สวัสดีครับ วันนี้ LivingPop จะพาไปดูคอนโดราคาเบาๆ เริ่มต้นล้านกลางๆ สร้างเสร็จพร้อมอยู่แบบใหม่แกะกล่อง กับโครงการ “ศุภาลัย City Resort สุขุมวิท 107”
พูดถึงแบรนด์ศุภาลัย จุดเด่นจุดแข็งที่เรียกได้ว่าขึ้นชื่อ และหลายๆ คนนึกถึงน่าจะเป็นเรื่องของราคาและความคุ้มค่าของโครงการ ที่หลายๆ ที่ที่เปิดขายมา ก็ค่อนข้างจะมีราคาห้องที่ถูกกว่า หรือไม่ถ้าในราคาเดียวกัน ก็จะได้ห้องที่ใหญ่กว่ามาก

สำหรับโครงการศุภาลัย City Resort สุขุมวิท 107 เองก็เช่นกันครับ ยังคงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ราคาหยิบจับง่าย สำหรับคนกำลังเริ่มมองหาที่อยู่เป็นของตัวเอง หรือหาคอนโดที่ใกล้เมืองมากขึ้นจากที่อยู่เดิม แบบผ่อนต่อเดือนไม่สูงมาก ซึ่งที่นี่ต้องบอกว่า เค้าไม่ได้ชูจุดเด่นแค่เรื่องของราคาอย่างเดียวครับ แต่พยายามใส่จุดขายหลายอย่างสำหรับการอยู่อาศัยจริงมา อย่างเช่นรูปแบบของห้องที่ทำมาเป็นขนาดใหญ่ เริ่ม 28 ตารางเมตร หรือส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่และกว้างกว่าคอนโดกลุ่มเดียวกัน เป็นที่มาของจั่วหัวรีวิว
“คอนโดพลัสไซส์ ให้ทุกอย่างใหญ่กว่า ในราคาล้านกลางๆ”
ที่นี่จะเป็นอย่างไร มีจุดเด่นอะไรต่างจากโครงการอื่นบ้าง เดี๋ยวเราค่อยๆ ไปดูกันฮะ

จุดเด่นโครงการ

ห้องกว้าง เริ่ม 28 ตารางเมตร

ส่วนกลางใหญ่

ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง
ทำเลแบริ่ง-ลาซาล
สำหรับแบรนด์ “City Resort” ของศุภาลัย จะเป็นแบรนด์คอนโดในระดับเริ่มต้นครับ ราคาที่ทำออกมาก็จะเน้นหยิบจับง่าย ไม่สูงมาก ดังนั้นทำเลของโครงการก็จะเป็นในย่านที่ถัดออกมาหน่อย อย่างช่วงสุขุมวิทเองเนี่ย เราก็จะเห็นได้ว่าราคาคอนโดก็จะไล่กันมาตามระยะสถานีของรถไฟฟ้าเลยครับ
ยกตัวอย่างทองหล่อนี่ก็มีหลักตารางเมตรละ 3-4 แสน ถัดออกมาอ่อนนุช-ปุณณวิถีย่านนี้ก็จะตกประมาณแสนกลางๆ ส่วนย่านสุขุมวิทตอนปลายอย่างแบริ่ง ตรงนี้ก็จะราคาอยู่ในช่วงหลักหมื่นไปจนถึงเกือบ 1 แสนบาท/ตารางเมตรครับ อยู่ที่ว่าตำแหน่งโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้า หรือถัดเข้ามาในถนนสายรองอย่างแบริ่งหรือลาซาล


ซึ่งโครงการนี้จะตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 หรือแบริ่งครับ เข้ามาจากถนนสุขุมวิทประมาณ 1.1 กิโลเมตรก็จะถึงกับตัวโครงการ พอขยับเข้ามาหน่อย แน่นอนว่าราคาที่ดินในซอยก็จะยังถูกกว่าช่วงติดสุขุมวิท ข้อดีที่ได้คือราคาต่อตารางเมตรของที่นี่จะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 5.5 หมื่นบาท/ตารางเมตร เริ่มล้านกลางๆ หรือถ้าใครมีงบขึ้นมาหน่อย 2 ล้านกว่าของที่นี่ก็ได้ห้องไซส์ 40 ตารางเมตรเลยครับ
ที่ตั้งของที่นี่ก็จะเหมาะกับใครที่มองหาคอนโดราคาไม่สูงมาก หรือว่าใครที่ต้องการห้องที่มีขนาดไซส์ใหญ่แต่ราคาไม่เกินงบฮะ
แบริ่ง 4 เลนตลอดสาย ทะลุออกได้หลายทาง

มาดูตัวทำเลแบริ่งกันบ้างครับ สำหรับซอยสุขุมวิท 107 หรือแบริ่ง ถึงแม้จะชื่อว่าซอย แต่จริงๆ ก็เป็นถนนขนาด 4 เลนตลอดสาย เริ่มตั้งแต่สุขุมวิทไปจนถึงออกศรีนครินทร์เลยครับ ซึ่งตัวซอยแบริ่งเองนี่ก็จะขนานกันไปกับซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) และขนานกับถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) อีกที
ก็ต้องบอกว่าถนนตรงนี้ค่อนข้างจะเป็น Grid แบบตารางแล้วซอยต่างๆ ก็เชื่อมถึงกันเยอะพอสมควร ดังนั้นทางเลือกในการเดินทางของย่านนี้ก็จะค่อนข้างหลากหลายครับ
“ขึ้นรถไฟฟ้าออกด้านหน้า ขึ้นทางด่วนออกด้านข้าง ไปห้างออกด้านหลัง”

อย่างเช่นถ้าจะออกถนนสุขุมวิท ก็เลือกใช้ได้ทั้งลาซาล/แบริ่ง หรือจะออกซอยสุขุมวิท 109 ก็ได้ มาทางปากซอย ด้านนี้ก็จะเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง
หรือในช่วงเร่งด่วน ที่ถนนสุขุมวิทการจราจรหนาแน่น ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางออกมาทะลุเทพรัตน (บางนา-ตราด) เพื่อเข้าเมืองแทนได้ครับ ตรงนี้ก็จะไวขึ้นพอสมควร สามารถไปขึ้นทางด่วนเพื่อเข้าเมืองได้ค่อนข้างสะดวกเลย มีจุดขึ้นลงอยู่บริเวณหน้าไบเทคบางนาแบบที่ไม่ต้องติดไฟแดงที่แยก
หรือถ้าจะไปศรีนครินทร์ ก็จะสามารถตรงไปออกอีกทางได้เลย เลือกออกได้ทั้งลาซาลและแบริ่งเช่นเดียวกัน ฝั่งนี้ก็จะมีห้างขนาดใหญ่อยู่หลายที่ครับ อย่างเช่น BigC, Makro, Seacon Square, Paradise Park
ความมีชีวิตชีวาของย่าน
สำหรับซอยแบริ่งเอง ตรงนี้จะเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างสมุทรปราการและกรุงเทพฯ ครับ เป็นซอยเก่าแก่ที่เป็นย่านชุมชนมาตั้งแต่เดิมคู่กับลาซาล ทำให้ทำเลระหว่างลาซาลกับแบริ่ง ค่อนข้างที่จะกลมกลืนเป็นก้อนเดียวกันพอสมควร
โดยฝั่งลาซาลก็จะค่อนข้างคึกคัก เริ่มมี Community Mall มาเปิด ส่วนฝั่งแบริ่งเองก็จะมีตลาดและร้าน Street Food อยู่สองข้างทางของถนน ซึ่งต้องบอกว่าเยอะมากๆ แบบมากๆๆๆๆ ครับ
ดาดฟ้า ลาซาล







ลาซาล อเวนิว








ในด้านของแหล่งงานของย่านนี้เอง ก็ต้องบอกว่าไม่น้อยเช่นเดียวกัน เริ่มจากตัวหลักอย่างสุขุมวิทชั้นในอย่างเพลินจิต อโศก พร้อมพงษ์ ตรงนี้ก็เป็นย่าน CBD ของกรุงเทพฯ อยู่แล้ว หรืออย่างย่านสุขุมวิทตอนปลาย อย่างบางจาก-ปุณณวิถี เราก็จะเริ่มเห็นตึกออฟฟิศเริ่มทยอยมาตั้งในโซนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างตึกของบางจาก รวมไปโปรเจค Mixed-Use ขนาดใหญ่อย่าง True Digital Park
รวมไปถึงย่านบางนาเอง ก็เป็นอีกย่านที่มีการเติบโตขึ้นมาในยุคหลัง มีอาคารออฟฟิศเปิดใหม่บนถนนบางนา-ตราดหลายแห่ง รวมไปถึงในอนาคตจะมีห้างใหม่อย่าง Bangkok Mall จากกลุ่ม The Mall มาเปิดที่หัวมุมแยกบางนาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ในถนนแบริ่ง-ลาซาลเอง ก็มีออฟฟิศมาตั้งอยู่กระจายออกไปหลายจุดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Summer ลาซาล, ที่ตั้งของตึกออฟฟิศช่อง JKN18 และตึกออฟฟิศขนาดกลางกระจายตัวอยู่
คาเฟ่/street food








1.2 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อเดียวถึงสยาม
ข้อดีอีกอย่างของทำเลนี้คือจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายหลักอย่างรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทครับ ซึ่งสายนี้จะเป็นสายที่ตรงไปในเมืองได้เลยทันที จะผ่านทั้งบางนา อ่อนนุช ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก เพลินจิต สยาม พหลโยธิน ห้าแยกลาดพร้าว ไปจนถึงลำลูกกา

จากลิสต์จะเห็นได้ว่าเป็นสายนึงที่ผ่านสถานที่สำคัญเยอะมากครับ ข้อดีก็คือเราไม่ต้องเปลี่ยนสายเลย ขึ้นทีเดียวนั่งไปถึงเลย แต่ก็อาจจะหลายป้ายนิดนึง โดยจากสถานีแบริ่ง ไปแต่ละที่ จะใช้ระยะเวลาประมาณนี้ครับ
- BTS แบริ่งไปอ่อนนุช : 10 นาที
- BTS แบริ่งไปทองหล่อ : 16 นาที
- BTS แบริ่งไปอโศก : 22 นาที
- BTS แบริ่งไปสยาม : 27 นาที
- BTS แบริ่งไปอนุสาวรีชัยฯ : 33 นาที
- BTS แบริ่งไป 5 แยกลาดพร้าว : 43 นาที
- BTS แบริ่งไปปากน้ำสมุทรปราการ : 10 นาที
- BTS แบริ่งไปสุดสายเคหะ : 18 นาที

โดยตัวโครงการจะห่างจากสถานีแบริ่งประมาณ 1.2 กิโลเมตร ถ้าว่ากันตามจริง ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในระยะเดินจากรถไฟฟ้า อาจจะต้องต่อรถนิดนึง ซึ่งจากที่ทีมงานลองขึ้น Taxi จากหน้าปากซอย มิเตอร์กระดิก 1 ที 37 บาทก็ถึงที่โครงการแล้วครับ โดยตรงนี้ก็จะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ด้วย
แต่นอกจากพี่วินกับ Taxi ทางโครงการเองก็จะมีการจัดรถ Shuttle Bus รับส่งไปสถานี BTS แบริ่งด้วยครับ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางสำหรับลูกบ้าน



ที่ตั้งโครงการ/สถานที่ใกล้เคียง
อย่างที่บอกไปว่าที่ตั้งของโครงการ จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) เข้าซอยมาประมาณ 1.1 กิโลเมตรครับ โดยโครงการจะอยู่ในฝั่งขาเข้าสุขุมวิท รอบข้างโครงการจะมีทั้งร้านของกินและร้านต่างๆ อยู่เยอะพอสมควร โดยแถวใกล้ๆ โครงการก็จะมีทั้งร้านแนว Street food และร้านบุฟเฟ่ต์อยู่ครับ

ถัดไปนิดๆ ใกล้ๆ กับโครงการก็จะเป็นที่ตั้งของตลาดมิ่งและตลาดนางรำ จะมีของกินเยอะมากๆ อีกเช่นกัน ส่วนใครที่มองหาห้าง ใกล้ๆ กับโครงการก็จะมี ดาดฟ้าลาซาล, ลาซาลอเวนิว รวมไปถึงบนถนนสุขุมวิทเองใกล้ๆ ก็จะมีห้างอิมพีเรียลสำโรง ที่เป็นห้างใหญ่ในย่านนี้ และในอนาคตก็จะมีห้าง Bangkok Mall มาเปิดที่ 4 แยกบางนาครับ อ่อ ที่นี่ยังใกล้กับไบเทคบางนาด้วย เวลามีงาน event งานเซลอะไรก็จะมาเที่ยวสะดวกหน่อยครับ
ระยะจากโครงการ ไปแต่ละที่เป็นดังนี้
- ตลาดมิ่ง : 450 เมตร
- ซัมเมอร์ลาซาล : 1 กิโลเมตร
- ดาดฟ้าลาซาล : 1.5 กิโลเมตร
- ตลาดต้นไทร : 1.6 กิโลเมตร
- ตลาดนัดแอทแบริ่ง : 1.7 กิโลเมตร
- ลาซาลอเวนิว : 1.9 กิโลเมตร
- อิมพีเรียล สำโรง : 2.6 กิโลเมตร
- ไบเทคบางนา : 2.7 กิโลเมตร
- JAS URBAN ศรีนครินทร์ : 4.5 กิโลเมตร
- เซนทรัลบางนา : 6 กิโลเมตร
- ซีค่อน ศรีนครินทร์ : 8.9 กิโลเมตร
- รถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง : 1.2 กิโลเมตร
- รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีแบริ่ง : 3.6 กิโลเมตร
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | Supalai City Resort สุขุมวิท 107 |
Developer : | บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) |
เนื้อที่โครงการ : | 13-1-78.4 ไร่ |
จำนวนห้องพักอาศัย : | ห้องพักอาศัย 847 ยูนิต + ร้านค้า 4 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร และ Clubhouse 2 ชั้น 2 อาคาร |
ลิฟต์ : | อาคารละ 2 ตัว |
ที่จอดรถ : | 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
สถานะโครงการ : | สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอน |
Facility : | – ห้องออกกำลังกาย – สระว่ายน้ำ – สระว่ายน้ำเด็ก – สวนพักผ่อน – Sharing Space – EV Charger – Laundry – สนามเด็กเล่น |
ความปลอดภัย : | – ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยคีย์การ์ด, สแกนนิ้ว และสแกนหน้า – กล้องวงจรปิด 24 ชม. – รปภ. 24 ชม. – ที่จอดรถระบบ easy pass |
แบบห้อง : | Studio ขนาด 28.5 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 34.5 – 41.5 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 44.5 – 45 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 69.5 ตารางเมตร |
ราคา : | เริ่มต้น 1.58 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 55,000 บาท/ตารางเมตร |
รูปแบบโครงการ
สำหรับโครงการ Supalai City Resort สุขุมวิท 107 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น โดยจะมีทั้งหมด 5 อาคารด้วยกันครับ ซึ่งแต่ละอาคารเขาก็จะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ เรียกได้ว่าส่วนกลางแทบทั้งหมดจะอยู่ใจกลางโครงการเลย และด้วยความที่เขามีพื้นที่กว่า 13 ไร่ ทำให้ระยะห่างแต่ละอาคารมีช่องว่างมากๆ เขาไม่ได้วางอาคารให้ชิดติดกัน เพื่อหั่นพื้นที่เป็นอาคารเยอะๆ แน่นๆ แต่เขาเลือกที่จะให้สเปซกับโครงการ เวลาที่เราเข้ามาด้านใน จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดครับ ทำให้พื้นที่ 13 ไร่ของที่นี่มีห้องพักอยู่แค่ 847 ห้องเท่านั้นเอง

อย่างที่ผมบอกว่าพื้นที่ส่วนกลางหรือ Facilities ต่างๆ แทบจะอยู่ใจกลางอาคาร ดังนั้นภายในตัวอาคาร ชั้น 1 จะเป็นลานจอดรถ มี Lobby ให้แบบไม่ได้ใหญ่มาก แต่สามารถมานั่งเล่นได้ มี Mail Box เชื่อมต่อกับ Lobby และโถงลิฟต์ ส่วนชั้น 2 – 8 จะเป็นห้องพักอาศัย และชั้นดาดฟ้าจะไม่สามารถขึ้นไปใช้งานได้ เพราะเขาใช้เป็นพื้นที่สำหรับถังเก็บน้ำ ห้องเครื่องสูบน้ำ และห้องเครื่องลิฟต์
สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง จะมี Clubhouse สูง 2 ชั้น 2 อาคาร มีร้านค้า 4 ร้าน หนึ่งในนั้นเป็น 7-Eleven ครับ นอกจากนี้บนชั้นดาดฟ้าของ Clubhouse ทั้งสอง ก็จะเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจ เอาไว้มานั่งเล่น วิ่งเล่น หรือจะนอนเล่นก็ได้ ถึงแม้ว่าส่วนกลางจะไม่ได้เยอะมาก แต่พื้นที่ที่ได้ค่อนข้างใหญ่ ห้องกว้าง เพดานสูง ถ้าลูกบ้านมาใช้งานพร้อมกัน ก็สามารถรักษาระยะห่างได้แบบสบายๆ เลย
ในส่วนของคอนเซปต์โครงการ เนื่องจากทางศุภาลัยเขาใช้แบรนด์ City Resort ดังนั้นการออกแบบโครงการก็จะดีไซน์มาให้เหมือนกับเราเข้ามาพักอยู่ในรีสอร์ต เป็นสไตล์ Tropical Modern ครับ โดยจะเน้นไปที่ใบไม้ ตามทางเข้าจะมีรูปใบไม้ประดับประดาอยู่ ส่วนตามอาคารจะใส่ element ของใบไม้เข้าไป เพิ่มลูกเล่นให้ตัวตึกดูไม่น่าเบื่อ สีที่ใช้ก็จะมีสีขาว น้ำตาล เทาอ่อน เทาเข้ม และสีเขียว



ส่วนกลางที่กว้างกว่า
รู้จักโครงการนี้กันไปคร่าวๆ แล้ว เดี๋ยวผมจะพาเพื่อนๆ ไปดูตั้งแต่ทางเข้า ไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางแต่ละจุดแต่ละโซนกันฮะ ว่านอกจากพื้นที่โครงการจะกว้าง และมีระยะห่างระหว่างตึกที่ค่อนข้างจะเยอะทำให้ดูโปร่งแล้ว ที่นี่จะมีส่วนกลางเป็นอย่างไรบ้าง บอกก่อนเลยว่าค่าส่วนกลางของที่นี่อยู่ที่เดือนละ 38 บาท/ตารางเมตร ส่วนค่ากองทุนอยู่ที่ 380 บาท/ตารางเมตรนะครับ
ด้านหน้าโครงการ
ตัวโครงการจะอยู่ตรงป้ายแบริ่ง 18 พอดี มีป้ายหน้าโครงการทั้งสองข้าง มองเข้าไปจะเห็นป้อมยามครับ
ที่จอดรถ
สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้น 1 ทั้งหมดครับ จะจอดใต้อาคารก็ได้ หรือถ้าด้านในเต็ม ด้านนอกก็ยังมีที่จอดอีกเพียบ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะหาที่จอดไม่เจอ จุดเด่นของที่นี่เลยคือให้พื้นที่จอดรถถึง 50% เลยครับ ซึ่งถือว่าเยอะเลยหล่ะ สำหรับคอนโดราคา 1-2 ล้านบาท อันนี้ก็เนื่องมาจากที่ดินโครงการที่ค่อนข้างกว้างอีกเช่นกัน เลยทำพื้นที่จอดรถออกมาได้เยอะ ซึ่ง 50% นี่ยังไม่รวมจอดซ้อนคันด้วยนะครับ
EV Charger
ตัว EV Charger เป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาทีหลังครับ ยุคนี้รถไฟฟ้าก็ค่อนข้างมาแรง ทางศุภาลัยเขาเลยจัดพื้นที่เตรียมเอาไว้ให้ด้วย
โซนร้านค้า
ร้านค้าที่นี่มีทั้งหมด 4 ยูนิต จะเป็นสำนักงานขาย 1 ยูนิต กับ 7-Eleven ครับ เวลาที่เราเข้ามาในโครงการก็จะเจอกับร้านค้าก่อนเลย ที่ตั้งค่อนข้างดีฮะ แวะมาซื้อของก่อนจะเข้าห้องได้

สระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำจะยาวขนานไปกับตัว Clubhouse สระค่อนข้างใหญ่ มาว่ายพร้อมกันหลายๆ คนยังได้เลย แถมยังมีที่นั่งริมสระ เอาไว้เอนหลังชมวิวชิวๆ ได้ฮะ สระเด็กก็จะอยู่ข้างๆ กัน มีทางเดินกั้นเอาไว้ เป็นสระเด็กที่ไม่เล็กนะครับ ถ้าเทียบกับขนาดตามคอนโดตึกสูงและตึกเตี้ยอื่นๆ ก็ถือว่าขนาดสระเด็กที่ให้มาค่อนข้างใหญ่เลย

ห้องประชุม
ห้องประชุมนี้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้ จะมานั่งทำงาน นั่งประชุมได้หมดครับ

ห้องออกกำลังกาย
ห้องออกกำลังกายคือใหญ่ ผนังทั้งสามด้านเขาทำเป็นกระจกทั้งหมด ห้องจะได้ดูโปร่ง โล่ง มองเห็นวิวด้านนอกได้ด้วย ตกแต่งออกมาก็ดูดีเลย เครื่องเล่นเยอะและครบครับ





Sharing Space
ห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ที่ลูกบ้านสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ผนังเขาเน้นกระจกรอบด้าน ให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาด้านในได้แบบเต็มๆ เป็นห้องที่วิวดีพอสมควรเลย ด้านนึงเป็นวิวสระ อีกด้านนึงก็เป็นวิวสวน ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับธรรมชาติ
Laundry
เขามีห้องซักผ้าอบผ้าเตรียมไว้ให้สี่เครื่องครับ แล้วก็มี Smart Locker ด้วย เผื่อเรามาว่ายน้ำ อยากจะฝากของ หรือสั่งพัสดุมา แล้วจะเอามาฝากที่ตู้ก็ได้เช่นกัน
สวนพักผ่อน
สวนพักผ่อนจะอยู่บนชั้นดาดฟ้าของ Clubhouse จะมีบันไดให้ขึ้นไป อยู่ข้างๆ ห้องซักผ้าเลย สวนค่อนข้างกว้างและใหญ่ มีที่นั่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ถ้ามาตอนกลางวันจะค่อนข้างร้อน ผมแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ ที่แดดไม่ได้ร้อนจัด ไปจนถึงช่วงค่ำๆ บรรยากาศจะน่านั่งกว่าครับ
นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โครงการ ก็จะจัดเป็นสวนให้สามารถมานั่งพักผ่อนกันได้เช่นเดียวกัน





สนามเด็กเล่น
เครื่องเล่นจัดมาแบบเครื่องใหญ่ มีสนามหญ้าเทียมให้วิ่งเล่นกันแบบเต็มที่ ใครมีลูกมีหลานสามารถพามาเล่นได้ ไม่ต้องออกไปเล่นข้างนอกเลย จุดนี้เป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดย่อมครับ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า และเครื่องเล่น
Lobby
สำหรับ Lobby อาจจะไม่ได้มีไว้นั่งแช่นานๆ แต่ก็เอาไว้มานั่งเล่น นั่งรอได้ ติดกันก็จะเป็น Mail Box และโถงลิฟต์ โดยแต่ละอาคารจะมีลิฟต์ 2 ตัวครับ
Mail Box
ห้องจดหมายก็จะรวมทุกห้องไว้ที่เดียวเลย ใช้กุญแจในการเปิดปิดตู้ครับ
แปลนอาคารได้สเปซที่กว้างกว่า
ถ้าดูแปลนโครงการ จะเห็นว่าพื้นที่ค่อนข้างเยอะ อาคารแต่ละอาคารก็ไม่ได้อยู่ติดกัน มีระยะห่างพอสมควร แถมส่วนกลางก็มีพื้นที่ใหญ่ทีเดียวครับ ที่จอดรถแบบ outdoor คือเยอะมากๆ ทำเลโครงการมีทางเข้าอยู่ติดถนนสุขุมวิท 107 แต่จากทางเข้ามาถึงด้านในโครงการมีระยะทางอยู่พอสมควรครับ
เมื่อเข้ามาในตัวโครงการก็จะเจอ Tower 1 ก่อน ถัดไปเป็น Tower 2 วิวฝั่งนี้จะมีบ้านสูง 2 ชั้น ออฟฟิศ และแมนชั่นสูง 5 ชั้น ก็ไม่ได้บล็อกวิวกันเท่าไหร่ครับ ส่วน Tower 3 อยู่ลึกสุด ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่มีอะไรมาบังวิวเลย ถัดมาเป็น Tower 4 และ Tower 5 อยู่เยื้องๆ กับ Tower 1 วิวจะเป็นศูนย์ปฏิบัติการของโตโยต้า

Tower 1 จะมีห้องพักอาศัยชั้นละ 24 ยูนิต ตึกนี้จะเน้นไปที่ 1 Bedroom กับ 1 Bedroom Plus ครับ จะไม่มี Studio เลยนะ โดยห้องแบบ 2 Bedroom จะมีแค่สองห้อง อยู่มุมอาคารทั้งสองห้องเลยครับ
Tower 2 จะมีห้องพักอาศัยชั้นละ 25 ยูนิต ความพิเศษของตึกนี้คือ เป็นตึกเดียวที่มีห้อง Studio ครับ ประมาณชั้นละ 4 ห้อง ก็ยังน้อยกว่า 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus อยู่ดี


Tower 3 จะมีห้องพักอาศัยชั้นละ 24 ยูนิต แปลนไม่ได้ต่างจาก Tower 1 เท่าไหร่เลยฮะ ส่วน Tower 4 จะมีห้องพักอาศัยชั้นละ 24 ยูนิต เป็นอาคารเดียวที่แปลนเป็นแนวยาว ไม่ได้เป็นรูปตัว L และสุดท้าย Tower 5 จะมีห้องพักอาศัยชั้นละ 24 ยูนิต ส่วนใหญ่แล้ว 1 Bedroom กับ 1 Bedroom Plus จะมีเยอะที่สุดในทุกอาคารเลยครับ



ห้องพักอาศัยที่ขนาดกว้างกว่า
ที่นี่เขาทำขนาดห้องออกมาเยอะครับ มีตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 2 Bedroom ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อห้องเล็กหรือใหญ่ในราคาที่เราเอื้อมถึง แต่ผมบอกเลยว่าห้อง Studio ไม่ได้มีเยอะนะครับ แล้วก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ คือมีแค่ใน Tower 2 เท่านั้นด้วย ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ห้องไซส์เล็กก็อาจจะต้องรีบจับจองกันนิดนึง สำหรับห้อง Studio จะเป็นห้องตอนลึก ได้ครัวเปิด ทั้งห้องเชื่อมต่อกันทั้งหมด ตั้งแต่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และครัว มีห้องน้ำอยู่ติดกับห้องครัว

สำหรับ 1 Bedroom แปลนจะเหมือนกันหมดเลยครับ จะต่างกันที่ขนาด กับสลับวางครัวซ้าย ห้องนอนขวา เป็นครัวขวา ห้องนอนซ้ายแค่นี้ นอกนั้นไม่ได้ต่างกัน แปลนนี้ก็จะมีห้องตัวอย่างด้วยนะครับ เป็นห้องที่เราจะไปรีวิวมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร เขาแบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วน ได้คร้วแบบปิดอยู่ติดระเบียงด้วย ระบายกลิ่นและควันได้ดีแน่นอน ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่เยอะมาก วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย ห้องนอนเองก็ไม่เล็กเลย วางเตียงขนาดใหญ่ได้ วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือจะวางโต๊ะทำงานเพิ่มก็ย่อมได้ครับ ส่วนห้องน้ำทางเข้าจะอยู่ด้านในห้องครัวเลย

1 Bedroom Plus จะมีทั้งหมด 2 แปลนให้เลือก ซึ่งทั้งสองแปลนต่างกันอย่างสิ้นเชิง แปลนแบบซ้ายจะเป็นห้องที่สองที่เราไปรีวิวมาให้เพื่อนๆ ได้ดูฮะ เอาจริงเป็นห้องที่เปิดประตูปุ๊บ เห็นทั้งห้อง บอกเลยว่ากว้างมาก คือครัว โต๊ะทานอาหาร และห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกันทั้งหมด แต่ยังมีความแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนอยู่ ห้องนอนก็วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ ส่วนห้องอเนกประสงค์ที่ได้ไม่เล็กเลย วางโต๊ะทำงานได้แบบเต็มพื้นที่ ฝั่งตรงข้ามวางโซฟา ชั้นวางของ หรือจะโต๊ะทำงานเพิ่มอีกก็ไหว
ส่วนแปลนฝั่งขวา ห้องขนาด 45 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้าง เน้นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับห้องครัวและมุมทานอาหาร เป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องที่ระเบียงอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เพราะส่วนใหญ่แล้วที่นี่เอาห้องนั่งเล่นไว้ด้านหน้าหมดเลย ห้องนี้นอกจากโซนห้องนั่งเล่นจะกว้างแล้ว ห้องนอนก็กว้างไม่แพ้กัน วางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลย ส่วนห้องอเนกประสงค์ แม้จะไม่ได้อยู่ติดระเบียงเหมือนห้องก่อนหน้า แต่ก็ยังมีหน้าต่างและช่องแสง เป็นห้องที่เหมาะสำหรับทำงานอดิเรกที่เรารักแน่นอนครับ


และห้องสุดท้าย 2 Bedroom ขนาด 69.5 ตารางเมตร จะมีแค่แปลนเดียวครับ เป็นห้องหน้ากว้าง ได้ครัวแบบปิด มีห้องน้ำ 2 ห้อง ความพิเศษของห้องนี้คือ เป็นห้องมุมที่ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหน จะได้วิวส่วนกลางทุกห้องเลย แถมระเบียงยังยาวกว่าห้องอื่นด้วย ยาวตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปถึงห้องครัวเลย ส่วนห้องนอนเอาจริงดูกว้างพอๆ กันเลย ห้องนอนเล็กไม่ได้ดูเล็กกว่ากันสักเท่าไหร่ เหมาะสำหรับการอยู่เป็นครอบครัวฮะ

ดูแปลนห้องกันไปแล้ว เดี๋ยวผมจะพาไปดูห้องตัวอย่างกันครับ จะได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นว่าห้องที่บอกว่ากว้าง กว้างจริงมั๊ย? กว้างแค่ไหน? อยู่หลายคนได้รึเปล่า? ตามไปดูกันต่อเลย
ห้องตัวอย่าง
สำหรับห้องตัวอย่างจะมีทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน คือ 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร กับ 1 Bedroom Plus ขนาด 45 ตารางเมตร จะบอกว่าแปลนค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ได้เหมือนกันคือความกว้างของห้องครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างๆ ผมว่าที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์ในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยได้ดีเลย
แต่จะบอกว่าด้วยการทำราคาที่สามารถจับต้องได้ง่าย ห้องเริ่มต้นที่ล้านกลางๆ ของศุภาลัย ทำให้ของในห้องที่ได้ไม่เยอะเลยครับ ทุกห้องจะขายแบบ Fully Fitted ให้ในส่วนของชุดครัว มีเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของด้านบน และอ่างล้างจาน เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันไม่ได้ให้ แต่ติดตั้งระบบมาให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ก็จะมีวอลเปเปอร์สีขาว เครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำมีสุขภัณฑ์ครบ ทั้งอ่างล้างหน้า กระจก ชักโครก ห้องอาบน้ำมีฉากกั้นกระจกนิรภัย และติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย
ต่อไปเรามาดูห้องตัวอย่างกันครับ จะกว้างอย่างที่ผมบอกรึเปล่าน้าาา
1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร
สำหรับห้องนี้ถ้าเปิดประตูมาก็จะเป็นห้องนั่งเล่นก่อนเลย จากนั้นก็จะเป็นห้องนอน กั้นโดยประตูบานเลื่อนกระจก ครัวก็ได้แบบปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกเช่นกันติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ติดกับครัว
เอาจริงห้องนั่งเล่นคือกว้างมาก ด้วยความที่ห้องไม่ได้เป็นตอนลึก แล้วให้สเปซกับห้องนั่งเล่นเยอะ แถมพื้นที่ระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีเหลือเยอะมาก เราสามารถวางโซฟาใหญ่ๆ หรือทีวีจอบิ๊กบึ้มได้เลยครับ หรือจะวางโต๊ะกาแฟก็ไม่ทำให้ห้องดูแคบ
มุมชั้นวางทีวีจะเหลือที่วางตู้รองเท้าก็ได้ หรือทำชั้นวางทีวีแบบเต็มผนังไปเลยก็ได้ เพราะยังไงมุมนี้ก็จะโล่งๆ อยู่แล้วครับ มีแค่ผนังฉาบเรียบติดวอลเปเปอร์มาให้
มุมทานอาหารอยู่ในห้องนั่งเล่น สามารถวางโต๊ะขนาดสองที่นั่งได้ครับ
ในส่วนของห้องนอนที่ได้จะเป็นห้องเปล่าๆ โล่งๆ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายๆ มีมุมสำหรับวางตู้เสื้อผ้าด้วย ตรงที่เขาแขวนทีวีติดผนังไว้ จะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานก็ได้นะ
ถ้ามุมเมื่อกี้ทำเป็นโต๊ะทำงาน ก็ยังมีมุมข้างเตียงที่ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ สำหรับห้องนอนเขาให้หน้าต่างมาค่อนข้างใหญ่เลย เป็นบานกระทุ้งทั้งสามบาน สามารถเปิดเพิ่มรับลมจากด้านนอกได้ด้วย
มาต่อกันที่ห้องครัวครับ ชุดครัวหน้าตาเหมือนห้องตัวอย่างเลยนะ มีเคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของ และอ่างล้างจาน มีที่สำหรับวางตู้เย็นกับเครื่องซักผ้าด้วย แต่ตู้ด้านบนเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นไม่ได้มีให้นะครับ ครัวก็มีพื้นที่ทำอาหารพอสมควร แต่ถ้าทำอาหารแบบจริงจังทุกวัน อาจจะเล็กไปนิด แนะนำให้หาโต๊ะเล็กๆ หรือโต๊ะแบบพับได้มาวางเพิ่ม ก็จะทำให้เรามีที่วางของเวลาทำอาหารฮะ
ระเบียงอยู่ติดกับครัว มีก๊อกที่ระเบียงติดตั้งไว้ให้ ขนาดระเบียงไม่แคบนะครับ มีพื้นที่ให้ออกไปยืนบิดขี้เกียจได้สบายๆ หรือจะตากผ้าก็ได้
ห้องน้ำอยู่ติดกับห้องครัว หน้าตาห้องน้ำในห้องนี้ก็จะเหมือนกับห้องจริงที่เราจะได้เลย มีอ่างล้างหน้าให้ แต่ไม่มีเคาน์เตอร์เก็บของด้านล่าง มีกระจก ชักโครก ฉากกั้นกระจกนิรภัย ฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่น และชั้นวางของด้านใน
1 Bedroom Plus ขนาด 45 ตารางเมตร
ห้องนี้ตอนแรกที่ผมเห็นคือกว้างและใหญ่มาก พื้นที่เหลือๆ ออกกำลังกายเล่นใหญ่ในห้องได้เลย ซึ่งห้องนี้เขาจะได้ครัวแบบเปิด ครัว โต๊ะทานอาหาร ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกันทั้งหมด ทำให้ห้องดูกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ความพิเศษของห้องนี้คือมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา บอกเลยว่าพื้นที่ใช้สอยเหลือๆ อยู่แบบสองคนได้แบบไม่อึดอัดแน่นอน ที่นี่เพดานจะสูง 2.55 เมตรนะครับ

มุมนั่งเล่นค่อนข้างยาว จะวางโซฟายาวๆ สี่ห้าที่นั่งก็ไหว หรือจะเป็นโซฟารูปตัว L ก็ได้ครับ เอาไว้เผื่อเพื่อนหรือญาติมาเยี่ยม ไม่ต้องนั่งพื้นเลย
มุมชั้นวางทีวีคือยาวมากๆ เราจะแบ่งเป็นตู้รองเท้าด้วย โต๊ะทำงานด้านนอกด้วยก็มีพื้นที่เหลือๆ ผมว่าถ้าใครที่อยากจะแต่งห้องเอง Supalai City Resort สุขุมวิท 107 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะ มีมุมให้ได้แต่งเยอะมาก

มุมโต๊ะทานอาหารเขาไม่ได้มีให้นะครับ แต่เขาออกแบบมาเป็นไอเดีย ใครชอบแบบไหน ออกแบบได้ตามใจเลยนะ อย่างห้องนี้ทำเป็นโต๊ะสูง 4 ที่นั่ง ด้านบนมีที่เก็บแก้วอีกเพียบ เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้ ชอบนัดเพื่อนมาสังสรรค์ที่ห้อง
ชุดครัวห้องนี้หน้าตาเหมือนห้องก่อนหน้าเด๊ะๆ ครับ ห้องนี้จะเหมือนห้องจริงที่ได้มาก เพราะไม่ได้วางเตาไฟฟ้ากับใส่เครื่องดูดควันมาด้วย ก็จะได้อ่างล้างจานแบบห้องตัวอย่างเลย แล้วก็วางเครื่องซักผ้าได้ด้วยนะ จะได้ไม่ต้องไปเกะกะตรงระเบียง ถ้าใครคิดว่าครัวเล็กไป จะทำ Island เพิ่มก็ได้ เอาไว้เตรียมเครื่องปรุงอาหารต่างๆ
ห้องน้ำอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลยครับ สุขภัณฑ์ครบครันเหมือนเดิม มีอ่างล้างหน้า กระจก ชักโครก ฉากกั้นกระจกนิรภัย เครื่องทำน้ำอุ่น และชั้นวางของ ห้องน้ำขนาดไม่เล็กนะครับ หมุนตัวชูแขนได้สบาย
ในส่วนของห้องนอนค่อนข้างใหญ่ วางเตียง 5 – 6 ฟุตได้ พื้นที่ข้างเตียงก็เหลือ วางได้ทั้งโต๊ะข้างเตียงและตู้เสื้อผ้า เวลาที่เราเดินมาริมหน้าต่างก็ไม่ต้องเดินเบียดๆ ตรงปลายเตียงครับ เพราะพื้นที่เขากว้าง ตรงข้ามตู้เสื้อผ้าเยื้องๆ กับปลายเตียงก็ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ
จะสังเกตได้ว่ายิ่งห้องนอนใหญ่ ยิ่งได้กระจกเยอะครับ อย่างห้องนี้ได้กระจกเข้ามุมด้วย ยาวจากมุมซ้ายไปจบที่มุมขวา แสงส่องเข้ามาได้เยอะเลย
มาดูห้องอเนกประสงค์กันบ้าง ห้องขนาดพอที่จะทำเป็นห้องนอนเล็กได้นะครับ หรือจะทำเป็นห้องทำงานเหมือนในห้องตัวอย่าง ห้องเก็บเสื้อผ้า ห้องอ่านหนังสือ ห้องเกมเมอร์ ห้องไลฟ์สดได้หมดเลย ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของเรา จากที่ผมได้เข้าไป ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน จะหาโซฟาหรือชั้นวางของมาติดเพิ่มก็ได้นะ พื้นที่เหลือเฟือครับ
ห้องนี้จะได้แอร์ 3 ตัวเลย ที่ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ แล้วก็ห้องนอน ระเบียงก็จะอยู่ติดกับห้องอเนกประสงค์ เป็นแนวยาว สามารถตากผ้าได้นิดหน่อย เดินออกไปชมวิวข้างนอกได้บ้าง
Spec ในห้องให้อะไรบ้าง?
สำหรับทุกห้องพักอาศัยในโครงการ สิ่งที่จะได้ในห้องก็คือ วอลเปเปอร์สีขาว เครื่องปรับอากาศ ชุดครัวแบบ Built-in ห้องน้ำที่มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและเครื่องทำน้ำอุ่น นอกนั้นไม่ได้ให้ฮะ อย่าง 1 Bedroom ก็จะได้แอร์ 2 ตัว คือในห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ส่วน 1 Bedroom Plus ได้แอร์ 3 ตัว เพิ่มห้องอเนกประสงค์เข้ามา
ส่วนชุดครัวหน้าตาเหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ มีเคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของ มีช่องวางไมโครเวฟด้านบน และอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้ากับเครื่องดูดควันไม่มี แต่ก็เดินระบบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ห้องน้ำจะได้ของเหมือนในห้องตัวอย่างเลย มีอ่างล้างหน้า ด้านล่างไม่มีตู้เก็บของ มีกระจกขนาดใหญ่ มีชักโครกพร้อมสายฉีด ห้องอาบน้ำมีฉากกั้นกระจกนิรภัย แถมเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ แล้วก็มีชั้นวางของเล็กๆ ด้วย
ห้องน้ำเพดานสูง 2.25 เมตร แต่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอนเพดานสูง 2.5 เมตร
ห้องกว้างแต่ราคาไม่แรง
จุดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยของศุภาลัยไม่ว่าจะโครงการไหนๆ คือขนาดห้องกับราคา ที่เรียกได้ว่าได้ห้องใหญ่ในราคาที่จับต้องได้ โดยราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 55,000 บาท/ตารางเมตร การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากสำหรับคนมีรถ สามารถเข้าออกได้หลายทาง แต่สำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าก็อาจจะไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น เดินทีมีเหนื่อย ดังนั้นทางโครงการก็เลยมีบริการในส่วนของ Shuttle Bus รับส่งจากโครงการไป BTS แบริ่งด้วย
ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาคอนโดราคาไม่แรง ได้ห้องขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ไม่ได้เน้นพื้นที่ส่วนกลางอะไรมากมาย แต่พื้นที่ของโครงการเยอะ กว้าง ตึกไม่เรียงกันแบบอัดแน่น มีพื้นที่ให้ได้หายใจ มีธรรมชาติและต้นไม้สีเขียวอยู่ใจกลางโครงการ เหมือนเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง ผมว่า Supalai City Resort สุขุมวิท 107 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ยิ่งเขาไม่ได้ให้ของมาเยอะ ขายแบบ Fully Fitted เราสามารถดีไซน์ห้องในฝันของตัวเองได้แบบทุกซอกทุกมุม นอกจากจะใช้เป็นบ้านสำหรับพักผ่อนแล้ว ก็ยังเป็นที่ที่ทำให้เราผ่อนคลายได้ด้วยฮะ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การใช้ชีวิต
โดยราคาห้องแต่ละขนาดก็จะไม่ได้โดดกันมากจนเกินไปครับ มีหลายระดับราคาให้ได้เลือกสรรแน่นอน
- Studio ขนาด 28.5 ตารางเมตร ราคา 1.76 – 2.06 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 34.5 – 41.5 ตารางเมตร ราคา 1.96 – 2.80 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 44.5 – 45 ตารางเมตร ราคา 2.76 – 3.06 ล้านบาท
- 2 Bedroom ขนาด 69.5 ตารางเมตร ราคา 4.16 – 4.78 ล้านบาท
ก็จะเห็นได้ว่าราคา Studio ก็ไม่ได้ต่างจาก 1 Bedroom มาก และ 1 Bedroom เองก็ไม่ได้ต่างจาก 1 Bedroom Plus เท่าไหร่ แต่ราคานี้ยังไม่รวมส่วนลดของทางศุภาลัยนะครับ ซึ่งก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม 130,000 – 250,000 บาท แล้วแต่ห้อง

สรุปโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107
สำหรับโครงการนี้ ก็จะเป็นโครงการคอนโดราคาระดับเริ่มต้นไม่สูงมาก อยู่ใน range ที่ยังหยิบจับได้ง่ายครับ ซึ่งถ้าเทียบราคาต่อตารางเมตรออกมา ก็ต้องบอกว่าที่นี่ทำราคาออกมาได้ดีตามสไตล์ศุภาลัยเช่นเคย กับราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย 55,000 บาท
แต่ด้วยขนาดห้องที่โครงการทำออกมา ห้องเล็กสุดของที่นี่ก็ยังมีขนาดที่ใหญ่ กับห้องไซส์ 28.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นล้านกลางๆ ถ้าดูราคาห้อง ราคาเริ่มต้นอาจจะไม่ได้ต่างจากที่อื่นในย่านนี้มาก เราจะเห็นคอนโดราคาหลักล้านกว่าๆ แถวนี้ค่อนข้างเยอะ แต่สิ่งที่ได้มาก็คือขนาดห้องที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่าห้องเริ่มต้นของคอนโดยุคนี้ ที่ทำห้องเป็นไซส์ 22-24 ตารางเมตรมากครับ
ดังนั้นใครที่มองหาห้องไซส์ใหญ่หน่อย เน้นมีพื้นที่ใช้งานในห้องกว้างหน่อย ที่นี่ก็จะมีจุดเด่นในเรื่องนี้ ซึ่งสำหรับที่นี่ งบไม่เกิน 2 ล้าน สามารถได้ห้องไซส์ 35 ตารางเมตรได้เลยเช่นกัน
ถัดมาเป็นเรื่องของทำเล อย่างที่เราทราบกันดีครับว่าที่ดินสมัยนี้ยิ่งติดรถไฟฟ้ายิ่งแพง ด้วยตัวโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ที่เป็นแบรนด์คอนโดที่เน้นทำราคาไม่สูงมาก ทำเลก็อาจจะต้องขยับออกมาจากรถไฟฟ้านิดนึง เพื่อให้ทำราคาออกมาได้ไม่แพงเกินไป
โดยจุดที่โครงการเลือกมาตั้งจะอยู่ในซอยสุขุมวิท 107 หรือแบริ่ง ซึ่งก็เข้ามาประมาณ 1.1 กิโลครับ โดยโครงการก็จะมีบริการ Shuttle Bus รับส่งไปที่รถไฟฟ้าให้ด้วย สำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้า ทำเลที่ตั้งก็จะเหมาะกับทั้งคนที่ทำงานในเมือง โดยสามารถใช้ BTS สายสุขุมวิทเข้าสู่เมืองได้โดยตรง โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีก็ถึงใจกลางเมือง นอกจากนี้ก็จะเหมาะกับกลุ่มคนที่ทำงานในย่านสมุทรปราการด้วยครับ ซึ่งบริเวณใกล้ๆ ก็มีออฟฟิศหลายแห่ง รวมไปถึงไม่ไกลจากตัวเมืองสมุทรปราการ
ซึ่งถึงแม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่บนถนนรอง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในซอยเปลี่ยวครับ แบริ่งเองก็เป็นถนน 4 เลนตลอดสาย และต้องบอกว่าย่านแบริ่ง-ลาซาล ก็เป็นอีกย่านที่มีความ lively มีชีวิตชีวาพอสมควร ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชนเดิม จะมีทั้งตลาด ร้านของกิน แหล่งงาน Community mall เอาเป็นว่าถ้าเดินสะดุดฟุตบาท หัวต้องฟาดกับร้านของกินซักร้านนึงแหล่ะ คือมันมีตลอดทางจริงๆ ฮะ ทีมงานเดินเก็บรูปรีวิวไปก็ซื้อของกินจุ๊บจิ๊บไป
นอกจากนี้ถนนแถวนี้ก็จะทะลุกันไปมาได้หมด สามารถเลือกไปออกทั้งศรีนครินทร์, บางนา-ตราด หรือออกสุขุมวิทตามปกติได้

สุดท้าย ส่วนกลางของที่นี่ ที่ค่อนข้างให้มาใหญ่กว่าคอนโดทั่วไปที่ระดับราคาประมาณนี้ ต้องบอกว่าที่ดินโครงการนี้มีขนาดที่ใหญ่ถึง 13 ไร่เลยครับ จริงๆ สามารถจัดตึก low rise ออกมาแน่นๆ เป็นระดับ 1,000 – 1,500 ห้องได้เลย แต่สำหรับที่นี่จัดออกมาหลวมๆ แค่ 5 ตึก 847 ห้อง ถือว่าน้อยเลย สำหรับพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้
พอ unit ไม่เยอะมาก ตึกอัดอยู่ในพื้นที่แบบไม่แน่น สิ่งที่จะสังเกตได้คือระยะห่างระหว่างตึกของที่นี่จะเยอะมากครับ อย่างสวนส่วนกลางก็จะโปร่งเลย ดูไม่อึดอัด มีพื้นที่ว่างค่อนข้างเยอะและมีพื้นที่สีเขียวหลายจุด จัดพื้นที่จอดรถมาได้ถึง 50% ไม่รวมซ้อนคัน ถือว่าเยอะเลยสำหรับคอนโดราคา 1-2 ล้าน
นอกจากนี้พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ก็ให้มาแบบรองรับคนใช้งานได้เยอะ ทั้งสระขนาดใหญ่, ฟิตเนส, ห้อง Sharing Space, สนามเด็กเล่น ที่ทุกจุดทำขนาดออกมากว้างหมดเลย ค่อนข้างน่าใช้งานครับ
พูดถึงข้อดีไปเยอะแล้ว เดี๋ยวหาว่าอวยอย่างเดียว มาพูดถึงจุดที่โครงการนี้อาจจะยังไม่ได้เด่นมากกันบ้างครับ ทีมงานมองว่าน่าจะเป็นเรื่องขอดีไซน์ตัวตึกและส่วนกลางภายนอก ที่อาจจะยังดูเรียบๆ ไปนิดนึง ไม่ได้ดูล้ำหรือหวือหวาหน่อยตามสมัยนิยมเท่าไหร่ครับ
กับแปลนห้อง สำหรับใครที่อยากได้ห้องนอนแบบห้องนอนปิด ได้ความเป็นส่วนตัว ที่นี่จะไม่ค่อยมีให้เลือกครับ ส่วนใหญ่จะเป็นแปลนแบบห้องนอนบานสไลด์เป็นหลัก ซึ่งห้องที่จะมีห้องนอนแบบปิดจะเป็นไซส์ 1 Bedroom Plus ไปเลย ซึ่งขนาดค่อนข้างใหญ่ 40 กว่าตารางเมตรแล้วฮะ
ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาคอนโดราคาไม่แรง ทำเลเข้าเมืองง่าย ไม่ไกลรถไฟฟ้า และได้ห้องขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะเน้นอยู่จริงสบาย ส่วนกลางอาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็ให้มาครบและกว้าง ตึกไม่เรียงกันแบบอัดแน่น มีพื้นที่ให้ได้หายใจ มีธรรมชาติและต้นไม้สีเขียวเหมือนเป็นสวนสาธารณะอยู่ใจกลางโครงการ ผมว่า Supalai City Resort สุขุมวิท 107 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ กับราคาเริ่มต้นล้านกลางๆ ครับ
โปรโมชั่น
และวันที่ 26 – 27 มีนาคมนี้ Supalai City Resort สุขุมวิท 107 จะมีงาน Grand Opening ด้วยครับ เขาจัดโปรโมชั่น ราคาเริ่ม 1.58 ล้านบาท จอง 999 บาท ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ค่าส่วนกลาง iPhone 13* กู้ได้ 100%** ถ้าเพื่อนๆ สนใจก็สามารถเข้าไปดูโครงการจริง ห้องจริง วิวจริงกันได้เลย สำนักขายในโครงการเขาเปิดทุกวัน 9.00 – 18.00 น. หรือโทร 1720
หรือลงทะเบียน/ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่