เมื่อพูดถึงย่าน “กรุงเทพกรีฑา” หลายๆ คนน่าจะเห็นข่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่าย่านนี้ได้กลายมาสู่การเป็นย่านบ้านหรูระดับหลายสิบไปจนแตะระดับ 100 ล้านกันเลยทีเดียว รวมทั้งมี Community Mall ต่างๆ มาเปิดกันเพียบ ทั้งๆ ที่ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่หรือศรีนครินทร์-ร่มเกล้าสายนี้ เพิ่งจะสร้างเสร็จและเปิดใช้งานไปได้เพียงแค่ 5-6 ปีแค่นั้นเอง แต่เปิดปุ๊บก็กลายเป็นทำเลฮอตของหมู่บ้านระดับบนปั๊บ แล้วอะไรทำให้ย่านนี้อยู่ๆ เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นมา??
วันนี้เราเลยจะมาขอพาเล่าไปถึงประวัติของย่านนี้ รวมไปถึงวิเคราะห์ศักยภาพของย่านนี้ในมุมมองของ LivingPop กันครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรกับย่านนี้ก็พูดคุยกันได้นะครับ
สนับสนุนคอนเทนต์ชิ้นนี้โดย “Nirvana @WORK กรุงเทพกรีฑา”
โครงการโฮมออฟฟิตใหม่ล่าสุด ติด 2 มอลล์ ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ใจกลางย่านกรุงเทพกรีฑา
ที่ตั้งของโครงการนี้ค่อนข้างน่าสนใจครับ อยู่ติดกับ Nirvana Porch ที่เป็น Community Mall ใหม่และใหญ่ที่สุดในย่าน* บนทำเลที่ตั้งที่สามารถเดินทางได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับสายทำธุรกิจ
มาพร้อมบ้าน 3.5 ชั้น 6 ระดับ พื้นที่ใช้สอยกว้าง สามารถปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้ ทั้งทำเป็นโชว์รูม, หน้าร้าน, ออฟฟิศ หรือแบ่งโซนบางชั้นเป็นพื้นที่ Living ก็ทำได้เช่นกัน
จุดเริ่มต้นของชื่อ “กรุงเทพกรีฑา”
จากสนามกอล์ฟในปี 2512
จุดเริ่มต้นของชื่อ “กรุงเทพกรีฑา” จริงๆ ต้องย้อนไปถึงยุคปี 2512 เลยครับ กับการมาตั้งของสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑาและเป็นสปอร์ตคลับหรูแห่งใหม่ในสมัยนั้น และเป็นที่มาของชื่อถนนกรุงเทพกรีฑา ที่เชื่อมจากซอยรามคำแหง 24 บริเวณหลัง ม.รามคำแหง ตัดยาวตรงมาถึงในย่านนี้ (ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีถนนศรีนครินทร์เลยครับ)
โดยที่ปัจจุบันสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑาก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ หลังจากผ่านมากว่า 50 ปี
เริ่มเป็นย่านอยู่อาศัย
จาก “หมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง” ในปี 2518
แต่ความเป็นแหล่งชุมชนของย่านนี้ จะเริ่มต้นถัดมาสักเล็กน้อยครับ โดยในช่วงประมาณปี 2518 ได้มีการจัดแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 8 (หรือซีเกมส์ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นการแข่งขันใหญ่ มีนักกีฬามาเข้าร่วมจากหลากหลายประเทศ เลยได้มีการสร้างหมู่บ้านนักกีฬาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นที่พักสำหรับผู้มาแข่งขัน โดยที่ตั้งของหมู่บ้านนักกีฬาจะถือว่าเข้ามาค่อนข้างลึกอยู่ครับ นึกภาพในสมัยนั้นที่ไม่มีถนนศรีนครินทร์ ไม่มีมอเตอร์เวย์และถนนวงแหวน ก็ถือว่าเข้ามาลึกเลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่สามารถตัดตรงเข้าสู่ด้านหลังรามและศูนย์กีฬาหัวหมากได้โดยตรง ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกสำหรับการแข่งขัน โดยในสมัยนั้นบ้านเราจะมีอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมากแล้ว ใช้ชื่อว่า “สนามกิตติขจร” ก่อสร้างในปี 2509 ครับ
โดยตัวหมู่บ้านนักกีฬาตรงนี้ ถ้าไปดูป้ายชื่อ ก็จะเห็นว่ายังเป็นชื่อหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทองอยู่ โดยหลังจากจบการแข่งขัน บ้านก็ได้ถูกนำมาจำหน่ายโดยการเคหะแห่งชาติครับ ด้วยราคาที่อาจจะไม่ได้สูงมากในยุคนั้นก็ทำให้มีผู้มาจับจอง
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นย่านชุมชนอยู่อาศัยของ “กรุงเทพกรีฑา” ตั้งแต่นั้นมา
กรุงเทพกรีฑาเคยเกือบเป็น “หมู่บ้านเมืองทอง”
แต่เจอกับต้มยำกุ้งเลยเลิกไป ที่ดินผืนใหญ่ในย่านก็เลยยังไม่ถูกพัฒนา
“จากวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ดินแปลงใหญ่ย่านนี้เลยยังถูกเก็บเอาไว้ ยังไม่ได้ถูกพัฒนา” ช่วง พ.ศ.2520-2540 ย่านกรุงเทพกรีฑาเองก็ยังไม่ได้ถึงกับบูมมากครับ โดยที่การขยายตัวของเมืองในช่วงนี้ จะไปอยู่กับถนนเส้นใหญ่รอบข้างที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่เช่นกัน อย่างเช่นโซนรามคำแหงหรือพัฒนาการ
อย่างพัฒนาการเอง ในช่วงปี 2520-2530 ถือว่าเป็นย่านที่กำลังโตเลยก็ว่าได้ครับ หนึ่งในเจ้าใหญ่ของฝั่งอสังหาในสมัยนั้นอย่าง “บางกอกแลนด์” หรือที่คนจะรู้จักกันในชื่อ หมู่บ้านเมืองทอง (เจ้าของเดียวกับเมืองทองธานี) ก็ได้มาปั้นย่านพัฒนาการ ให้กลายมาเป็นย่านที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ได้สำเร็จ ถ้าใครที่อยู่ในย่านนี้ก็น่าจะพอเห็นว่ามีหมู่บ้านเมืองทองหลายโครงการเลยทีเดียว ทีนี้เมื่อประสบความสำเร็จกับย่านพัฒนาการ จนใช้พื้นที้ไปเกือบหมดแล้ว
ในช่วงปี 2530 กว่าๆ หมู่บ้านเมืองทองก็เตรียมที่จะเปิดโปรเจคใหม่ เป็นโซนใกล้ๆ ที่เดิมที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว กับพื้นที่ในย่านกรุงเทพกรีฑา ด้วยโครงการ “หมู่บ้านเมืองทองศรีนครินทร์” โดยมีที่ดินในมือเป็นแปลงขนาดใหญ่กว่า 1,300 ไร่เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่โครงการนี้มาในช่วงกลางค่อนปลายของยุค 253x ถึงปี 39-40 ก็เกิดฟองสบู่อสังหา จนมาสู่วิกฤตต้มยำกุ้ง โครงการนี้ก็เลยถูกพับไป ทั้งๆ ที่เริ่มมีการโปรโมตในสื่อไปแล้วครับ
ดังนั้นตั้งแต่ยุค 253x-255x ที่ดินผืนใหญ่ตรงนี้ก็ยังถูกเก็บไว้อยู่ ยังไม่ได้ถูกนำมาพัฒนาโครงการ
จุดเปลี่ยนย่านกรุงเทพกรีฑา จากการมาของถนน “ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า”
ที่มาเปิดพื้นที่เข้าถึงยาก ให้ติดถนนใหญ่
จนกระทั่งการมาถึงของถนนเส้นใหม่ “ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ที่ดินในย่านนี้ ได้ถูกเปิดทำเลให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น กับถนนใหญ่ที่ตัดเชื่อม 2 ย่านของกรุงเทพฯ อย่างย่านศรีนครินทร์และย่านร่มเกล้า ให้เชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายขึ้น และสองข้างทางของถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าที่ตัดผ่าน ก็ยังเป็นพื้นที่โล่งจำนวนมากอีก จากการที่พื้นที่ยังไม่ถูกพัฒนาตามที่เล่าไปในภาพที่แล้ว
ซึ่งพอถนนตัดเข้ามาปุ๊บ ทางบางกอกแลนด์ในยุคหลังที่ไม่ได้เน้นทำหมู่บ้านอย่างจริงจังแบบในยุคเมื่อก่อนแล้ว ก็ตัดสินใจขายที่ดินในย่านนี้ที่มีกว่าพันไร่ ให้กับ Developer เจ้าต่างๆ เช่นกัน ในช่วงที่ถนนตัดใหม่กำลังมา
ดังนั้นเลยเกิดเป็นย่านหมู่บ้านเกิดใหม่ ที่มาพร้อมกับถนนตัดใหม่นั่นเองครับ
ศักยภาพของทำเลกรุงเทพกรีฑา
แล้วอะไรทำให้ย่านนี้กลายเป็นย่านหมู่บ้านระดับ Luxury ทันที เมื่อถนนสร้างเสร็จ??
ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่มีถนนตัดใหม่และมีที่ว่าง แล้วที่ตรงนั้นจะกลายเป็นโซนหมู่บ้านระดับ High-end ได้ ก็ต้องมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งกรุงเทพกรีฑาดันเป็นทำเลที่มี Potential ต่างๆ เยอะพอสมควร เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เหมือนที่ดินผืนใหญ่ยังถูกเก็บเอาไว้ รอเวลาที่จะมีถนนตัดผ่านเข้าไปให้เข้าถึงง่ายนั่นเองครับ
แล้วศักยภาพของทำเลย่านกรุงเทพกรีฑาจะมีอะไรบ้าง ที่ทำให้กลายมาเป็นย่านหมู่บ้านระดับ Luxury ทันทีที่ถนนเปิด เราขอวิเคราะห์เป็นด้านต่างๆ ดังนี้ครับ
ความใกล้เมือง
ไม่ไกลจากย่านพระราม 9 – เอกมัย – ทองหล่อ – อโศก – เลียบด่วน
เวลาพูดถึงอสังหา ยังไง Location Location Location ก็ยังเป็น 3 สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ อยู่ดีครับ ด้านที่ตั้งของย่านกรุงเทพกรีฑาที่อยู่ติดกับถนนศรีนครินทร์ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนถนนพระราม 9 สามารถตัดทะลุตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองได้เลยทันที ในระยะที่ถือว่าใกล้มาก ถ้าหากขึ้นทางด่วนไปอโศก ก็จะเสียแค่ 25 บาทเท่านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่ย่านที่จะหาบ้านในทำเลที่ใกล้เมืองขนาดนี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยว
โดยถ้าเรามองที่ดินรอบข้าง ในย่านศรีนครินทร์ตอนต้น รามคำแหงตอนต้น หรือบนเส้นพระราม 9 เอง ก็แทบจะหาที่ดินขนาดใหญ่ในการทำหมู่บ้านไม่ค่อยได้แล้วครับ การมาของกรุงเทพกรีฑาเลยเหมือนกับเป็นการเปิดพื้นที่ทำเลใหม่ใกล้เมืองนั่นเองครับ
ใกล้ถนนสายหลักรอบด้าน
และจุดขึ้นลงทางด่วน
อย่างต่อมาในแง่ของการเดินทาง ย่านกรุงเทพกรีฑาไม่ได้เพียงแค่ที่ตั้งใกล้เมืองอย่างเดียว แต่จะล้อมด้วยถนนเส้นสำคัญของย่านกรุงเทพฝั่งตะวันออกรอบด้านด้วยครับ อย่างถนนสายหลักในย่านนี้ก็จะเป็นถนนศรีนครินทร์และรามคำแหง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับโซนต่างๆ ได้อย่างสะดวก
ในแง่ของการเข้าเมืองก็สามารถใช้ถนนพระราม 9 เชื่อมต่อได้ และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ที่อยู่ห่างจากแยกศรีกรีฑาไปไม่ถึง 1 กิโลเมตรครับ นอกจากนี้ยังใกล้กับทางด่วนสายออกนอกเมืองอย่างมอเตอร์เวย์สาย 7 และเส้นวงแหวนรอบนอกด้วยครับ
รถไฟฟ้าล้อม 3 ด้าน
ถึงจะไม่ได้ตัดเข้ามาโดยตรง แต่ก็ช่วยส่งเสริมความเจริญในย่านนี้
ในแง่ของการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ย่านกรุงเทพกรีฑาอาจจะไม่ใช่ย่านที่มีรถไฟฟ้าผ่านเข้ามาโดยตรง แต่บริเวณย่านรอบข้างก็จะมีรถไฟฟ้าผ่านแบบรอบด้านเลยเช่นกัน ก็เป็นอีกสิ่งที่พรูฟได้ว่าทำเลโซนใกล้ๆ ตรงนี้ รอบด้านเจริญขึ้นถึงระดับที่มีรถไฟฟ้าเข้ามากันแล้วครับ
อย่างบนถนนศรีนครินทร์ ก็จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเหลือง วิ่งเชื่อมต่อรัชดา-ลาดพร้าว-สำโรง มีสถานีศรีกรีฑาที่อยู่บริเวณแยกถนนกรุงเทพกรีฑาตัดกับศรีนครินทร์เลย เป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดสำหรับย่านกรุงเทพกรีฑาเลยครับ บ้านในย่านนี้ก็จะห่างจากรถไฟฟ้ากันเพียงแค่ไม่กี่กิโลเท่านั้นเอง
อีกเส้นที่เป็นสายเข้าเมืองที่น่าสนใจคือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่จะเปิดให้บริการในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้าครับ เป็นสายที่สามารถตัดตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านรัชดา และราชเทวีในอนาคตได้เลย โดยจะมีจุดให้สามารถขับรถไปจอดเพื่อใช้งานรถไฟฟ้าได้ที่บริเวณสถานีคลองบ้านม้า ใกล้ๆ กับ Paseo รามคำแหงครับ
นอกจากนี้ใกล้ๆ ฝั่งมอเตอร์เวย์ก็จะมี Airport Rail Link สถานีบ้านทับช้าง ที่สามารถขับรถทะลุไปใช้บริการได้เช่นกัน เพื่อเข้าสู่ย่านอโศก-พญาไท
ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ
และนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ 2 แห่ง
“ไม่ใช่แค่เข้าเมือง แต่ใกล้แหล่งงานย่านนิคมและสนามบิน” ศักยภาพอีกด้านของทำเลนี้ จะเป็นเรื่องของการมีแหล่งงานขนาดใหญ่อยู่ทั้งด้านหัวและท้ายครับ ฝั่งแรกคือฝั่งในเมืองที่เราเล่าไปแล้วว่าค่อนข้างใกล้ อย่างต่อมาคือด้านท้ายของถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าเอง ก็จะไปเชื่อมต่อกับย่านร่มเกล้าและลาดกระบัง ซึ่งระยะทางจากถนนกรุงเทพกรีฑาเอง แค่สิบกว่ากิโล “ติดไฟแดงแค่แยกเดียว” ก็ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วครับ
นอกจากนี้ก็จะใกล้กับนิคมลาดกระบังและนิคมบางชัน อีก 2 แหล่งงานใหญ่ด้านอุตสาหกรรม ห่างแค่ระยะประมาณ 10-12 กิโลเมตร เลยเป็นอีกย่านที่ค่อนข้างสะดวก สำหรับใครที่ทำงานอยู่ในแหล่งงานย่านนี้
ใกล้ 2 โซนห้างใหญ่
บางกะปิและศรีนครินทร์
ซึ่งย่านกรุงเทพกรีฑาจะอยู่ใกล้กับ 2 ฮับใหญ่โซน “บางกะปิ” และโซน “ศรีนครินทร์”
ซึ่งถือว่าเป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่เลยก็ว่าได้ อย่างย่านบางกะปิเองก็จะมีเดอะมอลล์บางกะปิที่เป็นศูนย์กลางของย่าน เป็นแหล่งเที่ยว แหล่งพักผ่อน แหล่ง Lifestyle ของคนในย่านนี้ โดยรอบๆ ข้างก็จะมีห้างค่อนข้างเยอะทีเดียวไม่ว่าจะเป็นตะวันนา, N Mark Plaza (น้อมจิตร), พันธุ์ทิพย์บางกะปิ, Lotus’s และ Major Cineplex, Makro รวมไปถึง Happyland และตลาดบางกะปิด้วย
ส่วนฝั่งศรีนครินทร์ก็จะมี 2 ห้างใหญ่ที่ตั้งแทบจะติดกันเลย อย่าง Seacon Square ที่แทบจะมีทุกอย่างจบครบในห้างเดียว มีพื้นที่ใหญ่ระดับแตะ 500,000 ตารางเมตร และข้างๆ กันจะเป็น Paradise Park และ Paradise Place ที่ก็จะมีร้านในอีกรูปแบบให้บริการ
ผังเมืองเตรียมเปลี่ยน
อัปเกรดการพัฒนาได้เยอะขึ้น
ในเชิงของผังเมือง อนาคตผังเมืองฉบับใหม่ที่กำลังจะเตรียมเปลี่ยน ก็กำหนดแนวทางให้พื้นที่ย่านกรุงเทพกรีฑามีความเจริญมากขึ้น สามารถพัฒนาโครงการต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้เช่นเดียวกันครับ อย่างผังเดิมของย่านนี้จะเป็นผังเมือง “สีเหลือง ย.3” ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย แต่ในผังเมืองใหม่ตรงนี้จะกลายเป็น “สีเหลือง ย.5” ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อยที่อยู่ในเขตการให้บริการของระบบขนส่งมวลชน
อาจจะดูเหมือนเป็นสีเหลืองเหมือนเดิม แต่ใน Detail ก็จะมีการปรับหลายอย่างครับ เช่น
- อาคารชุดสามารถสร้างได้จากไม่เกิน 2,000 >> 10,000 ตร.ม.
- อาคารพาณิชย์จากพื้นที่ไม่เกิน 1,000 >> 10,000 ตร.ม.
- สำนักงานจากพื้นที่ไม่เกิน 500 >> 5,000 ตร.ม.
- โรงแรมสร้างได้เกิน 80 ห้อง
รวมไปถึงสามารถสร้างได้หนาแน่นขึ้นจาก FAR 2:1 เป็น 3:1 เมื่อประกาศใช้ก็น่าจะเห็นพื้นที่ Retail และโครงการต่างๆ เชิงพาณิชย์ในย่านเพิ่มขึ้นในอนาคตครับ
อนาคตถนนตัดใหม่
เชื่อมต่อย่านใกล้มากขึ้น
ซึ่งนอกจากเส้นถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่ตัดเข้ามาในย่านนี้แล้ว ในอนาคตก็ยังมีแผนตัดถนนเส้นใหม่ เพื่อเชื่อมโยงเมืองในย่านนี้ให้เป็น Grid ที่สมบูรณ์มากขึ้นด้วยครับ ช่วยให้ย่านกรุงเทพกรีฑาเดินทางสะดวกขึ้นไปอีก
อย่างเช่นถนนช.2 ที่จะตัดจากเกษตร-นวมินทร์ลงมา เชื่อมต่อเสรีไทย-รามคำแหง-ย่านกรุงเทพกรีฑา ผ่านมอเตอร์เวย์-อ่อนนุช-เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ไปจบที่บางนาตราด ก็จะทำให้การเชื่อมต่อไปแต่ละย่านที่ว่ามาง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาแต่ถนนศรีนครินทร์เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะขยายเส้นทางถนนกรุงเทพกรีฑาสายเดิม ไปเชื่อมต่อกับแยกประเวศที่บริเวณถนนอ่อนนุชด้วยครับ (โครงการถนน ง.17) ซึ่งเส้นทางต่างๆ ก็จะเป็นแผนที่ทางภาครัฐได้วางเอาไว้ แต่ในการก่อสร้างจริง อันนี้ก็ต้องดูในเรื่องของความคุ้มค่ารวมไปถึงเรื่องของการเวนคืนต่างๆ ควบคู่ไปด้วยเช่นกันครับ
สรุปภาพรวมศักยภาพ
ของทำเลกรุงเทพกรีฑา
เมื่อรวมด้านต่างๆ ที่ว่ามา เราเลยขอ Recap จุดเด่นในด้านศักยภาพของทำเลนี้ไว้ในรูปเดียวอีกทีนึงครับ
- เป็นย่านใกล้เมือง เชื่อมต่อตรงเข้าย่านพระราม 9, รัชดา, เอกมัย-ทองหล่อ-อโศก
- ใกล้ถนนสายสำคัญของกรุงเทพฝั่งตะวันออกอย่างศรีนครินทร์และรามคำแหง ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน
- ใกล้รถไฟฟ้าล้อมรอบด้าน 2 สายเปิดบริการแล้ว, 1 สายกำลังสร้าง, และอีก 2 สายในอนาคต
- ใกล้แหล่งงานที่เป็นนิคมลาดกระบัง/นิคมบางชัน และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
- ใกล้ 2 Hub โซนห้างใหญ่ย่านบางกะปิและศรีนครินทร์
- อนาคตผังเมืองเตรียมปรับ พร้อมแผนถนนตัดใหม่เพิ่ม
ทำเลกรุงเทพกรีฑาในปัจจุบัน
ดังนั้นเมื่อการมาของถนนตัดใหม่ + ที่ดินที่ยังรอการพัฒนา ถูกนำมาขายให้กับ Developer เจ้าต่างๆ + ศักยภาพของย่านที่มีค่อนข้างสูง เราเลยได้เห็นภาพการพัฒนาของย่านกรุงเทพกรีฑาที่ก้าวกระโดดแบบที่เห็นในปัจจุบันนั่นเองครับ
เทียบความเปลี่ยนแปลงแค่ไม่ถึง 10 ปี
จากที่โล่งกลายเป็นโซนหมู่บ้านในปัจจุบัน
ซึ่งย่านนี้เป็นอีกย่านที่ถือว่าโตไวมาก ถ้าหากเราย้อนกลับไปดูในช่วง 10 ปีก่อน อย่างปี 2557 ที่ยังไม่มีถนนตัดใหม่ ที่ดินแถบนี้ยังเป็นที่ว่างเป็นส่วนมาก แต่พอถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าตัดเสร็จสมบูรณ์ในปี 2562 เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ย่านนี้ก็กลายมาเป็นแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบันแล้วครับ
ราคาที่ดินที่สูงขึ้น
จากการเข้าถึงของถนนตัดใหม่
ซึ่งถ้ามาดูในแง่ของราคาที่ดินในย่านนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นย่านนึงที่ราคาที่ดินพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวครับ จากที่กึ่งตาบอด กลายมาเป็นย่านถนนใหญ่ตัดผ่าน โดยราคาที่ดินในย่านนี้พุ่งขึ้นมาจากประมาณแถวๆ 5 หมื่นกว่าบาท/ตร.ว. ในช่วงปี 2555 กลายมาเป็น 120,000 – 140,000 บาท/ตร.ว.ในปัจจุบัน กว่า 150% เลยครับ
หรือถ้าดูราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์ ถึงจะไม่ได้เป็นราคาที่ซื้อขายกันจริงๆ ในท้องตลาด แต่ก็จะเห็นการปรับขึ้นของราคาประเมินด้วยเช่นเดียวกันครับ
โซนหมู่บ้านลักชู
ถ้าส่องราคาในย่านนี้ จะเจอบ้านระดับ หลายสิบถึงร้อยล้าน หลายโครงการมาก
ซึ่งแน่นอน ด้วยความเป็นทำเลเกิดใหม่ใกล้เมืองของย่านกรุงเทพกรีฑา การที่ที่ดินโซนนี้ค่อนข้างมีศักยภาพในด้านต่างๆ ทำให้ราคาที่ดินก็ถือว่าไม่ถูกครับ โครงการที่มาเกิดขึ้นในย่านเลยจะเป็นโครงการระดับ Luxury แทบทั้งหมด โดยเฉพาะถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าตอนต้นช่วงก่อนข้ามถนนวงแหวน ช่วงตรงนี้ระดับราคาบ้านหลายสิบล้านหาได้ไม่ยาก มีแตะไปถึงระดับร้อยล้านก็หลายโครงการเลยทีเดียว
จนมีหลายคนและสื่อหลายสำนักเรียกถนนเส้นตรงนี้ว่าเบเวอรี่ฮิลล์เมืองไทยกัน (ไม่เชื่อลองเสิร์ชคำว่า “เบเวอรี่ฮิลล์เมืองไทย” ใน Google ก็ได้ครับ) ซึ่งเราลองปักหมุดราคาหมู่บ้านในย่านนี้ดู ก็พบว่า …ก็เป็นย่านบ้านลักชูแบบที่เค้าว่ากันจริงๆ นั่นล่ะครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ตามมา
หลังจากการมาของหมู่บ้าน ก็เริ่มมี Community Mall ต่างๆ เกิดขึ้น
ดังนั้นเมื่อมีโครงการหมู่บ้านต่างๆ เข้ามาในย่าน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ตามมาเช่นกันครับ ยิ่งเป็นย่านที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงด้วย เราจะเห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีนี้มีคอมมูนิตี้มอลล์มาเปิดให้ย่านนี้กันหลายเจ้าเลย แถมอยู่ไม่ไกลกันด้วย เริ่มจาก MarketPlace ที่เป็นห้างในเครือของ Central มาบุกถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าเป็นเจ้าแรก และมี Little Walk ตามมา รวมไปถึงปั๊มน้ำมันแต่ละเจ้าที่มาเปิดในย่านนี้ ก็จะมาพร้อมร้านอาหารเชนดังๆ มาเปิดในพื้นที่ค่อนข้างเยอะครับ
และที่เพิ่งเปิดล่าสุดเลยกับ Nirvana Porch คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในย่านกรุงเทพกรีฑา* ของทาง Nirvana ที่จะมาช่วยเพิ่มตัวเลือกและความสะดวกสบายในย่านนี้ครับ
Nirvana
อีกเจ้าที่ลุยตลาดนี้ตั้งแต่แรก
ซึ่ง Nirvana ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในเจ้าแรกๆ เลยที่มาบุกตลาดย่านกรุงเทพกรีฑา เรียกได้ว่ามาตั้งแต่ถนนตัดใหม่ยังไม่มาเลยก็ว่าได้ครับ ตั้งแต่หมู่บ้าน Nirvana พระราม 9 และ Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 ในยุค 10 กว่าปีก่อน จนกระทั่งการมาของถนนตัดใหม่ ทาง Nirvana ก็เป็นอีกเจ้าเช่นกันที่ลุยตลาดทำเลนี้เยอะเป็นพิเศษ ด้วยโครงการที่มาเปิดหลายโครงการ มีบ้านหลากหลาย Segment ทั้งกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว จนไปถึงบ้านระดับ Ultra Luxury
อย่างโปรเจคล่าสุด “Nirvana Township” แลนด์มาร์คใหม่บนพื้นที่ขนาดกว่า 280 ไร่ติดถนนใหญ่ ที่ทาง Nirvana ตั้งใจพัฒนาออกมาให้มีทั้งที่อยู่อาศัยและมี Community Mall (Nirvana Porch) อยู่ในโปรเจคเดียวกัน ก่อนหน้านี้หลายๆ คนก็อาจจะพอเห็นข่าวว่า Nirvana เปิดโครงการบ้านระดับร้อยล้านอย่าง Nirvana Collection โครงการนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งใน Nirvana Township เช่นเดียวกันครับ
รวมไปถึงอีกโครงการใหม่ล่าสุดใน Nirvana Township ที่กำลังจะเปิด “Nirvana @Work” เป็นทาวน์โฮมกึ่งโฮมออฟฟิศในทำเลติดถนนใหญ่ติดมอลล์อยู่ด้านหน้าเลยครับ
Nirvana Porch
คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ใจกลางย่านกรุงเทพกรีฑา
สำหรับ Nirvana Porch จะเป็น Community Mall ที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค Nirvana Township ครับ ที่นี่เพิ่งจะเปิดให้บริการต้นเดือนสิงหานี้เอง ถือว่าใหม่แกะกล่องเพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ เลยทีเดียว มาบนพื้นที่ขนาด 22 ไร่ เน้นเป็นที่ซื้อของก่อนเข้าบ้าน รวมไปถึงมีร้านอาหารต่างๆ ครับ
อย่างที่ลองไปดูก็จะมีโซน Food Court พร้อมร้านแบบ Take Home, Maguro, โอ้กะจู๋, Amazon, Pacamara, White Story, ลูกไก่ทอง, นิตยาไก่ย่าง และมีร้านในเครือ MK ที่เตรียมมาเปิดอย่าง MK, แหลมเจริญและ Yoyoi ครับ รวมไปถึง Bar B Q Plaza และ S&P ที่ขึ้นป้ายเตรียมมาเปิดเช่นกัน
ส่วนด้าน Supermarket ของที่นี่ก็จะมี Tops Market ที่สาขานี้มี Tops Wine Cellar เปิดให้บริการอยู่ข้างกันด้วย และมีไฮไลท์เป็นด้านหน้า ที่เป็นที่ตั้งของ Starbucks Drive Thru ที่เป็นสาขาที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวครับ
Nirvana @WORK
โฮมออฟฟิศ ติด 2 มอลล์ ใจกลางกรุงเทพกรีฑา
ที่นี่จะเป็นโครงการใหม่ล่าสุดจากทาง Nirvana บนทำเลกรุงเทพกรีฑาครับ กับโฮมออฟฟิศในรูปแบบ 3.5 ชั้น 6 ระดับ จุดเด่นอยู่ที่ทำเลใจกลางโซน Commercial ของย่านนี้ ติด 2 มอลล์แบบขนาบข้างซ้ายขวา มีทางเข้าออกติดถนนใหญ่
ตอบโจทย์เป็นได้ทั้งโฮมออฟฟิศ ทำธุรกิจต่างๆ หรือจะแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นที่อยู่อาศัยก็ได้เช่นกัน ราคาเริ่ม 13.99 ลบ.*
เป็นส่วนหนึ่งของ Nirvana Township
โปรเจคใหญ่ย่านกรุงเทพกรีฑา บนพื้นที่กว่า 280 ไร่
ตัวที่ตั้งจะเป็นส่วนหนึ่งของ Nirvana Township ที่เป็นโปรเจคบนที่ดินขนาดยักษ์ของย่าน กว่า 280 ไร่ ติดถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าครับ โดยจะมีทั้งพื้นที่ Community Mall อย่าง Nirvana Porch ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปหมาดๆ รวมไปถึงอยู่บนทำเลเดียวกันกับบ้านราคาระดับร้อยล้านอย่างโครงการ Nirvana Collection ที่อยู่ในพื้นที่ Nirvana Township ตรงนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนเส้นศรีนครินทร์-ร่มเกล้า มีทางเข้าออกติดกับ Nirvana Porch เลยครับ ที่ตั้งอยู่ในจุดที่เป็นโซน Community Mall และแหล่งช้อปปิ้งของย่านนี้เลย อย่างด้านหน้าเป็น Nirvana Porch อีกข้างเป็น Little Walk ถัดไปอีกและฝั่งตรงข้ามเป็น PTT Station ที่ก็มีโซน Retail ขนาดใหญ่ และร้านของกินเยอะเช่นกัน
ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวครับสำหรับโฮมออฟฟิศ ลูกค้าหรือผู้มาติดต่อก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เดินทางมาได้สะดวก
รูปแบบโครงการ
โฮมออฟฟิศรูปแบบสไตล์โมเดิร์น จำนวนเพียง 39 ยูนิต
รูปแบบของโครงการ จะทำออกมาเป็นโฮมออฟฟิศทั้งหมดครับ ขนาดของโครงการไม่ใหญ่มาก มีจำนวนเพียง 39 ยูนิต ตัวดีไซน์บ้านทำออกมาในสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเยอะกับตัวบ้านที่มี 3.5 ชั้น แต่มาถึง 6 ระดับด้วยกันครับ
โฮมออฟฟิศ 2.5 ชั้น 6 ระดับ
จะทำเป็นออฟฟิศล้วนๆ หรือมีส่วนพักอาศัยก็ได้
สำหรับตัวบ้านของ Nirvana @Work ก็จะเน้นออกแบบมาให้เป็น Home Office แบบเต็มที่เลยครับ อย่างบริเวณชั้น 1 จะเป็นพื้นที่แบบ Double Volume เพดานสูง เป็นได้ทั้งออฟฟิศ, หน้าร้าน หรือโชว์รูมต่างๆ
ส่วนชั้นบนถัดๆ มาก็จะเป็นพื้นที่แบบเต็มฟลอร์ ที่ค่อนข้างจะดีไซน์ออกมาเน้นเปิดโล่งให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ แล้วแต่ประเภทธุรกิจว่าอยากจะเน้นใช้พื้นที่ทำอะไร อาจจะเป็นพื้นที่ออฟฟิศแบบเต็มชั้น หรือจะกั้นแบ่งห้องประชุม หรือจะแบ่งพื้นที่ด้านล่างทำเป็นออฟฟิศแล้วทำชั้นด้านบนเป็นโซน Living ก็ได้เช่นกัน โดยที่ชั้นบนสุดก็จะเป็นอีกชั้นที่มีพื้นที่เพดานสูงพร้อมชั้นลอยครับ
และตัวบ้านของที่นี่ยังรองรับการติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมด้วยครับ ไม่ต้องกังวลว่า 6 ระดับแล้วจะขึ้นลำบาก
Facility ตอบโจทย์โฮมออฟฟิศ
มีพื้นที่จอดรถส่วนกลางเพิ่มเติม พร้อม Co-working Space
ในด้านของ Facility ต่างๆ ทางโครงการก็มีให้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Co-Working Space, พื้นที่สีเขียว, Working Pod รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ด้วยความเป็นโฮมออฟฟิศที่อาจจะมีลูกค้าต่างๆ เข้ามา ทางโครงการก็จะมีการเตรียมพื้นที่ ที่จอดรถส่วนกลางเพิ่มมาให้ด้วยอีกประมาณ 15 ช่องจอด* นอกเหนือจากที่จอดรถส่วนตัวที่อยู่ในบริเวณบ้านครับ
สำหรับตัวโครงการ Nirvana @WORK กรุงเทพกรีฑา ตอนนี้จะยังอยู่ในช่วงก่อสร้างครับ แต่ถ้าหากสนใจ ตอนนี้โครงการจะตั้งบูธเป็นสำนักงานขายชั่วคราวอยู่ที่ Nirvana Porch บริเวณด้านหน้า Tops Market สามารถแวะเข้าไปชมก่อนได้ จะมี Model ของตัวโครงการให้ชมพร้อมทั้งเห็นบรรยากาศที่ตั้งของจริงของโครงการที่อยู่ข้างกันครับ
📝 ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ เลือกแปลงที่ใช่ก่อนใคร : nirvana.ly/AT-WORK-KK
🚩แผนที่ชมโครงการ : nirvana.ly/Map-AT-WORK-KK
สอบถามเพิ่มเติม กับ Personal Assistant ได้ที่
- Line Official: https://lin.ee/x43dSKg
- Facebook Inbox : m.me/Nirvanafamily
- call center : 1787