มินิรีวิว

พาชมโครงการ “XELF by Sansiri” คอนโดใหม่ล่าสุด ติดถนนพระราม 4 ทะลุไป BTS ทองหล่อได้ มีให้เลือกทั้ง Simplex และ Loft เริ่ม 3.59 ล้าน*

ช่วงปลายปีนี้แสนสิริค่อนข้างคึกคักเลยครับ มีทั้งโครงการเปิดใหม่ ทั้งโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จช่วงนี้พอดี อย่างก่อนหน้านี้เราก็เพิ่งไป FLO by Sansiri กับ The Base Urban พระราม 9 มา วันนี้เราขอพามาดูอีกหนึ่งโครงการ ที่เป็นโปรเจคคอนโดที่ใหญ่ที่สุดจากแสนสิริในปีนี้กันครับ กับ “XELF by Sansiri” เป็นอีกโครงการที่หลายคนรออยู่ กับที่ดินแปลงใหญ่ประมาณ 4 ไร่ อยู่ติดกับ oka HAUS เดิมของแสนสิริที่ sold out ไปเมื่อหลายปีก่อน ทำเลเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกันเลยครับ แต่ที่นี่จะเป็นแปลงที่อยู่ด้านหน้าติดถนนกว่า

และมารอบนี้ แสนสิริทำราคาของที่นี่ให้ถูกกว่า oka HAUS ที่เปิดตัวเมื่อ 8 ปีที่แล้วด้วย มาพร้อมกับส่วนกลางที่ยกสระน้ำไปไว้ชั้นบน+ได้วิวโค้งน้ำบางกะเจ้า รวมถึงมีห้องให้เลือกทั้งห้อง Simplex หน้ากว้างและห้อง Loft เพดานสูง ค่อนข้างทำออกมาเอาใจคนที่มองมาคอนโดทำเลใจกลางเมืองอิงกับย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ-พระราม 4 แต่ราคายังเป็นไปได้ คนทำงานซื้ออยู่ได้จริง

ที่นี่จะเป็นยังไง เดี๋ยวขอเล่าคร่าวๆ ในแต่ละด้านให้อ่านกันครับ

ทำเล

ติดถนนพระราม 4 เชื่อมไปสุขุมวิท 36 แค่ 190 เมตร

ที่นี่อยู่ติดถนนพระราม 4 เลย และใกล้ซอยสุขุมวิท 36 แค่ 190 เมตรครับ ซึ่งสามารถทะลุไป BTS ทองหล่อได้ประมาณ 1.2 กิโลฯ ดังนั้นตัวทำเลเลยจะอิงจากสองฝั่งเลย ทั้งฝั่งสุขุมวิทเองและฝั่งถนนพระราม 4

อย่างฝั่งสุขุมวิทเอง ช่วงที่ทะลุปากซอย 36 ออกไปก็ถือว่าเป็นย่าน Mid Sukhumvit ที่ค่อนข้าง Prime เลยครับ ใกล้กับ BTS ทองหล่อ ค่อนข้างหน้าสนใจสำหรับใครที่มองหาคอนโดที่ทำเลอยู่ในแนวสุขุมวิทตอนกลางอย่างพร้อมพงษ์-ทองหล่อ แต่ราคายังจับต้องได้

ตรงไป BTS ทองหล่อได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลฯ จากทำเลโครงการก็สามารถเชื่อต่อถนนได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็นถนนรัชดาภิเษก, ถนนสุขุมวิท, ถนนกล้วยน้ำไท หรือถนนพระราม 3 เป็นจุดที่สามารถไปพระราม 4 – สุขุมวิท – อโศก – เอกมัย ก็ใกล้ จะไปสาทร – สีลมก็สะดวก ทั้งยังอยู่ใกล้ทางพิเศษเฉลิมมหานครด้วย แต่ในชั่วโมงเร่งด่วน ในโซนนี้ก็จะมีความรถติดอยู่บ้างครับ

อย่างถ้าคอนโดปากซอยหรือใกล้ๆ BTS ทองหล่อ ต่ำสุดก็แสนปลายๆ ต่อตร.ม.ครับ ส่วนโดยทั่วไปก็จะเป็นคอนโดระดับ Luxury ที่ราคาอยู่แถวๆ 2-5 แสน/ตร.ม. เลยครับ ที่นี่เลยเป็นทำเลทางเลือกที่เขยิบออกมานิดนึง ต่อพี่วินต่อแกร๊บมาหน่อยประมาณ 3 นาที หรือใช้ Shuttle Service ของโครงการ แต่ได้ราคาคอนโดต่ำลงมาเกือบครึ่ง อยู่ในช่วงแสนต้นๆ ต่อ ตร.ม.ครับ ซึ่งก็จะใกล้กับทั้งแหล่งออฟฟิศของย่านสุขุมวิท, แหล่ง Lifestyle ร้านกินดื่มรวมถึง Community ต่างๆ ของโซนทองหล่อ-เอกมัย และไม่ไกลจากห้างใหญ่ของย่านอย่างกลุ่ม EmDistrict ครับ

ส่วนในฝั่งพระราม 4 ที่นี่ก็จะใกล้อาคารมาลีนนท์ ไม่ไกลจากโซนศูนย์ประชุมฯ ที่มีตึก FYI, The PARQ, Punn และเชื่อมต่อไปถึง Mega Preject ใหญ่อย่าง One Bangkok และ Dusit Central Park ที่อยู่บนถนนพระราม 4 เช่นกันได้สะดวกครับ นอกจากนี้ก็จะใกล้กับหลายโรงพยาบาลในย่าน

ซึ่งในแง่ของการเดินทาง ถ้ารถไฟฟ้าอาจจะต้องต่อรถนิดนึง ส่วนการใช้รถยนต์มองว่าค่อนข้างสะดวกครับ ติดเส้นพระราม 4 ที่เป็นถนนขนานกับสุขุมวิท การจราจรในหลายๆ ช่วงเวลาบางทีคล่องตัวฝั่งสุขุมวิท สามารถใช้เป็นเส้นเลี่ยงรถติดแล้วทะลุเข้าซอยต่างๆ เพื่อไปฝั่งสุขุมวิทได้ รวมไปถึงถ้าใช้รถ นอกจากโซนสุขุมวิทเองแล้ว จะไปโซนสาทร, สีลม, สามย่าน ก็แค่ประมาณ 3-4 กิโลเท่านั้นเองครับ และขับตรงอย่างเดียวเลย ส่วนจุดขึ้นลงทางด่วนบริเวณท่าเรือ ก็ไม่ไกลจากโครงการครับ

รูปแบบโครงการ XELF by Sansiri

เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น โครงการใหญ่ ส่วนกลางหลากหลายกิจกรรม

ที่นี่จะเป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร สูง 37 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 946 ยูนิต ก็ถือว่าค่อนข้างใหญ่ และมีอาคารพาณิชย์ด้านหน้าโครงการอีก 1 อาคาร แบ่งเป็น 3 ยูนิต ก่อนจะเข้าไปยัง Lobby ที่ตัวอาคารหลัก ที่ดินจะเป็นตอนลึกประมาณ 4 ไร่ มีห้องให้เลือกหลายไทป์หลายขนาดทั้ง Simplex และ Loft

ด้วยความที่ที่ดิน oka HAUS และ XELF อยู่ติดกัน ก็จะมีตำแหน่งที่อาจจะเห็นกันแบบเยื้องๆ บ้าง แต่มุมจะหักหลบกันเกือบๆ 90 องศา ไม่ได้เป็นมุมตรงๆ ครับ และ XELF จะวางตึกไว้หน้ากว่า ก็จะหลบมุมกันเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งวิวส่วนใหญ่ของโครงการ จะค่อนข้างโล่งครับ ส่วนในแง่ความสูง ถึง oka HAUS จะมี 47 ชั้น แต่ XELF เองที่มี 37 ชั้นก็มีห้อง Loft ด้วย ดังนั้นความสูงก็จะออกมาพอๆ กันครับ

ซึ่งในความใหญ่ของโครงการ ทำให้ที่นี่ทำตัวเลือกออกมาค่อนข้างหลากหลายครับ ทั้งในด้าน Plan ห้องห้องที่มีฟังก์ชันให้เลือกหลายแบบ มีทั้งห้อง Simplex และ Loft ส่วนด้าน Facility ก็ให้มาค่อนข้างเยอะ ตัวอาคารจะตั้งลึกเข้ามาจากถนนเล็กน้อย พอให้มีระยะหนีความวุ่นวายจากด้านนอก สระว่ายน้ำจะถูกยกไว้ที่ชั้น 33 ด้านบน อยู่ทางทิศใต้ ด้านหน้าโครงการ จะเป็นจุดที่เห็นวิวโค้งน้ำบางกระเจ้าแบบกำลังสวยเลย

เดี๋ยวไปดูส่วนกลางกันต่อเลยครับ


พื้นที่ส่วนกลาง :
เน้นสวนและสระที่ได้วิวบางกระเจ้าแบบ 180 องศา

Facilities และพื้นที่ส่วนกลางที่นี่ก็ให้มาพอตัว จากขนาดของโครงการที่ค่อนข้างใหญ่ อย่างโซนที่เป็นร้านค้าเองก็มีพื้นที่ให้ได้นั่งเล่น-กินข้าว มุม Drop-off ของโครงการจะขยับเข้ามาด้านในหน่อย มีมุมนั่งพักคอย Semi-Outdoor แบบจริงจัง ส่วนด้านหลังก็มีสวนและพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่อีกหนึ่งจุด

  • ชั้น 1 : จะมี Welcome Lobby เป็นห้องแยกอยู่ด้านหน้า ต้อนรับเราเมื่อเดินเข้ามาที่โครงการ ขนาดใหญ่พอสมควรเลย (ลองดูรูปในอัลบั้มได้ครับ)
  • ชั้น 7 : มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ทางโครงการเรียกว่า Sky Retreat จะมี Pavilion และมุมพักผ่อนกระจายอยู่รอบๆ
  • ชั้น 33 : ไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้นนี้ครับ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านหลังเป็นห้องพักอาศัย ด้านหน้าเป็นพื้นที่ส่วนกลาง หลักๆ จะเป็นสระว่ายน้ำที่ยาว 30 เมตร มาพร้อมสระเด็ก และ Leisure Pool ตรงนี้จะได้วิวบางกะเจ้าแบบ 180 องศา และในชั้นเดียวกันจะมี Rhythm Club ที่เป็นห้องออกกำลังกายได้วิวเมือง
  • ชั้น 34 ที่จะอยู่เหนือสระขึ้นมาอีก ก็จะดึงจุดเด่นของการที่ทิศนี้หันเข้าโค้งน้ำเช่นกัน จะมี Idea Lounge เป็นห้องอยู่ตรงกลางที่จะเชื่อมห้องอื่นๆ เข้าด้วยกัน แบ่งออกเป็น Executive Suite, Semi Outdoor Lounge, Cloud Lounge และ Entertainment Zone โดยรวมเป็นทั้งที่พักผ่อน ที่ทำงาน ที่ประชุม ที่ดูหนัง ซึ่งบนชั้น 35 ก็จะมีสวนเล็กๆ เป็น Pocket Garden ที่ให้ขึ้นมาชมวิวได้เช่นกัน

ส่วนที่จอดรถมีมาให้ 44.5% ไม่รวมซ้อนคัน แบบ Conventional เยอะกว่ามาตรฐานทั่วไปเล็กน้อยครับ


สระว่ายน้ำที่นี่ยาว 30 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้เลย มีสระเด็กและ Leisure Pool ด้วย นอกจากออกกำลังก็สามารถมาใช้งานพักผ่อนได้ ข้างๆ สระว่ายน้ำก็มีเตียงอาบแดด และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจฮะ สามารถเห็นวิวได้รอบด้าน นอกจากสระที่ชั้น 33 แล้ว ชั้น 34 และ 35 ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกเช่นกัน ส่วนชั้น 36-37 จะเป็นห้องตำแหน่งพิเศษที่เป็นห้อง 3 ห้องนอน หันหน้าเข้าหาวิวแม่น้ำครับ อันนี้ห้อง Rare ของโครงการเลย


ห้องออกกำลังกายที่มีทั้ง Cardio และ Weight Training เพดานและผนังกระจกมาแบบโค้งรับกับตัวอาคาร จะเห็นวิวเมืองครับ ในห้องนี้จะมี Private Room ที่มาพร้อมกับเครื่อง Reformer สำหรับการฝึก Pilates อย่างเต็มรูปแบบ


Idea Lounge เขาออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานทั้งเดี่ยวและกลุ่ม มีโต๊ะยาว คุยงานเป็นกลุ่มได้ ส่วนฝั่งด้านขวาจะเป็น Co-pantry ครับ เป็นห้องที่จะได้รับวิวแบบเต็มๆ ด้วยกระจกเต็มบาน มีการตกแต่งด้วย หิน Verde Lapponia จากฟินแลนด์ โดดเด่นด้วยลวดลายสีเขียว ก็จะเป็นงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้ Mood&Tone คล้ายๆ กับในส่วนของ Lobby


ห้องนี้เป็น Executive Suite ประชุมได้ มีจอทีวีให้ใช้ มีโต๊ะกลมเอาไว้ประชุม ด้านข้างมีโซฟาที่มีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย เหมาะสำหรับนั่งทำงานหรือพักผ่อน


เป็นห้องพักผ่อนหย่อนใจ ได้กระจกสูง ตั้งแต่พื้นจรดฝ้า นอกจากจะได้วิวบางกระเจ้าแล้ว มองลงไปก็เป็นสระว่ายน้ำฮะ


เป็นห้องที่เหมาะกับการดูหนัง หรือเล่นเกม ทางโครงการจัดระบบภาพและเสียงมาให้แบบพรีเมียมเลย


ลงมาดูที่ชั้นล่างกันบ้างครับ ด้านหน้าโครงการจะมีอาคารร้านค้าที่จะอยู่ด้านหน้าติดกับถนนเลย โมเดลทำออกมาเหมือนกับภาพ Perspective เมื่อกี้มากฮะ ตอนนี้ยังไม่สรุปว่าเป็นร้านอะไรที่จะมา แต่ถ้าเป็นร้านสะดวกซื้อก็จะสะดวกกับลูกบ้านมากครับ และมีลูกค้าเป็น 2 คอนโดติดกันเลย ด้านหลังอาคารร้านค้าก็จะมีที่นั่ง เอาไว้พักผ่อนได้ กินข้าวได้ มีสวนชมวิวในตัวด้วย


มุมนี้จะเป็น Drop-off ของโครงการฮะ รอบรับจำนวนลูกบ้านที่มาใช้งานได้สบาย ตรง Drop-off ก็จะมีพื้นที่พักผ่อนแบบ Semi-outdoor ด้วย หรือเอาไว้นั่งพักตอนรอรถต่างๆ ก็ได้


เข้ามาด้านในก็จะมีโต๊ะยาวสำหรับมานั่งทำงาน และมีมุมพักผ่อนต่างๆ


สวนด้านหลังโครงการขนาดก็ไม่ได้เล็กเลย มีต้นไม้ใหญ่รายล้อม ตรงสวนนี้จะเป็นที่ตั้งของ Sansiri Backyard ที่เป็นสวนปลูกผักสวนครัวด้วยครับ มุมพักผ่อนบรรยากาศดีๆ ครับ มีมุมที่นั่งพักหลายจุดเลย


ขึ้นมาที่ชั้น 7 ก็จะเจอ Sky Retreat เป็นสวนที่มีศาลาพักผ่อน นอกจากวิวสวนสวยๆ แล้ว ยังได้วิวเมืองเพิ่มที่ชั้นนี้ด้วย ซึ่งห้องพักที่อยู่ในมุมตรงนี้จากชั้นประมาณ 7-9 ก็จะได้วิวสวนพื้นที่สีเขียวจากหน้าต่างของห้องพักด้วยครับ เป็นจุดขายของห้องชั้นล่างในฝั่งนี้ ชั้นนี้พื้นจะ Slope ลงไป ให้เราได้เห็นสวนด้านล่างชัดเจนขึ้น

Floor Plan อาคาร และ Layout ห้อง

มีให้เลือกทั้ง Simplex หน้ากว้าง และ Loft เพดานสูง

Floor Plan ของอาคาร ผมเลือกเอาชั้นหลักๆ มาให้ดูฮะ ทั้ง Master Plan กับชั้น 7 เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ชั้นนี้จะเห็น Floor Plan ที่เป็นห้องแบบ Simplex ส่วนชั้น 10 – 19 จะเป็น Floor Plan ของชั้นที่เป็นห้อง Loft ครับ ชั้น 33 – 34 – 35 ก็จะมีทั้งห้องพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 33-37 จะเป็นชั้นที่เป็นห้อง Loft เพดานสูงครับ


แบบห้อง :
มีให้เลือกทั้ง Simplex หน้ากว้าง และ Loft เพดานสูง

สำหรับห้องพักที่นี่จะมีทั้งหมด 946 ยูนิต หลักๆ จะเน้น 1 Bedroom ครับ ที่จะมีมากสุด ซึ่งจุดขายของห้อง 1 Bedroom ของที่นี่คือจะได้แบบ “หน้ากว้าง” ทุกห้อง ความกว้างสูงสุด 5.1 เมตร และเริ่มต้น 29 ตร.ม. ถือว่าเริ่มใหญ่กว่าคอนโดทั่วไปสมัยนี้ครับ

ดังนั้นจุดขายของที่นี่ก็คือไม่ว่าจะเลือก Simplex ห้องไหน แม้แต่ห้องเริ่มต้นทุกห้องจะได้ห้องนอนปิดเป็นส่วนตัว มีช่องแสงติดด้านนอกทั้งโซนห้องนอนและนั่งเล่น เป็น 1 Bedroom จริงๆ ไม่ได้เป็นห้องตอนลึกกั้นบานสไลด์และเรียกว่าเป็น 1 Bedroom ครับ ฟังก์ชันห้องจะมีให้เลือกทั้งสำหรับใครอยากได้ครัวติดระเบียง หรืออยากได้ห้องนั่งเล่นติดระเบียงครับ

แบบห้อง Simplex

  • 1 Bed 1 Bath ขนาด 29.00-35.50 ตร.ม. – (794 ยูนิต)
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 48.25 ตร.ม. (15 ยูนิต)
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 55.50-56.25 ตร.ม. – (135 ยูนิต)
  • 3 Bed 2 Bath ขนาด 85.50 ตร.ม. (มีแค่ 2 ยูนิต อยู่ชั้นบนสุด)

ส่วนห้อง Loft ของที่นี่ ก็จะมากับจุดขายที่ให้ความสูงเพดานมากกว่าห้อง Loft ทั่วไป อยู่ที่ 4.7 เมตร จะมีทั้งห้องที่เน้นความโปร่งโล่ง ก็จะมีพื้นที่เปิด Double Volume เยอะ กับแปลนที่เน้น Functional เน้นพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ก็จะมีห้องที่โซน Double Volume เล็กลง แต่ไปเพิ่มพื้นที่ชั้นบนแทน และสำหรับห้อง 2 Bed จะมีห้องน้ำที่ชั้นบนมาให้ด้วยครับ

แบบห้อง Loft

  • 1 Bedroom (Loft) พื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 32.75 – 41.00 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 2 Bathrooms (Loft) พื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 52.50-65.75 ตร.ม.

จุดที่น่าสนใจคือความหลากหลายครับ คือนอกจากจะมีแบบห้องและฟังก์ชันให้เลือกเยอะ ที่นี่ยังจัดเรียงห้องในแต่ละชั้นแปลกดีด้วย คือวางมา 4 โซนสลับกันจากชั้นล่างเลยครับ เป็น Simplex – Loft – Simplex – Loft เหตุผลก็คือเพื่อทำให้ทั้งห้อง Simplex และห้อง Loft มีตัวเลือกชั้นล่าง-ชั้นสูงทั้งคู่ครับ อย่างใครอยากอยู่ Simplex แต่อยากได้วิวแบบชั้นสูงๆ ที่นี่ก็มี หรือใครอยากอยู่ Loft แต่ถ้าชั้นสูงมากแล้วราคาไปไกลเกินงบ ที่นี่ก็มี Loft ชั้น 10 ต้นๆ ที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น

ห้องตัวอย่างจะมี 2 ห้องครับ ห้องแรก 1 Bed Simplex ขนาด 29.75 – 30.75 ตร.ม. : ไซส์ใกล้เคียงกับห้องเริ่มต้นของโครงการ แปลนค่อนข้างลงตัวดีเลยครับ มีสัดส่วนพื้นที่ให้กับทุกโซนกำลังพอดี และได้ห้องที่หน้ากว้าง 5.1 เมตร ทำให้แต่ละพื้นที่ดูกว้างไม่อึดอัด โดยที่เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวด้านหน้า มีบางสไลด์ปิดกันกลิ่นเวลาทำอาหารได้ ส่วนโซนห้องนั่งเล่นจะติดกับพื้นที่ระเบียง ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ส่วนห้องนอนได้เป็นกั้นผนังจริง ได้ความเป็นส่วนตัว ห้องค่อนข้างกว้างครับ วางเตียง 6 ฟุตได้เลย และแปลนทำมาให้ห้องน้ำสามารถเข้าออกได้จากทั้ง 2 ทางด้วย

ส่วนห้อง Loft จะเป็น 2 Bed 2 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 59.50 ตร.ม. : ห้องนี้ค่อนข้างว้าวเลย คือพอเป็นเพดานสูง 4.7 เมตรแล้ว สามารถทำให้พื้นที่ประมาณ 35 ตร.ม. จัดออกมาเป็น 2 ห้องนอนชั้นบนล่าง ห้องชั้นล่างใส่เตียง 5 ฟุตได้ ส่วนชั้นบนมีมุมแต่งตัวสำหรับวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่, ชั้นบนมีมุมอเนกประสงค์ทำเป็นห้องทำงานได้, มีโซน Living เพดานสูงกลางห้อง, โซนครัวเป็นสัดส่วนทำบานกั้นแยกเพิ่มได้, ได้ห้องน้ำทั้งชั้นบนและล่าง, และเข้ามาในห้องจากหน้าประตูจะมีโซน Foyer ขนาดใหญ่อีก

เป็นแปลนที่จัดพื้นที่ออกมาดีเลยครับ สำหรับใครที่เน้นพื้นที่ห้อง เยอะ แปลนนี้ทำให้จากพื้นที่ประมาณ 35 ตร.ม. กลายเป็นมีพื้นที่ไปแตะๆ เกือบ 60 ตร.ม.เลยทีเดียว เมื่อรวมชั้นลอย และด้วยความที่เพดาน 4.7 เมตรนี่ก็ค่อนข้างจะสูงกว่าห้อง Loft ทั่วไปอยู่แล้ว ทำให้พื้นที่ในแต่ละชั้นไม่ค่อยไม่อึดอัดครับ

อ่อ สำหรับที่นี่ ห้องเป็นแบบ Fully Fitted นะครับ แต่ถ้าเป็น Type ที่เป็นห้อง Loft ชั้นลอยโครงการจะมีตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย


Sales Gallery ของโครงการจะอยู่ติดกับโครงการ oka HAUS และติดกับถนนพระราม 4 ที่ตั้งของ Sales Gallery ก็จะเป็นที่ตั้งของอาคารร้านค้า 3 ยูนิตในอนาคตด้วย แต่เขาจะทุบแล้วสร้างใหม่นะครับ ไม่ได้เก็บ Sales Gallery อันนี้ไว้ ด้านใน Sales Gallery เหมือนจำลอง Welcome Lobby ของโครงการมาอยู่ที่นี่ ทั้งไฮไลท์ตัวแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ลาย Green Crown Marble ที่แต่งผนัง โทนสีพื้น วอลเปเปอร์ และเฟอร์นิเจอร์ ฟีลลิ่งของโครงการที่สร้างเสร็จก็จะมาในรูปแบบนี้เลยครับ

2 Bed 2 Bath (Loft) 59.50 ตารางเมตร

ห้องนอนและห้องน้ำ มีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ได้พื้นที่อเนกประสงค์เพิ่ม

มาดูห้องตัวอย่างกันเลยครับ ห้องนี้เป็น 2 Bedroom 2 bath (Loft) ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 59.50 ตารางเมตร ห้องนี้หน้ากว้างมากครับ เข้ามาคือโปร่ง โล่งเลย ด้านหน้าจะเหมือนเป็น Foyer ใหญ่ๆ ก่อน แล้วถึงจะเข้าไปใน Living Area ตรงโซนนั่งเล่นจะได้เพดานสูง 4.7 เมตร ติดกันจะเป็นครัวเปิด ได้เคาน์เตอร์ L-shape มีพื้นที่ทำอาหารพอสมควร วางโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้ หรือจริงๆ จะวางเป็น 6-8 ที่นั่งก็ได้ เพราะตรง Foyer ว่าง และเราไม่ได้ทำอะไรอยู่ละฮะ ปีกขวาของห้องจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง และห้องน้ำ

ส่วนชั้นบนถ้าเดินขึ้นมาจะเจอพื้นที่อเนกประสงค์ก่อน ห้องตัวอย่างเขาแต่งเป็นโซนทำงานเอาไว้เป็นไอเดีย ห้องนอนมีประตูกั้น เข้ามาเจอ Walk-in Closet ติดกันเป็นห้องน้ำ และเถิบเข้ามาถึงจะเป็นมุมเตียงนอนครับ ชั้นนี้หน้าต่างได้ไปเยอะๆ จุกๆ แสงส่องเข้ามาเต็มๆ ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ข้อดีของห้องนี้คือ แม้จะอยู่ชั้นสองก็มีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องลงไปเข้าข้างล่างให้เสียเวลา เป็นอีกจุดนึงที่ทางโครงการเองก็เห็น Pain Point ตรงนี้เหมือนกัน ก็เลยใส่ห้องน้ำชั้นสองมาด้วยเลยฮะ

รูปแบบการขายของห้องนี้ก็จะเป็น Fully Fitted เช่นเดียวกัน แต่จะพิเศษตรงที่พอเป็นห้อง Loft ในพื้นที่ชั้นลอย โครงการจะให้ตู้เสื้อผ้ามาด้วยเลยครับ ราคาก็จะเริ่มอยู่ที่ประมาณ 6 ล้าน สำหรับห้องไทป์นี้ แต่โครงการยังมี Loft แบบ 1 Bedroom ให้เลือกด้วยนะครับ ราคาก็จะเบากว่า


มุมนั่งเล่น : ได้เพดานสูง 4.7 เมตร

หน้าต่างบานใหญ่เกือบถึงพื้นละฮะ พื้นที่ Double Volume อาจจะไม่ได้กว้างเท่าอีกไทป์ เพราะจะเน้นให้ชั้น 2 มีพื้นที่ใช้สอยเยอะครับ ห้องจะมีพื้นที่ว่างตรงกลาง อย่างที่บอกฮะ ผมว่าโต๊ะกินข้าวยื่นออกมาได้อีก ไม่เกะกะแน่นอน มุมนั่งเล่นจริงๆ วางโซฟาได้หลายแบบเลย จะวางเหมือนห้องตัวอย่างก็ได้ หรือจะวางเป็น L-shape หรือหาอาร์มแชร์มาวางเพิ่มก็ได้เช่นกัน พื้นที่ตรงนี้ขนาดพอประมาณ วางโซฟาได้ 2 ที่นั่งครับ เป็นห้องที่สามารถหา Chandelier สวยๆ มาโชว์ได้


โซนครัวและมุมกินข้าว : ได้เคาน์เตอร์แบบ L-shape

ด้านข้างจะเป็นครัวกับมุมกินข้าวฮะ ครัวที่ได้ก็จะครัวเปิด ได้เคาน์เตอร์แบบ L-shape ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการทำอาหารได้ แต่ก็มีพื้นที่มากพอจะกั้นบานสไลด์ให้เป็นครัวปิดได้เช่นกันนะ โต๊ะกินข้าววางได้หลายแบบเลย จะวางเหมือนห้องตัวอย่างก็ได้ หรือวางโต๊ะเป็นแนวนอนชิดผนัง หรือจะวางเป็นโต๊ะกลมก็ได้เช่นกัน มุมนี้มองลงมาจากห้องนอน สวยดีฮะ


ห้องนอนชั้นล่าง : พื้นที่กว้างขวาง วางเฟอร์ฯ ได้เยอะ

ห้องนอนชั้นล่างวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบาย รอบๆ เตียงมีทางให้เดินไปเดินมาได้ วางตู้เสื้อผ้าแบบ 3 ประตูได้ แต่ด้วยความที่พื้นที่ห้องอาจจะไม่ได้เหลือเยอะ ตู้เสื้อผ้าบานสไลด์เป็นตัวเลือกที่ประหยัดพื้นที่ได้ดีเลย


พื้นที่อเนกประสงค์ชั้น 2 : ทำเป็นมุมทำงานได้สบาย

ขึ้นมาเจอพื้นที่อเนกประสงค์ครับ ห้องตัวอย่างแต่งเป็นมุมทำงาน เราสามารถทำเป็นมุมพักผ่อนอื่นๆ ได้เหมือนกันนะ และเห็นบานกระจกไหมครับ ทุกพื้นที่ในห้องชั้นบนโครงการจะทำบานกระจกเป็นช่องแสง ให้มองเห็นห้องนั่งเล่นด้านล่างได้หมดเลย บรรยากาศเลยค่อนข้างโปร่งมากครับ และได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นเข้ามาด้วย


ห้องนอนใหญ่ : มี Walk-in Closet ส่วนตัว

ในห้องนอนสามารถ Built-in ทำเป็น Walk-in Closet ได้เลยครับ อยู่ติดกับห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จ ออกมาแต่งตัวแต่งหน้าได้เลย ถ้าตู้เสื้อผ้าไม่เยอะพอ ย้ายโต๊ะเครื่องแป้งไปไว้มุมอื่นได้นะครับ พื้นที่เหลือเยอะเลย

โซนที่วางเตียงนอนคือกว้างขวาง ข้างเตียงวางโต๊ะข้างเตียงได้ เดินไปมาได้ หรือขยับเตียงมาชิดด้านในอีกหน่อย ริมหน้าต่างเราก็จะได้พื้นที่พักผ่อนเพิ่มครับ (ถ้าที่วางโต๊ะทำงานในห้องอเนกประสงค์ยังไม่เยอะพอนะครับ) จากมุมนี้เห็นเลยว่าหน้าต่างเยอะมากครับ แสงเข้ามาได้เยอะ ทำให้ห้องสว่างตลอดทั้งวัน พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือพอจะวางโต๊ะเล็กๆ ปลายเตียงได้

1 Bedroom 29.75 – 30.75 ตารางเมตร

ได้ครัวปิด ห้องน้ำเข้าออกได้สองทาง ห้องนอนกว้าง มีความเป็นส่วนตัว

มาต่อกันที่ 1 Bedroom ขนาด 29.75 – 30.75 ตารางเมตรกันบ้าง ห้องนี้เป็น Simplex จัด Layout มาสวยเลย ปกติถ้าเปิดมาแล้วเจอครัว ก็จะได้พื้นที่เล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ด้วยความที่ห้องหน้ากว้างกว่า 5.1 เมตร ทำให้พื้นที่ครัวกว้างขึ้น ชุดครัว Built-in มาให้ทั้งฝั่ง พร้อมตู้เก็บรองเท้าในตัว มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานมาให้ เครื่องซักผ้าก็ไม่ต้องวางที่ระเบียง เพราะเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่รองรับ ส่วนตู้เย็นสามารถวางตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวได้เลย พื้นที่พอดีเป๊ะ

ห้องน้ำก็เข้าออกได้ 2 ทาง จากทางครัวและห้องนอน Living Area วางโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่ง โซฟา และชั้นวางทีวีได้ ระเบียงอยู่ติดกับมุมนั่งเล่นเลย ส่วนห้องนอนเป็นผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว ห้องกว้าง วางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบาย


โซนครัว : ได้ครัวปิดอยู่ด้านหน้าห้อง

เปิดประตูมาจะเจอแบบนี้เลยครับ ครัวปิดด้านหน้า ฝั่งขวาวางเคาน์เตอร์เต็มทั้งฝั่ง ฝั่งซ้ายวางตู้เย็นได้ มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานให้ ด้านล่างวางเครื่องซักผ้าได้ และด้านข้างยังมีทำเผื่อเป็นตู้เก็บรองเท้าและใส่ของเอาไว้ ไม่ต้องทำเพิ่ม ครัวไม่อึดอัด ถึงจะยืนทำอาหารอยู่ คนอื่นก็สามารถเดินผ่านไปผ่านมาได้แบบไม่เกะกะกัน


Living Area : รวมมุมนั่งเล่นและมุมกินข้าวเอาไว้ด้วยกัน

Living Area ค่อนข้างกว้าง ห้องตัวอย่างเขาแต่งให้มุมนั่งเล่นกับมุมกินข้าวเป็นพื้นที่เดียวกัน ด้วยการ Built-in โซฟาเต็มพื้นที่ไปเลย ระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีค่อนข้างเยอะ วางโต๊ะกลางได้อีกครับ เวลามีแขกมาห้องก็นั่งรวมกันได้เลย ฝั่งชั้นวางทีวีก็ยาว วางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบาย


ห้องนอนใหญ่ : ผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว

ห้องนอนจะเป็นผนังทึบ จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ถ้าอยู่สองคนก็มีพื้นที่ส่วนตัวให้แต่ละคนได้ ห้องนอนใหญ่พอสมควร วางเตียง 5 ฟุตได้แบบไม่อึดอัด พื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะอยู่ครับ ซึ่งโครงการวางโต๊ะทำงานอยู่ที่ด้านข้าง แต่ถ้าใครอยากได้เตียงใหญ่ๆ เปลี่ยนโต๊ะเป็นเตียง 6 ฟุตห้องนี้ก็ยังไหวครับ ห้องตัวอย่างเป็นไอเดียที่ดีในการทำชั้นวางของเพิ่มมากครับ นอกจากจะใช้ประโยชน์ได้แล้ว ยังแต่งห้องได้ด้วย ริมหน้าต่างวางโต๊ะทำงาน หรือมุมพักผ่อนได้อีก

ห้องน้ำเข้าออกได้สองทางเลย

สรุป XELF by Sansiri

ใกล้ทองหล่อ แต่ตารางเมตรละแสนกว่าๆ

จุดเด่นหลักของที่นี่ก็คือเรื่องราคากับทำเลครับ ถือว่าเป็นโครงการที่เปิดตัวมาราคาไม่แพง เฉลี่ยประมาณ 129,000 บาท/ตารางเมตร และได้ขนาดห้องเริ่มต้นไม่เล็กเลย 29 ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ 3.59 ล้าน* ซึ่งถ้าเทียบกับ Location ถ้าเอาจริงๆ ที่นี่ก็เป็นพระราม 4 นี่แหละครับ แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าเค้าก็ใกล้ทองหล่อจริงๆ นะ ห่างกันโลนิดๆ ทะลุไปได้

ดังนั้นถ้ามองหาคอนโดใกล้เส้นสุขุมวิท หรือคอนโดที่ได้ทำเลใจกลางเมืองจริงๆ แต่ราคายังเป็นมิตรกับชาวออฟฟิศทั่วไป ที่นี่ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ครับถ้ารับได้กับการอยู่ถัดออกมาจากสถานีหน่อย อาจจะต้องต่อรถนิดนึงถึงรถไฟฟ้า หรือเผลอๆ รถต่อเดียวถึงที่ทำงานอันนี้ก็ไม่ต้องใช้รถไฟฟ้าเลยครับ และด้วยความที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง นอกจากสุขุมวิทก็สามารถเชื่อมต่อโซนอื่นๆ ได้สะดวก ยิ่งสำหรับใครที่ใช้รถยนต์นะ

ในด้าน Product ก็ถือว่าราคานี้ได้มาค่อนข้างครบเลยครับ ได้คอนโดติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอย, ได้คอนโด Highrise มีวิว, ได้พื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ได้สระว่ายน้ำที่ชั้นบนด้วย

Spec ห้องที่ให้มาอาจจะดูไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็ให้รูปแบบของห้องที่น่าสนใจอย่างห้อง Simplex ได้หน้ากว้าง ได้ห้องนอนปิดเป็นสัดส่วน ส่วน Loft ก็ได้เพดานสูงกว่าทั่วไป และได้ห้องน้ำชั้นบนสำหรับ 2 ห้องนอน ซึ่งพวกนี้เรามาทำเพิ่มเองหรือเปลี่ยนทีหลังไม่ได้ครับ ส่วนตัวมองว่าเป็นคอนโดแสนสิริตัวนึงที่ทำราคาออกมาได้น่าสนใจเลยครับ ได้ทั้งสำหรับคนทำงานอยู่เอง และตัวทำเลสุขุมวิท-พระราม 4 เองก็มีตลาด Expat ต่างชาติที่มองหาคอนโดเช่าในย่านนี้เยอะอยู่แล้ว


สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจโครงการนี้ วันที่ 27 – 28 กันยายนนี้ เขาจะเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรกที่ Sale Gallery มีโปรโมชั่นสำหรับ 50 ยูนิตแรกที่จอง ฟรีเฟอร์ฯ ส่วนลูกค้าที่ลงทะเบียนรับส่วนลดวันจอง 300,000 บาท* ราคาเริ่ม 3.59 ล้าน* ที่ตั้ง Sales Gallery อยู่ที่เดียวกับที่ตั้งโครงการเลย ติดกับ oka HAUS

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Related posts
มินิรีวิว

พาชมโครงการ “นิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง” คอนโดใกล้ศิริราช ใกล้รถไฟฟ้า 80 ม. พร้อมส่วนกลาง Rooftop