สมัยนี้ “พระราม 9” กับ “คอนโด” นี่เรียกได้ว่าจะเป็นของคู่กันเลยก็ว่าได้ กับย่านที่ถือว่ามาแรงมาก เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจน ทั้งในแง่ของความเป็นเมือง ที่มีทั้งห้าง ตึกออฟฟิศ และโปรเจคต่างๆ มาลง ซึ่งก็รวมไปถึงกลุ่มคอนโดที่มาเปิดกันบริเวณใกล้แยกพระราม 9 เช่นกัน ที่ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเห็นแน่นอน “และทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีนิดๆ เท่านั้น”
วันนี้เราเลยจะของพาไปรู้จักกับคอนโดใหม่ในย่านพระราม 9 ที่เป็นโครงการใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุด อลังการที่สุดในแยกพระราม 9 กับโครงการ
“NUE EPIC ASOK-RAMA 9”
ที่นี่จะเป็นคอนโดไซส์ใหญ่ บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ ติดถนนใหญ่อโศก-ดินแดง ใกล้ MRT พระราม 9 ที่มาพร้อมกับห้องกว่า 3,000 ยูนิต แต่ในความยิ่งใหญ่ก็มาพร้อมกับส่วนกลางระดับบิ๊กเบิ้มเช่นกัน อะไรที่ทำให้ Noble กล้าตัดสินใจเปิดโครงการขนาดใหญ่ ทั้งๆ ที่ย่านนี้ก็มีคอนโดเยอะอยู่แล้ว และในวันที่เราเขียนรีวิวตัวนี้ยอดขายก็ไปแล้ว 60% ด้วย โดยที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง!! แต่วันที่เราลงบทความนี้ทางโครงการก็ได้ EIA APPROVED เรียบร้อย และเริ่มก่อสร้างแล้วฮะ
อะไรคือความน่าสนใจของที่นี่ แล้วในความที่เป็นโครงการใหญ่ จะมีอะไรที่แตกต่างและคอนโดอื่นให้ไม่ได้บ้าง เดี๋ยววันนี้เราจะพาดูกันแบบเจาะลึกกันครับ

จุดเด่นโครงการ

Facility แน่นกว่า 11 ไร่
ส่วนกลางใหญ่ 3 ยิม 3 สระว่ายน้ำ
มี Pet Pool เป็นสระว่ายน้ำของน้อนๆ

ห้องหน้ากว้างสไตล์ Noble ได้เฟอร์ครบ ฟังก์ชันดี

ติดถนนใหญ่ใกล้ MRT พระราม 9 ที่ราคาเริ่มต้นแค่แสนนิดๆ/ตร.ม. (2.79 ล้าน)
ย่านพระราม 9
ย่านที่เติบโตไวในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีครบทั้งแหล่งงาน การเดินทาง และด้าน Lifestyle
ปัจจุบัน ถ้าพูดถึงย่านสี่แยกพระราม 9 เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเห็นภาพคล้ายๆ กัน คือเป็นย่านที่โตไวมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
จุดเด่นของย่านพระราม 9 เลยก็จะเป็นเรื่องความครบ ทั้งในแง่ของทำเล การเดินทางที่มีให้เลือกทั้งรถไฟฟ้า, ถนนสายหลัก และทางด่วนที่ตัดผ่านในย่าน และอยู่ใกล้กับ CBD เดิมอย่างสุขุมวิท-อโศกมากๆ โปรเจคต่างๆ ที่เป็นแหล่งงานในย่านก็ค่อนข้างเยอะทั้งออฟฟิศและโครงการ Mixed-use
รวมไปถึงแหล่ง Lifestyle ในย่านเอง ก็มีห้างที่เป็นแกนหลักอย่าง Central พระราม 9 ตั้งอยู่ รวมไปถึงมีห้างอื่นๆ อีกอย่างฟอร์จูนทาวน์ และในแนวถนนรัชดาอย่าง Esplanade, ตลาดนัดรถไฟ, The Street ที่อยู่ไม่ไกลกัน
เมื่อย่านนี้เริ่มเติบโต ก็มีโครงการที่อยู่อาศัยทยอยเปิดตามมาอย่างต่อเนื่อง คือนอกจากจะใกล้แหล่งงาน ใกล้สิ่งต่างๆ ในย่านแล้ว พระราม 9 เองก็เป็นอีกย่านที่เชื่อมต่อไปโซนอื่นสะดวกเช่นกัน และยังเป็นทำเลใกล้ใจกลางเมืองที่ถือว่าราคาคอนโดยังพอจับต้องได้อยู่สำหรับคนทำงาน


แล้วทำไมพระราม 9 ถึงเพิ่งมาบูม มีโครงการใหม่ๆ ในช่วงแค่สิบกว่าปีที่ผ่านมา??
ย้อนกลับไปช่วงประมาณ 30-40 ปีที่แล้ว แถวๆ ปี 252x – 253x ต้องบอกว่าแต่ก่อนย่านรัชดา-พระราม 9 ตรงนี้ยังไม่ได้เป็นย่านใจกลางเมืองเท่าปัจจุบันครับ ในยุคนั้นถนนรัชดาถือว่าเป็นถนนที่ค่อนข้างใหม่ในย่าน ตัดเสร็จมาแค่ประมาณสิบปี เป็นถนนเส้นที่มาทีหลัง ไม่ได้เก่าแก่เท่าพหลโยธิน, ลาดพร้าว หรือเพชรบุรี รวมไปถึงความเจริญในยุคตอนนั้นก็ยังอยู่แค่กรุงเทพชั้นใน
ซึ่งพอโซนรัชดามี “ถนนรัชดาภิเษก” ที่เป็นถนนเส้นใหญ่ตัดผ่านทีหลังเพื่อน (เทียบกับเส้นอื่นๆ อย่างพหล, เพชรบุรี, ลาดพร้าว) ก็เลยทำให้ที่ดินในย่านตรงนี้ถูกเปิดการมองเห็น ถูกความเจริญเข้าถึงช้ากว่าทำเลรอบข้างในยุคนั้น ถึงแม้ที่ตั้งจริงๆ จะไม่ได้ไกลจากย่านใจกลางเมืองมากนัก ซึ่งต้องบอกว่าโซนนี้มีที่ดินเปล่าที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ ได้หลายแปลงทีเดียว
ช่วงที่รัชดาเริ่มโตยุคแรกก็จะเป็นแถวๆ ช่วงปี 253x ครับ ที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังรุ่ง ย่านนี้จากเดิมที่เป็นหมู่บ้านแนวราบในซอย ที่ดินบนถนนรัชดาก็เริ่มมีตึกออฟฟิศ มีโครงการต่างๆ ขึ้นมา ถ้าใครทันยุคนั้นก็น่าจะเห็นห้างต่างๆ มาเปิดทั้งโตคิวรัชดา, โรบินสันรัชดา หรืออย่างที่หัวมุมแยกพระราม 9 ที่เป็นห้างเยาฮัน (ฟอร์จูนในปัจจุบัน) ก็มาในยุคนี้เช่นเดียวกัน
ซึ่งหลายๆ โครงการในยุคนั้นก็เห็นศักยภาพของทำเลและอนาคตของย่านครับ ทั้งการที่กำลังจะมีรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก วิ่งผ่านถนนรัชดา ทำให้ย่านรัชดาตรงนี้ก็เป็นที่สนใจของนักพัฒนา แต่น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจในยุคปี 40 ทำให้หลายโครงการหยุดชะงักไปพักใหญ่เลย
หนึ่งในนั้นก็คือโครงการบนที่ดินขนาดใหญ่หัวมุมแยกพระราม 9 อย่าง “โครงการพระราม 9 สแควร์” หรือปัจจุบันก็คือ Grand Rama 9 ที่มีเซ็นทรัลพระราม 9 ตั้งอยู่ จริงๆ โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ยุคก่อนปี 40 แล้วครับ และเริ่มก่อสร้างบางส่วนไปแล้วด้วย แต่ต้องหยุดไป จนเพิ่งกลับมาทำใหม่ในช่วงปี 255x
ซึ่งในช่วงปี 255x นี่ละครับ ย่านพระราม 9 กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง จากหลายๆ ปัจจัยรวมกันเลย ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ ที่ฟื้นกลับมาแล้ว โครงการต่างๆ ที่ถูกพับเก็บไว้ ก็ฟื้นกลับมาทำกันในยุคนี้ ซึ่งดันเป็นโครงการที่เป็นทำเลเด่นที่สุดในย่านบนหัวมุมแยกพระราม 9 พอดี เลยกลายเป็นอะไรที่ดึงดูดความน่าสนใจและดึงโครงการอื่นๆ เข้ามาในย่านด้วยเช่นกัน
รวมไปถึงความเจริญต่างๆ จากโซนชั้นในได้ถูกกระจายออกมาตามการมาของรถไฟฟ้า และพื้นที่ชั้นในอย่างสุขุมวิทหรือหลายๆ โซนเองก็ถูกใช้ที่ดินไปจนจะหมด ที่ดินแปลงขนาดใหญ่เริ่มหาได้น้อย และราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ย่านพระราม 9 เองที่อยู่ถัดออกมานิดนึงจากสุขุมวิท ห่างกันแค่ 2 สถานี แต่ยังมีพื้นที่พร้อมสำหรับการพัฒนา เลยถูกสนใจเป็นพิเศษ มี infrastructure ต่างๆ พร้อมไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือทางด่วน เลยเป็นที่มาที่เราเห็นโครงการต่างๆ ที่มาเปิดพร้อมๆ กันในยุคหลังนี่เองครับ


ใกล้ Mega Project ขนาดใหญ่
และยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาต่อในอนาคต
อย่างที่บอกไป “ย่านพระราม 9” จุดเด่นของย่านนี้ในปัจจุบัน คือเป็นย่านที่ถูกพัฒนาขึ้นทีหลังย่านศูนย์กลางเมืองอย่างสีลม, สาทร, สุขุมวิทครับ ทำให้ยังมีพื้นที่เหลือพอที่จะเกิดโปรเจคใหม่ๆ ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าย่านพระราม 9 เองก็โตมาอย่างก้าวกระโดดมากๆ เริ่มจากที่ดินแปลงใหญ่หัวมุมแยกพระราม 9 อย่างโครงการ “Grand Rama 9” ของกลุ่ม G Land ที่เป็น Mixed-Use ขนาดใหญ่ในย่าน
ประกอบไปด้วยคอนโด ตึกออฟฟิศ ห้าง Central พระราม 9 ซึ่งในช่วงที่ G Land ยังเป็นเจ้าของ เคยประกาศว่าจะสร้างตึกที่สูงที่สุดในไทยที่นี่อย่าง Super Tower แต่หลังจากที่ G Land ได้ถูกซื้อโดยกลุ่ม Central ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าโปรเจคนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นตึกออฟฟิศแบบปกติแทนครับ
นอกจากนี้ถ้าพูดถึงในช่วงประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่าน ย่านตรงนี้ก็ยังมีโปรเจคใหม่ๆ ขึ้นมาอีกค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร AIA Capital Center, อาคารตลาดหลักทรัพย์, ห้าง The Street, อาคาร SKYY9 Tower และการมาของรถไฟฟ้า Airport Rail Link
ซึ่งเมื่อรวมกับอาคาร Office เดิมที่อยู่ในย่านนี้อยู่แล้วอย่างตึก CP Tower, True Tower, RS Tower, ตึกไทยประกันชีวิต, สำนักงานใหญ่อสมท. และตึกออฟฟิศบนถนนฝั่งพระราม 9 อีก ทำให้ภาพรวมย่านนี้ก็เป็นอีกย่านธุรกิจสำคัญที่มีออฟฟิศต่างๆ มาอยู่กันเยอะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็น CBD หลักเก่าแก่อย่างในย่านสุขุมวิท-สีลม-สาทรครับ
“ทราบหรือไม่ว่าปัจจุบัน รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 มีผู้ใช้งานเยอะที่สุดเป็นอันดับ 3 ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รองจากสถานีสุขุมวิท และเพชรบุรี ทั้งที่สถานีนี้ไม่ได้ Interchange กับสายไหนเลย”
ก็น่าจะพอเห็นภาพความคึกคักและความเป็นเมืองของย่านพระราม 9 ได้ครับ ทีนี้ถ้าเรามาดูในปัจจุบัน ก็น่าจะเห็นเหมือนกันว่า “โซนพระราม 9” เองเนี่ย มีความเป็นทั้งโซนแหล่งงานและโซนที่อยู่อาศัยในตัวเอง มีความครบสมบูรณ์ในระดับนึงแล้ว





แต่ในแง่อนาคตที่นี่จะเป็นอย่างไร ยังศักยภาพของทำเลจะพัฒนาต่อได้ไหม อนาคตมูลค่าจะสูงขึ้นอีกหรือเปล่า หรือหยุดอยู่แค่นี้?? เลยอยากจะชวนมาดูภาพคร่าวๆ ครับ ว่าในโซนพระราม 9 ตรงนี้ยังมีแนวโน้มพัฒนาตรงไหนต่อได้อีกบ้าง???
“อนาคตของย่านพระราม 9”
ต้องบอกว่า “ย่านพระราม 9” เอง ถึงช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา จะมีโปรเจคต่างๆ ขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีที่ดิน มีโครงการที่เหลือรอการพัฒนาอยู่ด้วย หลายๆ ที่เป็นที่ดินผืนใหญ่เลยก็ว่าได้ เราเลยลองสรุปข้อมูลโปรเจคต่างๆ และที่ดินที่ยังว่างในย่านนี้มาฝากครับ
เริ่มจากในฝั่งโปรเจค Grand Rama 9 ที่เป็นของ G Land เดิม ที่ดินตรงนี้พัฒนาเป็นตึกออฟฟิศและห้างไปส่วนนึงแล้ว เป็นอาณาจักร Mixed-use ใหญ่แห่งหนึ่งของย่านเลย แต่ตอนที่กลุ่ม Central เข้ามาเทค ก็ยังมีที่ดินที่รอการพัฒนาอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเท่าที่ทราบคร่าวๆ กำลังเตรียมที่จะมีการ Renovate ในการส่วนของพื้นที่ Central ครั้งใหญ่ครับ มีการขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเพิ่มเติมด้วยตึกใหม่ด้านหลัง และจะมีการผสมพื้นที่สีเขียวเข้ามาในอาคารด้วยครับ
ส่วนพื้นที่ Jodd’s Fair เดิม ตรงนี้ก็เป็นที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน ทาง Central ก็เตรียมทำเป็นพื้นที่ Mixed-use ที่จะมีตึกออฟฟิศ เสริมความเป็นย่านแหล่งงานของทำเลนี้มากขึ้นครับ คาดว่าน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 6-8 ปีนี้ครับ อย่างปัจจุบันก็เริ่มมีภาพ Render ของตัว Central ส่วนต่อขยายปล่อยออกมาบ้างแล้ว
ถัดมาโปรเจค “รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน” น่าจะได้ยินกันมาสักพักใหญ่แล้ว กับรถไฟฟ้า 3 สนามบินที่จะเชื่อมดอนเมือง, สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา โดยบางส่วนเป็นการอัพเกรดจาก Airport Rail Link เดิม ปัจจุบันได้ผู้ชนะประมูลเป็นกลุ่ม CP ที่ผ่านมามีการ Delay จากปัญหาต่างๆ แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ (ถ้าไม่เลื่อนอีก)
ไฮไลท์อยู่ที่ผู้ที่ประมูลจะได้พื้นที่แปลงใหญ่ติดสถานีมักกะสันไปด้วย ซึ่งขนาดกว่า 140 ไร่ หรือที่หลายคนเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่ามักกะสันคอมเพล็กซ์ครับ เป็นที่ดินที่ค่อนข้างมี Potential สูงมาก ติดรถไฟฟ้า 2 สายติดถนนใหญ่และติดทางด่วน ทำเลกลางเมือง สามารถทำออกมาเป็น Mixed-use ขนาดใหญ่ที่เป็น Landmark ใหม่ได้ (ลองนึกภาพว่า One Bangkok ที่ก็มีขนาดใหญ่เหมือนกัน ที่นั่นยังขนาดอยู่ที่ 108 ไร่ครับ)
แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงด้วยครับ ว่าจะเริ่มสร้างเมื่อไหร่ ซึ่งด้วยศักยภาพของที่ดินเองที่มีสูงมาก ยังไงที่ดินผืนใหญ่ตรงนี้ของการรถไฟ ก็ต้องถูกพัฒนาเป็นโครงการอะไรสักอย่างแน่นอนอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วครับ

ส่วนฝั่ง MCOT หรือ อสมท. ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านนี้พร้อมที่ดินขนาดใหญ่ ก็มีแผนปล่อยประมูลที่ดิน เพื่อหารายได้เข้าองค์กรเช่นกันครับ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษา สำหรับที่ดินในย่านรัชดาของ อสมท.มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลย แบ่งเป็นสองแปลงคือสำนักงานใหญ่ อสมท.เดิม 20 ไร่ และที่ดินติดถนนเทียมร่วมมิตรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีก 50 ไร่ รวมเป็น 70 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 7 พันล้าน จุดเด่นคือเป็นแปลงที่ติดรถไฟฟ้าสายสีส้มเลยครับ
และนอกจากนี้บริเวณใกล้แยกเทียมร่วมมิตรและสถานีศูนย์วัฒนธรรมที่เป็น Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีส้มในอนาคตที่กำลังจะมา ยังมีที่ดินแปลงใหญ่อีกหลายแปลง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินของกลุ่มตระกูลวิทยากรที่ก่อนหน้านี้ตัดขายบางส่วนไปทำเป็นโครงการตึก AIA รัชดา 2 ปัจจุบันเหลือพื้นที่ขนาดประมาณ 19 ไร่กว่า
อีกแปลงที่เป็นไฮไลท์ของย่านอยู่แทบจะติดกันเลย คั่นด้วยสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขนาดที่ดินประมาณ 20 ไร่ของกลุ่มแหลมทองสหการ ที่เป็นเจ้าของโครงการตึกออฟฟิศอย่าง Vanit Place เพชรบุรีและอารีย์ รวมไปถึงโปรเจคบนถนนสีลมบนพื้นที่อาคารบุญมิตรเดิมที่กำลังสร้างใหม่ ก็เป็นอีกเจ้าที่มีความถนัดในทำโปรเจค Mixed-use และอาคารสำนักงาน โดยเป็นเจ้าของที่ดินใจกลางเมืองหลายแปลง ปัจจุบันผืนนี้ยังเป็นที่ว่างรอการพัฒนา
ส่วนโปรเจคในโซนรัชดาที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างหรือเตรียมจะก่อสร้างในเร็วๆ นี้ก็มีเช่นกัน อย่างตึก AIA รัชดา 2 ที่พูดถึงไป ที่นี่มากับที่ดิน 8 ไร่ 34 ชั้น สูงกว่า 180 เมตร ตึกนี้ใกล้เสร็จแล้วครับ ส่วนที่ข้างๆ ที่ติดกัน จะมีที่ดินที่เตรียมเป็นโรงแรมของกลุ่มแหลมทองสหการ บนที่ดินขนาด 2 ไร่ครึ่ง กำลังอยู่ในช่วงขอ EIA
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ดินของกลุ่ม PF ที่นำที่ดินที่เคยเห็นห้างจัสโก้รัชดาเดิมขนาดประมาณ 13 ไร่ มาพัฒนาเป็นโปรเจค Mixed-use ปัจจุบันเสร็จแล้วบางส่วน เป็นตลาด Jodd Fairs ใหม่ในปัจจุบันนั่นเองครับ นอกจากนี้กลุ่ม PF ยังมีที่ดินที่อยู่ในฝั่งตรงข้ามอีกประมาณ 10 ไร่ด้วย
ส่วนในฝั่งถนนพระราม 9 เอง ก็มีอาคารวีวรรณทาวเวอร์ ที่เป็นอาคารสูง 44 ชั้น เป็นอีกตึกที่กำลังใกล้เสร็จเช่นเดียวกัน
จากภาพรวมที่เล่าไป ก็น่าจะพอเห็นภาพคร่าวๆ ว่าโซนพระราม 9 ตรงนี้ ยังมีที่ดิน มีโครงการต่างๆ ให้พัฒนาต่อในอนาคตได้อีก ยังมี Potential ที่จะพัฒนาให้ย่านนี้เติบโตขึ้นได้ในอนาคต
แต่ทั้งนี้แต่ละโครงการต่างๆ ที่จะมาในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่างๆ ทั้งช่วงเวลา สภาพเศรษฐกิจ Demand ต่างๆ ในอนาคต อาจจะบอกไม่ได้ว่าโครงการไหนจะมาช้าหรือเร็ว แต่ก็คาดว่าเราน่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของย่านนี้ไปเรื่อยๆ ในอนาคตครับ
ที่ดินมักกะสันและรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

ที่ดินย่านศูนย์วัฒนธรรม

อาคาร AIA รัชดา 2

ใกล้ใจกลางเมืองแต่มาในราคายังจับต้องได้
ทำเลพระราม 9 ย่านที่ยังมีคอนโดระดับราคาแสนต้นๆ ไม่ต้องออกไปไกลเมือง
อีกจุดเด่นที่พูดถึงไปคือย่าน “พระราม 9” ด้วยตัว Location จริงๆ ของเค้าถือว่าเป็นย่านนึงที่ใกล้ใจกลางเมืองมากๆ ครับ อย่างที่นี่ขึ้นรถไฟฟ้า 2 สถานีถึง Interchange แยกอโศก ระยะห่างกันแค่ประมาณ 2 กิโลเมตร เท่านั้นเอง ซึ่งก็จะเข้าสู่โซนใจกลางสุขุมวิทแล้วครับ
หรืออย่างย่าน Lifestyle ใจกลางเมืองอย่างโซนสยาม-ราชประสงค์ จากพระราม 9 ไปก็ไม่ไกลเช่นกันครับ ถึงรถไฟฟ้าจะไม่ได้ทะลุไปหาโดยตรง แต่ต่อรถไฟฟ้า 2 สายรวมจำนวนป้ายก็แค่ 5-6 สถานีเท่านั้นเองครับ ซึ่งถ้าใช้บริการขนส่งอย่างอื่น อย่างลองกด Grab Bike ก็แค่ประมาณ 60 บาท หรือถ้าขับรถเองแล้วรถไม่ติด 15 นาทีก็ถึงได้ครับ
ซึ่งถ้ามองหาทำเลที่ได้คอนโด “ติดถนนใหญ่” และ “ใกล้รถไฟฟ้า” ในราคาเริ่มต้นอยู่ในช่วงแสนนิดๆ ต่อตร.ม. พระราม 9 เองก็เป็นทำเลนึงที่ยังหาคอนโดในกลุ่มนี้ได้อยู่ครับ และเป็นตัวเลือกทำเลที่ใกล้เมืองชั้นในลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ครับ
อย่างตัวเลือกทำเลที่ราคาต่อตร.ม.ใกล้เคียงกับโซนพระราม 9 ก็อย่างเช่น โซน ห้าแยกลาดพร้าว-รัชโยธิน, โซนอ่อนนุช-อุดมสุข, โซนฝั่งธนย่านวงเวียนใหญ่-ตลาดพลู ซึ่งแต่ละโซนที่ว่ามาก็จะมีจุดเด่น และ Vibe เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับ lifestyle ว่าปกติใช้ชีวิต/ทำงานโซนไหน ชอบย่านไหนเป็นพิเศษ และโจทย์ในการมองหาคอนโดเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ถ้ามองหาย่านที่ Location อยู่ใกล้กลางเมือง พระราม 9 ก็เป็นย่านที่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ในงบช่วงแสนต้นๆ ครับ ซึ่งยังได้ทำเลบนรถไฟฟ้าเส้นหลักอย่างรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งถัดไปนิดเดียว ราคาคอนโดย่านอโศกนี่ก็จะกระโดดไปช่วง 2-3 แสนบาท/ตร.ม. แล้วครับ เช่นเดียวกันกับราคาคอนโดย่านกลางเมืองที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งผ่าน อย่างสีลม, พระราม 4, ลุมพินี
ย่านพระราม 9 เลยเป็นทางเลือกที่ได้รถไฟฟ้าสายเดียวกันแต่ราคาซอฟต์ลงมาโดยที่ยังไม่ต้องออกไปนอกเมืองเลยครับ
ภาพรวมคอนโดในย่านพระราม 9
ถึงคอนโดย่านนี้จะเยอะ แต่ก็ขายหมดไปเยอะแล้วด้วยเช่นกัน
ทีนี้กลับมาที่คำถามที่เราเปิดไปตอนแรกว่า “อะไรที่ทำให้ Noble กล้าเปิดโครงการใหม่ที่นี่ ทีเดียว 3,000 ยูนิต” โครงการไซส์นี้ถือว่าใหญ่นะครับ ปกติสำหรับหลายๆ โครงการ ถ้าไม่มั่นใจในด้านยอดขาย ก็จะใช้วิธีการแบ่งที่ดินผืนใหญ่แบบนี้ออกเป็น 2–3 เฟส ค่อยๆ พัฒนาไป ให้เงินที่ลงทุนไม่จมไปกับโครงการใหญ่ที่ยังขายไม่ออก
สำหรับที่นี่ แผนตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแยกเฟสกันพัฒนาเป็น 2 โครงการเช่นเดียวกัน แต่ปรับมาเป็นโครงการเดียวและให้ส่วนกลางใหญ่ๆ มีพื้นที่สวน พื้นที่ Facility เยอะๆ แทนไปเลย รวมถึงราคาที่พอรวมกันเป็นโครงการเดียวก็ทำออกมาได้น่ารักขึ้น
แต่แน่นอนว่าก็ต้องมั่นใจในยอดขายพอสมควร ซึ่งจากที่เราลองมาดูยอดขายแต่ละโครงการในย่านนี้ หลายโครงการ Sold out กันไปหมดแล้ว ส่วนที่ยังเหลือกันอยู่ (ซึ่งมีไม่กี่โครงการ) ส่วนใหญ่ก็มียอดขายในระดับ 80% ขึ้นไปทั้งนั้น ยกเว้นโครงการที่เป็น Segment ระดับ Luxury ในย่านนี้ที่ยอดยังอยู่ระดับประมาณ 50%
หรือแม้แต่โครงการก่อนหน้าของ Noble ในทำเลเดียวกันอย่าง NUE District R9 ยอดขายก็ขายได้แทบจะ 100% ตั้งแต่ตึกยังไม่เสร็จ ก็น่าจะเป็นที่มาที่ Noble กล้าที่จะเปิดโครงการใหม่ไซส์ใหญ่ขนาดนี้ครับ ซึ่งในวันที่เราทำรีวิวตัวนี้ ยอดขายของโครงการ NUE EPIC ก็อยู่ที่ 60% แล้วเช่นกัน เท่ากับขายไปเกือบ 2 พันห้องแล้ว!!! ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจในยุคนี้
ดังนั้นภาพรวมของคอนโดในโซนใกล้แยกพระราม 9 ถ้าถามว่าโครงการและจำนวนห้องเยอะไหม? ก็ต้องตอบว่าเยอะจริงครับ ในระยะ ~ 600 เมตรจากแยกนี่ก็มีห้องอยู่ระดับ 20,000 กว่ายูนิต แต่ถามว่า Demand มีเยอะตามด้วยหรือเปล่า?? ก็ต้องบอกว่ายังมี Demand ในย่านนี้อยู่เช่นกัน จากทั้งคนไทยและต่างชาติ โครงการต่างๆ ที่เปิดมายอดก็ยังไปกันได้ ไม่ได้มีเหลือกันเยอะแล้ว ดังนั้นใครที่กลัวในเรื่องของการ Oversupply ของคอนโดในย่านนี้น่าจะพอเห็นภาพ และพอมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจได้ครับ
ที่ตั้งโครงการ
550 จาก MRT พระราม 9 ใกล้ 2 ห้างและทางด่วน
น่าจะเห็นภาพของความเป็นย่านพระราม 9 กันไปแล้ว เราขอพามาดูที่ตั้งโครงการกันบ้างครับ สำหรับตัวโครงการอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าที่นี่ “เป็นคอนโดติดถนนใหญ่” ไม่ต้องเข้าซอย แต่ยังมาในราคาที่ถือว่าน่าสนใจสำหรับคอนโดทำเลใกล้ใจกลางเมืองชั้นใน โดยตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนอโศก–ดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกพระราม 9 ครับ
ซึ่งถ้าใช้รถไฟฟ้าจากหน้าโครงการก็จะมีระยะเดินถึงสถานีประมาณ 550 เมตร จุดเด่นของ Location แยกพระราม 9 คือเป็นแยกที่ค่อนข้างครบ คือนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ที่นี่ก็จะเป็นที่ตั้งของห้างใหญ่ในย่านอีก 2 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์จูน-โลตัส และ Central พระราม 9 เรื่อง Lifestyle และของกินต่างๆ ค่อนข้างหายห่วง
หรือสำหรับใครที่ไม่อยากกินของในห้างทุกวัน ระหว่างทางเดินมาคอนโด ก็เป็นซอยหมู่บ้านดั้งเดิมต่างๆ ของย่านนี้ที่เชื่อมไปออกรัชดาซอย 3 ได้ ทำให้มีทั้งคนอาศัยและคนสัญจรตลอดทั้งวัน ร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ค่อนข้างเยอะครับ รวมไปถึงมี ตลาดอยู่เจริญ ที่เป็นแหล่งของกินในย่าน ภาพรวมตัวเลือกทางด้านอาหารการกินของย่านนี้เลยค่อนข้างครบครับ เพียงแต่ว่าทางเดินเค้าอาจจะไม่ได้กว้างมาก ลองมาเดินดูบรรยากาศตอนมาชม Sales Gallery ของโครงการได้ครับ
หรือที่อยู่ติดข้างโครงการเลยก็จะเป็นอาคาร SKYY9 ที่นี่ชั้นล่างจะมีพื้นที่ Retail ที่เตรียมให้ร้านค้ามาเปิดเช่นกัน แต่ปัจจุบันอาคารเพิ่งเปิดได้ไม่นาน อาจจะต้องรอมีคนมาเช่าเยอะก่อนครับ








การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
สำหรับการใช้งานรถไฟฟ้า จะใช้ผ่าน MRT สถานีพระราม 9 เป็นหลัก โดยจะห่างจากโครงการประมาณ 550 เมตร ซึ่งอยู่บนเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครับ ค่อนข้างสะดวกสำหรับการเดินทางไปยังย่านอโศก, ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, พระราม 4-One Bangkok, ลุมพินี-สาทร, สีลม, จุฬา-สามย่าน, หรือไปโซนรัชดา, 5 แยกลาดพร้าว, หมอชิต ทั้งหมดที่พูดถึงในนี้ ใช้เวลาเดินทางบนรถไฟฟ้าไม่เกิน 15 นาทีครับ รอรถอีกไม่เกิน 5-6 นาที
ดังนั้นนอกจากคนที่ทำงานในย่านพระราม 9 ตรงนี้แล้ว ทำเลนี้ก็เลยค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่ทำงานในย่าน CBD หลักๆ ที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งผ่านเช่นกัน
ซึ่งจากที่นี่ เพียงแค่ 2 ป้าย 3 สถานีก็ถึงย่านใจกลางเมืองอย่างย่านอโศกแล้วครับ คือถ้าดูตาม Location สองย่านนี้ก็ค่อนข้างใกล้กันมากๆ เพียงแต่ว่ารถมันติดทำให้หลายๆ คนคิดว่ามันไกลกัน นั่งรถไฟฟ้าก็แค่ 2 ป้ายเท่านั้นเอง ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดตัด Interchange กับรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท สามารถใช้งานไปย่านสยาม-เพลินจิต-พร้อมพงษ์-ทองหล่อได้
หรือถ้าไปฝั่งท้ายซอยอโศกอย่างโซนอโศก-เพชรบุรี หรือไปมศว ตรงนี้ก็แค่สถานีเดียวครับ ซึ่งจะมี Interchange กับรถไฟฟ้า Airport Rail Link สามารถเชื่อมต่อไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม. นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนที่จะเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองด้วยเช่นกัน
และยังไม่หมดครับ สถานีรอบบ้านตรงนี้ค่อนข้างจะเป็น Interchange เรียงกันเลย โดยที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ในอนาคตอันไม่ไกลมาก (เปิดใช้งานประมาณปี 70-73) จะเป็นจุดของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่เชื่อมต่อย่านรามคำแหงเข้ากลางเมืองอย่างรัชดาและเชื่อมต่อไปราชเทวีออกไปถึงฝั่งธน
อนาคตตรงนี้ก็จะช่วงให้การเดินทางต่างๆ สะดวกขึ้นไปอีกครับ ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่

การเดินทางด้วยรถ
สำหรับการใช้งานรถยนต์ การเข้าสู่โครงการสามารถมาได้จากหลายเส้นทางครับ โดยที่ตั้งโครงการที่อยู่ขามุ่งสู่แยกพระราม 9 ถ้าเรามาจากแยกพระราม 9 ก็มีที่กลับรถ ที่อยู่บริเวณแยกดินแดงครับ อาจจะไกลนิดนึง แต่ถ้ามาจากทางอโศก จะมีทางเลือกในการเข้าถนนจตุรทิศ และมาเลี้ยวออกแยกประชาสงเคราะห์เข้าโครงการได้ครับ ไม่ต้องไปกลับรถไกลและมาติดแยกพระราม 9 หลักๆ ฝั่งที่ต้องกลับรถไกลจะมีแค่ฝั่งขาเข้าจากแยกพระราม 9 เท่านั้นครับ
ส่วนขาออกจากโครงการอันนี้ก็สบายเลย สามารถเลือกเดินทางได้ทุกทิศทาง ซึ่งมาถึงแยกพระราม 9 ก็สามารถไปได้ทั้งโซนรัชดา, โซนพระราม 9, เข้าอโศก-สุขุมวิท หรือสามารถกลับรถเพื่อไปย่านดินแดง-อนุสาวรีย์ชัยได้ หรือจะเชื่อมต่อออกถนนจตุรทิศ ตรงนี้ก็สามารถใช้ขึ้นทางด่วนหรือไปออกโซนพญาไท-ถ.ศรีอยุธยาได้เช่นกัน เป็นอีกเส้นทางที่แนะนำสำหรับใช้เดินทางจากย่านพระราม 9 ไปโซนสยาม-จุฬา
ซึ่งนอกจากการใช้รถยนต์แล้ว ด้วยความที่ Location ที่ตั้งจริงๆ ใกล้โซนใจกลางเมืองหลายๆ โซน จากที่ทีมงานอยู่ในย่านโซนนี้เหมือนกัน แอบอยากบอกว่าการใช้งานพี่วินมอเตอร์ไซค์, Grab bike หรืออะไรต่างๆ แนวนี้ ค่อนข้างสะดวกมากเช่นกันครับ ในวันที่เร่งรีบและรถติดๆ สามารถไปถึงพร้อมพงษ์, สยาม, สีลม ได้ในเวลาแค่ ~15-25 นาที


การใช้งานทางด่วน
จุดเด่นอีกอย่างของ Location พระราม 9 คือใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนครับ โดยจะมีทางขึ้นทั้งฝั่งขาเข้าเมือง และฝั่งขาออกจากเมือง เริ่มจากฝั่งขาเข้าก่อน จากโครงการสามารถไปใช้งานได้โดยออกไปที่แยกพระราม 9 เลี้ยวขวาไปทางอโศกจะมีจุดที่สามารถวนรถไปขึ้นทางด่วนได้
ในฝั่งนี้ก็จะสามารถขึ้นทางด่วนมุ่งไปทางแจ้งวัฒนะ, ยมราช, หัวลำโพง หรือเลี้ยวไปทางด่วนขั้นที่ 1 ที่ผ่านเพลินจิต-สุขุมวิท, พระราม 4-คลองเตย, พระราม 3 และ สาทร
ส่วนจุดขึ้นลงทางด่วนอีกฝั่งจะใช้งานผ่านถนนเส้นจตุรทิศครับ ฝั่งนี้สามารถมุ่งหน้าไปศรีนครินทร์-มอเตอร์เวย์ หรือเชื่อมต่อทางด่วนฉลองรัชออกย่านเลียบด่วน-สุขุมวิทโซนอ่อนนุช-บางนาได้

รูปแบบและคอนเซ็ปต์ของโครงการ
อาณาจักรคอนโดใหม่ในโซนพระราม 9 พื้นที่ส่วนกลางเยอะ สวนจัดเต็มกว่า 11 ไร่ แถมเลี้ยงสัตว์ได้

อย่างที่เราเห็นครับว่าพาร์ททำเลโซนพระราม 9 เป็นโซนที่มีคอนโดตึกสูงเยอะมากๆ มีทั้งโครงการขนาดใหญ่ภายในมีหลายตึก และโครงการที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีแค่ตึกเดียว ด้วยความที่ใกล้กับ MRT และมีห้างติดกันเลย ไม่แปลกถ้า Developer ต่างๆ จะมาบุกโซนนี้กัน แต่ด้วยความที่เป็นย่านยอดนิยม ราคาคอนโดก็อาจจะสูงตามความต้องการไปด้วย ซึ่งโนเบิลเองก็มาเจาะโซนนี้ด้วยราคาคอนโดเริ่มต้นที่สองล้านปลายๆ เรียกได้ว่าน่าสนใจ ทั้งในแง่ของการอยู่เองและปล่อยเช่า
ที่นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่บนพื้นที่มากกว่า 15 ไร่ เป็นที่ดินตอนลึกยาวเข้าไป จะมีทั้งหมด 1 อาคาร แต่แบ่งเป็น 4 Tower ครับ คือตั้งแต่ชั้น 1 – 5 เขาจะเชื่อมเป็นอาคารเดียวกันทั้งหมดเลย แล้วค่อยเริ่มแยกกันที่ชั้น 6 เป็นต้นไป แล้วถ้าเพื่อนๆ ดูในรูปก็จะเห็น ว่า Tower A กับ B ที่อยู่ด้านหน้าสูงกว่า เพราะเขาสูงถึง 47 ชั้นครับ ส่วน Tower C ที่อยู่ถัดไปสูง 34 ชั้น และอาคารในสุด Tower D สูง 32 ชั้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ด้านในสุด แต่เขามีความพิเศษกว่า Tower อื่นๆ คือสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ บวกกับมี Facilities และพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงของเราด้วย
จุดเด่นของที่นี่คือ การได้พื้นที่ส่วนกลางที่เยอะและขนาดใหญ่มากๆ ครับ ด้วยความที่เขามีห้องพักอาศัยสามพันกว่ายูนิต คนที่อยู่ในโครงการก็ต้องเยอะ ดังนั้นก็ต้องทำ Facilities ต่างๆ ให้รองรับกับจำนวนคนอยู่อาศัยตามไปด้วย ที่ดินที่นี่มีพื้นที่มากกว่า 15 ไร่ใช่ไหมครับ แต่แค่พื้นที่สวนสีเขียวก็ปาไป 11 ไร่แล้ว สระว่ายน้ำก็มี 3 สระใหญ่ มี Gym อีก 3 ห้อง ทั้งยังเป็นคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้คอนโดเดียวในแยกพระราม 9 นี้ด้วย จริงๆ แล้วมีส่วนกลางที่น่าสนใจอีกเยอะเลย เดี๋ยวผมจะพาเพื่อนๆ ไปดูในพาร์ทต่อไปนะครับ
กลับมาที่ตัวโครงการกันต่อ อย่างที่บอกว่าที่นี่มียูนิตเยอะ มีถึง 3,107 ห้อง มีร้านค้าอีก 9 ยูนิตกระจายไปในแต่ละอาคาร แน่นอนว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้ มีห้องเยอะขนาดนี้ ก็ต้องมีแบบห้องให้เลือกเยอะด้วย ที่นี่ขนาดเริ่มต้น 1 Bedroom 26 ตารางเมตร มี 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom, 2 Bedroom Plus และใหญ่สุดก็จะเป็น 3 Bedroom 100.80 ตารางเมตร อยู่ได้ตั้งแต่คนเดียว เป็นคู่ ยันครอบครัวเลย ที่สำคัญคือเขาออกแบบให้เป็นห้องหน้ากว้างทุกยูนิตด้วย เวลาเข้าไปในห้องเราก็จะรู้สึกว่าห้องกว้าง โปร่งโล่ง สบายตา
ที่นี่ราคาห้องเริ่มต้นอยู่ที่ 2.79 ล้านบาทครับ ราคานี้คือได้ Fully Furnished เลยนะ ทางโครงการเองให้ของมาค่อนข้างเยอะ ตัวห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์ครบ ห้องครัวก็ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน มีโต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้ ห้องนั่งเล่นมีโซฟา โต๊ะกาแฟ ชั้นวางทีวี ส่วนห้องนอนก็มีฐานเตียง โต๊ะข้างเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์แบบพร้อมอยู่มากครับ
รู้จักโครงการกันไปคร่าวๆ แล้ว เดี๋ยวเราไปกันต่อเลยครับว่าจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง



ข้อมูลโครงการ
| ชื่อโครงการ : | NUE EPIC ASOK RAMA 9 (นิว เอปิค อโศก พระราม 9) |
| Developer : | Noble Development |
| เนื้อที่โครงการ : | 15-0-19.6 ไร่ |
| จำนวนห้องพักอาศัย : | ห้องพักอาศัย 3,107 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต |
| รูปแบบโครงการ : | High Rise 1 อาคารแบ่งออกเป็น 4 Tower – Tower A สูง 47 ชั้น มีห้องพักอาศัย 903 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต -Tower B สูง 47 ชั้น มีห้องพักอาศัย 997 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต – Tower C สูง 34 ชั้น มีห้องพักอาศัย 678 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต – Tower D สูง 32 ชั้น มีห้องพักอาศัย 529 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต |
| ลิฟต์ : | – Tower A และ B ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว – Tower C ลิฟต์โดยสาร 5 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว – Tower D ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ดับเพลิง 1 ตัว |
| ที่จอดรถ : | 45% (1,400 คัน) |
| ค่าส่วนกลาง : | 40 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
| ค่ากองทุน : | 400 บาท/ตารางเมตร |
| Facility : | – Tower A Lobby, Entertainment Room, Kids Room, Co-working Space, Laundry, Function Room, Garden, Swimming Pool, Kids Pool, Co-kitchen และ Sky Lounge – Tower B Lobby, Game Room, Co-working Space, Laundry, Garden, Gym, Yaga Room, Dane Studio และ Golf Simulator – Tower C Lobby, ห้องนิติบุคคล, Co-working Space, Kids Room. Laundry, Garden, Swimming Pool, Kids Pool, Gym, Sky Lounge และ Co-kitchen – Tower D Lobby, Swimming Pool, Kids Pool, Co-working Space, Pet Park, Indoor Terrace, Pet Club, Pet Salon, Pet Pool และ Gym |
| แบบห้อง : | 1 Bedroom (M) ขนาด 26 – 26.50 ตารางเมตร 1 Bedroom (L) ขนาด 30 – 30.50 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 35.50 – 40 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 45.50 – 53.90 ตารางเมตร 2 Bedroom Plus ขนาด 76 ตารางเมตร 3 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 70.20 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 83 – 108.80 ตารางเมตร |
| ราคา : | เริ่มต้น 2.79 ล้านบาท |
| ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 120,000 บาท/ตารางเมตร |
| สถานะโครงการ : | EIA APPROVED และเริ่มก่อสร้างแล้ว |
มาดูแปลนอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง Tower A
อยู่ด้านหน้าสุด เชื่อมต่อกับสวนขนาดใหญ่ ตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้าของโครงการ





Tower A จะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุด ใกล้กับทางเข้าออกของโครงการมากที่สุด ถ้าดูจากแปลนหรือรูปของโครงการก็จะเห็นว่าจากพื้นที่ทางเข้าที่อยู่ติดถนน จะมีระยะร่นเข้ามาประมาณนึงกว่าจะถึงตัวอาคารครับ ทางโครงการเลยใส่เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่เอาไว้ให้สามารถเดินเล่นได้ พักผ่อนได้ แถมยังช่วยลดเสียงจากถนนที่จะเข้ามารบกวนในโครงการด้วย พื้นที่ส่วนกลางจะมี 3 ชั้น คือชั้น G ชั้น 5 และชั้น 47 ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 เลย
เดี๋ยวมาดูกันครับว่าพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร A จะมีอะไรบ้าง
G Floor
ชั้น 1 หลักๆ ก็จะเป็น Lobby ล้วนๆ เลยครับ เป็น Lobby ขนาดใหญ่ มาพร้อมลิฟต์โดยสาร 6 ตัว ด้านข้างจะมีร้านค้าอีก 2 ยูนิต

สวนด้านหน้าโครงการ
ถ้าเราขับรถเข้ามาในโครงการ สิ่งแรกที่เราจะเจอคือทางเข้าที่ด้านข้างเป็นต้นไม้ยาวตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงตัวอาคารเลย สร้างบรรยากาศเวลาเข้ามาให้ดูร่มรื่นครับ แต่ถ้าเราเดินเข้ามาตรงประตูทางเข้า เราก็จะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวนสีเขียวที่อยู่ติดกับทางเข้าของโครงการ สามารถมาเดินเล่น วิ่งเล่นได้ มีมุมพักผ่อนตามจุดต่างๆ ด้วย
Arto Lobby A
แต่ละ Lobby ก็จะมีชื่อเฉพาะของตัวเองครับ อย่าง Tower A ก็จะมาในชื่อ Arto Lobby ก็จะมาในโทนสีเทาๆ อย่างตัวผนังก็ใช้สีเทาเป็นส่วนใหญ่ แทรกด้วยสีเขียว แล้วค่อยตัดด้วยสีขาว ไม่ให้ภาพรวมดูทึมจนเกินไป แล้วก็ใส่เฟอร์นิเจอร์อย่างพวกโซฟาสีเหลืองและอาร์มแชร์สีน้ำเงินเข้ามาให้ตัดกับสีผนังและเพดาน ตรงพื้นก็เพิ่มลูกเล่นให้มีลวดลายด้วยหินขัด ส่วนผนังที่มีความโค้งมน ก็เลยใส่โคมไฟให้โค้งตาม Layout ของ Lobby ซึ่งช่วยเพิ่มลูกเล่นได้ดี งานออกแบบดูเป็นสไตล์ Noble มากๆ
5th Floor
ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่อยู่บนลานจอดรถที่เดินเชื่อมกันได้ทุกอาคารเลย จะแบ่งเป็น 2 ฝั่งครับ คือฝั่งด้านในอาคาร จะเป็นโซนห้องพักอาศัยทั้งหมด ส่วนฝั่งด้านนอกอาคารก็จะมีสวนขนาดใหญ่ รอบๆ จะมีห้องส่วนกลางต่างๆ สามารถเข้าจากทางสวนได้เลยทั้ง Entertainment Room, Kids Room, Co-working Space, Function Room และ Laundry

Co-working Space
สีสันสดใสทะลุภาพ Perspective มากครับ Co-working Space จะเป็นห้องใหญ่ที่แบ่งออกเป็น 2 โซน ฝั่งซ้ายก็จะเน้นนั่งคนเดียวหน่อย อย่างตรงริมห้องก็มีโต๊ะให้นั่งคนเดียว หรือโซฟาก็นั่งคนเดียวได้ สองคนได้นิดหน่อย ส่วนที่เป็นที่นั่งแบบขั้นบันไดถ้านั่งคนเดียวก็สะดวก หรือจะนั่งเป็นคู่ก็กำลังดี ส่วนฝั่งขวาจะเป็นห้องที่นั่งคุยกันเป็นกลุ่มได้ มีโต๊ะประชุมตัวใหญ่อยู่ตรงกลาง แล้วก็มีที่นั่งแบบขั้นบันไดเหมือนกัน
การตกแต่งห้องนี้ค่อนข้างจะครีเอทีฟนิดนึงครับ พื้นใช้เป็นหินขัดสีขาวสลับดำสลับน้ำตาล มีลวดลายพอสมควร ทำให้ดูสะดุดตา แต่ก็ตัดด้วยผนังสีไม้กับสีครีม แล้วก็เพิ่มสีฟ้าให้ห้องดูมีสีสันสดใสแปลกตามากๆ ยังไม่พอ เพราะตรงผนังสีครีมเขาเพิ่มลวดลายเส้นสายเข้าไปด้วย ถ้าเรามานั่งทำงานในห้องนี้แล้วกำลังคิดหาไอเดียใหม่ๆ การจ้องมองภาพอะไรแบบนี้ก็ช่วยได้ดี… หรือเปล่านะ (ฮา)
47th Floor
ชั้นนี้จะเป็นชั้นดาดฟ้า ไม่มีห้องพักอาศัยอยู่เลย จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางล้วนๆ ถ้าเป็น Indoor ก็จะมี Sky Lounge, Co-kitchen และ Function Room ส่วน Outdoor จะเป็นสระว่ายน้ำ ค่อนข้างยาวเลย สามารถว่ายออกกำลังกายได้ ข้างๆ ก็จะเป็นสระเด็กครับ

Horizon Pool
สระว่ายน้ำชั้นบนสุดจะยาวขนานกับตัวอาคารเลย วิวที่ได้ก็ไม่ได้มีตึกมาบังนะครับ เป็นวิวเมืองโล่งๆ สระเด็กก็จะอยู่ติดกัน ด้านข้างมีพื้นที่พักผ่อนด้วย เขาใส่ต้นไม้มาให้เยอะมาก ช่วยลดทอนความแข็งของผนังและ Facade ได้ดีเลย

Horizon Catelier
เพื่อนๆ จะเห็นทางเดินรูปขวาบนใช่ไหมครับ คือเขาจะแบ่งออกเป็น 4 ห้องด้วยกัน เป็น Co-kitchen 1 ห้อง และ Function Room 2 ห้อง ส่วนตรงกลางด้านในสุดเป็น Sky Lounge แล้ว Theme การตกแต่งตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงด้านในห้องจะเป็น Theme เดียวกันทั้งหมด พื้นที่เน้นลวดลาย ตัดกับผนังสีน้ำเงินและขอบกระจกสีไม้ ด้านในห้อง Co-kitchen ก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวสีไม้กับ Backsplash ลายหินขัด ส่วน Island ตรงกลางก็จะใช้หินขัดเป็นลายเดียวกับที่พื้นเลยครับ ส่วน Function Room อีกห้องนึงเขาทำเป็นห้องประชุม โดยใช้พื้นหินขัดเหมือนกัน แล้วตัดด้วยเก้าอี้สีเหลืองเหมือนกับตรง Lobby เลย
Crescent Club
เป็น Sky Lounge ที่อยู่ห้องด้านในสุดครับ เอาไว้ชมวิวได้ หรือจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจก็ได้เช่นกัน ห้องนี้จะออกโทนสีส้มๆ ผนังกับพื้นก็จะเน้นลวดลายเยอะ แต่เฟอร์นิเจอร์จะเน้นเรียบง่าย แล้วก็ตัดสีทั้งหมดด้วยต้นไม้เขียวๆ ทำให้ห้องดูร่มรื่นและอบอุ่นขึ้น

ชั้นพักอาศัย
Tower A ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 เลย โดยชั้น 2 – 4 จะมีทั้งหมด 4 ห้องเหมือนกัน เป็น 2 Bedroom ทั้งหมดครับ ส่วนชั้น 6 – 46 จะมีทั้งหมด 22 ห้อง ไม่มี 1 Bedroom ขนาด 26 ตารางเมตร Tower นี้ห้องเริ่มต้นจะเป็น 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร นอกนั้นก็จะคละๆ กันไป แปลนของชั้น 6 – 21 กับ 22 – 46 ต่างกันแค่จุดเดียว คือห้องริมทางขวา ที่พอเป็นชั้น 22 – 46 ก็จะเป็น 3 Bedroom 3 Bathroom ขนาด 83 ตารางเมตร
มาดูแปลนอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง Tower B
ได้ Gym ที่ครบและใหญ่มากกกกกกก มี Golf Simulator ให้เล่นด้วย





Tower B จะเป็นอาคารที่มีร้านค้าเยอะที่สุดครับ มีถึง 4 ร้านด้วยกัน ต้องบอกว่าเป็นอาคารเดียวที่ไม่มีสระว่ายน้ำ แต่เป็นอาคารเดียวที่ได้ Gym ใหญ่โตอลังการมากๆ แล้วเป็น Gym เดียวที่มีทั้ง Yoga Room, Dance Studio และ Golf Simulator ด้วย แต่ไม่ต้องกลัวนะครับว่าไม่มีสระว่ายน้ำแล้วจะเสียเปรียบ Tower อื่นๆ รึเปล่า เพราะชั้นดาดฟ้าเขามีทางเชื่อมระหว่าง Tower A กับ Tower B ดังนั้นเราสามารถเดินไปใช้สระว่ายน้ำที่ Tower A ได้เลย
G Floor
ชั้นนี้อย่างที่บอกครับ ก็จะมีร้านค้า 4 ยูนิต แล้วก็ได้ Lobby ใหญ่พอๆ กับ Tower A เลย

Bianco Lobby
Lobby Tower A กับ B ก็คืออารมณ์แตกต่างกันมากครับ ที่นี่จะเป็นพื้นสีขาวดำ ส่วนผนังเป็นอิฐสีน้ำตาลส้ม แล้วตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเขียว ฟีลเหมือน Lobby โรงแรม แต่ละมุมที่นั่งก็จะแตกต่างกันไป มานั่งเล่นได้ นั่งรอรถ รอเพื่อน นัดเจอลูกค้าได้
5th Floor
ชั้นนี้ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเหมือนกัน คือโซนพักอาศัย กับโซนพื้นที่ส่วนกลาง จะคล้ายๆ กับ Tower A เลย ส่วนที่เป็น Outdoor ก็จะเป็นสวนสีเขียวที่ให้เราเดินเล่นได้ พักผ่อนได้ ส่วนที่เป็น Indoor ก็จะมี Game Room, Co-working Space และ Laundry

Co-working Space
Tower B จะได้ Co-working Space ที่ค่อนข้างใหญ่ครับ จะแบ่งออกเป็น 4 โซนหรือ 4 ห้องด้วยกัน แต่ทุกโซนก็สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด การตกแต่งก็จะแตกต่างกันไป อยู่ที่เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวาง แต่ Theme เดียวกัน มาในโทนสีส้มครีม ตัดด้วยสีแดงสด แล้วใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นสีของไม้ ทั้งน้ำตาลเข้มและน้ำตาลอ่อน เวลาเรานั่งทำงานก็มองวิวสวนได้ทุกมุมเลย

47th Floor
ความพิเศษของ Tower B ที่ไม่มีในอาคารอื่นๆ คือตัว Gym ที่ใหญ่โตอลังการอยู่บนชั้นที่สูงที่สุดของอาคารนี่ละครับ ชั้นนี้จะเป็น Gym ล้วนๆ เลย มี Yoga Room, Dance Studio และ Golf Simulator ด้วย ซึ่งทั้งสามห้องนี้ที่อาคารอื่นๆ ไม่มีนะครับ

Horizon Gym
ตัวยิมเขาออกแบบมาให้เข้า Theme กับตรง Lobby เลย ผนังมาในสีส้มอิฐเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีสีเขียวมาตัดเป็นซุ้มโค้ง Tower B จะได้ยิมที่ใหญ่ที่สุด ตัวซุ้มโค้งเป็นเหมือนตัวแบ่งเครื่องเล่นแต่ละประเภท ตรงกลางจะมีเก้าอี้ให้นั่งพัก นอกจากนี้ยังมีห้อง Yoga Room, Dance Studio และ Golf Simulator ด้วย

ชั้นพักอาศัย 6th – 46th Floor
ทั้งตึกแปลนชั้นพักอาศัยของ Tower B จะเหมือนกันหมดเลยครับ ชั้นนึงจะมี 24 ยูนิต เน้นไปที่ 1 Bedroom ซะส่วนใหญ่ ประมาณ 20 ยูนิต มีทั้งขนาดเริ่มต้นอย่าง 26 ตารางเมตร และ 30 ตารางเมตร ส่วน 1 Bedroom Plus กับ 2 Bedroom จะมีไทป์ละ 2 ห้องครับ เป็น 4 ยูนิตที่เหลือ

มาดูแปลนอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง Tower C
ไม่ต้องเดินไปอาคารอื่น เพราะที่นี่รวมครบทุก Facilities





Tower C จะต่างจากอาคารอื่นๆ ตรงที่ชั้น G เขามีห้องนิติบุคคลด้วยครับ ซึ่งอาคารอื่นๆ ไม่มี ทุกอาคารต้องเดินมาที่ Tower C เท่านั้นถ้าจะติดต่อกับนิติฯ แล้วความพิเศษของ Tower C คือมี Facilities และพื้นที่ส่วนกลางครบเลย ทุกอย่างที่อาคารอื่นมี Tower C มีหมด
G Floor
Tower C ก็จะได้ Lobby ขนาดใหญ่เหมือนกันครับ มีร้านค้า 2 ร้าน แล้วก็จะมีห้องนิติบุคคลด้วย

4th Floor
Tower A กับ B ส่วนกลางและสวนจะเริ่มที่ชั้น 5 ใช่ไหมครับ แต่ระหว่างทางเดินที่สวนจาก Tower B มา Tower C ทางจะค่อยๆ ลาดลงเรื่อยๆ จากชั้น 5 ก็จะกลายมาเป็นชั้น 4 ของ Tower C ครับ ที่นี่ก็จะมีพื้นที่สวนที่อยู่ Outdoor เหมือนกัน ส่วน Indoor จะมี Kids Room, Co-working Space และ Laundry

Cascade Hill
ตรงนี้จะเป็นสวนที่เชื่อมจาก Tower B ชั้น 5 ไป Tower C ชั้น 4 ครับ จะเป็นทางค่อยๆ ลาดลงมา รอบข้างมีทั้งต้นไม้เล็กและใหญ่ มีพุ่มไม้ใบหญ้า พื้นที่พักผ่อนและทางเดิน ในอนาคตถ้าต้นไม้โตขึ้นเรื่อยๆ ต้องร่มรื่นมากแน่ๆ เลย

Cascade Creek
สวนของ Tower C ก็จะแตกต่างกับสวนอีก 2 Tower ที่ผ่านมา เพราะเขามีเหมือนน้ำตกที่ไหลตามทาง รายล้อมทั้งต้นไม้และดอกไม้เอาไว้ สีสันของดอกไม้ก็ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปได้ครับ มุมพักผ่อนจะแทรกอยู่ตามจุดต่างๆ เป็นอีกสวนที่น่ามานั่งเล่นมากๆ

34th Floor
Tower C จะสูง 34 ชั้น แต่บนชั้นนี้มีสระว่ายน้ำขนาดยาว คล้ายกับ Tower A ด้วย ด้านข้างสระก็มีพื้นที่พักผ่อน นอกจากนี้ยังมี Gym ขนาดใหญ่ (แต่อาจจะไม่เท่า Tower B) มี Co-kitchen และมี Sky Lounge ด้วย

ชั้นพักอาศัย 5th – 33rd Floor
Tower C ชั้นพักอาศัยก็จะเหมือนกันตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 33 เลยครับ จะเน้นไปที่ 1 Bedroom เหมือนเดิม มีประมาณ 15 ยูนิต แต่ก็จะมีห้องขนาดใหญ่ๆ อย่าง 2 bedroom, 2 Bedroom Plus และ 3 Bedroom เพิ่มเข้ามาด้วย ถ้าต้องการห้องใหญ่มากๆ Tower C ก็จะมีให้เลือกเยอะครับ

มาดูพื้นที่ส่วนกลาง Tower D
เป็นอาคาร Pet-friendly หนึ่งเดียวในย่านพระราม 9 มีส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงเพียบ





Tower D เป็นอาคารเดียวที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ เขาก็เลยใส่ Facilities ให้ทั้งเจ้าของอย่างเราและสัตว์เลี้ยงของเราด้วย อย่างถ้าเป็น Tower A กับ C เขาจะเอาสระว่ายน้ำไว้ที่ชั้นบนสุดของตัวอาคารใช่ไหมครับ แต่ Tower D เขาเอาลงมาไว้ที่ชั้น 4 แทน แล้วก็มี Pet Park เป็นสวนให้น้องหมาได้มาวิ่งเล่นด้วย แต่ก็มี Co-working เหมือนกัน เผื่อคนเลี้ยงแมวอาจจะไม่ได้อยากพาน้องลงมา เราก็ลงมานั่งทำงานคนเดียวได้ หรือในชั้นบนสุดของตัวอาคารเขาก็มี Pet Pool ด้วย คือไม่ต้องพาน้องๆ ออกไปด้านนอกโครงการเลย เพราะทุกอย่างสามารถทำได้ที่ Tower D ทั้งหมด
G Floor
Tower D จะอยู่ด้านในสุดของโครงการเลย มี Lobby และร้านค้า 1 ยูนิต

Deco Lobby
ของ Tower D ตัว Lobby จะมาในโทนสีครีม น้ำตาล และดำครับ ผนัง พื้น เพดาน และเฟอร์นิเจอร์สีอาจจะดูกลืนๆ กัน แต่เขาก็เอาสีดำมาใส่เพิ่ม เพื่อให้ไม่โดนกลืนจนเกินไป อย่างตัวโถงลิฟต์ก็ใช้เป็นผนังลายหินอ่อนสีดำ ลดโทนสีครีมและน้ำตาลลงไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังดูเป็น Theme เดียวกันอยู่
สวนด้านหลังโครงการ
ด้านหลังโครงการเอง นอกจากจะมีที่จอดรถแบบกลางแจ้งแล้ว ยังมีสวนสีเขียว และศาลาพักใจให้เรามานั่งเล่นได้ หรือถ้าเพื่อนๆ อยากออกกำลังกายกลางแจ้ง อาจจะวิ่งตั้งแต่สวนด้านหน้าโครงการ มายังด้านหลังโครงการ วิ่งวนกลับไปกลับมา ผมว่าเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
4th Floor
ด้วยความที่ Tower D มีความแตกต่างจากอาคารอื่นๆ หลายอย่าง อาคารอื่นตัวสวนและส่วนกลางจะอยู่ตรงกลาง แยกกับโซนพักอาศัยชัดเจน แต่ Tower D โซนพักอาศัยเหมือนคั่นกลางส่วนกลางสองฝั่งเอาไว้ครับ คือฝั่งซ้ายเป็นสระว่ายน้ำ ตรงกลางเป็นโซนพักอาศัยกับ Co-working และฝั่งขวาเป็น Pet Park, Indoor Terrace, Pet Club และ Pet Salon
ตัวสระว่ายน้ำอาคารอื่นๆ จะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่อาคารนี้เป็น Free Form สระเด็กกับผู้ใหญ่ก็จะอยู่ข้างๆ กัน แต่มีต้นไม้ขนาดใหญ่กั้นกลางเอาไว้ รอบๆ สระ นอกจากจะมีสระว่ายน้ำแล้วก็ยังมีต้นไม้รายล้อม มาพร้อมกับพื้นที่พักผ่อนด้านข้างด้วย
ส่วน Pet Park ก็มีขนาดใหญ่ เหมาะกับการพาน้องหมามาวิ่งเล่นมากๆ ผมเคยอยู่คอนโดที่เลี้ยงสัตว์ได้มาก่อน ช่วงเย็นๆ คนที่เลี้ยงน้องหมาแต่ละห้องก็จะพาน้องมาวิ่งเล่นที่โซนสำหรับสัตว์เลี้ยง เหมือนพาน้องๆ มาเจอเพื่อน แล้ววิ่งเล่นไปด้วยกันครับ เป็น Community ที่น่ารักมากๆ และแน่นอนว่าเราจะไม่เห็นน้องแมวในโซนนี้แน่นอน 555 แล้วตัวโครงการเองก็เอาใจคนเลี้ยงสัตว์ด้วยการทำห้อง Pet Club กับ Pet Salon ขึ้นมาด้วย สัตว์เลี้ยงของเราจะได้มีพื้นที่วิ่งเล่น พื้นที่ทำสวนทำหล่อในโครงการ ไม่ต้องออกไปด้านนอกเลย

Oasis Pool
Tower D จะได้สระว่ายน้ำที่แตกต่างจาก Tower อื่นๆ เลยครับ จากชั้นบนสุดยกลงมาอยู่ที่ชั้น 4 แทน ลดพื้นที่สวนลงไป แล้วขยายพื้นที่สระว่ายน้ำให้ใหญ่ขึ้น จะเป็นสระ Free Form สระเด็กจะอยู่ข้างๆ กัน แต่มีต้นไม้ใหญ่คั่นกลางเอาไว้ รอบๆ มี Daybed วางไว้เพียบ อารมณ์เหมือนสระว่ายน้ำตามโรงแรมเลยครับ

Co-working Space
ห้องนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำเลยครับ มองวิวได้ทั้งตรงสระและตรงสวน ก็จะมีที่นั่งเป็นโซฟา นั่งทำงานคนเดียวได้ หรือจะนั่งทำงานหลายคนก็มีโต๊ะยาวด้วย เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็จะเป็นโทนสีส้มกับน้ำตาลครับ ตัดกับพื้นสีดำมาก แล้วด้วยความที่เป็นห้องทำงาน เขาเลยเพิ่มลูกเล่นด้วยผนังสีน้ำเงินที่ใส่ลวดลายเอาไว้ด้วย ห้องจะได้ไม่ดูเรียบจนเกินไป

32th Floor
Tower D จะสูงสุดที่ชั้น 32 ครับ จะเตี้ยสุดในทั้ง 4 อาคาร ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางล้วนๆ เลย มี Gym ขนาดใหญ่ มี Pet Pool ที่ให้สัตว์เลี้ยงมาว่ายน้ำได้ พร้อมกับพื้นที่พักผ่อนอีกเล็กน้อย ก็เรียกได้ว่าชั้นไหนที่มีส่วนกลางของคน ก็มีส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมันดีมากครับ เพราะคอนโดที่ผมเคยอยู่มีแค่บางชั้นที่ให้พาสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ แต่ที่นี่เข้าได้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเลย สะดวกดีครับ ไม่แบ่งแยกด้วย

Dynamic Gym
Tower D จะมียิมเป็นของตัวเองด้วย ขนาดก็ไม่ได้เล็กเลยนะครับ ได้อุปกรณ์ครบเหมือนกัน มีห้องน้ำในตัวด้วย ห้องนี้โทนสีที่ใช้อาจจะดูเรียบเกินไป เขาเลยใส่สีสันบนเพดานเพิ่มเข้ามาให้ดูมี Dynamic เวลาเรามาออกกำลังกายจะได้รู้สึกมีเอเนอจี้ครับ

Pet Pool
ใครที่ชอบพาน้องหมาน้องแมวไปว่ายน้ำน่าจะชอบโซนนี้ เพราะทางโครงการเขาสร้างสระว่ายน้ำมาให้สัตว์เลี้ยงของเราด้วย อยู่ชั้นบนสุดไปเลย คือสระของเราไม่จำเป็นต้องมองวิวก็ได้ แต่น้องหมาน้องแมวของเราต้องได้มองวิว 555 เรียกได้ว่า Facilities ที่ให้สัตว์เลี้ยงค่อนข้างครบเลยนะครับ ถ้าผมเลี้ยงน้องหมาก็อยากจะพามาว่ายน้ำเล่นเหมือนกัน

ชั้นพักอาศัย
สำหรับ Tower D จะเน้นไปที่ 1 Bedroom ครับ ชั้น 5 – 20 เกินครึ่งเป็น 1 Bedroom ทั้งชั้นมี 22 ยูนิต ส่วนชั้น 21 – 22 จะมี 18 ยูนิต ชั้น 23 มี 15 ยูนิต และชั้น 24 – 31 มี 16 ยูนิต ทุกชั้นมี 1 Bedroom Plus 3 ห้อง และ 2 Bedroom 2 ห้อง ยูนิตที่หายไปก็จะเป็น 1 Bedroom ทั้งหมดครับ
5th – 20th Floor

21st – 22nd Floor

23rd Floor

24th – 31st Floor

ได้วิวเมืองรอบแบบ 360 องศา
มีทั้งวิวเมืองโซนพระราม 9 และวิวสวนมักกะสันขนาดใหญ่ ยิ่งอยู่อาคารด้านในวิวยิ่งโล่ง
วิวจาก Tower A และ B ชั้น 47
มาดูวิวจาก Tower ที่อยู่ด้านหน้าสุดและสูงที่สุดของโครงการกันก่อนเลย วิวที่เพื่อนๆ เห็นด้านล่างจะเป็นวิวชั้น 47 นะครับ จะเห็นได้ว่าวิวทิศเหนืออาจจะไม่ได้โล่งมาก ถ้าเทียบกับทิศอื่นๆ ด้วยความที่ติดถนนอโศก-ดินแดง มีคอนโด และอาคารสำนักงานอยู่ติดถนนเส้นนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยความสูงถึง 47 ชั้น ก็ทำให้มองทะลุไปยังสวนมักกะสันที่อยู่ทางทิศใต้ได้ไม่ยาก ส่วนวิวทิศเหนือจะเป็นด้านหลัง เป็นวิวโล่งๆ เลย แต่ถ้าโครงการเสร็จก็อาจจะเห็นยอดตึก Tower C กับ D ได้ ทิศตะวันออกจะเป็นวิวฝั่งเซ็นทรัลพระราม 9, ตึก G Tower และตึกอื่นๆ ส่วนทิศตะวันตกได้วิวโล่งๆ เลย ไม่มีอาคารมาบัง
แต่ถ้าอยู่ที่ชั้น 19 – 33 Tower A ก็อาจจะเห็นตึก SKYY9 อยู่บ้าง แบบเยื้องๆ ไม่ได้ปะทะกันตรงๆ ส่วนวิวทิศอื่นๆ ก็ยังโล่งๆ และถ้าอยู่ประมาณชั้น 5 ก็จะเห็นด้านข้างของคอนโด A Space ด้วย

วิวทิศใต้

วิวทิศตะวันออก

วิวทิศเหนือ

วิวทิศตะวันตก
วิวจาก Tower C และ D ชั้น 33
Tower C กับ D จะอยู่ด้านหลังกว่ามาก วิวที่ได้ก็เลยจะโล่งมากๆ ครับ อย่างทิศใต้ที่ติด SKYY9 ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมาบังวิวเลย เพราะที่ดินของ SKYY9 ไม่ได้ลึกเท่ากับ NUE EPIC ASOK RAMA 9 ดังนั้นตั้งแต่ชั้น 4 เป็นต้นไปก็ไม่มีอาคารสูงใดๆ มาบังวิวเลย ดูจากรูปด้านล่างก็จะเห็นชัดเจน เพราะส่วนใหญ่ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกจะเป็นบ้านคอนไม่ก็ทาวน์โฮม เป็นอาคารเตี้ยๆ แทบจะทั้งหมด วิวอาจจะไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็เปิดโล่ง ถ้าอยากได้วิวโล่งๆ ก็มองทิศเหนือกับทิศตะวันตกได้ แต่ถ้าอยากได้วิวเมืองหน่อย มีตึกสูงๆ บ้าง ก็ต้องทิศใต้กับทิศตะวันออกเลย

วิวทิศใต้

วิวทิศตะวันออก

วิวทิศเหนือ

วิวทิศตะวันตก
แบบห้องที่มีให้เลือก
มีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง 3 Bedroom อยู่ได้ทั้งคนเดียว เป็นคู่ และครอบครัว
1 Bedroom (M)
26.00 – 26.50 ตารางเมตร

ไทป์นี้จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ได้ครัวเปิดอยู่ด้านหน้า ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัววางโต๊ะกินข้าวกับตู้เก็บรองเท้าได้ ถัดไปด้านในจะเป็นมุมนั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนจะเป็นผนังทึบ ได้หน้าต่างบานใหญ่ และมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ ห้องน้ำเข้าจากห้องนอน
1 Bedroom (L)
30.00 – 30.50 ตารางเมตร

ไทป์นี้จะได้พื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้น แบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ด้านหน้าเป็นมุมนั่งเล่น ตรงกลางเป็นมุมกินข้าว และด้านในเป็นครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง ได้เคาน์เตอร์ครัว 2 ฝั่งเลย ส่วนห้องนอนก็ใหญ่ขึ้น แบ่งเป็นโซนที่วางเตียงนอน และโซนที่เป็น Walk-in Closet อยู่ติดกับห้องน้ำเลย
1 Bedroom Plus
35.50 – 40 ตารางเมตร

ไทป์นี้จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาครับ เป็นห้องที่หน้ากว้างมากกกก แบ่งเป็น 3 โซน ตรงกลางเป็นมุมนั่งเล่น ฝั่งซ้ายเป็น Master Bedroom กับห้องน้ำ และฝั่งขวาเป็นมุมกินข้าว ครัวแบบเปิด และห้องอเนกประสงค์
2 Bedroom 2 Bathroom
45.50 – 53.90 ตารางเมตร

ไทป์นี้จะได้ห้องน้ำ 2 ห้องครับ ตัว Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวเลย กลางห้องจะเป็นมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว และครัว อีกฝั่งจะเป็นห้องนอนเล็ก ซึ่งห้องนอนเล็กของไทป์นี้ ขนาดเท่ากับห้องนอนปกติของไทป์อื่นเลย
3 Bedroom 2 Bathroom
70.20 ตารางเมตร

ไทป์นี้คือได้ห้องใหญ่มากครับ ถ้าเปิดเข้ามาในห้องจะเจอมุมกินข้าวที่วางโต๊ะกินข้าว 6 ที่นั่งได้สบายๆ ส่วนมุมนั่งเล่นก็วางโซฟาขนาดใหญ่ได้ ห้องนอนเล็กขนาดพอๆ กัน ส่วน Master Bedroom เป็นห้องเดียวที่มีห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำด้วย ที่นี่จะมี 2 ระเบียง คือตรงมุมนั่งเล่น และโซนครัว ได้เป็นครัวเปิดนะครับ แต่ก็กั้นห้องเพิ่มเองได้
3 Bedroom 3 Bathroom
83.00 – 100.80 ตารางเมตร

ไทป์นี้จะได้ 3 ห้องน้ำเลย นอกจาก Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวแล้ว ห้องนอนเล็กห้องนึงก็มีห้องน้ำในตัวด้วย แถมมีระเบียงส่วนตัวอีก ส่วน Living Area เป็น Open Plan ที่เปิดกว้าง วางมุมกินข้าว มุมนั่งเล่น และครัวเอาไว้ด้วยกัน เคาน์เตอร์ครัวที่ได้ก็เป็นเคาน์เตอร์แบบยาวเลย มีพื้นที่ให้ได้เตรียมอาหารเยอะขึ้นครับ
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 26 – 26.50 ตารางเมตร
ห้องหน้ากว้าง ได้ครัวเปิด ห้องนอนผนังทึบ มีความเป็นส่วนตัว
ห้องนี้จะเป็นขนาดเริ่มต้นของทางโครงการครับ เป็น 1 ห้องนอนที่แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนพอสมควร โซน Living ด้านหน้าอาจจะไม่ได้กั้นครัวก็จริง แต่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น มองไปเห็นยันระเบียง แต่ถ้าเราอยากจะติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกเองก็ทำได้ครับ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวก็จะมีตู้เก็บรองเท้า กับชุดโต๊ะกินข้าวมาให้ ขยับเข้าไปหน่อยก็จะเป็นมุมนั่งเล่น วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ อยู่ติดกับระเบียง แสงจากด้านนอกส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน ส่วนห้องนอนเป็นผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มเข้ามา แต่ว่าห้องน้ำต้องเข้าจากทางห้องนอน
โซนครัว : เป็นครัวเปิด ทำให้ห้องดูโปร่ง

ถ้าเราเดินเข้ามาในห้องก็จะเห็นตัวห้องที่เปิดโล่งแบบนี้เลยครับ ด้านหน้าฝั่งขวาก็จะเป็นเคาน์เตอร์ครัว จะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลย ด้านล่างมีที่วางไมโครเวฟ มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ MEX มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนด้านบนก็มีตู้เก็บของ ทางโครงการ Built-in มาให้แบบชิดเพดานด้านบนเลย
มุมกินข้าว : มีชุดโต๊ะกินข้าวมาให้พร้อมกับเก้าอี้

ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวสามารถวางโต๊ะกินข้าวและเก้าอี้อีกสองตัวได้ครับ ซึ่งทางโครงการเองก็ให้มาครบชุดเลย ด้านหลังเราจะเห็นว่ามีตู้เก็บรองเท้าด้วย ทางโครงการเองก็ให้มาเหมือนกันครับ เก็บรองเท้าให้ด้วย ด้านบนก็วางของได้ด้วย
โซนนั่งเล่น : อยู่ติดระเบียง ได้เฟอร์ฯ ครบชุด

โซนนั่งเล่นก็จะอยู่ติดกับระเบียงเลย ช่องแสงส่องเข้ามาได้ทั้งโซนนั่งเล่นและโซนครัว ทางโครงการจะให้โซฟา โต๊ะกาแฟ และชั้นวางทีวีมาด้วยนะครับ คือเรียกได้ว่าครบ ขาดแค่ทีวีอย่างเดียวเลย ระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีกำลังดีครับ วางจอใหญ่ได้ หรือเดินไปมาก็ไม่ได้เกะกะอะไรมากมาย
ห้องนอน : มีความเป็นส่วนตัว ได้หน้าต่างบานใหญ่

ห้องนอนจะเป็นผนังทึบ ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวเลย ด้านในมีเฟอร์ฯ ให้ครบเหมือนเดิมครับ ทั้งฐานเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะข้างเตียง แถมได้หน้าต่างบานใหญ่ แสงส่งเข้ามาได้อย่างทั่วถึง หรือจะมองวิวก็มองได้อย่างเต็มๆ ตา เอาจริงแค่ห้องขนาดเริ่มต้นก็รู้สึกว่าได้เฟอร์ฯ มาครบแบบพร้อมอยู่มากๆ ยิ่งถ้าใครเป็นสายขี้เกียจแต่งห้อง ขี้เกียจซื้อของ หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่าลงทุนอยู่แล้วและไม่ต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์เยอะๆ ที่นี่ก็ค่อนข้างตอบโจทย์เลย
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 30 – 30.50 ตารางเมตร
ได้ครัวปิด อยู่ติดกับระเบียง ห้องนอนกว้าง มี Walk-in Closet
ห้องนี้ค่อนข้างจะแบ่งเป็นโซนชัดเจนเลย จะย้าย Living Area มาไว้ด้านหน้า มีพื้นที่ให้วางโต๊ะกินข้าว แล้วถัดไปถึงจะเป็นครัวปิด ซึ่งเป็นครัวปิดที่ได้เคาน์เตอร์ครัว 2 ฝั่งเลย ส่วนห้องนอนเป็นผนังทึบเหมือนกับห้องก่อนหน้า แต่ด้วยความที่ห้องกว้าง ทำให้เราสามารถแบ่งโซน Walk-in Closet ได้ มีตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ฝั่ง แล้วยังวางโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบไม่ดูแน่นพื้นที่จนเกินไปด้วย ด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งจะสะดวกกับคนที่อยู่ เพราะเราอาบน้ำเสร็จก็สามารถออกมาแต่งตัว ลองเสื้อผ้า แต่งหน้าได้แบบใกล้ๆ ไม่ต้องเดินไกลครับ
โซนนั่งเล่น : อยู่ด้านหน้า ได้พื้นที่เยอะ วางโซฟาขนาดใหญ่ได้

ห้องที่แล้วถ้าเปิดประตูเข้ามาจะเจอครัวก่อน แต่ห้องนี้เปิดเข้ามาแล้วเจอโซนนั่งเล่นก่อนเลย ห้องตัวอย่างเขาแต่งเป็นไอเดียให้ดู ด้วยการ Built-in โซฟาตั้งแต่โซนนั่งเล่นยาวไปจนถึงมุมกินข้าว ทำให้ห้องดูมีที่นั่งที่ยาวมากๆ เหมาะสำหรับคนเพื่อนเยอะเลย แต่ถ้าไม่ได้จะ Built-in พื้นที่ด้านหน้านี้ก็สามารถวางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้นะ ข้อดีของห้องนี้คือฝั่งชั้นวางทีวีเราสามารถ Built-in หรือวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวให้เต็มทั้งฝั่งได้เลย ก็จะได้พื้นที่เก็บของเพิ่มด้วย
มุมกินข้าว : วางโต๊ะขนาดใหญ่ขึ้นได้ ไม่เกะกะทางเดิน
เลยโซนนั่งเล่นไปก็จะเป็นมุมกินข้าวครับ จริงๆ ก็วางโต๊ะกับเก้าอี้ได้หลากหลายรูปแบบเลย ทั้งโต๊ะกลม โต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัส โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะวางชิดผนัง วางแนวตั้งแนวนอนได้หมด ด้านหลังยังมีพื้นที่ให้เดินผ่านไปยังห้องครัวได้แบบสบายๆ
ห้องครัว : เป็นครัวปิด อยู่ติดกับระเบียง ได้พื้นที่เก็บของเยอะขึ้น
ครัวไทป์นี้จะได้เป็นครัวปิด โดยจะกั้นเป็นประตูบานเลื่อนกระจกครับ ครัวจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งเลย ฝั่งซ้ายเอาไว้ทำอาหาร ล้างจาน ฝั่งขวาวางตู้เย็น และเตรียมอาหาร การจัดสรรพื้นที่ครัวแบบนี้ก็ทำให้เรามีพื้นที่เก็บของเยอะเลย ส่วนเครื่องซักผ้าก็เอาไปวางไว้ที่ระเบียงได้
ห้องนอน : ห้องกว้าง มีมุม Walk-in Closet

ห้องนอนไทป์นี้ค่อนข้างกว้างเลย แบ่งเป็นโซนที่เอาไว้วางเตียงนอน วางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้งสองข้างแบบไม่อึดอัด ส่วนอีกโซนก็เป็นมุมแต่งตัว ได้ตู้เสื้อผ้ามาแบบ 2 ฝั่งเหมือนกัน ให้อารมณ์เหมือนมี Walk-in Closet แบบส่วนตัว ออกจากห้องน้ำมาแต่งตัวแต่งหน้าได้ทันที
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus 35.50 – 40 ตารางเมตร
ห้องกว้าง วางโต๊ะกินข้าวได้ใหญ่ขึ้น มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามา
ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างเหมือนกันครับ แบ่งออกเป็น 3 โซนได้เลย ตรงกลางจะเป็น Living Area อยู่ขนานกับระเบียง ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นโซนครัวและมุมกินข้าวครับ ห้องนี้จะเป็นครัวเปิด ทำให้โซนครัวดูกว้าง แต่จริงๆ ก็สามารถกั้นห้องครัวเพิ่มเติมได้ มุมกินข้าวสามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ ส่วนห้องอเนกประสงค์สามารถดัดแปลงเป็นห้องนอนเล็ก หรือห้องอื่นๆ ได้ตามต้องการ และฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำกับห้องนอนครับ
โซนนั่งเล่น : อยู่กลางห้อง แบ่งระหว่างฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา

ห้องนี้ถ้าเราเปิดประตูเข้ามาจะเจอโซนนั่งเล่นก่อนเลยครับ วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ ตรงข้ามก็วางชั้นวางทีวีได้ โซนนี้จะอยู่ติดกับระเบียงเลย นอกจากจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่แล้ว เวลาที่เราดูทีวีอยู่ที่มุมนี้ก็สามารถพักสายตาด้วยการมองวิวด้านนอกได้ด้วย
มุมกินข้าว : อยู่ใกล้ครัว ได้พื้นที่กว้างขึ้น

ห้องนี้วางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆ เลย ใครเป็นสายปาร์ตี้ชอบชวนเพื่อนมาบ้านก็มีมุมรับแขกหลายมุมเลยครับ หรือจะนั่งกินข้าวกันเป็นครอบครัวก็นั่งได้ 4 – 6 ที่นั่งเลย
โซนครัว : เคาน์เตอร์ครัวยาวขึ้น เป็นครัวเปิดที่กั้นห้องเป็นครัวปิดได้

ด้วยความที่ขนาดห้องใหญ่ขึ้น ขนาดเคาน์เตอร์ครัวก็ยาวขึ้นตามไปด้วยครับ ห้องนี้ไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงแล้ว วางไว้ที่ครัวได้เลย ถ้าเพื่อนๆ ดูในรูปก็จะเห็นว่าตู้เก็บของด้านบนทางโครงการให้มาเยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าของเยอะแล้วจะใส่ไม่พอเลย แล้วอย่างที่บอกว่าห้องนี้เป็นครัวเปิด แต่เราก็สามารถกั้นครัวเพิ่มเองได้ ถ้าต้องการครัวปิด ถ้าดูรูปตรงมุมกินข้าวด้านบนก็จะเห็นว่าห้องตัวอย่างเขาก็ทำเป็นประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเอาไว้เหมือนกันครับ จะเข้าล็อกพอดีกับตัวผนังที่ยื่นออกมาเลย
Master Bedroom : ห้องกว้าง วางเตียงขนาดใหญ่ได้

ด้วยความที่ห้องน้ำมีทางเข้าเดียว คือเข้าจากด้านนอกในโซนนั่งเล่น ดังนั้นห้องนี้เลยวางแค่เตียง โต๊ะข้างเตียง และตู้เสื้อผ้าก็เพียงพอแล้วครับ

ห้องอเนกประสงค์ : ได้ทั้งเตียง ได้ทั้งตู้

ห้องอเนกประสงค์ทางโครงการเองก็ให้มาทั้งฐานเตียงขนาด 3 ฟุต และตู้เสื้อผ้าเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ ซึ่งเราสามารถทำเป็นห้องนอนที่ 2 ได้เลย แต่ถ้าใครไม่ได้อยากได้ห้องนอน ก็ปรับเปลี่ยนเป็นห้องอื่นๆ ก็ได้นะครับ ห้องนี้ก็จะได้หน้าต่างบานใหญ่เหมือนกัน เหมาะกับการนั่งทำงาน อ่านหนังสือชิวๆ มาก
ห้องน้ำ : สุขภัณฑ์ครบ มีชั้นวางของ และฉากกั้นอาบน้ำให้
ห้องน้ำเรียกได้ว่าพร้อมใช้งานครับ อย่างอ่างล้างหน้าเขาก็ให้มาแบบมีตู้เก็บของด้านล่าง กระจกก็บานใหญ่ ยาวตั้งแต่อ่างล้างหน้าไปจนถึงชักโครก ด้านในมีชั้นวางของมาให้อีก ข้างๆ ชักโครกก็มีทั้งที่ใส่ทิชชู่และสายชำระ ส่วนห้องอาบน้ำก็มีฉากกั้นประตูกระจกติดตั้งมาให้แล้ว การตกแต่งห้องน้ำก็จะดูคลีนๆ ไม้ๆ ตามสไตล์แบรนด์ NUE เลย
ห้องตัวอย่าง 2 Bed 2 Bath ขนาด 45.50 – 53.90 ตารางเมตร
ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวทุกห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ได้ห้องนอนเล็กที่ขนาดไม่เล็ก
ห้องนี้แปลนคล้ายๆ กับห้องที่แล้วครับ แต่ตำแหน่งครัวจะต่างกัน บวกกับมีห้องน้ำอีกห้องเพิ่มเข้ามาด้วย Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว แต่ห้องนอนเล็กจะต้องเข้าห้องน้ำด้านนอก ซึ่งก็อยู่ติดกันเลย เดินนิดเดียวครับ แล้วก็โซนนั่งเล่นอยู่ตรงกลางติดกับระเบียงเหมือนเดิม พูดแล้วอาจจะยังไม่เห็นภาพชัด ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่า
โซนนั่งเล่น : วางโซฟาได้ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น

พื้นที่โซนนั่งเล่นห้องนี้จะยาวขึ้นครับ เลยวางโซฟา 3 – 4 ที่นั่งได้ เช่นเดียวกับฝั่งชั้นวางทีวีที่ยาวขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีเลย
โซนครัวและกินข้าว : เป็นครัวเปิด ได้พื้นที่เก็บของเยอะ

เคาน์เตอร์ครัวห้องนี้ขนาดยาวเท่ากับห้องที่แล้วเลย แต่ครัวเปิดห้องนี้อาจจะกั้นครัวไม่ได้นะครับ ก็จะทำให้ห้องดูกว้างและโล่ง โต๊ะกินข้าวก็สามารถวางระหว่างเคาน์เตอร์ครัวกับโซฟาได้เลย เหมือนเป็นพื้นที่เดียวกัน เวลาเรานั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ก็สามารถดูทีวีที่โซนนั่งเล่นไปพร้อมกันได้
Master Bedroom : ได้ห้องใหญ่ และมีห้องน้ำในตัว

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มุม Walk-in Closet แต่ก็ได้ตู้เสื้อผ้าที่ยาวขึ้นเพิ่มเข้ามาแทนครับ ด้านข้างวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือจะวางเป็นโต๊ะข้างเตียงสองอันก็ได้ ส่วนเตียงนอนก็จะอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่เลย
ห้องนอนเล็ก : ขนาดเท่าห้องนอนปกติ มีเตียง ตู้ โต๊ะให้
ห้องนอนเล็กของไทป์นี้ไม่เล็กเลยครับ ใหญ่เท่าๆ กับห้องนอนไทป์ 1 Bedroom ด้วยซ้ำ นอกจากจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้แล้ว ก็ยังวางตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะข้างเตียงได้ด้วย
ห้อง Combined 3 Bed 2 Bath ขนาด 61 ตารางเมตร
มี Master Bedroom 2 ห้อง แต่ละห้องมี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว
ห้องนี้จะเป็นห้องแบบ Combined เอาสองห้องมารวมกันครับ ถ้าดูจากแปลนก็จะเห็นว่าถ้าเราเดินเข้าห้องไปเนี่ย จะเป็นโซนนั่งเล่นก่อนเลย แล้วที่ติดกับระเบียงวางเป็นโต๊ะกินข้าวแทน ซึ่งจริงๆ ถ้าเราอยากจะสลับตำแหน่งกันก็ทำได้นะครับ แล้วแต่ว่าชอบแบบไหน แล้วฝั่งซ้ายก็จะเป็น Master Bedroom ที่มี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว แต่ถ้าเดินไปทางขวาจะเจอกับครัวปิดและห้องนอนเล็ก ด้านในสุดจะเป็น Master Bedroom อีกห้องครับ มี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกัน ข้อดีคือสะดวกมากๆ สำหรับคนที่อยู่ใน Master Bedroom แต่ข้อเสียคือคนที่อยู่ห้องนอนเล็ก หรือแขกจะต้องเข้าห้องน้ำจากในห้องนอนของเรา อาจจะลดความเป็นส่วนตัวไปบ้าง
โซนนั่งเล่น : ได้พื้นที่เยอะ Built-in ได้แบบจัดเต็ม

ห้องนี้เดินเข้ามาก็เจอโซนนั่งเล่นเลยครับ ผนังด้านหลังโซฟาจริงๆ จะเป็นผนังทึบนะครับ แต่ห้องตัวอย่างเขาแต่งเป็นกระจกลอนให้ดู นอกจากจะวางโซฟาตัวใหญ่ได้แล้ว ผนังฝั่งชั้นวางทีวีห้องตัวอย่างเขาก็ Built-in มาให้ดูแบบจัดเต็มมากๆ ทำให้ในห้องมีพื้นที่เก็บของอีกเยอะเลย
มุมกินข้าว : อยู่ติดระเบียง แสงดี วิวดี

จริงๆ มุมกินข้าวสามารถวางโต๊ะแบบ 6 ที่นั่งได้นะครับ หรือใครอยากวางแบบ 4 ที่นั่งเหมือนกับห้องตัวอย่างก็จะดูสบายๆ ไม่อึดอัดดี นั่งกินข้าวตรงนี้ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ เปลี่ยนจากการดูจอมาดูวิวก็อาจจะเจริญอาหารมากขึ้นครับ
ห้องนอนเล็ก : เป็นผนังทึบ มีเตียงและตู้ให้
ห้องนี้จริงๆ จะเป็นห้องนอนเล็กตามแปลนที่แปะด้านหน้าห้องเลย แต่ห้องตัวอย่างเขาแต่งเป็นห้องทำงานให้ดูเป็นไอเดียครับ เผื่อใครไม่ได้ต้องการห้องนอนที่ 3 แค่ 2 ห้องนอนก็เพียงพอแล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนโซนนี้ให้เป็นอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเป็นห้องจริงทางโครงการจะให้เตียงขนาด 3 ฟุต กับตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย
ห้องครัว : เป็นครัวปิด อยู่ติดระเบียง ตรงข้ามห้องนอนเล็ก
ถ้ามองโถงทางเดินจะเห็นว่าฝั่งซ้ายเป็นครัว และฝั่งขวาเป็นห้องนอนเล็กครับ ครับก็จะเป็นครัวปิดที่ได้เคาน์เตอร์ 2 ฝั่ง เครื่องซักผ้าสามารถวางที่ระเบียงได้
Master Bedroom 1 : ได้หน้าต่างบานใหญ่ มี Walk-in Closet

ห้องนอนแบ่งเป็นโซนที่วางเตียงนอน กับโซนที่เป็น Walk-in Closet ครับ เขาแต่ง Master Bedroom ให้แตกต่างกันด้วย อย่างห้องนี้มุม Walk-in Closet จะทำผนังกระจกกั้นขึ้นมา ทำให้มุมแต่งตัวกูเป็นห้องมากขึ้น
Master Bedroom 2 : เป็นเหมือนฝาแฝดที่ Layout เหมือนกัน เฟอร์ฯ ที่ได้ก็เหมือนกัน
Master Bedroom ทั้งสองห้อง Layout เหมือนกันเป๊ะๆ เลยครับ แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์เหมือนกัน ทั้งฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet โต๊ะข้างเตียง และโต๊ะเครื่องแป้งด้วย
สรุป
คอนโดใหม่ ส่วนกลางใหญ่สุดในย่าน ห้องหน้ากว้าง มีตึกเลี้ยงสัตว์ ใกล้ MRT ใกล้เซ็นทรัล
สำหรับโครงการ NUE EPIC ASOK RAMA 9 ด้วยความที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ จุดเด่นของที่นี่ก็มีหลายด้านเลยครับ แต่ข้อที่เราคิดว่าเด่นที่สุด ก็น่าจะเป็นเรื่องของราคาที่จับต้องในทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่ติดถนนใหญ่ย่านและอยู่ย่านพระราม 9 “แบบแท้ๆ”
คือถ้าว่ากันตามตรง ที่นี่อาจจะ “ไม่ใช่” คอนโดที่ทำเลดีที่สุดในย่านแยกพระราม 9 นะครับ มี 2 จุดหลักๆ ที่คิดว่าคนที่มาดูโครงการนี้ ยังไงก็น่าจะต้องเห็น คือเรื่องแรกระยะเดินไปรถไฟฟ้าอยู่ที่ 550 เมตร กับถ้าใช้รถ จุดกลับรถเข้าโครงการเค้าอาจจะต้องไปกลับไกลหน่อย แต่ทั้งหมดเมื่อเทียบกับราคาโครงการที่ทำออกมาอยู่ในช่วงเฉลี่ยประมาณ 120k ทั้งโครงการ (ถ้าตึก D ราคาเฉลี่ยต่ำลงไปอีก) ก็ถือทำราคาออกมาได้น่าสนใจ และคอนโดใหม่ตัวอื่นในย่าน MRT พระราม 9 ที่ติดถนนใหญ่ก็ไม่น่ามีราคาแบบนี้แล้ว
และสิ่งที่โครงการ NUE EPIC ให้ได้ในเรื่องทำเลคือ ที่ตั้งที่ก็ยังอิงอยู่กับทำเลแยกพระราม 9 และ MRT สถานีพระราม 9 ที่เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และเป็นรถไฟฟ้าเส้นหลักของกรุงเทพฯ อีกเส้นนึงก็ว่าได้ครับ จากที่นี่เพียงแค่ 2 สถานีถึงใจกลางย่านอโศก เชื่อมต่อ BTS สายสีเขียวได้ หรือจะไปย่านสีลม, สาทร, พระราม 4 ก็ใช้เวลาไม่นาน
นอกจากนี้ก็จะใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนอโศก-เพชรบุรี เชื่อมต่อไปย่านต่างๆ ได้ง่าย และมีห้างใหญ่ในย่านอย่างฟอร์จูนและ Central พระราม 9 ในระยะเดินถึง รวมไปถึงตัวย่านพระราม 9 – รัชดา เองก็เป็นแหล่งงานขนาดใหญ่อีกย่านนึงเช่นกัน
ถ้ามองคอนโดในช่วงราคาเริ่มต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่ได้ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าระยะเดิน พระราม 9 นี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ทำเลที่ยังหาคอนโดใกล้ใจกลางเมืองขนาดนี้ได้ครับ
ซึ่งราคาประมาณนี้ ถ้ามองในกลุ่มคอนโดใกล้รถไฟฟ้าด้วยกันบนเส้นรัชดา ต่อให้ขยับออกไปอีก 2-3 สถานี ราคาก็ไม่ได้หนีจากโครงการนี้เท่าไหร่ นอกจากนี้ถ้าเทียบกับคอนโด Low-rise ที่อยู่ในซอยโซนรัชดา ที่นี่ก็ยังราคาก้ำกึ่ง อาจจะแพงกว่าหน่อย แต่ได้เรื่องโครงการที่ดูเด่น ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้ากว่า ไม่ต้องเข้าซอยเล็ก ก็เป็นจุดที่อาจทำให้หลายคนพิจารณาเปรียบเทียบกันได้
ดังนั้นทำเลตรงนี้ก็จะเหมาะกับใครที่มีงบอยู่ในช่วงแสนต้นๆ ต่อตร.ม.แล้วมองหาคอนโดที่เน้นทำเลใกล้รถไฟฟ้าและอยู่ในระยะประชิดใจกลางเมืองจริงๆ


แล้วทำไมทำราคาได้ดี? นอกจากตัวที่ตั้งที่ถือว่าเขยิบออกไปหน่อยจากสถานี ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นที่ดินผืนขนาดใหญ่ ทำให้ทำโครงการขนาดใหญ่ได้ ราคาเฉลี่ยออกมาเลยค่อนข้างน่าสนใจครับ ซึ่งในความใหญ่ บนที่ดินกว่า 15 ไร่ 4 ตึก ก็เลยทำให้ที่นี่มีความหลากหลายในหลายๆ ด้านครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบห้อง จำนวน Facility รวมไปถึงจัดบางตึกเป็น Pet Friendly ได้
ขอพูดถึงส่วนกลางก่อน ด้วยความใหญ่ของโครงการ ทำให้ในคอนโดงบ 2-3 ล้านบาท ที่นี่สามารถจัด Facility ต่างๆ มาให้แบบจัดเต็มได้ สระว่ายน้ำมีถึง 3 สระ มีทั้งสระพักผ่อน สระออกกำลังกายชมวิวเมืองที่ชั้น Rooftop หรือจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงยิมอีก 3 ห้อง และห้อง Facility ต่างๆ ทั้ง Co-Working Space, Game Room และห้องส่วนกลางอื่นๆ ที่กระจายกันอยู่ในแต่ละตึก ก็น่าจะถูกใจกับใครที่มองหาคอนโดที่มี Facility ต่างๆ ให้ใช้เยอะๆ ครับ แต่ที่นี่ยูนิตเยอะหน่อยนะครับ ระดับ 3,000 ห้อง
ซึ่งในแง่ความเป็นส่วนตัว โครงการก็พยายามให้มีการจัดแยกแต่ละตึก แยกแต่ละ Lobby ออกจากกัน ให้แต่ละตึกยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่ มีเพียงแค่อาคารจอดรถและพื้นที่ Facility ชั้นล่างที่เชื่อมกัน โดยที่การขายของที่นี่จะแยกโควต้าของตึกคนไทยกับตึกต่างชาติออกจากกันเลยครับ อย่างตึกคนไทยจะเป็นตึก B และ D สำหรับใครที่กังวลเรื่องต่างชาติที่ Lifestyle ไม่เหมือนกัน ก็น่าจะพอสบายใจได้
นอกจากนี้ตึก D ของที่นี่จะเป็นตึกที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คอนโดในย่านพระราม 9 ที่เป็น Pet Friendly ครับ ก็เป็นอีกจุดที่โครงการนี้แตกต่างจากที่อื่น
ในด้านแปลนห้อง จุดเด่นของโครงการตระกูล NUE จาก Noble คือแปลนห้องที่จะเป็นแบบหน้ากว้าง และจัดฟังก์ชันมาค่อนข้างดีครับ ที่นี่ก็เช่นกัน ยังคงจุดเด่นนี้ไว้ เริ่มต้นที่ 26 ตร.ม. ที่จัดออกมาเป็น 1 ห้องนอน ได้ห้องนอนปิดเป็นสัดส่วน
ห้องแปลนเด่นที่เป็นหน้ากว้าง 36 ตร.ม. 1 Bedroom Plus ก็ยังมีให้เลือกเช่นกัน โดยโครงการมีให้เลือกไปจนถึง 2 Bedroom และมีห้อง Combined ครับ (3 Bedroom จะอยู่ในโควต้าสำหรับต่างชาติ) สำหรับห้องตัวอย่างของที่นี่ทำมาไว้ 5 ห้องเลย ลองมาดูห้องแต่ละแบบแต่ละไทป์กันได้ครับ อ่อ ที่นี่ขายแบบ Fully Furnished ด้วยนะครับ จะได้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ครบเลย
ด้วยความใหญ่และด้วยตัวเลือกในโครงการของที่นี่ ที่มีค่อนข้างเยอะ ก็น่าจะตอบโจทย์คนหลายกลุ่มเลยครับ ทั้ง
- อยู่เองก็ได้
- ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าก็เหมาะ
- เป็นบ้านหลังที่สองในเมืองก็ได้
- อยู่คนเดียวก็มี 1 Bedroom หลายไซส์
- อยู่เป็นครอบครัวก็มี 2 Bed / 3 Bed
- มีตึก Pet Friendly ให้เลือกด้วย
สำหรับกลุ่มที่มองหาคอนโดเน้นราคาจับต้องได้ ตึก D ด้านในก็ถือว่าราคาดี ไม่หนีจากคอนโด Low-rise ในซอยมากเลย หรือถ้าอยากเดินใกล้ ก็มีตึก B ด้านหน้าให้เลือก และมีตึก Pet Friendly
ดังนั้นถ้าใครกำลังมองหาคอนโดอยู่ ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขในเรื่องของราคา หรืออยากได้ทำเลใกล้เมือง หรือมองหาคอนโดที่ได้ส่วนกลางเยอะ อยากให้ลองแวะมาดูที่ NUE EPIC ASOK RAMA 9 ที่นี่น่าจะมีอย่างน้อยสักข้อที่ตอบโจทย์ เพราะจุดขายของโครงการค่อนข้างหลายด้านจริงๆ ครับ
ตอนนี้ทางโครงการมีโปรโมชั่น ⚡ EPIC BLACK FRIDAY! ลดสนั่นลั่นพระราม 9 สูงสุด 4 แสน* ที่ “นิว เอปิค อโศก-พระราม 9”
พลาดไม่ได้! กับเทศกาลลดใหญ่แห่งปี ‼️รีบคว้า “EPIC DEALS” ก่อนหมดเวลา อย่าปล่อยให้ดีลหลุดมือ !!
🏷️ ส่วนลดสูงสุด 400,000 บาท*
🏷️ รับเพิ่ม “ดีลลับ” มูลค่า 30,000 บาท*
🏷️ Free Exclusive Gift เมื่อจองยูนิตภายในงาน*






























































































