ขอยกให้ “5 แยกลาดพร้าว” เป็นทำเลที่ดุเดือดอีกย่านนึงเลยฮะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลายๆ เจ้ามาเปิดคอนโดทำเลนี้กันเยอะมากกก อย่าง AP เองก็เช่นกัน โดยเริ่มต้นจาก LIFE Ladprao ที่เปิดโครงการและเสร็จไปก่อนหน้านี้ เป็นตึกแฝดที่ตั้งเด่นอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว มาวันนี้อีกหนึ่งพี่น้องตระกูล LIFE ก็สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ พร้อมเปิดบ้านให้เข้าชมกันครั้งแรก กับ “LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์)
ส่วนกลางของที่นี่ ผมบอกเลยว่าเป็นจุดขายแบบ 1000% เพราะถ้าเราพูดถึงแบรนด์ LIFE จาก AP ในปีหลังๆ หลายที่เราจะเห็นการหาที่ดินแปลงใหญ่ เอามาทำโครงการที่มีจำนวนยูนิตเยอะซักนิดนึง เพื่อที่จะสามารถทำส่วนกลางแบบใหญ่ๆ อลังการๆ ได้
ที่นี่ก็เช่นกัน จากการที่มีพื้นที่ 5 ไร่ จัดจำนวนห้องออกมา 1,140 ยูนิต ต้องบอกว่าส่วนกลางที่นี่ก็เป็นอีก Level นึงของพื้นที่ส่วนกลางเลย คือแน่นอนว่ามีเยอะตามสไตล์เค้าล่ะ และก็ค่อนข้างหลากหลายจริง แต่ที่ทำให้รู้สึกว้าวคือ “การตกแต่ง” ที่จะว่าดูหรูก็ใช่แต่ก็มีสไตล์ด้วย และ “ความแปลกใหม่” ของพื้นที่ส่วนกลางจุดต่างๆ อันนี้ทำออกมาค่อนข้างดีมาก ใครไปดูน่าจะตกหลุมรักได้ไม่ยากฮะ 😍
“LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์)
โครงการ “LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์) เป็นอาคาร High Rise สูง 44 ชั้น มี 1 ชั้นใต้ดิน และอีก 1 ชั้นลอย ทำเลอยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย ทางเข้าโครงการจะใช้ร่วมกันกับ Life ladprao ครับ แต่ทางเข้าจะยาวเข้ามาประมาณ 300 เมตรนะกว่าจะถึงตัว Lobby ถ้าเดินจากต้นทางเข้ามาก็อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เขาก็มีจักรยานให้ลูกบ้านได้ปั่นไปปั่นกลับด้วย ออกกำลังกายไปในตัวฮะ
ชื่อของโครงการนี้เขามีที่มาที่ไปนะครับ คำว่า “Valley” ก็ไม่ได้ตั้งมาลอยๆ โดยการออกแบบจะได้ inspired มาจากสถานที่ท่องเที่ยวแนว Adventure ตามธรรมชาติ มาผสมอยู่ในจุดต่างๆ ของโครงการ เช่น งานดีไซน์สถาปัตย์หน้าตึกสีส้ม ที่อิงมาจาก Antelope Canyon หรือ The Avalon เป็นสวนเล่นระดับพร้อมสระที่ชั้น 6 นอกจากนี้จุดต่างๆ ภายในตึกก็จะมีการใส่ลูกเล่นการออกแบบ ให้ความรู้สึกธรรมชาติแนว Adventure เข้ามาผสมกับความ Luxury ครับ
เดี๋ยวเราจะพามาดูกันครับ ว่าส่วนกลางที่นี่จะมีอะไรบ้าง ปังแค่ไหน และน่ามาใช้รึเปล่าน้าาาา
มาเริ่มที่ชั้นแรกกันเลย ในส่วนของชั้น 1 จะมีส่วนกลางอยู่หลายจุดเลยครับ กระจายอยู่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร จากรูปผังด้านบนก็จะเห็นว่ามีสวนสีเขียวให้เราไปเดินเล่นได้ด้วยฮะ แถมจุด Drop off ก็ค่อนข้างใหญ่ สามารถวนรถได้สบายๆ เลย
ด้านหน้า Lobby จะเป็นพื้นที่ Drop off ขนาดใหญ่ ติดกับจุด Drop off จะเป็น Semi Outdoor Lobby มีสวนเบาๆ ให้มานั่งพักผ่อนตรงนี้ได้ มีสระน้ำเล็กๆ คอยสร้างบรรยากาศเสียงน้ำไหล ให้รู้สึกผ่อนคลาย และไม่ร้อนครับ จุดนึงที่ผมชอบมุม Semi Outdoor นี้ คือการที่ทางเข้าจากถนนใหญ่กว่าจะมาถึง Lobby ค่อนข้างเป็นระยะทางที่ยาว ดังนั้นมุมนี้จะดูเงียบสงบ ให้อารมณ์เหมือนเป็นสวนหน้าบ้านที่ไม่จอแจ ไม่มีเสียงรถเสียงแตรมากวนใจดีฮะ
พื้นที่ Semi Outdoor Lobby ตกแต่งด้วยหินครับ บรรยากาศตอนบ่ายด้านนี้แดดจะไม่ส่อง มานั่งเล่นได้เกือบทั้งวันเลย โครงการจะมีจุดจอดรถจักรยาน และมีรถจักรยานให้บริการด้วย สามารถใช้ปั่นไปจอดที่หน้าโครงการและปั่นกลับมาไว้ที่เดิมได้ ไม่ต้องเดินออกไป
ส่วน Valley Breeze เป็นสวนอีกหนึ่งจุด ที่บริเวณชั้นหนึ่ง ใกล้ๆ กับ Lobby ครับ ขนาดใหญ่พอตัว ปลายทางของสวนนี้จะเป็นประตู สำหรับออกไปซอยพหลโยธิน 22 สามารถใช้สำหรับเดินไปรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ได้ และถ้าเรามองจากสวนกลับมาที่ตัวอาคาร ก็จะเห็นทั้งตัวสวนและตัวอาคารเลยฮะ
เข้ามาด้านในกันบ้างครับ จุดนี้จะเรียกว่า “The Canyon Lobby” เป็น Lobby เพดานสูง ตกแต่งสไตล์โทนสว่าง จะมาแบบส่วนตัวคนเดียว หรือมาเป็นกลุ่มก็มีที่ให้นั่งครับ เค้าจะมีการติดตั้ง Sound Dome ที่เห็นบนเพดาน มาให้ด้วย ทำให้การพูดคุยเป็นส่วนตัว ช่วยเก็บเสียงมากขึ้น สามารถเปิดเพลงได้ เพลงก็จะดังแค่ในบริเวณของเรา ไม่ไปรบกวนคนอื่นครับ
มีห้องประชุมให้สามารถมาใช้งานกันได้ วิวห้องประชุมเปิดออกไปที่สวนหน้า Lobby
โถงลิฟต์ตกแต่งด้วยหินแบบจัดเต็มมาก ดูคลีนๆ แต่คุมโทน
มาต่อกันที่ “The Avalon” เป็นสวนที่ชั้น 6 ครับ จุดนี้จะเป็นสวนเล่นระดับ มีสระว่ายน้ำซ่อนตัวอยู่ใต้สวนด้วย
ออกมาจากโถงลิฟต์ก็จะเจอกับสวนเขียวๆ แบบนี้เลย เขาใส่ต้นไม้แน่นมากฮะ สระว่ายน้ำก็ไม่ได้เล็กเลย วิวของสระว่ายน้ำจะมองไปเห็นรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวพอดี
มีที่นั่ง สามารถมานั่งพักผ่อนริมสระได้ มีต้นไม้ให้ความร่มรื่นทั่วทั้งชั้นเลยด้านบนสระจะเป็นสวนครับ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกจุดนึงของโครงการเลย
สระตรงนี้ จะกึ่งๆ Private นิดๆ เหมือนซ่อนตัวอยู่ใต้สวน แต่ด้วยความอยู่ชั้น 6 มองออกก็ยังจะเห็นสถานีรถไฟฟ้าอยู่ อาจจะไม่ได้เป็นส่วนตัวมาก แต่ก็มีต้นไม้บัง ไม่ได้มองเห็นจากรถไฟฟ้ามาชัดครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 44 กันบ้างครับ ชั้นนี้จะเป็นชั้น Facilities หลักเลย เดี๋ยวเราค่อยๆ มาดูกันว่าชั้นนี้จะมีอะไรบ้าง เริ่มจากทางปีกตึกด้านซ้ายก่อน ที่จะเป็นฟิตเนสและสระว่ายน้ำ
เริ่มจากนี่เลยยย โถงทางเดินไป Aqua Vallay ที่จะต้องเดินลอดใต้สระ Crystal Alley ที่อยู่ด้านบน ผมบอกเลยว่าเป็นจุดไฮไลต์ของที่นี่มากๆ มีความเกร๋และแปลกใหม่ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบมุมนี้นะ เหมือนแสงแดดส่องกระทบผ่านน้ำและกระจกลงมาสะท้อนเข้าสายตาของเรา ดูมีอะไรดีฮะ
วิวชั้น 44 จะมองเห็น Union Mall ยาวๆ ไปถึงสวนจตุจักรเลย เป็นวิวเมืองที่เปิดโล่ง ไม่ได้มีตึกสูงมาบดบังแล้วก็จะมีสระว่ายน้ำจุดที่ 2 ของโครงการด้วย ชื่อว่า “Aqua Vallay” ครับ เป็นสระที่เน้นเรื่องของวารีบำบัด มีเครื่องออกกำลังกายในน้ำ จุด detail เล็กๆ ของสระนี้ก็คือ จะมีทางลาดสำหรับลงสระได้ด้วย ไม่ได้มีแค่บันไดลงสระอย่างเดียว
ข้างสระจะมีที่นั่งพักด้วย ถ้าเพื่อนๆ มาใช้เครื่องสำหรับออกกำลังกายในน้ำตรงนี้ ก็จะได้ออกกำลังกายไปพร้อมกับมองวิวเมืองไปด้วย
แอบเข้าไปถ่ายในห้องน้ำ ตรงนี้ก็แต่งออกมาสวยเช่นกัน คุม Theme เป็นสีน้ำตาลอ่อน
ห้อง Gym ของที่นี่ ขนาดใหญ่พอตัวเลยครับ มีห้องสำหรับโยคะ หรือ Class ต่างๆ ด้วย
เดี๋ยวเราจะไปดูสระว่ายน้ำบน Grand Valley Bay ที่ชั้นลอย ด้วยการเดินขึ้นบันไดสูงๆ นี้ไปครับ
ชั้นลอยจะเป็นสระว่ายน้ำแบบเต็มๆ เปิดโล่งแทบจะทุกด้านเลย
วิวก็คือดีมากกกกกกกกก ข้างสระจะทำเป็น Sunken Seat มานั่งพักผ่อนริมสระได้ บนนี้สระค่อนข้างมีขนาดใหญ่พอสมควร เปิดวิวแบบ 360 องศาเลยครับ
กลับลงมาที่อีกปีกตึกนึงของชั้น 44 ครับ จะเป็นโซน Skywalk เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ และจะมีการจัดห้อง Lounge, Library, Co-Party และ Theater เป็นจุดๆ แทรกอยู่ในบริเวณนี้ด้วยและด้านในสุดจะเป็น Active Court ที่เป็นเหมือนยิมแบบ Outdoor และมีหน้าผาจำลองครับ
บริเวณนี้จะให้ความรู้สึกแบบ Adventure ครับ ด้วยการตกแต่งวาง Skywalk ไว้ตรงกลาง ผสมกับสวนสีเขียว และห้อง Lounge ต่างๆ
ปลายสุดของ Skywalk จะเป็นดาดฟ้าครับ มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย
หน้าผาจำลอง ความสูงประมาณเกือบตึก 3 ชั้นได้ ลูกบ้านที่นี่ก็ปีนเขาได้ที่บ้านตัวเองเลย ไม่ต้องออกไปไหนไกล Active Court จะเป็นยิมกลางแจ้ง นอกเหนือจากยิมในห้องปกติ อุปกรณ์พร้อมใช้งานมาก
ห้อง Co-Party เอาไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ ด้านหลังตกแต่งด้วยหินอ่อนต่อลายขนาดใหญ่ สวยดีครับ ส่วนห้อง Library ก็จะวางที่นั่งเป็นโซนๆ แบ่งกันใช้งานได้
อีกฟากจะเป็นห้อง Lounge ขนาดใหญ่ครับ สามารถมานั่งพักผ่อน พร้อมกับชมวิวจากจุดนี้ได้ ในห้องนี้จะเป็นพื้นเล่นระดับ มีชั้น 2 ที่จะจัดออกมาเป็นห้องประชุมด้วย
มีห้องดูหนังด้วยนะ ตกแต่งออกมาดูดีทีเดียว อุปกรณ์พร้อมมาก
ด้านข้างของโครงการจะมองออกไปเห็น LIFE Ladprao โครงการที่เสร็จไปก่อนหน้านี้ด้วยครับ ส่วนกลางของที่นี่ก็สวยไม่แพ้กันนะ เราเคยไปรีวิวมาแล้วเหมือนกันฮะ ดีไซน์ส่วนกลางค่อนข้างคนละสไตล์เลย ออกเป็นแนวมินิมอล คลีนๆ ขาวๆ มากกว่า
ข้อมูลโครงการ
เนื้อที่โครงการ : | ประมาณ 5-2-33.2 ไร่ |
จำนวนห้องพัก : | 1,140 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | High Rise 44 ชั้น 1 อาคาร มีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น และชั้นลอย 1 ชั้น |
ลิฟต์ : | ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว และเซอร์วิสลิฟต์ 1 ตัว |
ค่าส่วนกลาง : | 55 บาท/ตารางเมตร/เดือน |
ที่จอดรถ : | ประมาณ 482 คัน |
Facility : | Lobby, ห้องอเนกประสงค์, สวน, สระว่ายน้ำ 3 สระ, ห้องออกกำลังกาย, ห้องซาวน่าและสตรีม, Active Court, หน้าผาจำลอง, ห้องสมุด, ห้องดูหนัง และ Lounge, Multi-living Space |
แบบห้อง : | Studio ขนาด 28.8 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 35 – 37 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 48.6 – 66.5 ตารางเมตร |
ราคา : | ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ย : | ประมาณ 149,000 บาท/ตารางเมตร |
ทำเลโครงการ
ต้องบอกว่า AP หาที่เก่งมากครับ คือด้วยทำเลห้าแยกลาดพร้าว จะมีรถไฟฟ้า 2 สายตัดผ่านอยู่แล้ว ตัวโครงการ “LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์) ถ้าว่าตามจริง จะอยู่บนถนนพหลโยธิน ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ไม่ได้ติดถนนซะทีเดียว จะมีความถัดเข้ามาหน่อยประมาณ 300 เมตร โดยใช้ทางเข้าร่วมกับ LIFE Ladprao ก่อนจะอ้อมมาเข้าที่ดินตัวโครงการที่ด้านข้างแต่ที่ดินนี้จะมีส่วนที่ติดกับซอยพหลโยธิน 22 ด้วย (เป็นประตูคนเดินอย่างเดียว) ซึ่งซอยนี้จะเดินไปใต้ดิน MRT ได้ใกล้กว่า ทำให้ระยะเดินของที่นี่ จะสามารถไปได้ทั้ง BTS ที่ 350 เมตร และ MRT ที่ระยะ 200 เมตรเองครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ค่อนข้างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, บิ๊กซี และเทสโก้โลตัส ส่วนสถานศึกษาก็มีโรงเรียนหอวัง โรงเรียนเซนต์จอห์น มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือจะไปโรงพยาบาลก็มีโรงพยาบาลเปาโล เกษตร โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน และโรงพยาบาลวิมุต แถมยังมีสวนสีเขียวให้ได้ไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกันที่สวนรถไฟและสวนจตุจักรด้วย ก็ถือว่าเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์มากฮะ
ห้องตัวอย่าง
แบบห้องของที่นี่หลากหลายมาก คือแม้แต่ห้องไซส์เดียวกันอย่าง 35 ตร.ม. ก็จะมีหลายรูปแบบให้เลือก โดยจุดเด่นของโครงการนี้และในหลายๆ โครงการที่ผ่านมาของ AP คือ “ผังห้องแบบ Interlock” ที่แปลนห้องจะเป็นเหมือนกับการต่อจิ๊กซอเข้ากับห้องข้างๆ เพิ่มเหลี่ยมมุมต่างๆ แล้วแบบนี้ดียังไง? พอห้องมีเหลี่ยมมุม ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นครับ อย่างการทำครัวปิด หรือการย้ายห้องน้ำออกไปในส่วนที่ interlock กับห้องข้างๆ ทำให้ได้พื้นที่ living ในห้องที่กว้างขึ้นนอกจากนี้แปลนห้องที่นี่ บางห้องจะมีการยื่นออกไปนอกอาคาร ทำให้สามารถรับแสงและวิวจากภายนอกได้มากกว่าเดิม
วันนี้เรามีห้องตัวอย่าง 2 ห้องให้เพื่อนๆ ได้ดูกันฮะ เป็นขนาด 35 ตารางเมตรทั้งคู่ แต่การออกแบบต่างกัน ทุกห้องที่นี่จะขายแบบ Fully Fitted นะ ได้ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า อ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน ห้องน้ำ (เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป) และเครื่องปรับอากาศ
1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร
มาเริ่มที่ห้องแรกกันเลยครับ ห้องนี้ความสูงของฝ้าจะอยู่ที่ 2.55 เมตร เดินเข้ามาจะเจอครัวทางซ้ายมือก่อนเลย ถัดไปเป็นมุมทานอาหาร แล้วถึงจะเป็นห้องนั่งเล่น ข้อดีคือมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น เวลาทำอาหารกลิ่นจะได้ไม่เข้าไปรบกวน หรือถ้าใคร WFH แล้วหามุมนั่งทำงาน เปลี่ยนมุมทานอาหารให้เป็นมุมทำงานแทนก็ได้เหมือนกันนะครับ พื้นที่เหลือเฟือเลย
ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายเลย หรือจะวางโซฟารูปตัว L ก็ได้ฮะ อยู่ติดริมหน้าต่างพอดี เผื่อเอาไว้นั่งมองวิวชิวๆ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็กำลังดี เลือกทีวีจอใหญ่ๆ มาวางได้เลย ส่วนห้องนอนก็วางเตียงขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้
1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร
ห้องนี้จะเป็นอีก Layout นึงฮะ จะแบ่งออกเป็น 5 ห้องเลยครับ ทุกห้องมีประตูกั้นหมด ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำ และห้องนอน
ห้องนี้เข้ามาเจอครัวกับห้องน้ำก่อนเลยครับ แล้วค่อยมาเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งขนาดห้องนั่งเล่นใหญ่เท่าห้องอเนกประสงค์เลย
ห้องนอนอยู่ริมสุด ได้กระจกเข้ามุมด้วย เวลาเรานอนมองวิวจะได้หลายทิศทาง
ห้องน้ำสำเร็จรูปจะหน้าตาแบบนี้เหมือนกันหมดเลยฮะ สุขภัณฑ์ทุกอย่างพร้อม ทั้งอ่างล้างหน้า ชักโครก ห้องอาบน้ำ ชั้นวางของต่างๆ
จากห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้อง จะสังเกตได้ว่ามีการแบ่งห้องเป็นสี่เหลี่ยม คล้ายกับจิ๊กซอเหมือนที่เราบอกไปในข้างต้น ทำให้ได้ห้องเยอะขึ้น มีพื้นที่มากขึ้น ถึงแม้ห้องจะขนาดเท่ากัน แต่ก็มี Layout ที่แตกต่างกัน ก็ขึ้นอยู่กับการต้องการและการใช้งานของเราฮะว่าชอบแบบไหน
สำหรับ “LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์) ในตอนนี้ ห้องขนาด 1 bedroom 35 ตร.ม. จะเริ่มต้นอยู่ที่ 5.19 ล้านบาทครับ ตกประมาณ ตร.ม.ละ 149,000 บาท และถ้าเขยิบขึ้นมาเป็นชั้นสูงขึ้นมา ซักชั้น 20 ราคาก็จะอยู่ประมาณ 5 ล้านกลางๆ ส่วนใครที่ดูเป็นห้องไซส์เล็กลงหน่อย ที่นี่ก็มีห้อง Studio 28 ตร.ม. เริ่มต้นประมาณ 4 ล้านนิดๆ ก็ถือว่าราคาประมาณนึงเหมือนกัน ด้วยงบ 4-5 ล้าน ตัวเลือกทำเลก็มีเยอะ แต่จุดเด่นของที่นี่คือ ได้รถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพ 2 สายเลย แถมใกล้ห้างที่ใช้ชีวิตได้จริงทั้งหมดในระยะ 200-350 เมตร ถ้าดูในย่านทำเล 5 แยกลาดพร้าวด้วยกัน ตัวนี้ก็น่าจะเป็นตัวที่ทำเลดีลำดับต้นๆ แล้วครับ รวมไปถึงส่วนกลาง ที่น้อยโครงการมากจะให้ได้ขนาดนี้
เป็นอีกโครงการที่ไปชมแล้วเหนื่อยถ่ายรูปเหมือนกันฮะ คือนอกจากมีส่วนกลางเยอะแล้ว ก็มีมุมสวยๆ หลายจุด ใครเป็นลูกบ้านที่นี่พาเพื่อน พาแขกมา ไม่อายใครแน่นอน ถ้าชอบคอนโดที่ส่วนกลางแน่นๆ จัดเต็ม น่าจะชอบกัน ทำมาได้ลงตัวระหว่างความหรูกับการผสมแรงบันดาลใจจากธรรมชาติลงไป เรื่องทำเลน่าจะไม่ต้องพูดเยอะ ได้รถไฟฟ้า 2 สาย กับห้างอีก 3 แห่ง ข้ามแยกไปหน่อยมีอีก 3 สวน ไม่น่าแปลกว่าทำไมถึงมีคอนโดมาโซนนี้กัน แต่ก็อาจจะมีระยะเดินเข้าโครงการนิดนึง ไม่ถึงกับติดถนนซะทีเดียว ส่วนราคาก็ต้องบอกว่า อาจจะไม่ได้ถูกที่สุดในย่านนี้ แต่ได้เรื่องของทำเล, spec และส่วนกลางมาแทน ก็ขึ้นอยู่กับโจทย์ของแต่ละคน แต่ก็แนะนำว่าถ้าดูคอนโดแถวๆ นี้อยู่ ลองมาดูที่นี่ซักหนก็ได้ครับ เผื่อจะเคลิ้ม 555 😝
โครงการ “LIFE Ladprao Valley” (ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์) ส่วนกลางทั้งหมดของที่นี่ก็จะประมาณมาณนี้ครับ จริงๆ ต้องบอกว่าในแต่ละจุด เค้าก็ยังมี detail และก็มุมสวยๆ อีก แต่เดี๋ยวจะยาวเกินไป วันนี้เราเลยขอเก็บบรรยากาศส่วนหลักๆ มาให้ดูกันก่อนครับถ้าใครสนใจ ตอนนี้ทางโครงการก็เปิดให้เข้าชมแล้วนะฮะ สามารถไปดูกันได้ แล้วคราวหน้า LivingPop จะพาไปที่ไหน อย่าลืมติดตามกันนะค้าบบบ อ่อ! แล้วถ้าเพื่อนๆ สนใจ Life Ladprao ข้างๆ สามารถเข้าไปดูรีวิวของเราได้เหมือนกันฮะ กดที่ Link ด้านล่างได้เล้ยยย 👇🏻