fbpx
รีวิวเจาะลึก

รีวิวเจาะลึก : “ATMOZ KANAAL RANGSIT” คอนโดริมน้ำ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนกลางแน่นๆ กว่า 40 รายการ เริ่ม 1.49 ล้าน

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ LivingPop จะขอพามาดูคอนโดทำเลติดรถไฟฟ้าของย่านรังสิตกันบ้าง กับโครงการ “ATMOZ KANAAL RANGSIT” ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปแบบสดๆ ร้อนๆ จับทำเลรังสิต ติดริมน้ำ 700 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และไม่ไกลห้างใหญ่ของย่านนี้อย่างฟิวเจอร์รังสิตด้วยครับ

ที่นี่น่าสนใจยังไง?? ก็ต้องบอกว่าแน่นอนด้วยตัวทำเล ก็จะเป็นโครงการที่ทำออกมาสำหรับคนที่อยู่ในย่านนี้ แต่ยังได้การเดินทางที่สะดวกจากรถไฟฟ้าที่สามารถเข้าเมืองได้ง่าย แต่จุดที่เป็นไฮไลท์แบบขีดเส้นใต้ด้วยปากกาแดง 3 เส้นเลยก็คือพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้แน่นๆ เน้นๆ กว่า 40 รายการครับ ซึ่งราคาของโครงการก็ยังอยู่ในแพคเกจที่ยังจับต้องได้ง่าย เริ่มต้นช่วง 1-2 ล้าน

เอาเป็นว่า ที่นี่จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวรีวิวเจาะลึกวันนี้ จะพามารู้จักกับ ATMOZ KANAAL RANGSIT กันให้มากขึ้นครับผม ^ ^


จุดเด่นโครงการ

ส่วนกลางจัดเต็มแน่นๆ กว่า 40 รายการ

ใจกลางรังสิต ติดริมน้ำ

ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีรังสิต 700 เมตร


AssetWise คือใคร

สำหรับใครที่ติดตามคอนโดมา หรืออยู่ในวงการอสังหา คงต้องได้ยินชื่อ AssetWise เป็นประจำอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ตามคอนโดมาก่อน หรืออาจจะยังไม่รู้จักกับ AssetWise ก็ต้องบอกว่าเจ้านี้เป็น Developer ที่เพิ่งมาใหม่ในยุคหลัง ประมาณช่วง 10 ปีที่แล้วครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเจ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว ใช้เวลาไม่นานจนปัจจุบันก็มีทั้งโครงการที่ผ่านมือ AssetWise มาแล้วเกือบ 40 โครงการครับ 

ซึ่งจากแต่ก่อนที่เราจะเห็น AssetWise ทำโครงการคอนโด Low-Rise ในทำเลย่านรัชดา, ลาดพร้าว, พหลโยธิน ปัจจุบันก็มีทั้งคอนโด High-Rise, บ้านทาวน์โฮม ไปจนถึงบ้านเดี่ยวครับ แบรนด์คอนโดที่จะเห็นกันบ่อยๆ หน่อยของ AssetWise ก็อย่างเช่น Brown Condo, Modiz, Atmoz หรืออย่างแบรนด์ที่ดังๆ ในย่านรังสิต จับทำเลติดสถานศึกษาก็อย่างเช่นคอนโดแบรนด์ Kave ที่มีทั้งตรงธรรมศาสตร์และม.กรุงเทพครับ 

KAVE TOWN ม.กรุงเทพฯ

KAVE TU ม.ธรรมศาสตร์

แล้วแบรนด์ Atmoz หล่ะ

ทำความรู้จักกับ AssetWise กันไปแล้ว มารู้จักกับโครงการกันบ้างครับ สำหรับโครงการนี้ AssetWise เลือกเอาแบรนด์ Atmoz มาลง ซึ่งโครงการ Atmoz ที่ผ่านๆ มา จุดเด่นของแบรนด์นี้เลยคือส่วนกลางที่อลังการครับ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ทำออกมาค่อนข้างจัดเต็ม เหมาะสำหรับคนที่ชอบส่วนกลางเยอะๆ รวมไปถึงบรรยากาศในโครงการที่ทำออกมาค่อนข้างเป็นบรรยากาศสำหรับการพักผ่อน

อย่างทีมงานเองเคยไป Atmoz ลาดพร้าว 71 ที่นั่นก็จะเป็นคอนโดสไตล์รีสอร์ท มีสระว่ายน้ำรับวิวทะเลสาปที่ติดกับโครงการเลย โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 ที่นี่ก็ให้สระว่ายน้ำ 2 สระทั้งบนชั้น 1 และที่ดาดฟ้าชั้น 8 รับวิวเมือง หรืออย่างโครงการ Atmoz บางนาที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ก็เป็นอีกโครงการที่จัดส่วนกลางมาเต็มตามสไตล์แบรนด์นี้ครับ

Atmoz ลาดพร้าว 71

Atmoz ลาดพร้าว 15

Atmoz แจ้งวัฒนะ

Atmoz บางนา

โดยโครงการ Atmoz แต่ละที่ แต่ละโครงการ ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปครับ มาถึงโครงการ Atmoz Kanaal Rangsit ที่นี่ก็ยังเป็นคอนโดในสไตล์ Atmoz ที่คุ้นเคยกันคือให้ส่วนกลางแน่นๆ แต่บรรยากาศโครงการที่นี่จะพิเศษหน่อยตรงที่ด้านข้างของโครงการตลอดแนว จะติดกับริมน้ำด้วยครับ ซึ่งโครงการเลยออกแบบให้มาในตีม Amsterdam ดึงแรงบันดาลใจจากเมืองติดริมน้ำมาผสมกับงานดีไซน์ส่วนกลาง จะเป็นยังไง เดี๋ยวเราพาไปดูพื้นที่ส่วนกลางแบบละเอียดครับ แต่ก่อนอื่นขอแวะมาดูที่ตั้งโครงการกันก่อนฮะ

ทำเลที่ตั้ง

700 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต ติดริมน้ำ ใกล้ห้าง/แหล่งงาน

700 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีแเดง

ที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดกับถนนรังสิต-ปทุมธานี ซึ่งเป็นถนนสายหลักสายหนึ่งของย่านนี้ครับ โดยจะอยู่ด้านฝั่งเมืองปทุม (ถ้ามองจากถนนวิภาวดี) แต่นอกจากถนนใหญ่แล้ว ทำเลของที่นี่จะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิตด้วยครับ

โดยระยะทางจากโครงการไปสถานีรถไฟฟ้าจะอยู่ที่ 700 เมตร ซึ่งก็ถือว่ายังอยู่ในระยะที่เดินได้ครับ สามารถเดินจากหน้าโครงการ ผ่านใต้สะพานทางข้ามรถไฟ เพื่อไปถึงสถานีได้เลย 

ตัวโครงการก็จะไม่ได้อยู่ติดกับทางรถไฟซะทีเดียว มีระยะห่างออกมาพอสมควร ดังนั้นใครที่กังวัลเรื่องของเสียงรถไฟ น่าจะพอเบาใจได้อยู่ครับ

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงก็จะเป็นสายที่สามารถเข้าสู่ในเมืองได้ครับ สถานที่หลักๆ ที่สายนี้วิ่งวิ่งผ่านก็อย่างเช่น สนามบินดอนเมือง, ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนงามวงศ์วาน และสามารถไปต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีกลางบางซื่อครับ จากจุดนี้ก็จะไปได้หลากหลายเลย เช่น จตุจักร, รัชดา, ลาดพร้าว, พระราม 9, อโศก เป็นต้น

ในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีแดงซึ่งถูกวางแผนมาให้เป็นรถไฟฟ้าสายชานเมือง ก็มีแผนที่จะสร้างต่อออกไปอีก จากเดิมที่สุดแค่สถานีรังสิต ก็มีแผนจะสร้างไปถึงม.ธรรมศาสตร์ และในระยะยาวก็มีแผนที่จะสร้างไปถึงอยุธยาเลยครับ ส่วนฝั่งในเมืองก็จะสร้างต่อไปถึงหัวลำโพง-มักกะสัน-หัวหมากเลย

แผนส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มในอนาคต

การเดินทางมาโครงการ

โครงการจะตั้งอยู่บนถนนรังสิต-ปทุมธานี บริเวณจุดกลับรถช่วงสะพานข้ามทางรถไฟสถานีรังสิตครับ ถ้าหากว่ามาจากทางฝั่งปทุม ก็สามารถกลับรถ เพื่อมาเข้าโครงการได้เลย แต่ถ้าหากว่ามาจากฝั่งวิภาวดีหรือฟิวเจอร์ ทางลงสะพานจะอยู่เลยโครงการไปนิ๊ดเดียวว ทำให้ต้องกลับรถเพื่อเข้าโครงการอีกทีนึง

เอ๊ะ อย่างนี้ก็ต้องกลับรถหลายรอบเพื่อเข้าโครงการหรือเปล่า??

ใช่ครับ สำหรับปัจจุบันยังต้องกลับรถสองรอบเพื่อเข้าโครงการอยู่ ซึ่งใครที่มา Sales Gallery ก็สามารถมาลองดูเส้นทางได้ครับ โดยจุดกลับรถจะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วมากลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟอีกทีเพื่อเข้าโครงการ


กลางรังสิต ใกล้ห้าง ใกล้แหล่งงาน 

สำหรับทำเลตรงนี้ จุดเด่นนอกจากจะใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว ที่ตั้งโครงการก็ไม่ห่างจากห้างหลักของย่านนี้อย่างฟิวเจอร์พาร์ครังสิตครับ โดยจะอยู่ถัดจากโครงการไปประมาณ 2 กม. นอกจากนี้โซนรังสิตแถวนี้ก็จะมีแหล่งงานสำคัญๆ หลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นสตูดิโอของ Workpoint ที่อยู่ซอยฝั่งตรงข้าม, มหาวิทยาลัยรังสิต, นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี, หรือบนแนวถนนพหลโยธินเองก็จะมีโรงงานตั้งอยู่เช่นกัน 

ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าฟิวเจอร์พาร์ครังสิตก็เป็นห้างใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของย่านนี้ แต่ที่ดินของฟิวเจอร์เองนั้นมีขนาดใหญ่มากๆ กว่า 660 ไร่อยู่บริเวณสองฝั่งของหัวมุมแยกครับ ซึ่งปัจจุบันยังถูกเอามาพัฒนาไม่หมด ดังนั้นในอนาคตตรงนี้ก็จะมีโอกาสพัฒนาเป็นโปรเจคต่างๆ ตามมา อย่างปัจจุบันเราก็จะเห็นว่าทางฟิวเจอร์กำลังสร้างเป็นฟิวเจอร์ซิตี้ ดึงโรงแรมโนโวเทลมาเปิดเพิ่งเสร็จหมาดๆ และมี Future Arena ที่เป็นศูนย์กีฬาตั้งอยู่

นอกจากที่บนถนนพหลโยธินเอง ถัดไปไม่ไกล บริเวณที่ดินของโรงงานไทยเมล่อนเดิมที่ตอนนี้เป็นที่ตั้งของไทวัสดุ ตรงนี้ก็เป็นที่ดินขนาดใหญ่มากของกลุ่มเซนทรัลเช่นกัน ในอนาคตเราก็น่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของย่านนี้อีกพอสมควรครับ


มาดูโครงการกันบ้าง

คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศกลิ่นอายของเมืองอัมสเตอร์ดัม

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ : Atmoz Kanaal Rangsit
Developer :บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
เนื้อที่โครงการ :9-0-92.6 ไร่
จำนวนห้องพักอาศัย :ห้องพักอาศัย 974 ยูนิต + ร้านค้า 5 ยูนิต
รูปแบบโครงการ :Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร
ลิฟต์ :อาคารละ 2 ตัว
ที่จอดรถ :ประมาณ 37% (รวมซ้อนคัน)
สถานะโครงการ :ยังไม่เริ่มก่อสร้าง
Facility :BUILDING A :
ATMOZER’s Lobby / Grand Lobby Lounge / Outdoor Chilling Café / Tutor Working Pods


BUILDING B :
Green Haus Lobby / VR Room / Game Arena / Play Space / Grab n’ Go Station / Laundry / Live Studio / Karaoke Room


BUILDING C :
The Hallway / Healing Therapy / Grooming Salon / Private Tutor / Co-Dining Party / Kid’s Club / Gathering Room / Library Lounge


BUILDING D :
Social Club / Fit Station (24 Hrs.) / Yoga Club / Sauna


OUTDOOR :
Sunlight Pool / Sun Deck / Fun Pool / Kid’s Pool / Net Seating / Jacuzzi /
Hydrotherapy / Waterfront Chilling Cafe / The Glass House (24 Hrs.) / Cinematic Room / Bike Station / Edible Garden / Outdoor Terrace with Pier / Sky Garden / Sky Bar / View Deck / Outdoor Working / Organic Garden / Glamping & Outdoor Cinema
สิ่งอำนวยความสะดวก :– ระบบเข้าโครงการและส่วนกลางแบบ Touchless
– SMART ASSETWISE APPLICATION
– SMART CONTROL BOOKING FACILITIES
– SMART VENDING MACHINE
– SMART LAUNDRY
– SMART LOCKER
– SMART SECURITY LIVING
แบบห้อง : 1 Bedroom ขนาด 23.6 – 25.8 ตารางเมตร
1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.5 – 27.5 ตารางเมตร
1 Bedroom Extra ขนาด 27.2 – 29.0 ตารางเมตร
1 Bedroom Plus ขนาด 34.4 – 34.9 ตารางเมตร
ราคา :เริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : ประมาณ 65,000 บาท/ตารางเมตร

มาดูตัวโครงการกันบ้างครับ ที่นี่อย่างที่บอกไปว่าโครงการจะออกแบบมาโดยใช้แรงบันดาลใจจากเมือง Amsterdam ที่เป็นเมืองท่าติดริมน้ำครับ โดยตัวผังเมืองของ Amsterdam ก็จะมีการดีไซน์ออกมาให้มีคลองไหลผ่านตัวเมืองเป็นซอยต่างๆ 

สำหรับที่ Atmoz Kanaal Rangsit ที่ได้ที่ดินติดริมน้ำมาเหมือนกัน เลยดึงบรรยากาศและกลิ่นอายของเมือง Amsterdam มาใช้เป็นตีมการออกแบบหลักของที่นี่ฮะ โดยด้านข้างของโครงการจะติดกับริมน้ำตลอดแนวครับ ซึ่งโครงการก็จะวางตึกให้สามารถรับวิว รวมไปถึงจัดพื้นที่ส่วนกลางให้มีพื้นที่สามารถชมวิวริมน้ำได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ตัวโครงการของที่นี่จะเป็นอาคาร Low-Rise 8 ชั้น จัดออกมาทั้งหมด 4 อาคาร จำนวนห้องพัก 974 ยูนิตบนพื้นที่ดินประมาณ 9 ไร่ครับ โดยรูปแบบของที่ดินที่นี่จะออกมาเป็นแนวยาว มีตึกวางขนาบคู่กัน และจัดพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างอาคารสองด้าน โดยพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 เป็นหลักและมีบางส่วนอยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 8 ของโครงการครับ

โดยพื้นที่ชั้น 1 ของที่นี่นอกจากพื้นที่ส่วนกลางและสวนที่อยู่ตรงกลางแล้ว บริเวณใต้อาคารและพื้นที่รอบๆ ก็จะใช้เป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ สามารถจอดได้ทั้งหมดประมาณ 37% (รวมซ้อนคัน) ครับ ส่วนห้องพักอาศัยก็จะอยู่ที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8

ทางเข้าของโครงการจะอยู่ทางด้านข้างฝั่งซ้ายครับ ด้านข้างตรงนี้โครงการจะทำเป็นถนนไว้ยาวไปถึงด้านหลังเลย ซึ่งด้านหลังจะเป็นพื้นที่โครงการในอนาคตครับ ที่ก็จะใช้ถนนทางนี้เป็นทางเข้าออกร่วมกัน

บริเวณด้านหน้าของโครงการ ตรงนี้จะมีการออกแบบเป็น Shop ไว้สำหรับทำร้านค้าเอาไว้ด้วย จำนวน 5 ร้าน อำนวยความสะดวกสำหรับลูกบ้าน ให้ไม่ต้องออกไปซื้อของไกลครับ ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นร้านอะไรมาลง โดยตีมการตกแต่งก็ยังมาคุมไตล์จากเมืองอัมสเตอร์ดัมอยู่ด้วยหลังคาผ้าใบ

ส่วนอาคาร Sales Gallery ที่เห็นอยู่ ตรงนี้จะอยู่นอกพื้นที่ของโครงการนะครับ 

ส่วนกลางอลังการรรรร กว่า 40 รายการ

บอกเลยว่าไม่เกินจริง ที่นี่มีส่วนกลางมากกว่า 40 รายการจริงๆ เดี๋ยวลองมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง

พื้นที่สีเขียว

มาดูพื้นที่ส่วนกลางด้านในกันบ้างครับ ช่วงตรงกลางระหว่าง 2 ตึกจะเป็นพื้นที่สีเขียวเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงมีสระว่ายน้ำ และ The Glass House ตั้งอยู่ครับ โดยจะมีบางช่วงของสวนที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ตรงนี้ทางโครงการก็ได้ออกแบบมาให้พื้นที่ส่วนกลางได้รับวิวของพื้นที่ริมน้ำได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ที่บริเวณพื้นที่ด้านในชั้น 1 ของอาคารจะมีบางจุด ที่ใช้เป็นพื้นที่จอดรถด้วยครับ ซึ่งตรงนี้โครงการก็ได้มีการออกแบบให้มีหลังคาปิด พร้อมทำสวนด้านบนที่ชั้น 2 ทำให้วิวของสวนด้านในเมื่อมองจากบนห้องก็จะเห็นแต่พื้นที่สีเขียว จะแทบไม่เห็นที่จอดรถที่ชั้น 1 ครับ ก็เป็นอีกดีเทลการทำสวนของที่นี่ให้ดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น แบ่งโซนที่จอดรถกับโซนพักผ่อนชัดเจน แถมบนชั้น 2 ก็เป็นพื้นที่เพิ่มให้ลูกบ้านมาใช้งานพักผ่อนได้ด้วย จุดนี้จะมี Sky Bar รวมถึง Deck สำหรับขึ้นมาชมวิวสวนและพื้นที่สำหรับนั่งทำงานแบบ Outdoor

สระว่ายน้ำ Olympic Size ยาว 50 เมตร

สระว่ายน้ำของที่นี่จะจัดไว้อยู่ตรงกลางของโครงการครับ เป็นสระที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลย แต่นอกจากขนาดแล้ว ก็จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างหลากหลายด้วยเช่นกัน โดยจะมีทั้งมุมที่เป็น Jacuzzi, มุมน้ำตก Hydrotherapy, มุมสำหรับแช่น้ำเล่นไม่เน้นว่ายจริงจัง, มุมสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิว รวมไปถึงมี Fun Pool ที่มี Slider และมี Kid’s Pool สำหรับเด็กด้วยครับ

The Glass House

สำหรับ The Glass House ก็เป็นส่วนกลางไฮไลท์อีกจุดนึงของโครงการที่ตั้งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ตรงนี้จะเป็นเหมือนกับวิลล่ากระจกริมสระ ให้ลูกบ้านเข้ามานั่งพักผ่อนชิวๆ หรือมานั่งทำงานกันได้ ซึ่งตรงนี้เค้าเปิดให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้ 24 ชั่วโมงเลย ใครเบื่อๆ จากในห้องก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นห้องนี้แทนได้ ของจริงน่าจะวิวดี บรรยากาศดีแน่นอน

ส่วนกลางในอาคาร

จบส่วนกลางที่อยู่ภายนอกอาคารไปแล้ว ต้องบอกว่านี่ยังเป็นแค่ส่วนน้อยครับ ส่วนน้อยจริงๆ เพราะที่นี่เค้าให้พื้นที่ส่วนกลางมากว่า 40 รายการ ตอนทีมงานไล่ลิสดูว่ามีอะไรบ้างยังงงเลยครับ ทำไมไม่หมดซะที 555555 

โดยที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 ของแต่ละอาคาร ที่นี่ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางให้กับลูกบ้านได้มาใช้งานครับ โดยแต่ละห้องก็จะมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเท่าที่ลองดูแล้ว มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นร้องเกะ ดูหนัง ห้องเล่นเกม ห้องติวหนังสือ ห้อง Studio สำหรับถ่ายงาน ห้องจัดปาร์ตี้ ห้องสำหรับทำผม ทำเล็บ และห้องสปา เอากับเค้าสิ

จากการออกแบบและการทำพื้นที่ส่วนกลางแต่ละห้อง ก็ดูจะเอาใจ lifestyle คนยุคใหม่พอสมควรเลยฮะ รายละเอียดของแต่ละจุด แต่ละโซนจะเป็นอย่างไร เรามาดูไปพร้อมๆ กันครับ

ส่วนกลางที่ชั้น 1

ส่วนกลางที่ชั้น 2

ส่วนกลางที่ชั้นดาดฟ้า

(1) ATMOZER’s Lobby 

ในส่วนของ Lobby แต่ละอาคาร Mood&Tone จะแตกต่างกันหมดเลย แถมแต่ละอาคารยังมีชื่อ Lobby เป็นของตัวเองด้วยนะ อย่างที่ ATMOZER’s Lobby จะค่อนข้างใหญ่ ดูทันสมัย เน้นไปที่โทนสีขาว น้ำตาล และดำ ดูสบายตาเวลาเดินเข้ามาครับ

(8) Green Haus Lobby

จะเป็นชื่อ Lobby ของอาคาร B จะเน้นไปที่โทนสีเขียวกับน้ำตาล ที่นั่งไม่ได้มีเยอะ แต่ก็ออกแบบมาให้ลูกบ้านสามารถนั่งร่วมกันได้

(10) The Hallway

ส่วนห้องนี้จะเป็น Lobby ของอาคาร C มาในสไตล์เรียบๆ ไม่เน้นเยอะ ใช้โทนสีครีมตัดกับสีน้ำตาล และเสริมความน่าดึงดูดด้วยโซฟาสีน้ำเงิน ห้องนี้จะได้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา และไม่น่าเบื่อครับ

(2) Grand Lobby Lounge

สำหรับ Grand Lobby Lounge จะอยู่ที่อาคาร A ครับ เป็นอาคารเดียวที่มีนะ อาคารอื่นจะเป็น Lobby แบบธรรมดาแทน จริงๆ อาคาร A ก็มี 2 Lobby ด้วยกัน ก็คือ Grand Lobby Lounge กับ Lobby แบบปกติ ซึ่ง Grand Lobby Lounge จะเป็นเหมือน พื้นที่ที่เราเอาไว้ต้อนรับแขก เวลาเพื่อนเรามาหา ครอบครัวมาหา หรือนัดทำธุระ เราสามารถนัดให้มานั่งที่ Lobby นี้ก่อนได้ อารมณ์คล้ายๆ Guest Lobby ครับ

(33) Tutor Working Pods

ที่เพื่อนๆ เห็นในรูปของ Grand Lobby Lounge จะเห็นว่าเขามีบันไดด้วย ซึ่งถ้าเราเดินขึ้นบันไดมาจะเจอกับโซน Tutor Working Pods มานั่งทำงาน นั่งติวหนังสือกับเพื่อนได้ มีทั้งโต๊ะแบบขอนั่งเงียบๆ คนเดียว กับโต๊ะคู่ เอาไว้ติวหนังสือกับเพื่อน

(6) Play Space

ในอาคาร B จะมี 4 ห้องที่เชื่อมต่อกันอยู่ครับ คือ Play Space, VR Room, Game Arena และ Grab n’ Go Station โดยห้อง Play Space ก็จะเป็นห้องเล่นเกมชิวๆ มีโต๊ะพูลมาให้ด้วย มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ใครเบื่อๆ เหนื่อยล้าจากการทำงาน เครียดจากการเรียนก็มานั่งเล่นที่ห้องนี้ได้

(5) Game Arena

เป็นห้องเล่นเกมที่มีอุปกรณ์และ Gadget ต่างๆ แบบครบครัน มีจอทีวีขนาดใหญ่มาให้ดูภาพในเกมกันแบบฟินๆ แล้วถ้าใครชอบเล่นเกมแข่งรถ ขับรถ หรือบังคับรถ เขาก็มีพวงมาลัย มาพร้อมเก้าอี้และชุดขับรถแบบจัดเต็ม ผมบอกเลยว่าถ้าผมอยู่ที่นี่ ผมจะต้องมาเล่นเกมแข่งรถที่ห้องนี้แน่นอน 555

(7) Grab n’ Go Station

เวลาที่เราสั่งอาหาร สั่งของมา แล้วต้องรอรับของ ห้องนี้ตอบโจทย์มากครับ ไม่ต้องไปนั่งรอที่ Lobby ก็ได้ เพราะเรามี Grab n’ Go Station มีพื้นที่ให้นั่งรอเพียบ ถ้าเกิดว่าเราลงมาแล้ว แต่ไรเดอร์ยังไม่มา จะได้ไม่ต้องยืนรอเก้อฮะ

(34) Live Studio

ชั้น 2 ของ Play Space จะมีอีก 2 ห้องครับ หนึ่งในนั้นก็คือ Live Studio เป็นเหมือนสตูดิโอถ่ายภาพ ให้ลูกบ้านมาใช้ทำงานได้ อยากจะถ่ายรูปทำแบรนด์สินค้า ขายเสื้อผ้า หรืออยาก live ขายของ แต่ไม่รู้จะไปถ่ายที่ไหน ไม่อยากเสียเงินเยอะ มาที่ห้องนี้ได้เลย

(35) Karaoke Room

ห้องคาราโอเกะมาในสไตล์มินิมอลครับ มีโซฟาตัวใหญ่ๆ หนึ่งตัว กับทีวีเอาไว้ร้องเพลง แล้วก็เครื่องเสียงมาแบบจัดเต็ม ใครอยากร้องเพลง อยากระบาย อยากจะตะโกน แนะนำให้มาร้องเพลงที่ห้องคาราโอเกะ รับรองสมองปลอดโปร่งโล่งสบาย

(14) Co-Dining Party

ห้องนี้จะอยู่ที่อาคาร C ครับ เป็นห้องทานอาหารขนาดใหญ่เลย มีครัวมาให้ทำอาหารพร้อม หรือจะจ้างเชฟด้านนอกมาทำอาหารให้ทานก็ได้ เพราะห้องนี้เองก็ใช้จัดปาร์ตี้ได้เหมือนกันครับ อเนกประสงค์มากๆ

(12) Grooming Salon

ห้องนี้ค่อนข้างทำได้หลายกิจกรรมเลย ตั้งแต่ตัดผม ทำผม แต่งหน้า ถ้าเราจ้างช่างมา สามารถใช้พื้นที่ที่ห้องนี้ได้นะ หรือจะมาทำเล็บ แช่เท้า สปาเท้า สปาเล็บ เม้ามอยกับเพื่อน ได้หมด เป็นกิจกรรมยามว่างที่อยู่ในคอนโดก็สามารถทำได้ครับ

(11) Healing Therapy

ห้องนี้เป็นเหมือนสปาครับ เราจ้าง Therapist มานวดได้เลย ตัวห้องจะอยู่ติดกันกับ Grooming Salon วันไหนรู้สึกขี้เกียจๆ อยากนวดนะ แต่ไม่อยากออกไปข้างนอก มาใช้บริการห้องนี้ได้ฮะ

(15) Kid’s Club

ห้องเด็กเล่นมาใน Theme ป่าครับ มีสัตว์และสิ่งมีชีวิตเพียบ รับรองเด็กๆ ชอบแน่นอน แถมยังมีสไลเดอร์ด้วย ถ้ามีลูกมีหลาน ไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในห้อง พาไปเดินที่สวนบ้าง มาเล่นที่ห้องนี้บ้าง เปลี่ยนบรรยากาศให้ไม่น่าเบื่อได้ ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในส่วนกลางที่คอนโดราคาระดับนี้ไม่ค่อยจะมีให้กันด้วยครับ แต่สำหรับที่นี่ได้ห้องใหญ่เพดานสูงไปเลย

(37) Library Lounge

ถ้าเพื่อนๆ อยากอ่านหนังสือเงียบๆ ชอบความสงบ ไม่อยากให้เสียงใดๆ มารบกวน ก็มาที่ Library Lounge ได้ มีมุมให้ได้นั่งเยอะแยะเลย แถมยังมีห้องประชุมแยกให้ด้วย เผื่อใครอยากได้ห้องที่มีความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่า เป็นห้องเพดานสูงด้วยครับ

(13) Private Tutor

ด้วยความที่เป็นคอนโดใกล้มหาวิทยาลัย ก็จะเห็นว่ามีห้องติวหนังสือเยอะมาก มีหลายจุดหลายโซนเลย อย่างห้องนี้จะเน้นความเป็นส่วนตัว ติวคนเดียวก็ได้ ติวเป็นกลุ่มก็ได้ มีกระดานให้ใช้ มีอุปกรณ์ครบเลย

(16) Fit Station

อาคาร D จะเน้นในเรื่องของสุขภาพครับ จะมี Fit Station เป็นห้องออกกำลังกายที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีเครื่องเล่นหลากหลาย แต่ถ้าใครชอบเล่นโยคะ เขาก็มีห้อง Yoga Club ด้วย ออกกำลังกายเหนื่อยๆ แล้วอยากจะผ่อนคลาย ก็มีซาวน่าให้ด้วยครับ แยกชายและหญิงเลย ในแบรนด์ Atmoz ทุกๆ โครงการ เขามักจะใส่ Health Station เพิ่มเข้ามา เป็นเหมือนห้องตรวจสุขภาพ วัดความดันต่างๆ ได้

ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีบางจุดที่อาจจะยังไม่มีรูปให้ดูอยู่อย่างเช่นห้องซาวน่า, ห้องดูหนัง, ห้อง Social Club หรือห้อง VR เป็นต้นครับ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจุดอื่นๆ นอกจากบริเวณชั้น 1 และ 2 ของโครงการแล้ว ที่บน rooftop ตึก B ก็จะมีพื้นที่สวนเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกบ้านสามารถมาพักผ่อนได้ บนนี้จะมี Outdoor Cinema และแปลงผัก Organic ครับ

มาชมห้องตัวอย่าง

มีห้องตัวอย่าง 4 ห้อง สำหรับ 4 Lifestyle ขนาดอาจจะไม่ต่างกันมาก แต่ฟังก์ชั่นต่างแน่นอน!

มาดูห้องตัวอย่างของโครงการ Atmoz Kanaal Rangsit กันบ้างครับ สำหรับห้องตัวอย่างจะอยู่ที่ Sales Gallery บริเวณหน้าพื้นที่จริงของโครงการเลย ใครที่มาชมห้องก็จะเห็นบรรยากาศจริงของทำเลและที่ตั้งโครงการด้วยครับ โดยที่นี่จะมีจะมีทั้งหมด 4 อาคาร โดยอาคารที่เปิดขายก่อนจะเป็นอาคาร A ที่อยู่ด้านหน้า และอาคาร D ที่อยู่ติดกับริมน้ำ

ห้องส่วนใหญ่ของโครงการนี้จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เป็นหลักครับ มีขนาดห้องตั้งแต่ 24-28 ตารางเมตร โดยห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ขนาด 35 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้จะได้เป็นห้องแบบหน้ากว้างด้วย แต่จะมีจำนวนน้อยหน่อย ตำแหน่งอยู่เป็นห้องมุมตึกเป็นส่วนใหญ่ครับ

Floor Plan อาคาร A

Floor Plan อาคาร D

สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการนี้ทำมาให้ดูก็มี 4 ห้อง 4 สไตล์เลย เราลองมาดูกันครับว่าห้องแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

1 Bedroom : 24.20 ตารางเมตร

ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น รวมพื้นที่ Living และห้องนอนไว้ด้วยกัน

ห้องนี้จะเป็นแปลนห้องในแนวห้องแบบ Studio ครับ คือมีพื้นที่โซนนั่งเล่นกับโซนห้องนอนที่ใช้ร่วมกัน โดยเปิดเข้ามาเราจะพบกับพื้นที่ครัวก่อน ส่วนด้านข้างของครัวจะเป็นพื้นที่ห้องน้ำ

ห้องครัวของห้องไซส์นี้ก็จะมีขนาดกำลังพอดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ให้ชุดครัวตามในรูปเลยครับ สีของหน้าบานเป็นดีไซน์พิเศษเฉพาะโครงการนี้ ทางโครงการจะติดตั้งชุดเตาและเครื่องดูดควันมาให้เลย โดยจะได้เป็นแบบหมุนวนของแบรนด์ Teka ครับ

ซึ่งห้องแปลนนี้จะได้ครัวเป็นแบบครัวปิด มีฉากกั้น เพื่อกันกลิ่นเข้าไปห้องนั่งเล่นด้วยครับ แต่เครื่องดูดควันที่โครงการให้มาจะเป็นแบบระบบหมุนวนนะ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจังมาก

ห้องน้ำก็เป็นสัดส่วน มีแยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้ ของจริงได้ตามในรูปนี้เลยครับ

มาถึงโซน Living โซนนี้จากห้องตัวอย่างจะวางโซฟาได้ 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีค่อนข้างกว้างพอสมควรครับ ข้อดีของห้องแปลนนี้คือพอพื้นที่ห้องไม่ได้ใหญ่มาก การรวมพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเข้าด้วยกันก็จะทำให้ห้องดูไม่อึดอัดครับ

ถัดมาจะเป็นส่วนของที่นอนและตู้เสื้อผ้า โครงการจะออกแบบให้ตู้เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียง ตรงนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมหัวเตียงได้

และที่บริเวณหน้าต่าง ตรงนี้จะยังมีพื้นที่เหลืออีกครับ สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน เป็นโต๊ะแต่งหน้า หรือวางโซฟาไว้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวได้ ข้อดีของโครงการนี้คือให้หน้าต่างที่ค่อนข้างจะใหญ่เลยครับ ทำให้รับวิวรับแสงเข้าห้องได้ค่อนข้างเยอะ

ซึ่งห้องแปลนลักษณะแบบนี้ก็จะมีข้อดีตรงที่ พอรวมพื้นที่กันนอกจากห้องจะดูไม่อึดอัด การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ก็จะค่อนข้างยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคน สำหรับใครเพื่อนเยอะ อาจจะเปลี่ยนโซฟาเป็น 3 ที่นั่ง แปลนห้องก็ยังพอมีพื้นที่เลื่อนเตียงออกไปได้ หรือใครชอบที่นอนใหญ่ๆ ก็ยังมีพื้นที่ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงขนาด 6 ฟุตได้

อย่างในห้องตัวอย่าง โครงการก็จัดออกมาให้ห้องสามารถมีทั้งพื้นที่ดูทีวี พื้นที่สำหรับนอน และมีพื้นที่โต๊ะทำงานด้วย แต่ในเรื่องความเป็นส่วนตัว หรือความเป็นสัดส่วนในการใช้งานก็อาจจะยังไม่เท่าห้องที่มีแบ่งพื้นที่ living ครับ อันนี้ก็จะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนฮะ

อ่อ ระเบียงของห้องนี้จะมีขนาดกำลังกระทัดรัด ไม่กินพื้นที่ในห้องมากครับ จะเน้นสำหรับใช้งาน โดยจะไว้สำหรับแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ และจะมีพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้ามาให้ โครงการได้มีการเดินท่อและปลั๊กไฟมาไว้เป็นที่เรียบร้อย

ลิสเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องขนาด 24.20 ตารางเมตร

1 Bedroom Exclusive : 25.70 ตารางเมตร

กว้างขึ้นอีกนิด พร้อมฟังก์ชั่นครัวปิดติดระเบียง แบ่งโซนห้องนอน

สำหรับห้องตัวอย่างถัดมา ห้องนี้จะมีขนาด 25.7 ตารางเมตรครับ ขนาดอาจจะเพิ่มไม่มาก แต่ฟังก์ชั่นห้องจะต่างกันพอสมควร ห้องนี้เปิดเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนครับ ซึ่งห้องนั่งเล่นห้องนี้จะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมาด้วย ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอาจจะแคบลงจากห้อง 24.2 ตารางเมตรเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระยะที่กำลังโอเคครับ ตัวห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้วางรองเท้าให้อีกด้วยครับ

อย่างโซนรับประทานอาหารของห้องตัวอย่าง จะถูกออกแบบมาเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน/เล่นเกมครับ มีพื้นที่พอประมาณเลย

โซนปีกซ้ายของห้อง จะเป็นห้องน้ำและก็ห้องครัวครับ สำหรับคนที่ทำอาหารแปลนนี้ก็จะตอบโจทย์มากขึ้น เพราะจะได้ครัวปิดแบบติดระเบียง สามารถเปิดประตูระบายกลิ่นได้ดีกว่า ชุดครัวที่ใหญ่ก็จะคล้ายกัน แต่ห้องนี้จะพิเศษตรงที่ได้ชั้นวางของด้านข้างเพิ่มขึ้นมาด้วยอีกจุดนึง ตรงนี้โครงการทำมาให้เลย ไม่ต้องทำเพิ่มครับ เป็นชุดครัวที่ค่อนข้างเก็บของได้เยอะเลยครับ

ดังนั้นใครที่ชอบครัวใหญ่ๆ แปลนนี้จะพิเศษตรงได้ห้องครัวพื้นที่ใหญ่สุดนะ!!

ด้านข้างของห้องครัวก็จะเป็นพื้นที่ห้องน้ำ ขนาดตามมาตรฐานไม่แคบครับ ส่วนระเบียงด้านบนจะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ และด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ครับ

ถัดมาที่ห้องนอนกันบ้างครับ ห้องนี้จะได้ห้องนอนที่เป็นสัดเป็นส่วนครับ มีบานปิดแยกโซนกับห้องนั่งเล่นชัดเจน และจะได้แอร์เพิ่มเป็น 2 เครื่องครับ พื้นที่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ค่อนข้างฟิกตำแหน่งนิดนึง คือจะวางเตียงได้ 5 ฟุตและด้านข้างจะเป็นตู้เสื้อผ้าครับ ซึ่งจะพอดีพื้นที่ อาจจะเปลี่ยนเตียงให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้หรือวางโต๊ะหัวเตียงไม่ได้ แต่ช่วงปลายเตียงก็ยังมีพื้นที่เหลือพอจะให้วางชั้นวางทีวีหรือตู้เล็กๆ ไว้เก็บของเพิ่มเติมได้อีกครับ

ลิสเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องขนาด 25.70 ตารางเมตร

1 Bedroom Exclusive : 26.10 ตารางเมตร

สำหรับคนชอบห้องนอนที่เป็นส่วนตัว ห้องน้ำเข้าได้สองทาง

สำหรับห้องถัดมา ขนาดจะใกล้กันกับห้องตัวอย่างห้องที่ 2 เลยครับ กับห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.1 ตารางเมตร แต่ฟังก์ชั่นของห้องนี้จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ได้ห้องนอนแบบปิด สำหรับคนที่ชอบให้ห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ ไม่ชอบให้เวลาเพื่อนหรือใครมาห้องแล้วเห็นห้องนอน ถ้าไม่จำเป็น

โดยแปลนนี้เข้ามา เราก็จะเจอกันกับห้องนั่งเล่นก่อน ซึ่งก็จะคล้ายกันกับห้องขนาด 25.7 ตารางเมตรครับ มีพื้นที่วางตู้รองเท้า วางโซฟา 2 ที่นั่งและวางโต๊ะรับประทานอาหารเช่นกัน แต่ห้องจะมีการเอาห้องน้ำมาไว้อีกฝั่งนึง แทนที่จะเข้าจากทางครัว ก็จะเข้าจากห้องนั่งเล่นแทน ส่วนครัวก็จะอยู่ถัดไปจากห้องนั่งเล่น

ครัวของห้องแปลนนี้จะได้เป็นครัวแบบปิด ติดระเบียงเช่นเดียวกัน แต่ขนาดจะลดลงจากห้องไซส์ 25.7 เล็กน้อย 

ไฮไลท์ของห้องนี้คือความเป็นส่วนตัวของห้องนอนครับ จะได้ห้องผนังทึบ และบานประตูแบบปกติสำหรับให้ห้องนอนแยกจากห้องนั่งเล่นแบบเป็นส่วนตัวไปเลย ซึ่งการออกแบบผังห้องก็คิดเผื่อการใช้งานมาให้แล้ว คือจะทำประตูห้องน้ำให้เข้าออกได้ 2 ทางไปเลย สำหรับแขกหรือใครมา ไม่อยากให้เข้ามายุ่งในห้องนอนก็จะให้เข้าทางประตูห้องนั่งเล่นไป ส่วนเวลานอน ถ้าอยากเข้าห้องน้ำ ก็ไม่ต้องเดินอ้อมไปห้องนั่งเล่น สามารถเข้าห้องน้ำได้จากห้องนอนเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างน่าสนใจครับ เห็นได้ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่

ห้องนอนของไซส์นี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากห้อง 25.7 เล็กน้อยครับ คือจะเพิ่มพื้นที่ให้สามารถวางโต๊ะข้างเดียงได้ ส่วนปลายเตียงก็ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะวางทีวีปลายเตียงหรือตู้เก็บของได้อีกเช่นกัน

ลิสเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องขนาด 26.10 ตารางเมตร

1 Bedroom Extra 28.30 ตารางเมตร

ห้องนอนใหญ่ขึ้น สำหรับคนชอบแต่งตัว มี His&Her Walk-in Closet

มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายกันบ้างครับ ห้องนี้จะได้หน้ากว้างของห้องเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีพื้นที่ห้องนอนเพิ่มขึ้นอีก ทำให้มีพื้นที่สำหรับเป็นพื้นที่แต่งตัวโดยเฉพาะ แต่เดี๋ยวเรามาดูจากหน้าห้องกันก่อน

แปลนห้องนี้จะคล้ายกันกับห้องแบบ 26.1 ตารางเมตรครับ คือเปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นก่อน มีพื้นที่สำหรับวางโซฟา 2 ที่นั่ง วางโต๊ะรับประทานอาหาร ข้างโต๊ะวางทีวีมีพื้นที่วางตู้รองเท้าแบบเดียวกันเป๊ะ ส่วนถัดจากห้องนั่นเล่นก็จะเป็นห้องครัวเช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือห้องนั่งเล่นจะไม่ได้มีประตูสำหรับเข้าห้องน้ำ แต่ได้ห้องนอนใหญ่ที่มี His&Her Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำมาแทนครับ

พื้นที่ครัวที่จัดออกมาก็จะคล้ายกันกับห้องแบบ 26.1 ตารางเมตรครับ ระเบียงก็เช่นกัน

มาถึงห้องนอนที่เป็นไฮไลท์ จากพื้นที่นี่เพิ่มขึ้น ห้องนี้ก็จะได้พื้นที่ปลายเตียงเพิ่มมาอีกเล็กน้อยครับ อาจจะวางตู้หรือชั้นวางทีวีได้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหน่อย 

ส่วนบริเวณหัวเตียง ก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง หรือถ้าไม่วางโต๊ะข้างเดียง อยากเปลี่ยนเป็นเตียงไซส์ 6 ฟุต ก็ยังมีพื้นที่เหลือพอให้วางได้ครับ ซึ่งพอมีพื้นที่รอบเตียงเยอะขึ้น ก็จะได้ข้อดีในเรื่องของการใช้งานด้วย อย่างใครที่นอนด้านใน จะลุกมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ห้องนี้ก็จะสามารถเดินลงฝั่งตัวเองได้เลย ไม่ต้องกวนคนนอนข้างๆ ครับ

ส่วนพื้นที่แต่งตัวของห้องนี้ค่อนข้างจัดเต็มเลย กับตู้เสื้อผ้าที่มีพื้นที่กว้างเป็นพิเศษ นอกจากนี้ก็ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งโดยเฉพาะ ตรงนี้ก็จะเป็นกึ่งๆ Walkin Closet เลย หรือถ้าใครอยากจะกั้น บิ้วด์เป็น Walkin Closet จริงๆ พื้นที่ก็พอให้ทำได้นะครับ

ส่วนที่ถัดมาจากโซนแต่งตัว ก็จะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ แปลนห้องน้ำห้องนี้จะเป็นลักษณะหน้ากว้างหน่อย ได้พื้นที่ส่วน Shower Box ที่ค่อนข้างกว้างครับ สามารถทำเป็นที่นั่งอาบน้ำ หรืออาบพร้อมกัน 2-3-4 คนได้ เอ๊ะะ