพาะ
โครงการนี้เป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่นะครับ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ ชอบห้องไหน Type ไหนในโครงการก็สามารถเข้าไปดูห้องจริง วิวจริงได้เลย โดยห้องเขาจะขายแบบ Fully Fitted ให้ชุดเคาน์เตอร์ครัว มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ส่วนห้องน้ำก็ได้สุขภัณฑ์ครบ มีเครื่องทำน้ำร้อนติดตั้งมาให้แล้วด้วย นอกจากนี้ก็จะมีเครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าของ Carrier มาให้ในส่วนของห้องนั่งเล่น แต่ถ้าเป็นห้องนอน หรือห้องอเนกประสงค์ก็จะเป็นแอร์แบบติดผนังครับ เพดานที่นี่จะสูง 2.65 เมตรนะ
ข้อดีของห้องแบบ Fully Fitted คือเราสามารถออกแบบห้องของตัวเองเพิ่มเติมได้ อย่างห้องของโครงการที่นี่ถ้าไม่นับห้องน้ำ ก็จะมีเคาน์เตอร์ครัว นอกนั้นก็จะเป็นห้องโล่งๆ เปล่าๆ ที่ให้เราเติมเฟอร์นิเจอร์เข้าไปเอง ตรงนี้แหละฮะที่เราคิดฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราได้
อย่างแปลนห้องตัวอย่างด้านล่าง จริงๆ แล้วห้องนั่งเล่นกับห้องนอนคือโล่งทั้งหมดเลยครับ เราจะ Built-in เพิ่มหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวก็ได้ ห้องนี้จะได้ครัวปิด ที่เห็นพื้นที่เหลือคือวางเครื่องซักผ้าได้ ก็ไม่ไปเกะกะระเบียง เพราะตัวระเบียงเองก็ไม่ได้กว้าง ห้องนอนจะไม่ได้ประตูทึบ เป็นประตูบานเลื่อนกระจกแทน เพราะช่องแสงจะผ่านเข้าทางห้องนอน ถ้าเป็นห้องทึบก็จะทำให้โซน Living มืดเพราะแสงเข้าไม่ถึงได้ครับ นอกจากนี้เขายังมีมุม Walk-in Closet มาให้ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วเราจะทำเป็นมุมอื่นๆ ก็ได้นะ เป็นมุมที่ค่อนข้างส่วนตัวมากๆ เพราะถ้ามองเข้ามาจากหน้าห้องเราจะไม่รู้เลยครับว่ามีมุมนี้อยู่
มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ ตัวห้องค่อนข้างยาว ด้านหน้าทำเป็นตู้รองเท้าได้ หรือโซน Living จะ Built-in โซฟายาวๆ ให้มุมกินข้าวกับมุมโซฟาเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันก็ได้ ด้วยความที่ห้องโล่ง ก็ทำให้เราออกแบบพื้นที่ได้หลากหลายฮะ
มุมกินข้าวก็ไม่แคบครับ นั่งสบายๆ แบบ 2 ที่นั่ง หรือเราจะเปลี่ยนเป็นมุมทำงานก็ได้ เผื่อใครที่ยังทำงานที่บ้านอยู่ แล้วต้องมีมุมทำงานจริงจัง ไม่ได้เน้นมุมกินข้าว ตรงนี้ก็สามารถตั้งโต๊ะทำงานได้ มีปลั๊กอยู่ด้านข้างด้วย แถมบนผนังก็ติดตั้งชั้นหรือตู้วางของเพิ่มเติมได้อีก
ผนังฝั่งชั้นวางทีวีจริงๆ ติดตั้งทีวีจอใหญ่กว่านี้ได้นะครับ เพราะพื้นที่ค่อนข้างเยอะ เขาเลือกเอาประตูห้องน้ำกับประตูห้องครัวไว้ริมสุดทั้ง 2 ฝั่ง มุมทีวีก็เลยได้ขยายความกว้าง มีระยะห่างจากโซฟาพอสมควรเลย ส่วนห้องน้ำก็จะได้ทุกอย่างเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลย (ยกเว้นของตกแต่งนะฮะ)
ด้วยความที่ห้องนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นเขาเลยยกเครื่องซักผ้ามาไว้ด้านในแทนที่จะไว้ระเบียง พื้นที่แบบวางเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ได้ ต่อเติมด้านบนให้เป็นที่วางเครื่องอบผ้าก็ได้ ส่วนครัวเคาน์เตอร์ก็ไม่ได้เล็ก มีมุมให้ได้วางอุปกรณ์การทำอาหารต่างๆ ช่องเก็บของก็เยอะครับ
ในส่วนของห้องนอนก็จะอยู่ติดกับระเบียงด้วย วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะทั้ง 2 ฝั่งเลย
ความพิเศษของห้องนี้คือด้านในห้องนอนครับ เขามีมุมแบบ Walk-in Closet ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมุมนี้จะทำเป็นอะไรก็ได้นะฮะ แต่ที่นี่เขาออกแบบเป็นมุมแต่งตัวให้เป็นไอเดีย ห้องจริงไม่เล็กนะครับ กำลังแต่งตัวแต่งหน้าได้พอดี ลองชุด หมุนตัวไปมาได้แบบไม่ชนผนังรอบๆ