ถ้าถนนสุขุมวิทมีทองหล่อ ถนนพหลโยธินก็มีอารีย์ใช่ไหมครับ ต้องบอกว่าย่านนี้เป็นอีกย่านที่มีความเฉพาะตัว ทั้งมีความเก่าแก่แต่ก็ผสมความเป็นใจกลางเมืองที่มีทั้งตึกออฟฟิศ ทั้งแหล่ง Lifestyle กินดื่ม วันนี้เราเลยจะพามาดูโครงการคอนโดใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จตัวล่าสุดของย่านอารีย์กันครับ กับโครงการ
“NOBLE AROUND ARI”
สำหรับโครงการ Noble Around Ari (โนเบิล อราวน์ อารีย์) ที่นี่จะเป็นคอนโดระดับ Luxury จาก Noble Development ครับ ตึกจริงเพิ่งสร้างเสร็จในช่วงปีที่ผ่านมานี่เอง จุดเด่นของที่นี่ก็หนีไม่พ้นเรื่องของทำเลที่อยู่กลางย่านอารีย์จริงๆ และติดถนนใหญ่พหลโยธิน ห่างสถานี BTS อารีย์ประมาณ 90 เมตร และจุดไฮไลท์ของโครงการที่จัดส่วนกลางออกมาเน้นวิวเมือง ทั้งส่วนของห้อง Lounge ที่อยู่กลางตึก และสระว่ายน้ำชั้น Rooftop แบบ 360 องศาเห็นวิวรอบด้าน สำหรับใครที่มีงบอยู่ในช่วง 5-10 ล้านบาท มองหาคอนโดทำเลติดรถไฟฟ้า ใจกลางเมืองครับ
ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะน่าสนใจแค่ไหน ขอเริ่มจากในเรื่องของทำเลที่ตั้งกับย่าน “อารีย์” กันก่อนครับ
จุดเด่นโครงการ
90 เมตรจาก BTS อารีย์
ติดถนนพหลโยธิน ไม่ต้องเข้าซอย
Timeless Modernist Design
ดีไซน์เอกลักษณ์สไตล์ Noble
Facility จัดเต็ม
สระว่ายน้ำ Roof top วิวเปิด 360 องศา
อารีย์ ย่านเก่าแก่สู่ทำเลที่มี Vibe เฉพาะตัว
ย่านที่อยู่อาศัยดั้งเดิมอีกย่านนึงของกทม. ที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง
ต้องบอกว่าอารีย์เป็นย่านนึงของกรุงเทพที่มีความเก่าแก่ และมีความเฉพาะตัวสูงมาก มีฟิลลิ่งที่แตกต่างจากย่านอื่น เป็นอีกย่านที่ Vibe ในการอยู่อาศัยค่อนข้างดีพอสมควร จนทำให้ใครหลายๆ คนที่มาในย่านนี้ชอบในบรรยากาศได้ไม่ยาก
จุดเริ่มต้นของย่านอารีย์ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยปี 2479 เลยครับ จากการเริ่มตัดถนน “ประชาธิปัตย์” เชื่อมต่อกรุงเทพฯ ไปย่านดอนเมือง ซึ่งในยุคนั้น ย่านนี้ยังเป็นพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ ที่ทำเกษตรกรรมเป็นหลัก (นึกภาพยุคที่สะพานควายมีควายจริงๆ)
ซึ่งการตัดถนนผ่านในย่าน ก็ทำให้พื้นที่ในโซนนี้ในช่วงปี 2480-2490 เติบโตขึ้นมาเป็นอย่างมากในยุคนั้นครับ เริ่มมีการเข้ามาของทั้งฝั่งบ้านเรือนต่างๆ และหน่วยงานราชการ ที่มาตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างที่เรายังเห็นหลายๆ หน่วยงานก็ยังมีที่ตั้งอยู่ในย่านนี้จนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนชื่อถนนมาเป็น “ถนนพหลโยธิน” ในปี 2493
ซึ่งจากแผนที่ในช่วงปี 2499 ก็มีซอยราชครูและซอยอารีย์ปรากฎอยู่แล้วครับ มีบ้านต่างๆ มาตั้งอยู่ตั้งแต่ในช่วงนั้น เราเลยจะเห็นว่าในซอยอารีย์เอง บ้านต่างๆ จะเป็นบ้านที่ค่อนข้างเก่าแก่ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ หลายๆ ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ก็อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นยาย เป็นย่านบ้านผู้ดีเก่าแก่ของโซนนี้ครับ
จุดเปลี่ยนของย่านอารีย์ครั้งที่ 2 ก็จะมาในช่วงประมาณยุค 2530-2540 หรือว่ายุค 90 นั่นเองครับ จากการที่เมืองกรุงเทพฯ ขยายตัวออกมา ในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟูแบบสุดๆ เราจะเห็นว่าในย่านนี้นอกจากหน่วยงานราชการแล้ว ในยุคนี้นี่เองเริ่มมีอาคารออฟฟิศต่างๆ มาขึ้นมาตามแนวถนนพหลโยธิน ซึ่งตึกต่างๆ เหล่านี้มากันก่อนที่จะมีรถไฟฟ้าอีกครับ
จนกระทั่งการมาของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ก็ยิ่งช่วยมาเติมเต็มการเติบโตของย่านนี้ และเป็นยุคที่การอยู่อาศัยในรูปแบบของคอนโดเริ่มบูม ดังนั้นในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราเลยจะเห็น Developer เจ้าต่างๆ สนใจมาปักหมุดสร้างโครงการในย่านอารีย์กัน
และด้วยลักษณะถนนของซอยอารีย์เองที่ไม่ได้กว้างมาก เราเลยจะเห็นคอนโด Highrise ส่วนใหญ่ อยู่ในแถบแค่อารีย์ซอย 1 กับถนนใหญ่ ซึ่งในซอยอารีย์เข้าไปก็ยังเป็นบ้านดั้งเดิม เลยทำให้ย่านนี้ในปัจจุบัน เป็นย่านที่ค่อนข้าง Blend กันระหว่างความทันสมัยใจกลางเมือง กับกลิ่นอายความเป็นย่าน Residential แบบยุคเก่านั่นเองครับ
อ้างอิงประวัติที่มาของอารีย์
“อารีย์” แหล่ง Lifestyle ใจกลางเมือง
แหล่งรวมร้านชื่อดัง ทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านกินดื่ม มีกิจกรรมให้ทำตลอดวัน
ถ้าพูดถึงย่าน “อารีย์” อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือในเรื่องของความเป็นแหล่ง Lifestyle ของย่านพหลโยธินครับ คือถ้าสุขุมวิทมีย่านทองหล่อ อารีย์เองก็เป็นสิ่งนั้นบนถนนพหลโยธิน ด้วยความที่ย่านนี้จะมีร้านอาหารต่างๆ มีคาเฟ่มาเปิดเยอะ ก็เป็นอีกจุดนึงที่เป็นเสน่ห์ของย่านอารีย์ ที่จะเป็นโซนที่มีความ Lively มีชีวิตชีวา
ซึ่งย่านนี้ก็จะมีร้านดังต่างๆ กระจายอยู่ทั้งบริเวณติดถนนพหลโยธินเอง หรือว่าบริเวณตามบ้านในซอยอารีย์ซอยต่างๆ ครับ นอกจากนี้ในย่านนี้ก็จะมี Community Mall ชื่อดังอย่าง GUMP’S อารีย์, Vanit Village และ La Villa อารีย์ตั้งอยู่ด้วย
อีกจุดที่แอบอยากพูดถึง เป็นย่านที่เติบโตตามอารีย์ขึ้นมาในช่วงหลังก็จะเป็นย่านประดิพัทธ์ที่อยู่ใกล้ๆ กันครับ ในย่านนี้เองก็จะเป็นแหล่ง Streetfood อีกแหล่งที่มีของกินค่อนข้างเยอะ รวมถึงมี Community ขนาดเล็กๆ อย่างโครงการ AQUA และ The Hub เป็นอีกย่านที่มีร้านอาหารดีๆ ร้านดังรวมอยู่กันเยอะเช่นกันครับ
ดังนั้นในเรื่องของแหล่ง Lifestyle ใจกลางเมือง ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดขายหลักของย่านอารีย์เลยก็ว่าได้ครับ ที่ทำให้ย่านนี้แตกต่างจากย่านอื่นบนแนวรถไฟฟ้าฝั่งพหลฯ เพียงแต่ว่าย่านนี้อาจจะไม่ได้มีห้างใหญ่ๆ ตั้งอยู่ในย่าน แต่ขึ้นรถไฟฟ้าไปไม่ไกลก็มีห้างต่างๆ ให้เลือกหลายแห่งครับ
พหลโยธิน แหล่งงานตลอดสาย
อีกย่านที่มีแหล่งงานตลอดเส้นทาง จากการอยู่บนรถไฟฟ้าสายหลัก มีทั้งออฟฟิศและหน่วยงานราชการ
อย่างที่บอกไปว่าช่วงต้นถนนพหลโยธินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้กลายมาเป็นย่านใจกลางเมืองเป็นที่เรียบร้อย เราก็จะเห็นได้ว่าทั้งสองฝั่งถนนพหลโยธินเอง ก็จะมีทั้งหน่วยงานราชการ, กรมกองทหาร, ตึกออฟฟิศต่างๆ รวมไปถึงโรงแรม-โรงพยาบาลต่างๆ ตั้งอยู่ค่อนข้างเยอะ
อย่างหน่วยงานราชการที่ใหญ่ๆ ก็อย่างเช่น สำนักงบประมาณ, สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก, กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ, กองพันที่ 1 กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, กรมสรรพากร, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวะล้อม, กสทช., กรมประชาสัมพันธ์ และธนาคารออมสิน
หรือจะเป็นตึกออฟฟิศ ถ้ายุคเก่าหน่อยก็เช่น อาคาร EXIM Bank, อาคารสำนักงานใหญ่กสิกรไทย, อาคารชินวัตร 1-2 ที่เป็นสำนักงานใหญ่ของ AIS, อาคารพหลโยธินเพลส, อาคาร IBM และอาคาร SME BANK
และในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บนถนนพหลโยธิน-พญาไทก็เป็นอีกย่านนึงที่ออฟฟิศต่างๆ มาเปิดกันเยอะมากครับ เป็นอีกยุคนึงที่ย่านนี้เติบโตขึ้นกว่าเดิม อย่างช่วงปทุมวัน-ราชเทวี ก็จะมีอาคารสยามปทุมวันเฮ้าส์, Summit Tower (JRK), Spring Tower, ตึก The Unicorn ของกลุ่ม BTS
ถัดมาในฝั่งของถนนพหลโยธินก็จะมีอาคาร One Origin สนามเป้าที่เป็น Mixed Use, อาคารสำนักงบประมาณใหม่, อาคาร Pearl Bangkok, อาคาร Vanit Place, อาคาร SC Tower, Ari Hills หรือถ้าฝั่งสะพานควายก็มีอาคาร The Rice ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่หัวมุมแยกครับ หรือที่บริเวณสวนจตุจักรก็มีอาคาร Mochit Complex ที่กำลังสร้างอยู่
ทำให้รวมๆ ในช่วงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในย่านนี้เองมีตึกสำนักงานเปิดใหม่มากว่า 10 ตึกเลยทีเดียว ไม่นับว่ายังมีอาคารโรงพยาบาลต่างๆ ที่สร้างเพิ่มใหม่อีกเช่นตึกใหม่ของโรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลวิมุต และศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยาครับ
“อารีย์” เชื่อมต่อหลายย่าน
ไม่ไกลจากย่านที่เป็น Medical Hub อย่างอนุสาวรีย์ชัยฯ ย่านช้อปปิ้งที่สยาม-ราชประสงค์ และสวนขนาดใหญ่ที่จตุจักร
สำหรับโซนอารีย์ นอกจากความเป็นแหล่งงานและแหล่ง Lifestyle ใจกลางเมืองแล้ว การที่อิงการเดินทางบนถนนพหลโยธินและรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ทำให้ย่านนี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับย่านใกล้เคียงได้หลายจุดครับ อย่างถ้านั่งรถไฟฟ้าออกมานิดเดียวก็จะเป็นจตุจักรและห้าแยกลาดพร้าว เป็นโซนที่มีสวนขนาดใหญ่และห้าง หรือถ้านั่งรถไฟฟ้าเข้าไปด้านใน ก็จะผ่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่กี่สถานีถึงสยามที่เป็นโซน Shopping หลักของกรุงเทพครับ
โซนการแพทย์ อนุสาวรีย์ชัยฯ
สำหรับคนที่มองหาคอนโดในย่านพหลโยธิน นอกจากจะเป็นกลุ่มที่ทำงานในออฟฟิศที่อยู่ในย่านนี้แล้ว อีกกลุ่มคนใหญ่ๆ ที่มองหาคอนโดในย่านนี้ด้วยเช่นกันก็จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาลในย่านใกล้ๆ นี้ครับ ซึ่งต้องบอกว่าในย่านอนุสาวรีย์ชัย-พระราม 6 ตรงนี้ถือเป็น Hub ขนาดใหญ่เกี่ยวกับด้านการแพทย์เลย ด้วยความที่มีโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนชื่อดังหลายโครงการมาตั้งอยู่ ทำให้คอนโดในแถบราชเทวี, พญาไท, สนามเป้า, อารีย์ และตามแนวพหลโยธินมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นคุณหมอเยอะเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างโรงพยาบาลในละแวกนี้ก็อย่างเช่นโรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลรามา, โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลพญาไท 1 และ 2, โรงพยาบาลสงฆ์, คณะเภสัชศาสตร์และคณะวิทย์ม.มหิดล, องค์การเภสัชกรรม, ศูนย์การแพทย์รามาธิบดี ศรีอยุธยา, โรงพยาบาลทหารผ่านศึก หรือที่ใกล้กับโครงการก็จะมีโรงพยาบาลวิมุตและโรงพยาบาลเปาโล เป็นย่านที่มีการกระจุกตัวอยู่ของโรงพยาบาลเยอะเป็นพิเศษ
สยาม – ราชประสงค์
สำหรับย่านสยาม ทุกคนน่าจะทราบกันอยู่แล้วว่าย่านนี้เป็นย่าน Shopping อันดับ 1 ของกรุงเทพฯ รวมห้างใหญ่ๆ ไว้เพียบไม่ว่าจะเป็นสยามพารากอน, สยามสแควร์, MBK Center, สยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่, เซ็นทรัลเวิลด์ ยาวไปถึง Gaysorn Village และเซ็นทรัลชิดลม เป็นอีกหนึ่งโซนที่มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวมากัน ที่นี่ก็จะห่างจากโครงการแค่ 5 สถานีครับ
สวนจตุจักร – ห้าแยกลาดพร้าว
ทางด้านสวนจตุจักรก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของย่านนี้เลยครับ อยู่ห่างจากโครงการเพียงแค่ 2 สถานี มีพื้นที่สวนสาธารณะกว่า 700 ไร่ รวมพื้นที่ 3 สวนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสวนรถไฟ, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนจตุจักร สามารถมาพักผ่อน ออกกำลังกายในตอนเช้า-เย็น หรือมานั่งเล่นได้
นอกจากนี้บริเวณนี้ก็จะมีแหล่งชอปปิ้งอย่างตลาดนัดจตุจักร รวมไปถึงห้าแยกลาดพร้าวที่เป็นที่ตั้งของห้างใหญ่ในย่านนี้อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าวและยูเนี่ยนมอลครับ และตรงนี้จะเป็น Interchange สำหรับเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ด้วย
ที่ตั้งโครงการ
ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์แค่ 90 เมตร ตรงข้ามตึก Pearl ใจกลางความเจริญของย่านอารีย์
มาถึงตัวโครงการกันบ้าง สำหรับโครงการนี้จะแตกต่างจากคอนโดตึกสูงแบบ High-rise ในย่านอารีย์ตึกอื่นพอสมควรครับ ที่ส่วนใหญ่จะไปตั้งกันอยู่ในอารีย์ซอย 1 แต่ที่นี่จะเป็นคอนโดโครงการเดียวในย่านเลยครับที่ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินติดถนนใหญ่ โดยจะอยู่ฝั่งขาเข้า ห่างจาก BTS สถานีอารีย์ประมาณ 90 เมตร ดังนั้นระยะเดินจากรถไฟฟ้าตัวนี้ก็ถือว่าแทบจะติดสถานีเลย และ Exposure ความเด่นของโครงการก็ค่อนข้างเด่นพอสมควรเลย
ถ้ายังนึกที่ตั้งไม่ค่อยออก ที่ตั้งของที่นี่ก็จะอยู่ตรงข้ามกับตึก Pearl Bangkok ซึ่งเป็นตึกที่เด่นเป็น Landmark ของย่านนี้ครับ
รอบข้างโครงการ
รอบข้างเพื่อนบ้านตรงนี้ก็จะมีตึกออฟฟิศต่างๆ มาตั้งกันอยู่เยอะครับ ด้วยความที่อารีย์ก็เป็นอีกย่านบนถนนพหลโยธินที่ค่อนข้างคึกคัก ตึกออฟฟิศที่อยู่ในระยะเดินไม่เกิน 100 เมตรจากโครงการเลยก็จะมี Vanit Place ที่อยู่ด้านขวา ตึก SME Bank ทางด้านซ้าย และตรงข้ามเป็น Pearl Bangkok และ EXIM BANK ครับ ซึ่งตัวอาคาร Vinit Place จะมี Vanit Village ที่เป็น Community Mall ด้านหน้า มีร้านอาหารและคาเฟ่/ร้านไวน์มาเปิด ตรงนี้แทบจะติดกับโครงการเลย และจากโครงการก็สามารถเดินไป La Villa อารีย์ได้ครับ อยู่ห่างไป 100 กว่าเมตร เป็นที่จุดที่มีร้านอาหารรวมไปถึง Villa Market ตั้งอยู่
บรรยากาศของถนนพหลโยธินแถบนี้ ก็จะเป็นช่วงที่นำสายไฟลงดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ฟุตบาทกว้าง ช่วงเวลาทำงานก็จะมีคนเดินสัญจรตลอดทั้งวัน และนอกจากใน Community Mall ต่างๆ ในตึกแถวทั้งสองข้างทางก็จะมีของกินเช่นเดียวกันครับ
Vanit Village
La Villa
การเดินทางด้วยรถยนต์
ที่นี่การเดินทางโดยใช้รถจะใช้ถนนพหลโยธินที่ติดกับโครงการเป็นเส้นหลักครับ สามารถใช้งานเพื่อเชื่อมต่อเข้าไปในโซนสยาม-ราชเทวี-อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ ที่ตั้งของโครงการจะอยู่ระหว่างจุดกลับรถ 2 จุด ไม่ไกลจากตัวโครงการมาก ก็สามารถกลับรถมาเข้าโครงการหรือออกจากโครงการแล้วกลับรถเลยได้สะดวกครับ แต่ด้วยความที่เป็นถนนสายหลักของกทม.อย่างที่เราทราบกัน ในช่วงเวลาเร่งด่วนก็จะมีเรื่องของความหนาแน่นของจราจรอยู่เป็นธรรมดาครับ อันนี้น่าจะเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอของคอนโดทำเลใจกลางเมือง ถึงแม้ว่าอาจจะยังน้อยกว่าฝั่งสุขุมวิทอยู่หน่อย
ซึ่งถนนพหลโยธินช่วงนี้ จะมีข้อดีตรงที่เป็นช่วงที่ขนานกับถนนพระราม 6 และถนนวิภาวดีรังสิต รวมถึงใกล้กับโครงการจะเป็นซอยพหลโยธิน 2 ที่เป็นถนนตัดเชื่อมระหว่างวิภาวดีรังสิต-พหลโยธิน เลยมีทางเลือกในการใช้เส้นทางเลี่ยงรถติดพอสมควร
อย่างเช่นถ้าใช้ถนนวิภาวดีเข้าโครงการ ก็สามารถเลี่ยงถนนพหลโยธินช่วงอนุสาวรีย์ชัย-สนามเป้าได้ครับ ซึ่งเราสามารถวิ่งลัดเลาะซอยด้านในจากซอยพหลโยธิน 2 ทะลุหลังแฟลตตำรวจ มาออกซอยพหลโยธิน 6 ที่อยู่ก่อนถึงโครงการได้ สำหรับใครที่ไม่อยากกลับรถหรือเจอรถติดบนถนนหลักครับ
ถนนขนาบข้าง ทางด่วนขนาบคู่ อยู่ใกล้หลายจุดขึ้นลง
สำหรับการเดินทางไปย่านอื่นๆ เช่นสุขุมวิท/สีลม/สาทร นอกจากถนนพหลโยธินจะขนานกับถนนพระราม 6 และวิภาวดีแล้ว ถนนทั้ง 2 สายนี้ก็มีทางด่วนอยู่ด้วยเช่นเดียวกันครับ ซึ่งแถบนี้ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนค่อนข้างหลายจุด
อย่างฝั่งบนพระราม 6 ก็จะเป็นทางด่วนศรีรัช มีจุดขึ้นลงพระราม 6 (คลองประปา) ซึ่งถ้าลงตรงนี้ก็สามารถทะลุผ่านพระราม 6 ซอย 30 (อารีย์สัมพันธ์) มาออกซอยพหลโยธิน 5 ใกล้ๆ ตึก Pearl ได้ครับ
หรือจุดขึ้นลงอีกจุดของทางด่วนศรีรัชจะอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิครับ สามารถขึ้นไปได้ทั้งไปทางพระราม 9/สุขุมวิท และยมราช-พระราม 4-สีลม
อีกฝั่งบนถนนวิภาวดีก็จะเป็นทางด่วนโทลเวย์สำหรับใช้ออกไปฝั่งดอนเมือง-รังสิตครับ ซึ่งในการใช้งานเข้าเมืองปกติอาจจะไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัชและเฉลิมมหานครอยู่ตรงแยกดินแดงครับ ซึ่งก็จะเป็นอีกทางที่เข้าเมืองสะดวก ด้วยการออกจากโครงการ แล้วเลี้ยวออกพหลโยธินซอย 2 ไปออกวิภา แล้วกลับรถเพื่อขึ้นด่านดินแดง ตรงนี้แปปเดียวก็จะสามารถเชื่อมต่อย่านสุขุมวิท-เพลินจิต-คลองเตยได้ครับ
ซึ่งในการใช้งาน ด้วยความที่มีจุดขึ้นลงหลายจุด ก็อาจจะขาไปทางนึง ขากลับใช้อีกเส้นทางนึงได้ครับ ตามสภาพการจราจรของในแต่ละวัน
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการ Noble Around Ari ก็ตามชื่อเลยครับ อยู่ห่างจาก BTS สถานีอารีย์ มีระยะเดินอยู่ที่ 90 เมตร ซึ่ง BTS สายสุขุมวิทถือว่าเป็นรถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพสายนึงเลย ด้วยเส้นทางที่ผ่าใจกลางเมือง เชื่อมต่อ 3 จังหวัดทั้งปทุมธานี-กรุงเทพ-สมุทรปราการ
อย่างโซนกรุงเทพชั้นในก็จะผ่านหลายจุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพหลโยธิน, อนุสาวรีย์ชัยฯ, ราชเทวี, สยาม, เพลินจิต, อโศก, สุขุมวิท, พร้อมพงษ์, ทองหล่อ, เอกมัย ไป อ่อนนุช บางนา และเชื่อมต่อสมุทรปราการ
ส่วนฝั่งเหนือของรถไฟฟ้าสายนี้ก็จะเชื่อมต่อกับย่านหมอชิต-จตุจักร, ห้าแยกลาดพร้าว, รัชโยธิน, เกษตร ไปย่านสายไหม-ลำลูกกา ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายนี้เป็นสายที่มีผู้ใช้บริการสูงที่สุดในประเทศไทยด้วยครับ ซึ่งจากโครงการเอง ขึ้นรถไฟฟ้าไปไม่กี่ป้าย ก็สามารถเชื่อมต่อกับย่านสำคัญย่านต่างๆ ได้ฮะ
Noble กับย่านอารีย์
ย่านถนัดของ Noble ที่เปิดคอนโดมาแล้วกว่า 6 โครงการ
สำหรับคอนโด Noble กับย่านอารีย์ ก็เรียกได้ว่าอยู่คู่กันมานาน เป็นย่านถนัดของ Noble เลยก็ว่าได้ เพราะโครงการ Noble Around Ari ไม่ใช่โครงการแรกที่ Noble มาในย่านนี้ครับ ถ้านับรวมทั้งหมด ย่านอารีย์ก็มีคอนโด Noble รวมทั้งหมด 6 ตึกไปแล้ว
เริ่มจาก Noble Lite ในอารีย์ซอย 1 ที่มาในช่วงปี 2005 เป็นโครงการแรก ตามมาด้วย Noble Reflex ที่อยู่บนซอยอารีย์ซอยหลัก และ Noble Reform ที่อยู่หัวมุมปากซอยอารีย์ครับ โครงการนี้ใครที่ใช้รถไฟฟ้าน่าจะเห็นบ่อยๆ ข้างล่างโครงการมีร้านอาหารหลายร้านด้วยครับ
ถัดมาจะเป็น Noble re:d บนอารีย์ซอย 1 มาในช่วงปี 2010 โครงการนี้ก็โดดเด่นในเรื่องสีของตึก ที่เป็นสีแดงทั้งตึก ตามชื่อ re:d นั่นเองครับ ก่อนจะเว้นช่วงใหญ่ๆ มาเป็นโครงการ Noble Around Ari ที่มาตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม บนถนนพหลโยธิน เป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ Noble ก็ยังมี “NUE Evo Ari” เป็นโครงการล่าสุดในย่านนี้ที่เปิดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตัวโครงการนี้ทำเลก็จะอยู่ในซอยอารีย์ 1 เช่นกันครับ ตัวนี้กำลังก่อสร้างอยู่ จากจำนวนโครงการที่เปิด ทาง Noble ก็น่าจะมีความคุ้นเคยกับกลุ่มลูกค้าและ Lifestyle ของคนในย่านอารีย์พอสมควรเลยครับ
รูปแบบโครงการ
ตึกสูงแบบ High-rise สูง 40 ชั้น 1 อาคาร และ Low-rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร
สำหรับโครงการ Noble Around Ari จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ 2 อาคารครับ อาคาร X จะเป็นตึกสูง 40 ชั้น ส่วนอาคาร Y ที่อยู่ด้านข้างจะเป็นอาคาร Low Rise สูง 7 ชั้นด้วยกัน จุดเด่นของโครงการอย่างแรกอยู่ที่ดีไซน์ของตัวตึก ที่จะดูมีความ Noble แบบเต็มๆ เน้นเส้นสายของ Architect ที่ออกมาในแนวเรียบๆ เท่ๆ แบบที่เราจะเห็นได้ในโครงการ Noble ที่ผ่านๆ มา ที่นี่ก็ยังเก็บ DNA ของความเป็น Noble ไว้เต็มที่เช่นเคยครับ
Timeless Modernist Design
งานดีไซน์ของที่นี่จะมาในคอนเซปต์ Timeless Modernist Design ที่จะเน้นความเรียบง่ายของเส้นสายแต่ดูโมเดิร์นครับ ได้อินสไปร์มาจากแนวคิดของ Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกชื่อดังชาวเยอรมัน-อเมริกัน ผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 หรือประมาณช่วงปี 1900 กว่าๆ ครับ
โด่งดังจากแนวคิดการออกแบบในรูปแบบของ “Skin and Bones” ที่จะสะท้อนความเรียบง่าย ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น กลับไปสู่รูปทรงในแบบเลขาคณิต เป็นงานดีไซน์ที่เน้นความ Less is more แต่ God is in the Details ที่จะไปใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ในการออกแบบแทน เป็นความเรียบง่ายที่มีอะไรซ่อนอยู่นั่นเอง
แต่นอกจากความเรียบง่าย Minimal ของงานดีไซน์อาคารแล้ว ที่นี่ก็จะผสมความหรูหราออกมาแบบไม่ตะโกนในการออกแบบภายในด้วยเช่นเดียวกันครับ ด้วยงาน Interior ด้านในที่ทำออกมามีพื้นที่เปิดโล่ง มีความโอ่อ่าแต่ก็ยังดูเท่และเข้มขรึมและมีดีเทลงานตกแต่งต่างๆ เดี๋ยวเราไปดูพื้นที่ส่วนกลางแต่ละจุดกันครับ
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : | Noble Around Ari (โนเบิล อราวน์ อารีย์) |
Developer : | Noble Development |
เนื้อที่โครงการ : | 3-0-23 ไร่ |
จำนวนห้องพักอาศัย : | 611 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | อาคารพักอาศัยทั้งหมด 2 อาคาร – อาคาร X เป็น High Rise สูง 39 ชั้น – อาคาร Y เป็น Low Rise สูง 7 ชั้น |
ลิฟต์ : | ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว และเซอร์วิสลิฟต์ 1 ตัว |
ที่จอดรถ : | 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
ค่าส่วนกลาง : | 75 บาท/ตารางเมตร |
ค่ากองทุน : | 450 บาท |
Facility : | อาคาร X ชั้น 1 – Lobby, Office, Mail Room และ Shop ชั้น 2 – The Mezzanine Library ชั้น 23 – Uptown Sky Lounge, Co-kitchen Counter, Lounge Sofa และ Tea Room ชั้น 39 – Dimensional Pool 360 องศา และ Kids Pool ชั้น 39M – Horizontal Gym ชั้นดาดฟ้า – Ari Cloud Forest อาคาร Y ชั้น 1 – Lobby, Mail Room และ Around Garden ชั้นดาดฟ้า – Sky Pier Garden และ Playground |
แบบห้อง : | – 1 Bedroom ขนาด 26.40 – 34.90 ตารางเมตร – 1 Bedroom Plus ขนาด 41.60 – 44.70 ตารางเมตร |
ราคา : | – 1 Bedroom เริ่ม 5.6 ล้านบาท – 1 Bedroom Plus เริ่ม 9 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | 220,000 บาท/ตารางเมตร |
สถานะโครงการ : | สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ |
ส่วนกลางวิว Around รอบ Ari
ไฮไลท์ส่วนกลางที่เน้นชมวิวเมือง ไม่ว่าจะเป็นห้อง Lounge หรือสระว่ายน้ำ Rooftop
โครงการ Noble Around Ari จะจัดส่วนกลางออกมาเป็น 3 โซนหลักๆ ด้วยกันครับ นั่นคือโซนชั้นล่าง ที่จะเป็นสวนและ Lobby ของทั้ง 2 อาคาร, โซนกลางตึก X ที่จะถูกทำเป็นห้อง Lounge สำหรับมานั่งพักผ่อน พร้อมห้องที่เป็นกระจกยื่นออกมาในอากาศ และ 3 ชั้นบนสุดของอาคาร X ที่เป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนที่ถูกวางไว้รอบอาคาร รับวิวได้รอบทิศโดยที่ไม่มีตึกบัง
เราลองมาดูกันครับว่าแต่ละจุดทำออกมาได้น่าสนใจขนาดไหน
พื้นที่ส่วนกลางอาคาร X ชั้น 1
Lobby ใหญ่ ได้เพดานสูง ด้านข้างมีสวนและพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่มาพร้อมน้ำพุด้วย
สิ่งแรกถ้าเดินเข้ามาในโครงการ เราจะเจอกับอุโมงค์ต้นไม้ก่อน เนื่องจากตึกมีระยะ Set Back จะถนนประมาณ 50 เมตร ตรงนี้ก็จะช่วยลดความวุ่นวายจากภายนอก ก่อนเข้ามาถึงภายในโครงการ และช่วยสร้างบรรยากาศความร่มรื่นให้กับโครงการได้ดีทีเดียว ซึ่งนานๆ ทีเราจะเห็นโครงการคอนโดใจกลางเมืองที่มาพร้อมกับอุโมงค์ต้นไม้ ตรงนี้ก็ดูแปลกตาดีเหมือนกันครับ ถ้าแต่ละต้นโตแผ่กิ่งก้านเต็มที่น่าจะดูดีทีเดียว และด้านข้างก็จะเป็นทางเดินพร้อมหลังคากระจกกันแดดกันฝน
Lobby-X
เมื่อเข้ามาถึงจะเจออาคาร X ที่เป็นตึกสูง 39 ชั้นก่อนครับ อาคารนี้ด้วยความที่มียูนิตเยอะกว่า ก็เลยจะมี Lobby ที่ใหญ่ และพื้นที่ส่วนกลางเยอะกว่าอาคาร Y ที่เป็นฝั่ง Low Rise
โดยตัว Lobby ที่นี่มีขนาดใหญ่ ดูโอ่อ่า มีพื้นที่ Double Volume ตลอดแนว พร้อมกระจกเต็มบานแบบพื้นจรดฝ้า รับวิวและแสงจากภายนอกเข้ามาด้านในแบบเต็มๆ โดยการตกแต่งก็จะมาในสไตล์เข้มๆ โทนสีดำ เน้นงาน Architect ที่เรียบง่ายเช่นกัน แต่จะมีดีเทลซ่อนอยู่อย่างเสามีตกแต่งหินอ่อน และมีบันไดวนที่เป็นจุดเด่นของการออกแบบ Lobby ของตึกนี้ครับ
ในด้านของที่นั่งใน Lobby ก็จะมีหลายโซนให้เลือกครับ ทั้งโซนด้านหน้า หรือโซนมาชมวิวติดหน้าต่าง ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ เราจะเห็น Barcerona Chair อีกหนึ่งผลงานการออกแบบของ Ludwig Mies van der Rohe ตั้งอยู่ใน Lobby ด้วยเช่นเดียวกัน เข้ากับงานออกแบบของ Lobby ได้เป็นอย่างดี
ในแง่ของฟังก์ชั่นการใช้งาน Lobby อาคาร X จะเป็นที่ตั้งของออฟฟิศนิติด้วยครับ นอกจากนี้ด้านหน้าก็จะมี Shop อยู่ 1 ห้อง ที่ตอนนี้เป็น Sales Gallery อยู่ ส่วนด้านขวาของอาคารจะเป็นโซนที่ต้องแสกนหน้าเข้า เป็นห้อง Mailroom และโถงลิฟต์ อาคารนี้จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 4 ตัว และมีเซอร์วิสลิฟต์อีก 1 ตัวครับ
พื้นที่พักผ่อนด้านนอก
ด้านข้างอาคารเชื่อมต่อกับ Lobby จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่ทำออกมาเป็นลานน้ำพุครับ ข้างๆ ก็มีพื้นที่สีเขียวและโซฟาต่างๆ เผื่อใครเบื่อวิวเมืองแล้ว มานั่งพักผ่อนดูวิวชั้นล่างก็ให้อารมณ์อีกแบบเหมือนกัน ไม่จำเจดีครับ ถ้าตอนกลางคืนจะมีไฟรอบๆ น้ำพุด้วย
The Mezzanine Library
อย่างเมื่อกี้เราจะเห็นว่า Lobby มีบันไดวนใช่ไหมครับ ถ้าเดินขึ้นมาก็จะเจอกับห้องทำงานขนาดใหญ่ พื้นที่ทำงานเขาค่อนข้างเยอะ เพราะโต๊ะทำงานเขาเป็นเหมือนกิ่งของต้นไม้ ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งตามกิ่งต่างๆ ได้เลย ดูเป็นส่วนตัวถึงแม้จะอยู่ในโต๊ะแบบส่วนรวม หรือถ้าไม่ได้มานั่งทำงาน ก็มีโซนให้นั่งโซฟาชิวๆ มองวิวสวนด้านนอกด้วยเหมือนกัน วิวของห้องนี้ก็จะไม่ปิดทึบ เป็นพื้นที่นึงของโครงการที่สามารถใช้งานได้จริงเลย วันที่เรามาก็เห็นลูกบ้านมาใช้งานกันหลายคนครับ
พื้นที่ส่วนกลางอาคาร X ชั้น 23
เป็นชั้นที่มีทั้งห้องพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เอาไว้พบปะสังสรรค์ นั่งเล่น หรือชมวิวเมืองได้
มุมนี้เรียกได้ว่าเป็นมุมไฮไลท์ วิวไอคอนิกอีกจุดนึงของโครงการนี้เลยครับ ที่มองออกไปเห็นตึก Pearl กับชั้น 23 ที่จะแบ่งแปลนออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่เป็นห้องพักอาศัยที่อยู่ด้านหลังกับฝั่งพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ด้านหน้า
ซึ่งตัวพื้นที่ส่วนกลางเนี่ย ทั้ง 2 มุมเค้าจะทำเป็นห้องกระจกยื่นออกไปจากตัวตึกด้วยครับ ทำให้เวลามองจากด้านใน จะได้วิวแบบเต็มๆ โดยที่ไม่มีเสาต่างๆ มาบังพร้อมกระจกขนาดใหญ่แบบรอบทิศ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางเองก็จะแบ่งออกเป็นหลายโซนเลย แต่ส่วนใหญ่จะเป็น Lounge Sofa ฮะ แต่เขาไม่ได้มีแค่ที่นั่งในห้องแอร์นะ ด้านนอกมี Outdoor Seating ด้วย เผื่อใครอยากไปนั่งรับลม ถ่ายรูปเมืองเก๋ๆ ก็เป็นชั้นที่ค่อนข้างอเนกประสงค์ในการทำกิจกรรมเลยแหละ
Lounge Sofa
จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เราสามารถมองวิวข้างนอกได้แบบเต็มๆ ตาครับ จะมานั่งทำงาน นั่งเล่น นั่งชิวได้หมด วิวสวยสุดๆ อย่างที่บอกไปว่าห้องนี้จะได้ความเป็นวิวเมืองของย่านอารีย์ นอกจากนี้ห้องนี้ก็จะมีพื้นที่โต๊ะ Pool ที่ทำออกมาเป็น Game Room ด้วยครับ
Uptown Sky Lounge
พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้จะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ ด้วยกัน คือตรงกลางจะเป็น Uptown Sky Lounge ที่จะมี Co-kitchen Counter พร้อมบาร์แบบยาว ด้านนอกมีพื้นที่นั่งเล่น ชมวิว ต่างชาติที่ชอบอากาศแบบ Open Air ก็น่าจะชอบมุมนี้ครับ ไม่ต้องอยู่แต่ในห้องแอร์อย่างเดียว โดยจะมีประตูเชื่อมฝั่งซ้ายเป็น Lounge Sofa เมื่อซักครู่ และฝั่งขวาเป็น Tea Room
Tea Room
มาถึงห้องนี้ จริงๆ ฟังก์ชั่นก็ยังจะคล้ายกันครับ คือเน้นมานั่งพักผ่อน/ทำงานต่างๆ มีโซนโต๊ะกลมที่ Private มากขึ้นเอาไว้จิบชา นั่งพูดคุย พบปะสังสรรค์กัน วิวด้านนี้ก็จะได้ฝั่งพหลที่มองไปทางสวนจตุจักรครับ
อีกไฮไลท์พื้นที่ส่วนกลาง Rooftop
สระว่ายน้ำแบบเหมาฟลอร์ทั้งชั้นรอบตึก ชมวิวได้แบบ 360 องศา ออกกำลังกายได้ แช่น้ำได้ มีโซนส่วนตัว
Dimensional Pool 360 องศา ชั้น 39
ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำทั้งหมดเลยครับ เป็นสระว่ายน้ำ Semi-outdoor แบบ 360 องศา สามารถชมวิวได้แบบ 4 ทิศทาง ซึ่งแต่ละมุมก็จะมีวิวที่ต่างกันออกไป มีทั้งโซนที่เป็น Lap Pool สามารถว่ายออกกำลังกายได้ โซน Kids Pool โซน Terrace Lounge ไม่ต้องมาว่ายน้ำ แต่อยากมานั่งชมวิวก็มีเตียง Daybed เอาไว้ให้ด้วย หรือจะเป็นโซน Romance Island ที่ต้องว่ายน้ำไปอย่างเดียว เดินไปไม่ได้สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวก็มีเหมือนกันฮะ หรือถ้าใครจะว่ายน้ำวนรอบเลย ก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ภายในห้องน้ำทั้งผู้หญิงและผู้ชายยังมี Steam Room ด้วย รูปมุมจากสระว่ายน้ำเยอะหน่อยครับ ชั้นนี้สวยจริง อันนี้คอนเฟิร์ม
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตก
Horizontal Gym ชั้น 39M
ถัดขึ้นมาจะเป็นเป็นยิมแบบ 360 องศาที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำครับ ออกกำลังกายไปด้วย ชมวิวไปด้วย โดยเขาจะแบ่งออกเป็นโซนๆ ครับ โดยอุปกรณ์จะใช้ของ TechnoGym ทั้งหมด อย่างโซนที่เป็นลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน Cadio ต่างๆ ก็จะอยู่ด้วยกันที่ด้านหน้า ส่วนโซน Weight Training ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามคนละโซนกันที่ด้านหลัง ด้านข้างจะเป็นโซนโยคะและอุปกรณ์การออกกำลังกายอื่นๆ หรือถ้าอยากนั่งพักเหนื่อยก็มีโซนให้นั่งรอเหมือนกันครับ ถือว่ารองรับการมาออกกำลังกายหลายๆ คนพร้อมกัน ถ้าไม่ได้เล่นเครื่องเล่นประเภทเดียวกันก็ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่ โดยถ้าจะขึ้นมาที่ชั้น 39M และดาดฟ้า เขาจะมีลิฟต์แยกตางหากอยู่ชั้นที่ 39 เป็นลิฟต์แก้วที่สามารถเห็นวิวขณะที่อยู่ในลิฟต์ได้ ใช้งานเฉพาะ 3 ชั้นนี้ครับ
โซน Cardio รับวิวด้านหน้า
โซน Body Weight รับวิวด้านหลัง
Ari Cloud Forest ชั้น 41
ชั้นนี้นอกจากจะมีพื้นที่พักผ่อนเยอะแล้ว ต้นไม้ก็ยังเยอะด้วย เป็นสวนแบบ 360 องศา มีต้นไม้ใหญ่ ทางเดินปูด้วยหิน มีความเป็นธรรมชาติ มีหลังคาบังแดดบังฝน กำแพงทำเป็นระแนงปูนซี่ๆ เรียงต่อกัน เวลาแดดกระทบจะเกิดเงา แล้วก็มีเคาน์เตอร์ยาวเท่ากำแพงระแนงเลย มาพร้อมที่นั่งแบบไม่ชิดกันจนเกินไป เหมาะกับการมองวิว รับลมสงบๆ แบบที่ไม่ได้อยากข้องเกี่ยวกับใครมากๆ
โซนเก้าอี้มีเยอะมากจริงๆ ครับ สามารถนั่งเล่นได้ทุกมุม ตอนกลางวันอาจจะร้อนมากหน่อย แต่เย็นๆ ค่ำๆ น่าจะบรรยากาศดี ที่สำคัญคือถ่ายรูปสวยมากกกกกก
พื้นที่ส่วนกลางอาคาร Y
เป็นอาคารที่ยูนิตไม่เยอะ คนไม่พลุกพล่าน มีความเป็นส่วนตัว
มาต่อกันที่อาคาร Low Rise ที่อยู่ข้างๆ กันบ้าง อาคารนี้จะอยู่ติดกับบริเวณจุดจอด Auto Parking ก่อนเลย ตัว Lobby ของตึกนี้เลยทำออกมาเป็นทั้งพื้นที่ใช้งานสำหรับลูกบ้าน และเป็นพื้นที่นั่งรอระหว่างเรียกรถจาก Auto Parking ครับ ด้านในสุดเป็น Co-creative Space ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้ทั้งหมดสามารถมองเห็น Around Garden ที่อยู่ด้านนอกได้ครับ เป็น Lobby ที่ดูเรียบง่ายแต่ผมกลับชอบนะ เพราะตัวถนนด้านนอกเองก็มีความวุ่นวายพอสมควร ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน แต่พอได้มาที่ Lobby นี้ ได้ถ่ายรูป มองวิวทั้งผ่านสายตาและผ่านเลนส์กล้อง ก็รู้สึกสงบดีเหมือนกันครับ
Lobby-Y และ Co-Creation Space
อาคารนี้นอกจากจะมี Lobby แล้ว ยังมีพื้นที่นั่งรอรถที่จอดแบบ Auto Parking ด้วย อยู่ใกล้กับทางเข้าเลย ลูกบ้านจะได้ไม่ต้องไปตากแดดรอร้อนๆ ข้างนอกฮะ ตัว Lobby อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าอาคาร Y นะครับ เพราะจำนวนยูนิตไม่ได้เยอะ ติดกับ Lobby ก็จะเป็นพื้นที่นั่งทำงานครับ เป็นโต๊ะขนาดใหญ่เลย จะบอกว่าบรรยากาศดีมาก เพราะสามารถมองเห็นวิวสวนข้างนอกได้ด้วย ถึงแม้จะอยู่ชั้น 1 แต่ไม่ได้ดูวุ่นวายเลย
Around Garden
สวนที่อยู่ด้านนอก เราสามารถเดินออกไปจาก Lobby ก็ได้ หรือจาก Co-creative Space ก็ได้ครับ หน้าต่างเขาทำเป็นประตูที่เปิดเข้าออกได้ ด้านนอกจะมีที่นั่งเป็นหลุมวงกลม รอบๆ วงกลมจะเป็นเหมือนน้ำที่ไหลผ่านตลอดเวลา ให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ทางเดินปูด้วยหิน และกำแพงรอบๆ ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ทั้งหมดเลย
Sky Pier Garden ดาดฟ้าอาคาร Y
ด้วยความที่เป็น Low Rise ส่วนกลางก็เลยไม่ได้เยอะเท่าตึก X นะครับ นอกจากชั้น 1 แล้วก็ยังมีชั้นดาดฟ้าที่เขาก็ไม่ได้ปล่อยทิ้งไว้โล่งๆ แต่ทำเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับลูกบ้านด้วย ถึงยังไงก็สามารถข้ามตึกไปใช้พื้นที่ส่วนกลางที่อาคาร X ได้อยู่แล้ว เขาไม่ได้แยกกันนะครับ
วิวโดยรอบของโครงการ
เป็นตึกที่มีวิวให้เลือกทุกด้าน ห้องมุมเยอะ ด้านหน้าและด้านข้างมีตึกในระยะใกล้ๆ บ้าง ด้านหลังจะเป็นด้านที่เปิดโล่งสุด
ด้วยความที่อยู่ย่านในกลางเมือง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอบข้างก็จะต้องมีตึกขึ้นมาบ้างเช่นกันครับ อย่างที่นี่ก็จะมีตึกที่ตั้งอยู่ในระยะใกล้ๆ ประมาณ 4 ตึกด้วยกัน โดยที่การจัดวางตำแหน่งห้องของที่นี่จะมีทั้ง 4 ด้านเลย และมีห้องมุมอยู่ทั้ง 4 มุม ดังนั้นแปลนห้องและวิวที่ได้ของที่นี่ก็จะค่อนข้างหลากหลายครับ และด้วยความที่ตึก X ของโครงการค่อนข้างสูง ดังนั้นชั้นส่วนกลางที่ Rooftop ของตึกก็แทบจะไม่มีอะไรมาบังแล้วครับ อย่างภาพด้านล่างจะเป็นวิวแต่ละด้านจากชั้นสระว่ายน้ำ Rooftop ครับผม
ด้านทิศตะวันออก
ทิศนี้จะหันไปทางด้านหลังของโครงการ เป็นวิวที่โล่งที่สุดครับ จะเห็นกรมทหารด้านหลังและถนนวิภาวดี-พระราม 9