ถ้าพูดถึงบ้านในโซนกรุงเทพตะวันออก ชื่อ “รามอินทรา” น่าจะเป็นอีกหนึ่งย่านในการหาบ้านของใครหลายๆ คน ด้วยความที่ย่านนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบ เป็นอีกหนึ่งย่านที่ถือว่าเป็นโซนอยู่อาศัยที่เก่าแก่ เลยทำให้ทำเลมีทั้งความเป็นย่าน Residential และเป็นย่านแหล่งงานของกรุงเทพในโซนรอบนอกผสมกันอยู่
ซึ่งในปัจจุบัน จากการขยายตัวของเมือง ย่านรามอินทราเองก็มีทั้งรถไฟฟ้า มีทั้งแหล่งงานต่างๆ ทำให้ราคาของที่ดินในย่านนี้ขยับตัวสูงขึ้นมา เรียกได้ว่าถ้าเป็นทำเลที่ติดกับถนนรามอินทราจริงๆ ตอนนี้ก็เป็นทำเลของที่อยู่อาศัยแนวคอนโดมิเนียมกันไปแล้ว และถ้าจะหาบ้านที่อยู่ตามแนวเส้นถนนรามอินทราจริงๆ เลย ปัจจุบันก็ถือว่ามีค่อนข้างน้อยแล้วครับ จะไปอยู่กันในโซนเลียบวงแหวน, วัชรพล หรือถนนสายรองสายต่างๆ จากการที่ที่ดินแปลงใหญ่ใกล้ถนนรามอินทรา ถูกนำไปพัฒนาตั้งแต่อดีตค่อนข้างเยอะแล้ว หรือถ้ามีก็จะเป็นบ้านกลุ่ม Luxury ที่ราคาสิบหรือหลายสิบล้านขึ้น



แต่วันนี้ เราจะขอพามารู้จักกับโครงการบ้าน ที่เป็น “บ้านเดี่ยว” บนทำเลที่ใกล้กับถนนรามอินทราแบบห่างออกมาแค่ไม่ถึง 2 กิโล ในราคาที่เริ่มต้นอยู่ในช่วง “ไม่ถึง 10 ล้านบาท” แค่ประมาณ 8 กลางๆ เป็นจุดเด่นของโครงการนี้ ที่แทบจะหาบ้านเดี่ยวใกล้ถนนรามอินทรา ในราคาแบบนี้ยากแล้ว กับโครงการ
“Centro รามอินทรา 2”
ที่นี่ทำเลจะเป็นอย่างไร ตัวบ้านจะน่าสนใจแค่ไหน โครงการเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีรีวิวเจาะลึกโครงการแบบละเอียดมาฝากกันครับ
จุดเด่นโครงการ

บ้านเดี่ยวในราคาไม่ถึง 10 ล้าน ที่ได้ทำเลใกล้ถนนรามอินทราแท้ๆ

พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
ใจกลางโครงการ

บ้านฟังก์ชันครบ
พื้นที่ใหญ่ 193-274 ตารางเมตร
ทำเลรามอินทรา
ย่าน Residential เก่าแก่ของกรุงเทพฝั่งตะวันออก
สำหรับย่านถนนรามอินทรา ถือว่าเป็นย่านนึงที่มีความเปลี่ยนมาแปลงมาตลอดในหลายยุคที่ผ่านมา ถ้าย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของถนนสายนี้ ก็มีมาตั้งยุคปี 2490 ในสมัยของจอมพล ป. เลยทีเดียวครับ โดยจุดเริ่มต้นของถนนสายนี้ ตั้งใจให้เป็นถนนสายที่เชื่อมต่อหลักสี่-มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา โดยที่ส่วนที่อยู่ระหว่างหลักสี่ถึงมีนบุรี จะมีชื่อว่าถนนรามอินทรา ส่วนช่วงที่วิ่งจากเมืองมีนบุรีไปถึงฉะเชิงเทราจะเป็นถนนสุวินทวงศ์นั่นเองครับ
ทำให้ถนนรามอินทราเองก็มีความสำคัญในยุคนั้น ในการเชื่อมต่อเมืองมีนบุรี ให้เข้ามาถึงย่านถนนพหลโยธิน-วงเวียนบางเขนได้ง่าย แต่ก็ต้องบอกว่ายุค 40-50 ปีที่แล้ว ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านชานเมืองมากๆ ครับ ทั้งสองฝั่งที่ถนนรามอินทราตัดผ่านยังเป็นทุ่งนากันอยู่ ยังไม่ค่อยมีจุดสังเกตหรือสถานที่สำคัญระหว่างเส้นทาง เราเลยจะได้ยินการเรียกชื่อย่านต่างๆ ของถนนเส้นนี้ ที่มักจะเรียกตามหลักกิโล อย่าง กม.5 หรือ กม.8 กันครับ

2500-2520 :
ซึ่งในแต่ละยุค เราจะเห็นการเติบโตของทำเลที่ค่อยๆ ไล่มา จากการขยายตัวของเมืองครับ เริ่มจากในยุคแรกๆ ที่ที่ดินในย่านรามอินทราจะเริ่มพัฒนาในส่วนของตอนต้น กม. แรกๆ ก่อน เริ่มมีหน่วยงานราชการเข้ามา มีแฟลตการเคหะ มีหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ เริ่มมาสร้าง
2520-2530 :
จนในช่วง 2520-2530 การพัฒนาที่ดินต่างๆ ก็เริ่มเขยิบออกมาตามแนวของถนนรามอินทราเรื่อยๆ อย่างในยุคนี้เอง ก็เป็นการมาของโปรเจคใหม่ในยุคนั้นอย่าง “สวนสยาม” ที่มีทั้งตัวสวนสนุกและพื้นที่โซนหมู่บ้านรอบๆ บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ บนช่วงถนนรามอินทรา กม.12 นอกจากนี้ระหว่างทางก็เริ่มมีโครงการอสังหาต่างๆ มาเปิดกันเยอะเช่นกัน
2530-2540 :
เข้าสู่ช่วงยุคก่อน 40 ช่วงนี้อสังหาถือว่าบูมสุดขีด รามอินทราก็เป็นอีกย่านที่มีการเติบโตสูงเช่นกันครับ ในยุคนี้จะเริ่มเห็นหมู่บ้านเริ่มขยับโซนเข้าไปในซอยต่างๆ กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซอยคู้บอน ซอยวัชรพล ถนนนวมินทร์ หรืออย่างโซนสนามกอล์ฟปัญญาอินทรา-ซาฟารีเวิลด์ ที่จะเริ่มขยับห่างจากรามอินทราเข้าไปด้านใน ด้วยความที่ในยุคนี้ที่ดินริมถนนรามอินทราเริ่มมีราคาสูงขึ้น รวมไปถึงหลายๆ แปลงถูกนำไปทำเป็นโครงการหมู่บ้านกันก่อนหน้าแล้วครับ
ซึ่งในยุคนี้ พอเปิดทำเลใหม่ๆ เข้าไปในหลายๆ ซอย/หลายๆ ถนนตามแนวรามอินทรา บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี ทำให้ย่านนี้กลายมาเป็นโซนหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามมาอีกเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ, สวนสัตว์, ห้างใหญ่ๆ ที่มาเปิดในยุคนี้อย่างเช่น เซ็นทรัลรามอินทรา และ แฟชั่นไอส์แลนด์


เลื่อนเปรียบเทียบรามอินทราระหว่างปี 2547-2567
2540-2555 :
พอหลังช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ในยุคปี 40-50 ย่านรามอินทราก็ยังคงเป็นโซนที่หลายๆ คนนิยมในการหาบ้านกันครับ โดยในยุคนี้บ้านโครงการใหม่ๆ ก็จะไปเปิดในซอยกันมากขึ้น ทำเลก็ยังเป็นทั้งโซนวัชรพล, สุขาภิบาล 5, คู้บอน, พระยาสุเรนทร์ บ้านที่เป็นทำเลบนถนนรามอินทราจริงๆ ในยุคนี้ก็จะเริ่มน้อยลงอย่างชัดเจนเลย
2555 ถึง ปัจจุบัน :
จนมาถึงในช่วงยุคปัจจุบัน ถ้ามองในกลุ่มบ้านจัดสรร การมาของทางด่วนฉลองรัชที่ตัดกับถนนวงแหวนตะวันออก (กาญจนาภิเษก) ตรงนี้ก็ทำให้เกิดหมู่บ้านทำเลใหม่ ในโซนจตุโชติและมีหมู่บ้านในโซนเลียบวงแหวนเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลายๆ โครงการก็จะยังอิงชื่อทำเลเป็นรามอินทราอยู่เช่นกัน
จะสังเกตได้ว่าในแต่ละช่วงยุคที่ผ่านมา โครงการบ้านจะเริ่มเขยิบออกจากถนนเส้นรามอินทรามากขึ้นเรื่อยๆ จากความจำกัดของที่ดิน ที่เริ่มถูกนำไปทำเป็นโครงการหมดไปแล้วหรือไม่ก็ราคาสูงเกินที่จะทำโครงการได้ครับ



การมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ที่มาเปลี่ยนแปลงย่านนี้ให้เดินทางสะดวกขึ้น รวมถึงมูลค่าทำเลที่เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน
สำหรับการมาของรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู แน่นอนว่าก็จะทำให้ย่านรามอินทราเดินทางได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม มีทางเลือกในการเดินทางใหม่ๆ ที่หลีกเลี่ยงรถติดได้ ซึ่งก่อนหน้านี้รามอินทราก็ถือว่าเป็นถนนสายหลักสายสำคัญ เป็น Main line ในการสัญจรของย่านนี้อยู่แล้ว เลยไม่แปลกที่การจราจรจะหนาแน่นบ้างในบางช่วงเวลา รถไฟฟ้าสายสีชมพูเลยเป็นอีกทางเลือกในการเดินทาง ที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับคนในย่านนี้ครับ

โดยเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะเริ่มจากบริเวณแยกแคราย วิ่งผ่านถนนติวานนท์ เลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะที่บริเวณห้าแยกปากเกร็ด ก่อนจะวิ่งตามแนวถนนแจ้งวัฒนะทั้งเส้น ผ่านวงเวียนบางเขน มาวิ่งบนถนนรามอินทราทั้งเส้นเช่นกัน ก่อนที่จะสุดปลายทางที่บริเวณมีนบุรีครับ
ก็จะสะดวกทั้งสำหรับใครที่อยู่รามอินทราและไปทำงานในย่านตลาดมีน ย่านแจ้งวัฒนะ อย่างศูนย์ราชการหรือออฟฟิศต่างๆ ในย่านนี้ และสามารถเชื่อมต่อสายอื่นๆ อย่างต่อ BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิท) เพื่อเข้าเมืองโซนรัชโยธิน, หมอชิต, สยาม หรือต่อรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้าสถานีกลางบางซื่อ-สนามบินดอนเมืองได้




แต่นอกจากการเดินทางที่สะดวกขึ้นแล้ว พอเดินทางง่ายขึ้น เชื่อมต่อกับเมืองได้ง่ายขึ้น ความเจริญต่างๆ ก็ตามมากับการมาของรถไฟฟ้าเช่นเดียวกันครับ จะสังเกตได้ว่าพอรถไฟฟ้าเริ่มมาก่อสร้างในย่านนี้แล้ว โครงการคอนโดต่างๆ ก็ตามมาสร้างตามแนวของรถไฟฟ้ากันแทบจะทันทีเลย
ทำให้ทำเลที่ติดถนนรามอินทราจริงๆ ในปัจจุบัน กลายมาเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยในรูปแบบของคอนโดมีเนียมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ด้วยระดับราคาของที่ดินในย่านที่สูงขึ้นตามการมาถึงของรถไฟฟ้า นอกจากนี้ที่ดินแปลงใหญ่ที่ติดสถานีหลายๆ แปลง ก็มีข่าวลือการมาของห้างและ Community Mall จากเจ้าดังเจ้าต่างๆ
ซึ่งถ้าเทียบราคาที่ดินย้อนหลัง จะสังเกตว่าราคาที่ดินในย่านรามอินทราเองก็มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายตัวของเมือง และการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำให้ช่วงแค่ย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินที่มีการเสนอขายของย่านนี่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเยอะพอสมควรครับ อย่างบางทำเลของรามอินทราขึ้นมากว่าเท่าตัวเลยทีเดียว

ที่ตั้งโครงการ
บ้านเดี่ยวในราคาไม่ถึง 10 ล้าน ที่ได้ทำเลใกล้ถนนรามอินทรา ห่างไม่ถึง 2 กิโล
สำหรับจุดเด่นของที่นี่ ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นเลยครับว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลที่ใกล้ถนนรามอินทรา ที่ปัจจุบันเริ่มหาหมู่บ้านที่ทำเลติดถนนเส้นนี้ได้ค่อนข้างยากแล้ว และมาในราคาที่ยังถือว่าจับต้องได้สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว มาในราคาช่วงต่ำกว่า 10 ล้านบาท ที่ไม่ใช่เริ่ม 9.999 ล้าน ทอนพัน ทอนร้อย แต่ที่นี่ราคาบ้านเริ่มต้นอยู่ที่ 8.59 ล้านครับ มีงบสิบล้านก็มีทอนล้านกว่าเลยครับ
แน่นอนว่าถ้าจะหาบ้านติดถนนรามอินทราเลย ปัจจุบันราคาก็จะพุ่งไปอยู่มีตั้งแต่หลักสิบกว่าล้าน หรือถ้าช่วงรามอินทราตอนต้นราคาไปถึงหลัก 100 ล้านเลยก็มี อันนี้ไม่ได้เว่อร์นะครับ แต่มีบ้านแตะระดับ 120 ล้านบาทจริงๆ หรือแม้แต่ทำเลสายด้านในไม่ว่าจะเป็นวัชรพล, จตุโชติ, เลียบคลองสอง, ปัญญาอินทรา, พระยาสุเรนทร์ บ้านเดี่ยวในแถบนี้ก็จะมีทั้งหลัก 7-8 ล้านบาทไปจนถึงระดับ 40 ล้านบาทครับ
ที่นี่เลยจะตอบโจทย์คนที่อยากได้บ้านในทำเล “รามอินทรา” แท้ๆ ถึงจะไม่ได้อยู่ในช่วงรามอินทรา กม.ต้นๆ แต่ก็ไม่ต้องเข้าไปในซอยหรือถนนสายรองลึกๆ ยังได้ความเป็นทำเลรามอินทราจริงๆ อยู่ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของย่าน เข้าซอยนิดเดียว แต่มาในราคาที่จับต้องได้ครับ ซึ่งระยะเข้าซอยที่ว่าจะก็เข้ามาแค่ประมาณ 1.8 กิโลเท่านั้นเองครับ

โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนเจริญพัฒนา เข้าผ่านซอยรามอินทรา 117 เป็นถนนขนาด 2 เลน ที่ด้านในถือว่ามีหมู่บ้านต่างๆ มาเปิดกันเยอะพอสมควรครับ บรรยากาศก็จะมีทั้งหมู่บ้าน ตึกแถว สลับกับที่ดินว่างที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนา ซึ่งพอเป็นซอยที่ด้านในมึชุมชนอยู่อาศัย บริเวณใกล้ๆ กับโครงการก็เลยจะมีทั้งร้านค้าตึกแถว, มีมินิมาร์ทอย่างเซเว่น, ซีเจ และ Lotus’s Go Fresh มาเปิดครับ
จุดเด่นของซอยรามอินทรา 117 และถนนเจริญพัฒนา คือจะไม่ได้เป็นซอยตันครับ ด้านหลังจะตัดกับซอยพระยาสุเรนทร์ 30 และถนนสุเหร่าคลอง 1 ทำให้สามารถเชื่อมต่อไปออกถนนพระยาสุเรนทร์, หทัยราษฎร์, ปัญญาอินทรา และคู้บอนได้ โดยที่เป็นทางเลือกไม่ต้องออกถนนรามอินทราเส้นหลัก ในช่วงเวลาที่บางครั้งการจราจรอาจจะหนาแน่น
ส่วนปากซอยรามอินทรา 117 เอง ก็จะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT บางชันประมาณ 300 เมตรครับ ถือว่าเป็นบ้านเดี่ยวที่ใกล้ทั้งถนนใหญ่และรถไฟฟ้าเลย
บรรยากาศถนนเจริญพัฒนา



สิ่งอำนวยความสะดวกในย่าน
จากแหล่งชุมชนเก่า ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งห้าง โรงเรียน โรงพยาบาล มียันสวนสนุกและสวนสัตว์

สิ่งอำนวยความสะดวกในระยะเดินได้จากโครงการ
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เริ่มจากของกินและร้านค้าในโซนใกล้ๆ โครงการกันก่อน ในตัวซอยรามอินทรา 117 และถนนเจริญพัฒนาเอง ระหว่างสองข้างทางก็จะมีทั้งร้านค้า และร้านอาหารมาเปิดกันประมาณนึงเลยครับ เนื่องจากเป็นถนนเส้นหลักที่หมู่บ้านด้านในใช้สัญจรเข้าออก ก็จะมีความคึกคักอยู่ในตัวประมาณหนึ่ง
จุดที่มีร้านต่างๆ เยอะก็จะเป็นบริเวณปากซอยเจริญพัฒนา 7 ที่จะมีทั้งอาคารพาณิชย์และตลาดอากง ตรงนี้เลยจะมีทั้งเซเว่น, ซีเจ และ Lotus’s Go Fresh เลย อยู่ห่างจากโครงการไปไม่ไกลครับ ประมาณ 450 เมตร เดินได้ประมาณ 5-6 นาทีถึง









สิ่งอำนวยความสะดวกในโซนรามอินทรา
และถ้าเขยิบมาที่ถนนใหญ่ ย่านนี้ก็ถือว่าเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ย่านนึง อย่างที่บอกไปว่าเป็นถนนที่มีชุมชนอยู่กันตั้งแต่เก่าแก่ ยิ่งโซนตลาดมีนที่เป็นศูนย์กลางของย่านนี้มาตั้งแต่อดีตแล้วด้วย ทำให้ที่นี่ค่อนข้างจะใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ค่อนข้างเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็น Big C สุวินทวงศ์, โลตัสมีนบุรี, ตลาดมีนบุรี
หรือถ้าไล่มาตามฝั่งถนนรามอินทรา ก็จะมีทั้งอมอรินี่ ที่เป็น Community Mall, มี Makro, Chic Republic และห้างใหญ่ของย่านอย่าง Fashion Island และ The Promenade นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่มีกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่หลายๆ ทำเลอาจจะไม่ได้มี ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ 2 สนามใหญ่, สวนสนุกอย่างสวนสยาม และสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ครับ เป็นทำเลที่ค่อนข้างมีกิจกรรมหลากหลายเลย
ในส่วนของสถานศึกษาและโรงพยาบาล ในย่านนี้ก็จะมีหลายแห่งเช่นเดียวกัน อย่างโรงเรียนที่ใกล้กับโครงการก็จะมีทั้ง รร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ, รร.โชคชัยหทัยราษฎร์, รร.เอกบูรพาวิเทศศึกษา ส่วนโรงพยาบาลในโซนนี้ก็จะเยอะมากครับ มีทั้ง รพ.นพรัตนราชธานี, รพ.สินแพทย์ เสรีรักษ์, รพ.นวมินทร์, รพ.นวมินทร์ 9, รพ.รามคำแหง 2, รพ.อินทรารัตน์, รพ.สินแพทย์รามอินทรา และ รพ.พญาไท นวมินทร์ ครับ









การเดินทาง
สะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัว ด้วยถนนรามอินทราและทางด่วน มีรถไฟฟ้าหน้าปากซอย
บ้านในทำเลที่ทุกคนในบ้านเดินทางได้
สามารถใช้ขนส่งสาธารณะ “ได้จริง”
จุดเด่นของทำเล Centro รามอินทรา 2 ที่ตามมาจากการที่อยู่ใกล้ถนนรามอินทรา ก็จะเป็นในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกครับ ทั้งในแง่ของการที่อยู่ใกล้ถนนสาย Main หลักของย่าน สามารถเชื่อมต่อเข้าเมืองได้ง่ายจากทั้งถนนปกติและทางด่วน นอกจากนี้ถนนรามอินทราเองก็จะเป็นเส้นที่มีขนส่งสาธารณะต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์, รถตู้ตลาดมีน หรืออย่างล่าสุดคือรถไฟฟ้าสายสีชมพู





ทำให้โครงการนี้ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ใช้ขนส่งสาธารณะต่างๆ ได้ค่อนข้างสะดวก จากถนนใหญ่ต่อรถเข้าซอยนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วครับ เป็นทำเลที่สำหรับใครที่อยู่กันเป็นครอบครัว ไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก แต่ลูกหลานหรือคนที่ไม่ได้ใช้รถในบ้านก็ยังมีตัวเลือกให้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือขนส่งอื่นๆ ได้เช่นกัน
เราลองมาดูการเดินทางในแต่ละด้านกันครับ
การเดินทางด้วยรถยนต์

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่นี่ก็จะสะดวกด้วยที่ตั้งที่อยู่ห่างจากถนนรามอินทราแค่ 1.8 กิโลเมตรครับ ตัวซอยรามอินทรา 117 จะอยู่ระหว่างจุดกลับรถ 2 จุด จุดแรกที่บริเวณซอยรามอินทรา 115 และจุดที่สองบริเวณแยกเมืองมีนครับ
ด้วยความเป็นถนนสายหลักของรามอินทรา ก็จะสามารถเชื่อมต่อไปโซนอื่นๆ ได้สะดวกทั้งย่านตลาดมีนบุรี, เสรีไทย-นิคมบางชัน, ย่านถนนนวมินทร์, ย่านเกษตร-นวมินทร์, ย่านเลียบด่วน ไปจนถึงย่านวงเวียนบางเขนและดอนเมือง เลยจะอีกทำเลที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับใครที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในโซนรามอินทราครับ
มีทางเลือก วิ่งสายในเลี่ยงรถติดได้

และนอกจากการใช้งานถนนรามอินทราแล้ว ตัวถนนเจริญพัฒนา ซึ่งเป็นถนนที่ตั้งของโครงการก็จะเชื่อมต่อกับถนนสายอื่นๆ ด้านในเช่นเดียวกัน อย่างซอยพระยาสุเรนทร์ 30 ก็จะสามารถเชื่อมถนนพระยาสุเรนทร์ได้ ส่วนถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ตรงนี้ก็จะเชื่อมได้ทั้งหทัยราษฎร์, ปัญญาอินทรา หรือทะลุไปถึงคู้บอนได้ ก็จะมีทางเลือกไปออกรามอินทราในเส้นทางต่างๆ ครับ
เข้าเมืองสะดวกด้วยตัวเลือกทางด่วน

สำหรับการเข้าเมือง ก็จะมีทางเลือกหลายเส้นทางครับ ไม่ว่าจะเป็นจากเส้นรามอินทราเองตรงไปย่านวงเวียนบางเขนแล้วเข้าเมืองในโซนพหลฯ หรือใช้เส้นวิภาวดี หรือจะใช้เส้นรามอินทรา-รัชดา เส้นนี้ก็จะตัดตรงเข้าสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ไปย่านวังหิน, ม.เกษตร, รัชโยธินได้
อีกเส้นที่คนในย่านนี้ใช้ในการเข้าเมือง ก็จะเป็นเส้นถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบด่วนรามอินทรา) เส้นนี้สามารถตัดจากรามอินทราตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองผ่านถนนลาดพร้าว, พระราม 9 ไปย่านเพชรบุรี-เอกมัย-ทองหล่อครับ
ซึ่งนอกเหนือจากถนนเส้นทางปกติแล้ว ก็ยังมีตัวเลือกในการใช้งานทางด่วนอีก 2 เส้นด้วยกัน สายแรกทางด่วนวงแหวนรอบนอกสาย 9 (กาญจนาภิเษก) เส้นนี้ก็จะสะดวกสำหรับใครที่ต้องการไปเชื่อมต่อย่านต่างๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นโซนบางนา, ย่านนิคมสมุทรปราการ, ย่านลำลูกกา หรือรังสิตเป็นต้น นอกจากนี้ถนนสายนี้ยังตัดกับมอเตอร์เวย์สาย 7 ทำให้สามารถเชื่อมต่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือใช้เป็นทางเลือกในการเข้าเมืองจากทางด่วนฝั่งพระราม 9 ก็ได้เช่นกัน
และจะมีทางด่วนฉลองรัช ที่เป็นทางด่วนสายหลักอีกเส้นหนึ่ง ที่วิ่งจากจตุโชติผ่านรามอินทรา เข้าสู่ใจกลางเมืองตัดผ่านพระราม 9 และสุขุมวิทครับ สายนี้ก็จะสะดวกในการเชื่อมต่อทางด่วนด้านในเมือง ไม่ว่าจะเป็นโซนพระราม 9-อโศก หรือโซนสุขุมวิท-คลองเตย-พระราม 4 เส้นนี้ค่าทางด่วนไม่แพงด้วย 45 บาทวิ่งได้ยาวๆ เลย
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็เป็นอีกทางเลือกใหม่ของคนในย่านรามอินทราครับ อย่างรถไฟฟ้าสถานีบางชันจะอยู่ห่างจากปากซอยรามอินทรา 117 ไปแค่ประมาณ 300 เมตร หรือถ้านับถึงโครงการก็จะประมาณ 2.2 กิโลเมตร เป็นระยะที่สามารถต่อรถทั้งพี่วิน, แกร๊บ หรือสองแถวเข้าโครงการได้สะดวก
ส่วนตัวรถไฟฟ้าสายสีชมพูเองก็สามารถไปได้เกือบทุกที่ในย่านรามอินทรา เพราะวิ่งผ่านตลอดสาย ทั้งโซนตลาดมีน, โรงพยาบาลนพรัตน์, แฟชั่นไอส์แลนด์, เซ็นทรัลรามอินทรา, วงเวียนบางเขน นอกจากนี้ยังผ่านแหล่งงานต่างๆ ในย่านแจ้งวัฒนะ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, เมืองทองธานี หรือตึกออฟฟิศในย่านแจ้งวัฒนะครับ
และถึงแม้ว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูจะไม่ได้เป็นสายที่วิ่งเข้าเมืองโดยตรง แต่ก็จะเป็นสายที่ผ่านรถไฟฟ้าเส้นอื่นเยอะมากๆ ครับ สามารถเชื่อมต่อเพื่อเข้าเมืองได้ อย่างเช่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ก็จะสามารถไปในย่านรัชโยธิน, ห้าแยกลาดพร้าว, หมอชิต หรือเข้าเมืองมาถึงย่านอนุสาวรีย์ชัย, สยาม และสุขุมวิทได้
หรือถ้าหากเลยมาหน่อย ที่สถานีหลักสี่ ตรงนี้ก็จะเชื่อมต่อก็รถไฟฟ้าสายสีแดง ที่สามารถไปสถานีกลางบางซื่อ หรือไปสนามบินดอนเมืองได้ครับ ซึ่งถ้านั่งไปสุดสายของรถไฟฟ้าสายสีชมพู จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สามารถใช้สายสีม่วงไปโซนรัตนาธิเบศร์และบางใหญ่ได้
ส่วนในฝั่งมีนบุรีในอนาคต ก็จะตัดกับรถไฟฟ้าสายสีส้มครับ สามารถนั่งรถไฟฟ้าสายนี้เพื่อตรงเข้าสู่เมืองย่านรามคำแหง, รัชดา, ราชเทวีได้เลย ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ครับ
การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอื่นๆ



ด้วยความเป็นถนนสายหลักของย่าน บนถนนรามอินทราเองก็จะมีขนส่งมวลชนต่างๆ ให้บริการอยู่ค่อนข้างเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ที่วิ่งไปเชื่อมต่อย่านต่างๆ ทั้งเข้าเมืองและผ่านไปตลาดมีนบุรี ซึ่งตลาดมีนบุรีนี่ก็เป็นอีกศูนย์รามเส้นทางสายรถของย่านนี้เลย โดยป้ายรถเมล์ก็จะมีอยู่ใกล้กับปากซอยรามอินทรา 117 ทั้ง 2 ฝั่งเลย และมีสะพานลอยอยู่ใกล้ๆ กับปากซอยครับ
นอกจากนี้ในย่านตรงนี้ก็จะมีรถสองแถวผ่านด้วยเช่นกัน โดยเส้นทางของรถสองแถวก็จะวิ่งเน้นเส้นทางที่ Local มากขึ้น เชื่อมเข้าสู่ซอยต่างๆ อย่างถนนพระยาสุเรนทร์, รามอินทรา 109 หรืออย่างรามอินทรา 117 เองก็จะมีรถสองแถวสายมีนบุรี-กีบหมู ที่วิ่งจากตลาดมีนบุรีเข้าซอยมาและไปสิ้นสุดที่ถนนสุเหล่าคลองหนึ่งด้านในครับ สายนี้จะผ่านหน้าโครงการเลย ใครที่ใช้รถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็สามารถใช้รถสองแถวสายนี้ต่อเข้าซอยกลับบ้านได้
หรือถ้าใครเน้นสะดวกรวดเร็ว ปากซอยก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่อยู่ครับ ราคาค่าวินจะอยู่ที่ 20-25 บาทครับ
รูปแบบและคอนเซ็ปต์ของโครงการ
เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน มีสวนสีเขียวขนาดใหญ่ และส่วนกลางที่ครบครัน


สำหรับ AP Thailand เอง ต้องบอกว่าเป็น Developer ที่มีบ้านเดี่ยวอยู่ในแทบทุกกลุ่มระดับราคาเลยครับ อย่างแบรนด์บ้านเดี่ยวของ AP ที่หลายๆ คนน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างก็อย่างเช่น Moden, Centro, Mind, The City, Soul, บ้านกลางเมือง และ The Palazzo ระดับราคาก็มีตั้งแต่ช่วง 3.99 ล้านจนไปแตะระดับ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
ซึ่งในย่านรามอินทราเอง ก็มีโครงการบ้านของ AP มาเปิดเรียกได้ว่าแทบจะมีให้เลือกในทุกทำเลครับ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งรามอินทรา, หทัยราษฎ์, เลียบวงแหวน, จตุโชติ, วัชรพล, ปัญญาอินทรา, พระยาสุเรนทร์ ซึ่งแต่ละโครงการ แต่ละทำเลก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป อย่างโครงการที่เรามารีวิวกันวันนี้ ก็จะเป็น Centro รามอินทรา 2 ครับ เป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์ระดับกลางของทาง AP ราคาของที่นี่อยู่ในช่วง 8.59 – 13 ล้านบาท*. เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นดีไซน์ใหม่ที่โครงการเพิ่งเปิดขายมาได้ไม่นานมากครับ
ที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 48-3-19.8 ไร่ มีบ้าน 194 หลัง มีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ Monet, Edvard, Vincent และ Picasso เนื้อที่บ้าน 52.6 – 102.6 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยก็เริ่มที่ 193 – 274 ตารางเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแบบ 4 ห้องนอน มีแค่ไทป์เริ่มต้นอย่าง Monet ที่มี 3 ห้องนอนครับ บ้านเดี่ยวที่นี่ค่อนข้างเหมาะสำหรับใครที่มองหาบ้านที่มีพื้นที่ หรือการอยู่อาศัยกันหลายคน เพราะนอกจากจะมีห้องนอนเยอะแล้ว ก็ยังมีห้องอเนกประสงค์ด้วย บ้านก็เป็นแบบ Open Plan ที่เราสามารถจัดสรรพื้นที่ต่างๆ เองได้
ข้อมูลโครงการ
| ชื่อโครงการ : | Centro Ramintra 2 (เซนโทร รามอินทรา 2) |
| Developer : | บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) |
| เนื้อที่โครงการ : | 48-2-33.2 ไร่ |
| จำนวนบ้าน : | 194 หลัง |
| รูปแบบโครงการ : | บ้านเดี่ยว 2 ชั้น |
| แบบบ้าน : | – Monet พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ – Edvard พื้นที่ใช้สอย 210 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ – Vincent พื้นที่ใช้สอย 252 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ – Picasso พื้นที่ใช้สอย 274 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน |
| ที่ตั้งโครงการ : | ซอยเจริญพัฒนา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ |
| ค่าส่วนกลาง : | 30 บาท/ตารางวา |
| Facility : | Centro Club – Co-creative Space – Elevated Fitness Room – Swimming Pool – Green Connection |
| ราคา : | เริ่มต้น 8.59 – 13 ล้านบาท* |
| สถานะโครงการ : | สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วบางส่วน |
ส่วนกลางโครงการ
ได้สวนสีเขียวขนาดใหญ่ และ Clubhouse ที่มาพร้อมสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลาง

สำหรับ Facilities และพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะอยู่ติดกับซุ้มทางเข้าของโครงการเลยครับ ตอนเข้ามาในซอยถนนเพื่อมายังโครงการ การจราจรอาจจะดูวุ่นวาย มีรถผ่านไปมาตลอด แต่พอได้เข้ามาในโครงการ ความวุ่นวายนั้นก็หายไป ตัวโครงการค่อนข้างเงียบและสงบ แม้ที่นี่จะมีคนเข้าอยู่แล้วบ้างบางหลังก็ตาม ตัว Clubhouse จะมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นล่างเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Semi-outdoor คือมีส่วนที่อยู่ในร่มด้วย อย่างมุม Jacuzzi ก็อยู่ในร่ม ทำให้ถึงแม้ว่าแดดจะออก เราก็ยังมาใช้งานสระว่ายน้ำได้อยู่ครับ เพราะหลังคาช่วยให้มุม Jacuzzi ไม่โดนแดด กับส่วนที่อยู่ด้านนอก ไม่มีหลังคาบัง มองเห็นวิวสวนด้วย บรรยากาศช่วงเย็นค่อนข้างดีเลย ริมสระว่ายน้ำเองก็จะมีพื้นที่พักผ่อน เผื่อใครที่ไม่ได้อยากว่ายน้ำ แต่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ รับลมด้านนอก หรือเฝ้าลูกๆ ว่ายน้ำ ก็มีมุมให้ได้ผ่อนคลายกันด้วย ชั้น 2 จะมี Kid’s Room, Fitness และห้องอเนกประสงค์ครับ นอกจากจะมาใช้งานเองแล้ว ยังเป็นที่สำหรับรับรองแขกได้
ส่วนที่เป็นไฮไลต์ของโครงการก็จะเป็นสวนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับ Clubhouse ครับ มีโซนที่เป็นสนามเด็กเล่น โซนสำหรับสัตว์เลี้ยงที่สามารถมาวิ่งเล่นด้านในได้ และโซนพักผ่อนตามมุมต่างๆ ด้วยความที่เป็นโครงการใหม่ ต้นไม้อาจจะยังไม่โตหรือไม่ใหญ่มาก แต่พอเวลาผ่านไป ต้นไม้ที่ทางโครงการปลูกไว้ก็จะใหญ่และให้ร่มเงาได้มากขึ้นครับ สวนก็จะดูมีชีวิตชีวา ทำให้เราอยากออกจากบ้านมาเดินเล่นชิวๆ นั่งรับลมปล่อยจอย แค่นี้ก็เหมือนได้พักผ่อนแล้วฮะ
ด้านหน้าทางเข้าโครงการ
มาในสไตล์โมเดิร์น โทนสีเดียวกับตัวบ้านในโครงการเลยครับ มีการใช้ Facade เป็นระแนงด้านล่างด้วย ชั้นบนจะเห็นเป็นห้องกระจก ตรงนั้นคือส่วนที่เป็น Fitness ทั้งหมดเลย ตัวอาคารทางเข้าจะอยู่ติดกับถนนด้านนอกเลย ดูค่อนข้างโออ่าใหญ่โต เห็นที่ตั้งของโครงการค่อนข้างเด่นชัดจากด้านนอก แขกไปใครมาน่าจะไม่หลงแน่นอน



บริเวณทางเข้าโครงการจะมีไม้กั้น และกล้องวงจรปิด ที่นี่เขาจะใช้ระบบ Katsan Living Security เป็นการใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียน จะมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือของลูกบ้านเลย เราสามารถเลือกได้นะครับว่าจะให้เข้ามาหรือเปล่า หรือจะไม่ให้เข้ามาก็ได้ ค่อนข้างมีความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านมากๆ นอกจากนี้เราสามารถลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้าได้ ไม่เสียเวลาแลกบัตร หรือถ้าต้องแลกบัตรและประทับตรา ก็ทำผ่านแอปเลยฮะ และถ้าอยากขอความช่วยหรือหรือเรียกแท็กซี่ ก็เรียกผ่านแอปพลิเคชันได้ ทุกอย่างจบได้ในมือถือเครื่องเดียว



พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่
ไฮไลท์หลักของที่นี่เลย ก็จะเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของโครงการครับ โดยจะอยู่ติดกับ Clubhouse เลย สวนได้รับการออกแบบ Landscape มาอย่างดี มีทางเดินเป็นเส้นโค้งพาไปยังโซนต่างๆ มีสนามเด็กเล่น มีสนามสำหรับให้สัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่น มีมุมนั่งพักผ่อนหย่อนใจ รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ค่อนข้างร่มรื่น บรรยากาศดีเลย



บรรยากาศทางเดินในสวน
สำหรับพื้นที่ในสวนเอง ก็จะมีต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะครับ ให้ความร่มรื่นกับสวนได้พอสมควร และก็จะมีทางเดินในสวน สามารถมาเดินเล่น/ออกกำลังได้ โดยพื้นที่รอบๆ ในจุดต่างๆ ก็จะมีเก้าอี้นั่งให้สามารถมาพักผ่อนได้เช่นกัน ตอนเย็นๆ นี่ถือว่าบรรยากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ




สนามเด็กเล่น
ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของสวน ก็จะจัดออกมาเป็นขนามเด็กเล่นด้วยครับ มีเครื่องเล่นอย่างสไลเดอร์ ส่วนพื้นในบริเวณนี้ก็จะถูกปูด้วยวัสดุที่นุ่ม ป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้



Pet Park
สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่นี่ก็มีพื้นที่ให้เช่นเดียวกัน โดยจะมี Pet Park อยู่ในสวนส่วนกลางด้วยครับ เป็นพื้นที่ทั้งให้น้องๆ สัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่น รวมไปถึงมาเจอเพื่อนๆ จากบ้านต่างๆ ได้ ไม่เหงาอยู่แต่ในบ้าน






Clubhouse กลางสวน
ส่วนที่อยู่ติดกับสวนก็จะเป็นอาคาร Clubhouse ของโครงการครับ ด้วยความที่อาคาร Clubhouse เป็นส่วนหนึ่งของซุ้มทางเข้า ดังนั้นการดีไซน์ตัวอาคารและโทนสีที่ใช้ก็จะมาในโทนเดียวกันทั้งหมดเลย เขาเลือกใช้โทนสีเข้มกับตัวอาคาร แล้วค่อยตัดด้วย Facade สีขาว เล่นลวดลายความเป็นซุ้มโค้งแบบครึ่งวงกลมให้ดู Modern ครับ



สระว่ายน้ำ
ที่นี่ให้สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่เลย แต่เป็นสระแนวกว้างรูปตัว L มีระยะพอที่จะใช้ออกกำลังกายได้ หรือจะมาพักผ่อนเล่นน้ำชมวิวสวนก็ได้เช่นกัน มีโซนสำหรับนั่งแช่ Jacuzzi ด้วย มีทั้งโซนที่เป็นพื้นที่ใต้ร่มและโซน Outdoor






โดยที่โซน Jacuzzi จะรวมกับพื้นที่ของสระเด็กครับ ส่วนด้านข้างสระก็จะมีทั้งพื้นที่สำหรับล้างตัว มีโซฟาให้นั่งพักได้ และตัวอาคารมีทางลาดสำหรับคนที่ใช้รถเข็นด้วยนะครับ




ห้องพักผ่อนริมสระ
ซึ่งที่นี่จะไม่ได้มีแค่โซนโซฟาริมสระเท่านั้น ถัดมาจากสระอีกนิดนึง โครงการจะทำเป็นห้องพักผ่อนแบบ Semi Outdoor ให้มานั่งใช้งานได้แบบจริงจังเลย ก็ถือว่าดีเลยครับสำหรับใครที่มาใช้งานกันแบบเป็นครอบครัว เด็กๆ ก็สามารถเล่นน้ำไปด้วย ผู้ใหญ่ก็สามารถนั่งพักผ่อนไปด้วย โดยที่ยังดูเด็กๆ อยู่ในสายตาได้อยู่



Fitness
ห้อง Fitness จะอยู่ด้านบนทางโครงการเข้าพอดีครับ เขาใส่หน้าต่างกระจกเต็มบานมารอบห้องเลย เป็นกระจกเต็มบานสามด้าน แสงเข้าเต็มๆ ตอนกลางวันมาออกกำลังกายอาจจะต้องเปิดแอร์ฉ่ำๆ หน่อยครับ เพราะแดดค่อนข้างส่องเข้ามา แต่ถ้าตอนเย็นๆ แดดเริ่มร่มก็จะเป็นอีกห้องนึงที่วิวสวยมากครับ ตัวเครื่องออกกำลังกายก็ให้มาหลากหลายเน้นเป็นแนวสำหรับคาดิโอเป็นหลัก แต่ก็จะมีดัมเบลสำหรับเวทได้เช่นกันครับ ตัว Machine จะหันหน้าไปทางด้านในโครงการทั้งหมด เวลาใช้งานก็จะเห็นวิวสวน วิวสระว่ายน้ำ วิวถนนในโครงการครับ






ห้องอเนกประสงค์
ในส่วนของชั้น 2 ยังมีห้องพักผ่อนอเนกประสงค์และห้องสำหรับเด็กด้วยนะครับ ห้องนี้เราสามารถมานั่งทำงาน นั่งเล่น หรือนั่งพักผ่อนได้ เขามีโซนมาให้ทั้งแบบเป็นโซฟา อาร์มแชร์ และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่อยากนั่งคนเดียว ถ้าเปิดหน้าต่างมองออกไป เราจะเห็นวิวสวนด้านนอกด้วยครับ จริงๆ ห้องนี้เราจะใช้เป็นห้องรับรองแขกก็ได้นะ เผื่อไม่อยากให้ใครเข้าไปในบ้าน ก็มานัดเจอกันที่นี่ได้เลย




Kids’ Room
โครงการบ้านเดี่ยว มักจะมีครอบครัวที่มีลูกด้วย ทางโครงการเองก็ใส่ใจทุก Generation เลยมีห้อง Kid’s Room มาให้ด้วย ด้านในก็จะมีทั้งมุมของเล่น มุมสไลเดอร์ มุมอ่านหนังสือ ถึงแม้เราจะไม่ได้พาลูกๆ ไปเที่ยวด้านนอก แต่ด้านในโครงการเองก็มีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เล่นเหมือนกันครับ




รูปแบบบ้าน
บ้านมีทั้งหมด 4 แบบ พื้นที่ใช้สอย 193 – 274 ตารางเมตร
แบบบ้านที่นี่จะมีทั้งหมด 4 ไทป์ด้วยกันครับ บ้านไทป์เริ่มต้นจะเป็นตัว Monet จะมีจำนวนน้อยที่สุดในโครงการ ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น Edvard แล้วก็จะเป็น Vincent ส่วน Picasso จะใหญ่สุดในโครงการครับ ทั้งตัว Edvard, Vincent และ Picasso จำนวนบ้านไม่ต่างกันมาก อยู่ที่ห้าสิบกว่าหลัง แต่ตำแหน่งในโครงการก็จะกระจายกันไปในแต่ละโซนครับ
วันนี้เรามีบ้านตัวอย่างไทป์ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Picasso มาให้ดูกันด้วย แต่ก่อนจะไปดูบ้านตัวอย่าง มาดูแปลนบ้านแต่ละไทป์กันก่อนเลยครับ
Monet : บ้านไทป์เริ่มต้น พื้นที่ใหญ่เกือบ 200 ตร.ม.
พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร
3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

แบบบ้านที่นี่จะดูโมเดิร์น มีความทันสมัย ด้านหน้าทางเข้าบ้านก็ใส่ลายเส้นเข้ามา ทำให้ไม่ดูราบเรียบจนเกินไป ซึ่งลายเส้นของซุ้มทางเข้าเองก็เชื่อมไปยังโรงจอดรถด้วยเช่นกัน ชั้น 2 เองก็มี Facade ระแนงสีน้ำตาล เพิ่มลูกเล่นให้กับตัวบ้าน เราสามารถเข้าบ้านได้สองทาง คือจากประตูด้านหน้าบ้าน และบริเวณโรงจอดรถครับ
สำหรับชั้น 1 ถ้าเดินเข้ามาในตัวบ้านก็จะเจอ Living Area ก่อนเลย โซนนี้จะค่อนข้างสว่างฮะ เพราะแสงส่องเข้าทั้งทางประตูด้านหน้าและหน้าต่างด้านข้าง โซนด้านหลังจะเป็นมุมกินข้าว สามารถวางโต๊ะขนาด 8 ที่นั่งได้สบายๆ ถ้าเพื่อนๆ ดูในแปลนก็จะเห็นว่าเขาให้หน้าต่างมาเยอะเลย ดังนั้นทุกโซนในบ้านก็จะสว่าง ช่วยประหยัดไฟตอนกลางวันได้ดี และด้วยความที่ได้หน้าต่างเยอะ เวลาเรากินข้าวหรือมาทำกิจกรรมที่มุมกินข้าว ก็จะได้เห็นวิวสวนที่ด้านนอกด้วย ส่วนห้องครัวจะเป็นครัวแบบปิดครับ มีพื้นที่พอสมควร เปิดไปด้านหลังทำเป็นโซนซักล้างเพิ่มได้
ชั้น 2 จะมีสามห้องนอนด้วยกัน Master Bedroom จะกินพื้นที่ฝั่งด้านหน้าทั้งหมดครับ ก็จะได้เป็นห้องหน้ากว้างที่แบ่งออกเป็นโซนสำหรับวางเตียงนอน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ส่วนห้องนอนเล็กก็จะอยู่ติดกันที่ฝั่งด้านหลังบ้าน เป็นบ้านขนาดเริ่มต้นที่จัดฟังก์ชันมากำลังพอดีๆ มีพื้นที่ให้กับแต่ละโซนขนาดใหญ่ ไม่อึดอัดครับ


Edvard : มีห้องนอนชั้นล่าง ได้ห้องน้ำในตัวทุกห้องนอน
พื้นที่ใช้สอย 210 ตารางเมตร
4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

สำหรับการออกแบบด้านนอกบ้านตัว Edvard ไม่ได้ต่างจาก Monet มากครับ แต่ฟังก์ชันของตัวบ้านจะเพิ่มขึ้นมา
ไทป์นี้ชั้น 1 เข้ามาแล้วเป็น Living Area เหมือนกันครับ ถัดเข้ามาจะเป็นโซนกินข้าว เอาจริงผมว่าวางโต๊ะ 8 – 12 ที่นั่งได้เลยนะ พื้นที่เหลือๆ ครับ เผื่อเพื่อนมาบ้าน เราชอบจัดปาร์ตี้ ก็นั่งได้หลายโซนเลย ครัวจะเป็นครัวปิดเหมือนกัน เชื่อมกับโซนซักล้างด้านนอกที่ทางโครงการเขาทำมาให้ มีหลังคา ปลั๊ก และท่อต่างๆ เตรียมมาให้เรียบร้อย เป็นโซนซักล้างในร่มที่เราไม่ต้องต่อเติมเองเลย จุดที่เพิ่มขึ้นมาคือ โซนฝั่งซ้ายที่เป็นห้องนอนด้านล่าง มีห้องน้ำในตัว ถือว่าเป็นจุดขายของไทป์นี้เลยครับ เพราะด้วยฟังก์ชันแบบนี้กับราคาที่ไม่ถึง 10 ล้าน ค่อนข้างหาในยากในย่านตรงนี้แล้วครับ แต่ถ้าเราไม่ได้ต้องการทำเป็นห้องนอน จะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ได้เหมือนกันนะครับ
ชั้น 2 จะมีอีก 3 ห้องนอน จุดที่เพิ่มเติมเข้ามาคือทุกห้องนอนมีห้องน้ำส่วนตัวเป็นของตัวเอง Master Bedroom ค่อนข้างแบ่งเป็นสัดส่วนด้วย Layout ที่ได้ แบ่งเป็นโซนเตียงนอน วางชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้ อีกฝั่งก็ทำเป็นโซน Walk-in Closet ได้
เป็นบ้านไทป์ที่สำหรับใครที่อยู่เป็นครอบครัว ก็จะมีพื้นที่ให้แต่ละคนเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือถ้ามีผู้สูงอายุ ก็มีชั้นล่างที่ทำเป็นห้องนอนได้ครับ


Vincent : จอดรถได้ 3 คัน มีห้องพักผ่อนชั้นบน
พื้นที่ใช้สอย 252 ตารางเมตร
4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ

ไทป์นี้บ้านจะหลังใหญ่ขึ้นครับ ถ้าดูดีไซน์ด้านนอกก็จะเห็นว่าหน้ากว้างของบ้านจะเพิ่มขึ้นมา และสามารถจอดรถได้ทั้งหมด 3 คันครับ ชั้น 1 จะมีทางเข้าบ้าน 2 ทางเช่นเดียวกับบ้านไทป์อื่นๆ ด้านหน้าเป็น Living Area ด้านในจะแบ่งออกเป็น 3 ห้องหลักๆ ตรงกลางเป็นโซนกินข้าว และซ้ายสุดเป็นห้องครัวแบบปิดที่ใหญ่ขึ้น ติดกับโซนซักล้างด้านหลัง ส่วนห้องห้องนอนชั้นล่างถูกย้ายมาอยู่ทางด้านขวา สามารถรับวิวรับแสงได้ดีขึ้น เห็นต้นไม้ในสวนข้างบ้าน และยังมีห้องน้ำในตัวเช่นเดิม
ชั้น 2 จะแตกต่างจากบ้านสองหลังก่อนหน้านี้ ตรงที่ขึ้นมาจากบันไดแล้วจะมีโถงกลางที่เราสามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ Master Bedroom จะอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านทั้งหมด ได้มุม Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ส่วนห้องนอนเล็กขนาดและ Layout ไม่ได้ต่างกันครับ มีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง


Picasso : ไทป์ใหญ่สุด หน้ากว้าง มีห้องแม่บ้าน
พื้นที่ใช้สอย 274 ตารางเมตร
4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน

หลังนี้จะเป็นไทป์ที่ใหญ่ที่สุด จอดรถได้ 3 คัน สิ่งที่แตกต่างเลยคือบ้านจะหน้ากว้างกว่าไทป์อื่น ดูโอ่อ่า ประตูทางเข้าจะเป็นกระจกบานใหญ่ขึ้น ชั้นบนก็เช่นกัน ได้ประตูกระจกขนาดใหญ่ 2 จุด ทั้งจุดที่เป็น Master Bedroom และโถงกลาง จากการที่ได้เข้าไปดูบ้านตัวอย่างของไทป์นี้ ก็ต้องบอกว่าบ้านกว้างมากจริงๆ ครับ ดูโปร่งโล่งทั้งหลัง เหมาะกับคนที่มีสมาชิกในบ้านหลายคนมากๆ ครับ
ชั้น 1 เราจะได้ Living Area ที่กว้างมากครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีเหลือเยอะ ตรงกลางเป็นโซนกินข้าว วางโต๊ะขนาด 8 ที่นั่งขึ้นไปได้สบายๆ ได้หน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ตั้งแต่ Living Area มาจนถึงโซนกินข้าว ส่วนห้องครัวจะอยู่ด้านหลัง มีมุมซักล้างให้เช่นกัน ไทป์นี้ห้องอเนกประสงค์ด้านล่างจะค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวอยู่หน่อย เพราะต้องผ่านบันไดและประตูโรงรถไป ถึงจะเจอห้องอเนกประสงค์ และไทป์นี้ก็เป็นไทป์เดียวที่มีห้องแม่บ้านด้วยครับ อยู่ด้านหลังเลย ซึ่งจริงๆ ถ้าเราไม่ได้จ้างแม่บ้านประจำ ก็สามารถทำเป็นห้องเก็บของหรือห้องอื่นๆ ได้
ชั้น 2 มีโถงกลางเหมือนกัน เป็นไทป์ที่มีพื้นที่โล่งให้แต่ละห้องดูห่างกัน ดูมีความเป็นส่วนตัว Master Bedroom จะกินพื้นที่ฝั่งซ้ายทั้งหมด ได้มุม Walk-in Closet ขนาดใหญ่เลย ห้องน้ำก็กว้าง เป็นไทป์ที่มีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาให้ด้วย อ่างล้างหน้าก็เป็นแบบ His&Her ส่วนห้องนอนเล็กจะบอกว่าไม่เล็กเลย พื้นที่เหลือๆ มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง Layout คล้ายกันครับ


บ้านตัวอย่างไทป์ Picasso
พื้นที่ใช้สอย 274 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน
บ้านตัวอย่างจะมีทั้งหมด 1 หลังครับ เป็นบ้านขนาดที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Picasso มีพื้นที่ใช้สอย 274 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ซึ่งเราเพิ่งดูแปลนบ้านกันไปด้านบนเมื่อกี้เลยครับ
หน้าตาของตัวบ้านจริงก็จะออกมาในแนว Modern แต่เล่นโทนสีของตัวบ้านออกมาในแนว Earthtone ให้ยังดูมีความอบอุ่น ตัดกับระแนงสีน้ำตาลหน้าตัวบ้าน ทำให้บ้านดูมีมิติ ซึ่งดีไซน์บ้านของที่นี่ ก็จะดูเข้ากันทั้งโครงการครับ เดี๋ยวมาดูของจริงกันดีกว่าว่าหน้าตาและฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ มีอะไรบ้าง




บริเวณหน้าบ้านและลานจอดรถ
ตัวโรงรถทางโครงการเองมีมาให้อยู่แล้ว เข้ากับดีไซน์ของตัวบ้านเลย สามารถจอดรถได้ 3 คัน ทางเข้าจะมีสองทาง คือด้านหน้าที่เป็นประตูกระจก และตรงลานจอดรถ ซึ่งตรงลานจอดรถเขาติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ด้วย แล้วก็ติดตั้งกล้องวงจรปิดมาให้แบบพร้อมใช้งาน

Living Area
เข้ามาด้านในตัวบ้านจะเจอกับ Living Area ก่อนเลยครับ ด้วยความที่บ้านเป็นแบบ Open Plan ทำให้พื้นที่ที่ได้ดูกว้างและใหญ่มากๆ อย่างในบ้านตัวอย่างเองก็วางโซฟาขนาดใหญ่ แต่บ้านไม่ได้ดูแคบหรือแออัดเลย แล้วระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีเองก็เยอะมาก ทำให้ถึงแม้เราจะวางโซฟาขนาดใหญ่ แต่เวลาที่ใครเดินเข้าหรือเดินออกประตูหน้าบ้านก็ไม่เกะกะครับ และถ้าเพื่อนๆ ดูในรูปก็จะเห็นว่าด้านหลังโซฟามีหน้าต่างบานใหญ่มาให้ด้วย ทำให้บ้านดูสว่างมากฮะ

มุมชั้นวางทีวีค่อนข้างกว้าง เราสามารถ Built-in แบบเต็มผนัง ทำเป็นตู้เก็บของหรือตู้เก็บรองเท้าเพิ่มเติมได้ หรือจริงๆ ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้อยาก Built-in ก็สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวได้นะครับ เวลาเราเริ่มเบื่อ Mood&Tone ของบ้านแล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนหรือเลือกเฟอร์นิเจอร์มาใส่ใหม่ได้ตลอด มีพื้นที่เหลือพอให้ปรับเปลี่ยน เลื่อนนี่ขยับนู่นได้สบาย
มุมกินข้าว
มุมนี้ก็จะอยู่ข้างๆ Living Area เลย ในบ้านตัวอย่างเขาวางโต๊ะแบบ 6 ที่นั่งมาให้ดู บ้านก็ยังดูโล่งๆ ครับ ถ้าเราอยากจะได้โต๊ะใหญ่กว่านี้ สัก 8 – 12 ที่นั่ง ก็ยังวางได้ พื้นที่เหลือๆ เลย หรือถ้าไม่ชอบโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะวางเป็นโต๊ะกลมสไตล์จีนก็ได้นะครับ ถ้าหากว่าเพื่อนๆ เป็นคนที่บ้านมีของเยอะ สามารถวางหรือ Built-in ตู้เก็บของและ Pantry ครัวต่างๆ เหมือนกับบ้านตัวอย่างได้ จะช่วยให้เรามีพื้นที่เก็บของ ไม่ให้มารกหรือเกะกะสายตาที่ด้านนอกได้

ข้อดีของการมี Pantry ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเดินไปในครัวครับ เราสามารถชงกาแฟ ชงชา เตรียมอาหารบางอย่างจากมุมนี้ได้เลย ก็ค่อนข้างสะดวกสบาย
ห้องครัวและโซนซักล้าง
ที่นี่เขาจะมีห้องครัวมาให้แล้ว ไม่ต้องต่อเติมเพิ่มเอง ครัวค่อนข้างกว้างเลย วางเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ได้ ในบ้านตัวอย่างอาจจะไม่ได้ Built-in มาให้ดูแบบจัดเต็ม แต่เราสามารถ Built-in เพิ่มเองได้นะครับ ทั้งเคาน์เตอร์ด้านล่าง และตู้เก็บของด้านบน รวมไปถึงเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันต่างๆ ด้วย ครัวที่นี่ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันเท่าไหร่ครับ เพราะมีหน้าต่างบานใหญ่มาให้ทั้งมุมอ่างล้างจาน และประตูด้านหลังเองก็มีหน้าต่างอีกหนึ่งบาน ด้านบนประตูมีพัดลมระบายอากาศติดตั้งมาให้ด้วย เท่ากับว่าห้องครัวมีจุดที่ระบายกลิ่น และอากาศหลายจุดเลย
ส่วนด้านหลังถ้าเพื่อนๆ เปิดประตูออกไป เขาจะเตรียมเป็นโซนซักล้างให้ ปูกระเบื้องให้เรียบร้อยแล้ว มีปลั๊กและท่อ พร้อมสำหรับการวางเครื่องซักผ้าได้เลย เขาทำหลังคา และติดตั้งไฟมาให้ด้วยนะครับ จุดนี้ก็แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย แต่ถ้าเพื่อนๆ กลัวว่าหน้าฝน ฝนจะสาดโดนเครื่องซักผ้า ก็ซื้อผ้าคลุมกันน้ำกันฝุ่นมาคลุมได้ ผมใช้ที่คอนโดอยู่ฮะ กันได้ดีมากเลย แค่นี้ก็น่าจะอยู่แล้ว

โถงทางเดินและห้องน้ำชั้นล่าง
ตรงกลางบ้านจะเป็นโถงเพื่อเดินตรงไปยังห้องอเนกประสงค์ ขวามือเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ส่วนซ้ายมือเป็นทางเข้าจากโรงจอดรถครับ โครงการมีหน้าต่างบานใหญ่มาให้ด้วย โถงตรงนี้จะได้ไม่มืด แถมเรายังดูด้านนอกได้ด้วยว่ามีใครมายืนอยู่หน้าบ้านเรารึป่าว ใต้บันไดจะเป็นห้องน้ำสำหรับแขก คือจะมีแค่อ่างล้างหน้า กระจก และชักโครกครับ ไม่มีห้องอาบน้ำนะเพราะห้องอาบน้ำมีอยู่ในทุกห้องนอนแล้ว
ใต้บันไดเขาทำเป็นห้องเก็บของมาให้ด้วยนะครับ เก็บได้จริงนะ
ห้องนอนชั้นล่าง
ห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนชั้นล่าง จริงๆ เราจะทำเป็นห้องอะไรก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเลย จะบอกว่าห้องนี้ไม่เล็กเลยครับ พื้นที่กว้างขวาง วางเตียงขนาด 3 – 5 ฟุตได้ วางตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน และโต๊ะเครื่องแป้งก็ไม่อึดอัด มีหน้าต่างมาให้พอสมควร มองวิวสวนข้างบ้านได้

มีห้องน้ำในตัวด้วยครับ เขาให้สุขภัณฑ์มาครบเลย ทั้งอ่างล้างหน้า กระจก ชักโครก ที่แขวนผ้าเช็ดตัว ฝักบัว ชั้นวางของแบบเจาะผนัง แต่ไม่มีฉากกั้นห้องอาบน้ำเพื่อแยกโซนเปียกกับโซนแห้ง แต่เราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้
บันไดและโถงกลางชั้น 2
บ้านไทป์นี้เวลาเดินขึ้นมาที่ชั้นสองแล้วจะรู้สึกว่าโล่ง โปร่ง สบายครับ เพราะโถงเขาใหญ่ ช่องแสงเขาเยอะ อย่างบันไดตรงที่พักจะเป็น Double Volume ได้กระจกสูง เราสามารถประดับของตกแต่งสวยๆ อย่าง Chandelier ได้ พอขึ้นมาก็จะมีมุมอเนกประสงค์ที่จะปรับเป็นมุมทำงาน มุมนั่งเล่น หรือมุมพักผ่อนต่างๆ ก็ได้ หรือถ้าใครมีลูกแล้วชอบจ้างติวเตอร์มาสอน จัดเป็นมุมติวหนังสือก็ดูผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียดจนเกินไป ที่นี่เขาให้หน้าต่างมาเยอะครับ อย่างมุมนี้เองก็ได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่เลย
ชั้น 2 จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน แต่ละห้องทางเข้าไม่ได้อยู่ติดกัน มีระยะห่างพอสมควร สร้างความเป็นส่วนตัวให้แต่ละห้องได้เป็นอย่างดี

Master Bedroom
สำหรับห้อง Master Bedroom จะกินพื้นที่ฝั่งซ้ายทั้งหมดครับ จะแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ อย่างรูปบ้านตัวอย่างด้านล่างที่เพื่อนๆ เห็นจะเป็นโซนเตียงนอนครับ วางเตียงขนาดเท่าไหร่ก็วางได้หมด เพราะพื้นที่เขากว้างจริง ปลายเตียงวางตู้แล้วพื้นที่เดินยังเหลือให้เดินผ่านได้สบายๆ ห้องนอนใหญ่จะมีระเบียงด้วยนะครับ ออกไปเดินรับลมได้ แล้วด้วยความที่มีระเบียง เลยทำให้ได้ประตูกับหน้าต่างกระจกบานใหญ่มาด้วย แสงส่องเข้ามาเต็มๆ
นอกจากจะวางเตียงได้แล้ว ก็ยังวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้งสองฝั่งเลย ด้านข้างจะวางเป็นโซฟา เป็นโต๊ะทำงาน หรือเป็นอาร์มแชร์ต่างๆ ก็ได้นะครับ เอาไว้เป็นมุมพักผ่อนในห้องนอน

อีกโซนจะเป็น Walk-in Closet ซึ่งเราสามารถ Built-in เองได้เลย ก็จะได้พื้นที่เก็บเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับต่างๆ ได้โต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ด้วย อยู่ติดกับห้องน้ำเลย เวลาเราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัวโซนนี้ได้เลยครับ
ห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้าแบบ His&Her แล้วแต่ฮะว่าจะใช้ทั้งคู่ หรือใช้อันนึงโชว์อันนึงก็ได้ อ่างล้างหน้าจะอยู่ตรงกลาง ด้านขวาเป็นที่วางชักโครกกับห้องอาบน้ำกระจก ด้านซ้ายเป็นอ่างอาบน้ำ เอาไว้แช่ตัวในวันที่เหนื่อยๆ ได้ Mater Bedroom ไทป์ Picasso จะเป็นไทป์เดียวที่ได้อ่างอาบน้ำนะครับ ไทป์อื่นๆ จะไม่ได้มีให้
ห้องนอน 2
สำหรับห้องนอนเล็ก 2 ห้องขนาดและ Layout ไม่ได้ต่างกันมากครับ พอบอกว่าเป็นห้องนอนเล็กเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าเป็นห้องเล็กๆ ใช่มั๊ยครับ ผมบอกเลยว่าที่นี่ห้องนอนเล็กเขาใหญ่มาก วางเตียง 5 – 6 ฟุตได้ วางโต๊ะข้างเตียง วางโต๊ะเครื่องแป้ง ก็ยังมีพื้นที่เหลือ ตู้เสื้อผ้าก็ไม่ได้มีแค่สองประตู แต่วางได้ใหญ่ถึง 4 ประตู ปลายเตียงก็วางชั้นได้อีก เรียกได้ว่าเป็นอีกห้องที่แต่งได้สนุกแน่นอน แต่ตัวหน้าต่างจะมาเป็นบานเล็กแทนนะครับ พอให้ช่องแสงเข้าแบบประปราย

มีห้องน้ำในตัวด้วย ก็จะได้สุขภัณฑ์เหมือนๆ กัน ยกเว้นฉากกั้นอาบน้ำที่ไม่ได้ติดตั้งมาให้
ห้องนอน 3
ห้องนอนนี้เขาทำเป็นเตียงสองชั้น เผื่อใครมีลูกเยอะ วางโต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ ได้ ห้องนี้จะได้หน้าต่างที่ใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านี้ จริงๆ Layout ไม่ได้ต่างกันมาก อยู่ที่การจัดโซน การแบ่งสัดส่วนห้อง และการตกแต่ง ทำให้ Mood&Tone ของทั้งสองห้องดูต่างกันครับ

ห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกัน ของที่ได้เหมือนกัน แต่กระเบื้องตกแต่งห้องน้ำและสีที่ใช้จะต่างกันเล็กน้อยครับ
สรุป
บ้านเดี่ยวใกล้ถนนรามอินทรา แบบใกล้จริงๆ ในราคาที่ยังจับต้องได้
สำหรับโครงการ Centro รามอินทรา 2 จุดเด่นของที่นี่เลยก็น่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มค่าในทำเลที่ยังได้บ้านในโซนรามอินทราแท้ๆ ครับ คือถ้าพูดถึงบ้านที่ติดถนนรามอินทราเลย ทุกวันนี้ทำเลริมถนนกลายเป็นทำเลของฝั่งคอนโดหรือทำเป็น Commercial กันไปแล้ว ดังนั้นบ้านส่วนใหญ่เลยจะมีน้อยมากๆ ครับ หรือถ้ามีก็จะเป็นกลุ่ม Luxury หลักสิบถึงร้อยล้านบาท
ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับว่าอยู่ส่วนไหนของถนนรามอินทราด้วยเช่นเดียวกัน ยิ่งถ้าช่วงรามอินทรา กม.ต้นๆ ราคาก็จะยิ่งไปไกลทีเดียว ซึ่งบ้านทำเลนี้ ถ้าจะหาบ้านเดี่ยวระดับต่ำกว่าสิบล้านหรือสิบนิดๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปอยู่ในโซนที่ถัดเข้าไปด้านในกันครับ ไม่ว่าจะเป็นโซนวัชรพล-สุขาภิบาล 5, โซนเลียบวงแหวน, โซนวัชรพล-จตุโชติ, โซนเส้นคู้บอน-เลียบคลองสอง
ที่นี่เลยจะชูจุดเด่นที่ต่างจากที่อื่นตรงที่ได้ทำเลที่ยังใกล้ถนนรามอินทราจริงๆ มีระยะเข้าซอยมาแค่ประมาณ 1.8 กิโลเมตรก็ถึงกับโครงการ โดยจะอยู่ในซอยรามอินทรา 117 ซึ่งจริงๆ ก็ถือว่าเป็นถนนรามอินทราช่วง กม.หลังๆ แล้วนะ แต่ก็ยังได้ความใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของย่านรามอินทราเมื่อเทียบกับทำเลที่ต้องเข้าถนนสายรองหรือทำเลที่ถัดเข้าไปครับ ซึ่งที่นี่ก็จะใกล้ทั้งแฟชั่นไอส์แลนด์, ตลาดมีนบุรี, สวนสยาม, Amorini รวมไปถึง Hypermarket ต่างๆ ทั้ง Big C และ Lotus’s ครับ
สิ่งที่ตามมาจากการอยู่ใกล้ถนนเส้นหลักของย่านเลยคือเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะครับ เส้นรามอินทราตรงนี้ก็มีทั้งรถเมล์ รถตู้ รถสองแถว และที่มาล่าสุดอย่างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีก็มาอยู่ที่หน้าปากซอยเลย ค่อนข้างมีการเดินทางให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก ในตัวของซอยโครงการเองก็จะมีทั้งรถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นตัวบ้านก็ค่อนข้างจะใช้ขนส่งสาธารณะต่างๆ ได้จริงครับ ไม่ได้ตั้งอยู่กลางทุ่งที่ต้องใช้รถยนต์เดินทางอย่างเดียว
จุดที่เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับทำเลตรงนี้หน่อยคือเค้าอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ทางขึ้นลงทางด่วนมาจ่อใกล้ๆ หน้าโครงการ การเข้าเมืองอาจก็จะต้องขับจากเส้นรามอินทราหรือเสรีไทยหน่อย เพื่อไปขึ้นทางด่วนที่ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกหรือที่ทางด่วนฉลองรัช ก็จะมีระยะทางประมาณ 7-10 กิโลครับ แต่แลกกับความที่อยู่ในโซนรามอินทราที่มีความเป็นเมืองมากกว่ากับใกล้รถไฟฟ้าและใกล้ห้างครับ
ดังนั้นใครที่มีงบอยู่ในช่วง 8-13 ล้าน แต่อยากได้บ้านเดี่ยวที่เน้นเรื่องทำเลใกล้ถนนเส้นหลักแบบใกล้จริงๆ ที่นี่น่าสนใจครับ ตัวเลือกคู่แข่งในเรทราคานี้ ทำเลแบบนี้ ปัจจุบันแทบไม่มีเลย



ในส่วนของตัวโครงการ ไฮไลต์คือจะมาพร้อมกับพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ครับ พื้นที่ตรงนี้มีทั้งสวน, สนามเด็กเล่น และ Pet Park ติดกันเป็นอาคาร Clubhouse ที่มีทั้งพื้นที่สระว่ายน้ำ Semi-Outdoor มีห้องนั่งเล่น, มีห้องทำงาน, มี Kid’s Room สำหรับเด็กๆ รวมไปถึงมีห้องฟิตเนสที่สามารถออกกำลังกายพร้อม Take วิวสวนได้
และสำหรับโครงการในตอนนี้ยังมีบ้านเฟสที่เป็นหน้าสวนเปิดขายอยู่ด้วยนะครับ ก็จะได้วิวของหน้าบ้านที่เปิดออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เลย
ส่วนตัวบ้านในโครงการที่มีให้เลือก ก็ถือว่าฟังก์ชันทำออกมาค่อนข้างตอบโจทย์หลายกลุ่มลูกค้าครับ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขนาดเล็ก หรือไปจนถึงครอบครัวขนาดใหญ่ ในราคาที่ยังสมเหตุสมผลอยู่ ราคาบ้านแต่ละไทป์ไม่ได้กระโดดหนีจากกันไปมาก
อย่างบ้านไทป์เริ่มต้น ที่นี่ก็จะเริ่มในขนาดเกือบ 200 ตารางเมตรแล้วครับ พื้นที่แต่ละฟังก์ชันค่อนข้างใหญ่ หรือใครอยากขยับมาเป็น 4 ห้องนอน หรืออยากได้ที่จอดรถเพิ่มเป็น 3 คัน หรือจะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ให้มีห้อง Maid เพิ่ม ที่นี่ก็มีให้เลือกครับ
ราคา ณ ปัจจุบันตอนที่ทำรีวิวนี้ จะเริ่มต้นที่ 8.59 ล้านบาทครับ ก็ถือว่าเป็นราคาค่อนข้างน่าสนใจ และด้วยตัวรูปแบบที่เป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมด ดังนั้นบ้านทุกหลังเลยจะมาพร้อมกับที่ดินที่เริ่มต้นที่ 50 ตารางวาขึ้นไป เป็นบ้านเดี่ยวทำเลใกล้รถไฟฟ้า ที่ราคาก็ไม่ได้หนีจากคอนโดกลุ่ม 2 Bedroom มากด้วยครับ
ส่วนถ้าใครมองเป็นบ้านพื้นที่ใหญ่ ที่นี่งบ 12-13 ล้านบาทก็สามารถได้บ้านระดับ 274 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถได้เช่นกัน
โดยรวมก็ถือว่าเป็นบ้านเดี่ยวในทำเลที่ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาที่ยังถือว่าจับต้องได้โครงการนึงเลยครับ สำหรับใครที่กำลังดูบ้านในโซนรามอินทราอยู่ หรือยังไม่มีทำเลในใจ แต่มองหาบ้านที่เดินทางง่าย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก สามารถลองแวะมาชมโครงการ “Centro รามอินทรา 2” กันได้ครับ
รับโปรใจป๋า แจกใจป้ำ แจกกระหน่ำแบบไม่ต้องต่อ เพราะป๋าให้มากถึง 5 ต่อ!
– ต่อที่ 1 : รับส่วนลดลงทะเบียน สูงสุด 100,000 บาท*
– ต่อที่ 2 : รับ Package Furniture สูงสุด 100,000 บาท*
– ต่อที่ 3 : รับส่วนลดโครงการ สูงสุด 2 ล้านบาท*
– ต่อที่ 4 ลุ้นรับ luxury brand หรือ ทองคำ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท*
– ต่อที่ 5 :ฟรี ค่าใช้จ่ายวันโอน*
เริ่ม 8.59-13 ล้าน* วันนี้ – 31 มีนาคม 68
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด




















































