เทรนด์การหาที่อยู่อาศัยของคนเมืองกำลังจะเปลี่ยนไป จากที่หลายๆ บริษัทได้ลองทำงานที่บ้าน บางที่อาจจะมีมาตรการใหม่ ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวัน หรือบางที่อาจจะให้ทำงานที่บ้านไปเลย ซึ่งมันเป็นวิธีการปรับตัวในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึง ดังนั้นการเดินทางไปทำงานจึงไม่จำเป็นเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป สิ่งที่คนเมืองจะเริ่มมองหาจึงเป็นบ้านเดี่ยวนอกเมือง ไม่ใช่คอนโดในเมืองแล้ว นี่อาจจะเป็น New Normal สำหรับวงการอสังหาฯ ก็เป็นได้
แต่โครงการที่เราจะพาไปดูวันนี้ ไม่จำเป็นต้องไปอยู่นอกเมือง เราสามารถอยู่บ้านเดี่ยวในเมืองได้ ถึงแม้ราคาจะสูง แต่เทียบกับทำเลที่ได้ พื้นที่บ้านที่กว้างขวาง มาพร้อมสระว่ายน้ำและสวนกลางบ้าน จอดรถได้สูงสุดถึง 7 คัน มีห้องนอนให้เลือกมากมาย แถมยังมีลิฟต์เพื่อรองรับการอยู่อาศัยได้ทุก Generation อีก คือจบทุกไลฟ์สไตล์ได้ที่นี่เลยกับ “Issara Residence Rama 9” บ้านเดี่ยวราคา 100 ล้านบาท จากชาญอิสสระ เพื่อนๆ คงจะคิดว่าราคามันแพงมากๆ ใช่มั๊ยครับ และใช่ ราคาแพงจริง ถ้ากำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมมันถึงต้องแพงขนาดนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ
“Issara Residence Rama 9” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury จากชาญอิสสระ ที่ทั้งโครงการมีบ้านเพียง 20 หลังเท่านั้น เน้นความเป็นส่วนตัวมากๆ และที่บ้านราคาขนาดนี้ เนื่องด้วยทำเลที่อยู่พระราม 9 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือจะไปทองหล่อ-เอกมัยไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว แถมยังเข้าออกได้หลายทาง คือการเดินทางสะดวกแน่ๆ ส่วนของบ้าน ได้ A49 มาออกแบบ ซึ่งแบบบ้านที่เราเห็นเป็นสไตล์ Modern Tropical คือดูได้ไม่เบื่อ ไม่ตกยุค อยู่ไปอีกสิบปียี่สิบปีก็ยังคงไม่เก่า
สิ่งที่เราพาไปดู เราอยากให้เพื่อนๆ ได้ไปเห็นบ้านราคาแพงๆ ว่าเขาออกแบบยังไง มีวิธีคิดในแต่ละการดีไซน์ยังไง ใช้วัสดุอะไร เพราะเราอาจจะไม่ได้ซื้อบ้านในราคาระดับนี้ แต่อย่างน้อยโครงการนี้ ก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจในการหาที่อยู่อาศัย เป็นแนวคิดในการออกแบบ และเป็น References ที่ดีในการตกแต่งบ้าน สำหรับผม ผมคิดว่าที่นี่คือคำจำกัดความของคำว่า “บ้านในฝัน” เพราะสิ่งที่ผมอยากได้ ที่นี่จัดมาให้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะสวนสีเขียวกลางบ้าน สระว่ายน้ำ หรือพื้นที่ใช้สอย ที่เหมือนยก Penthouse มาซ้อนกัน 3 ชั้น ถ้าเราเป็นครอบครัวใหญ่ แบ่งกันไปคนละชั้นยังได้เลย คือมีความเป็นส่วนตัวทั้งโครงการ จะในบ้านนอกบ้านก็ไม่มีใครมารบกวนเราได้ถ้าเราไม่ต้องการครับ
ทำไม Issara Residence Rama 9 ถึงมีราคาแพง?
แบรนด์ที่ดีย่อมส่งผลต่อราคา
“ชาญอิสสระ” ถือเป็นแบรนด์ Luxury ที่ไม่ได้เปิดตัวโครงการบ้านมากนัก ตอนนี้ก็มีเพียง 2 โครงการเท่านั้นที่ขายในกรุงเทพ คือ Baan Issara Bangna และ Issara Residence Rama 9 ส่วนคอนโดมิเนียมจะมี The Issara Sathornที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน Issara Collection และ Issi Condo สุขสวัสดิ์ นอกเหนือจากนี้จะเป็นโครงการในต่างจังหวัดทั้งหมดเลย ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักก็จะมี ศรีพันวา ภูเก็ต, Baba Beach Club ภูเก็ตและหัวหิน โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine) และ โครงการ บลู (Blu) ชะอำ-หัวหิน (เพื่อนๆ สามารถอ่านรีวิวคอนโด The Issara สาทร และ ทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หิวหิน ได้ที่ Link ด้านล่างเลยครับ
จะเห็นว่าชาญอิสสระไม่ได้ทำโครงการบ้านเดี่ยวออกมาเยอะ แต่โครงการที่เปิดตัวมา ล้วนเป็นระดับ Super Luxury ทั้งนั้น ซึ่งการดีไซน์และออกแบบบ้านทั้ง 2 โครงการ จะเป็นการออกแบบใหม่ ไม่ใช่โครงการที่ใช้ชื่อเหมือนกัน แปลนเดียวกัน หน้าตาบ้านเหมือนกัน แล้วเปลี่ยนโลเคชั่น ซึ่งมันทำให้แต่ละโครงการของชาญอิสสระค่อนข้างพิเศษ และไม่ซ้ำแบบกัน
เป็นบ้านเดี่ยวทำเลในเมือง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำเลที่นี่เดินทางสะดวกสบายจริงๆ อยู่ในพระราม 9 ที่ขับรถไปเอกมัย-ทองหล่อ อโศก สุขุมวิท ใช้เวลาแปบเดียวเท่านั้น แถมยังเข้าออกได้หลายทาง ด้านหน้าเป็นถนนพระราม 9 ด้านหลังเป็นถนนเทียมร่วมมิตร ซึ่งเชื่อมกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม และรามคำแหงด้วย ใกล้กับโครงการจะมีทางด่วนพิเศษศรีรัช-พระราม 9 และด้านหน้าซอยตรงถนนพระราม 9 จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านด้วย ค่อนข้างครบนะครับ ทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า ขยับออกจากใจกลางเมืองมานิดหน่อย แต่ได้บ้านเดี่ยวที่ใหญ่กว่าคอนโดเยอะเลย
ทำเลโครงการไม่ได้ไกลจาก Central Rama 9, G Tower หรือ Fortune เลย อยากไปเดินเล่น ไปชอปปิ้งใกล้ๆ บ้านก็ถือว่าสะดวก ถ้าอยากจะไปห้างที่หรูขึ้นมาหน่อย ขับไปทองหล่อ หาที่นั่งเล่นใน EmQuartier หรือ Emporium ก็ได้ ที่สำคัญคือใกล้กับโรงพยาบาลหลายแห่งอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ โรงพยาบาลปิยะเวท โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลเพชรเวช ทำให้เรามีตัวเลือกในการใช้บริการที่หลากหลาย
บ้านหลังใหญ่ ใช้สอยได้เยอะ รองรับครอบครัวได้หลายขนาด
ขนาดบ้านเริ่มต้นของที่นี่คือ 700 ตารางเมตร และหลังใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ 865 ตารางเมตร โดยจะมีบ้านทั้งหมด 3 Type คือ Asher, Brayden และ Cedric นอกจากพื้นที่ของบ้านจะเยอะมากแล้ว ยังรองรับครอบครัวได้ทุก Generation มีการติดตั้งลิฟต์เพื่อความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้รถเข็น ห้องนอนก็มี 4-5 ห้อง แถมทุกห้องยังมี Walk-in Closet ให้ด้วย ที่สำคัญคือมี Common Area อยู่ที่ชั้น 1 เวลาทุกคนมารวมตัวกัน ก็สามารถดูได้ว่าแต่ละคนทำอะไรอยู่ เพราะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง แถมเวลาทำกิจกรรมก็ได้เห็นวิวสวนและสระด้านนอกอีก
บ้านล้อมสวนกับดีไซน์สไตล์ Modern Tropical
บ้านของที่นี่จะมีสวนมาให้ พร้อมกับสระว่ายน้ำที่สามารถว่ายได้จริง ซึ่งสวนที่อยู่กลางบ้าน มีต้นไม้ปลูกมาให้เรียบร้อย คือต้นมั่งมี เป็นต้นไม้ขนาดสูงใหญ่ ยอดสูงไปถึงชั้น 3 เลย และที่บ้านโอบล้อมธรรมชาติมันมีข้อดีอยู่ครับ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ห้องไหนในบ้าน ก็สามารถมองออกจากหน้าต่างมาเพื่อพักสายตากับต้นมั่งมี หญ้าสีเขียวสดใส และน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ในสระได้
Universal Design รองรับผู้อยู่อาศัยทุกวัย
หน้าบ้านเราจะเห็นว่ามีขั้นบันไดที่ต้องเดินขึ้นมาก่อนจะถึงประตู แต่ถ้ามีผู้สูงอายุอยู่กับเราด้วยล่ะ เราก็ต้องมีทางลาดเอียงเพื่อรองรับการใช้รถเข็นถูกมั๊ยครับ ซึ่งที่นี่เองก็ทำไว้ให้เรียบร้อยเลย และไม่ต้องห่วงว่าห้องของผู้สูงอายุจะต้องอยู่แค่ชั้น 1 เท่านั้น เพราะที่นี่มีลิฟต์ครับ ของ Mitsubishi ขนาดใหญ่พอจะเข้าไปได้ทั้งรถเข็น คนเข็น และหลานๆ เลยแหละ จะให้คุณปู่ คุณย่าอยู่ที่ชั้น 3 ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการขึ้นลงบันไดแล้วครับ
จอดรถได้เยอะ สร้างลิฟต์ยกรถซ้อนคันเพิ่มได้
ที่นี่จอดรถได้ 4-7 คัน หรืออยากจะจอดมากกว่านั้นก็ได้ เพียงแค่สร้างลิฟต์สำหรับยกรถขึ้นไปซ้อนด้านบนเพิ่มครับ หรือถ้าใครมีรถที่ต้องการใช้ EV Charger ทางโครงการก็เตรียมไว้ให้ด้วย เราแค่ต่อสายเข้าไปก็ใช้ได้ จอดรถได้เยอะขนาดนี้ แต่เวลาเราปิดประตูรั้ว ก็จะไม่มีใครมองเห็นด้านในได้นะ ทุกอย่างจะดูทึบไปหมด คนข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาในบ้านเพื่อดูว่าข้างในบ้านทำอะไรกันอยู่ได้ ค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้อยู่อาศัยมากๆ
ชุดครัว Bulthaup นำเข้าจากเยอรมัน
แค่ชุดครัวก็ปาไป 2 ล้านบาทแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าของเขาดีจริง ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสที่นุ่มนวล ลื่นไหลในการกดและเปิดลิ้นชักหรือตู้เก็บของ รวมไปถึงฟังก์ชันด้านในก็ใส่ใจมาอย่างละเอียด มีช่องเก็บช้อนส้อม อุปกรณ์ครัวต่างๆ ซึ่งทำจากไม้ เราสามารถออกแบบเองได้ ว่าช่องไหนจะใส่อะไร ขนาดเท่าไหร่ แม้แต่ที่เก็บกระดาษฟรอยเขาก็ทำมาให้เป็นของทางแบรนด์โดยเฉพาะเลย นอกจากจะได้เคาน์เตอร์ครัวและ Island แล้ว ยังมีเตาไฟฟ้า (เป็นระบบที่ปลอดภัย เพราะไม่ทำปฏิกิริยากับมือของเรา ถ้าเราเอามือไปวางขณะเปิดไฟก็จะไม่รู้สึกร้อน) เครื่องดูดควัน ไมโครเวฟ และเตาอบของ BOSCH ด้วย ส่วนอ่างล้านจานของ SMEG ครับ บน Island เราสามารถเอาเครื่องทำกาแฟมาวางสวยๆ ได้ด้วยนะ ตื่นเช้ามาจิบกาแฟริมสระ ปล่อยตัวชิวๆ ในวันหยุด
อุปกรณ์ห้องน้ำระดับพรีเมียม
ทั้งอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์แบบ Washlet จาก TOTO อ่างอาบน้ำนำเข้าจากเยอรมันของ KASCH ส่วนก๊อกน้ำ ฝักบัว และอุปกรณ์อื่นๆ จะเป็นของ GROHE ที่ทางโครงการให้สุขภัณฑ์ต่างๆ มาอย่างดีแล้ว เพื่อที่ลูกบ้านจะได้ไม่ต้องรื้อหรือเปลี่ยนอะไรให้เสียเวลาอีก บางคนอาจจะเคยซื้อโครงการบ้านแพงๆ แต่ของที่ให้ก็ไม่ได้เหมาะสมกับราคา หรือไม่ถูกใจเท่าที่ต้องการจนต้องรื้อห้องน้ำใหม่เพื่อทำเองอยู่ดี ที่นี่จะตัดปัญหากวนใจตรงนี้ ทำทุกอย่างให้เนี๊ยบไปเลย เพื่อความสบายใจของลูกบ้าน
แอร์เป็นระบบ VRV จาก Daikin
บ้านทุกหลังจะได้แอร์ฝังฝ้าจาก Daikin ช่วยประหยัดพลังงาน มีแผงควบคุมที่เราสามารถสั่งการเปิด-ปิด และควบคุมอุณหภูมิได้ แต่ว่าบ้านติดกระจกค่อนข้างเยอะ แสงแดดอาจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักได้ ทางโครงการจึงติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มาให้ด้วย ติดได้สูงสุด 100 ตารางเมตร อย่างน้อยเราก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
มี Home Automation มาให้
จะมีเครื่องควบคุมหรือจะใช้งานผ่านแอปพลิเคชันในมือถือก็ได้ โดยเราสามารถเปิด-ปิดแอร์, ไฟ และประตูรั้วได้ หรือจะดูกล้องวงจรปิด และสัญญาณกันขโมยต่างๆ ก็ได้เช่นกัน หากเรามีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน เราไม่จำเป็นต้องเดินออกไปดู ในบ้านก็จะมีจอไว้คุยกับคนที่มาหาเราด้านนอกบ้านเช่นกัน ข้อดีคือเราจะรู้ได้ทันทีว่าใครมาหาโดยไม่จำเป็นต้องเดินออกจากตัวบ้านเลย ทั้งยังคุยผ่านเสียง และสั่งการประตูให้เปิดเพื่อให้แขกเข้ามาก็ได้เช่นกัน สร้างความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดีเลย
แม้พื้นที่โครงการจะไม่เยอะ แต่ก็ใส่ Club House มาให้ด้วย
พื้นที่ของโครงการ แค่สร้างบ้าน 20 หลังกับถนนเส้นหลักก็กินที่ดินไปค่อนข้างเยอะแล้วครับ ดังนั้นการจะสร้าง Club House ขนาดใหญ่จึงค่อนข้างยาก อีกทั้งแต่ละบ้านก็มีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเองอยู่แล้ว จึงอาจจะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก แต่ที่นี่ก็สร้างมาให้ Club House เป็นเหมือนศูนย์กลางที่ให้แต่ละบ้านได้มาพบปะสังสรรค์กันได้ โดยจะมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ชั้นใต้ดินเป็นนิติบุคคล ชั้น 1 เป็นฟิตเนส และชั้น 2 เป็นสระว่ายน้ำ มาพร้อมห้องสตีมครับ ซึ่งสระว่ายน้ำของที่นี่จะสร้างบนทางเข้าโครงการเลย เรียกได้ว่าเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากๆ สระว่ายน้ำค่อนข้างเป็นส่วนตัว เป็นเหมือนสระปิดที่จะไม่มีใครเห็นเวลาเรามาว่ายน้ำแน่นอน ค่อนข้างต่างจากโครงการอื่นที่มักจะเปิดโล่ง ใครผ่านไปมาก็เห็นหมดว่าใครว่ายน้ำอยู่ ที่สำคัญคือลูกบ้านที่นี่สามารถจัดปาร์ตี้ส่วนตัวที่ส่วนสีเขียวของทางโครงการได้ อยู่ริมสุดเลยครับ เขียวชอุ่ม ตอนมองว่าสวยแล้ว พอหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย สีเขียวก็คือสดใสกระแทกตาสุด
ข้อมูลโครงการ
เราเห็นเหตุผลที่ทำให้บ้านโครงการนี้ราคา 100 ล้านบาทกันไปแล้ว ใช่ว่าความน่าสนใจจะหมดนะครับ ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นอีกที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูในบ้านตัวอย่างกัน แต่ก่อนจะไปดูบ้าน มาดูข้อมูลคร่าวๆ ของโครงการนี้กันก่อน
เนื้อที่โครงการ : | 9-2-35 ไร่ |
จำนวนห้องพัก : | 20 ยูนิต |
รูปแบบโครงการ : | บ้านเดี่ยว 3 ชั้น |
ลิฟต์ : | มีทุกหลัง |
ค่าส่วนกลาง : | 190 บาท/ตารางวา/เดือน |
ค่ากองทุน : | 3,000 บาท/ตารางวา |
Facility : | Club House, Fitness, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Steam Room, Meeting Room, Private Linear Garden และ Concierge Services |
แบบบ้าน : | – Asher 764-865 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 5-7 ที่จอดรถ – Brayden 726 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 5 ที่จอดรถ – Cedric 700-701 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ที่จอดรถ |
ราคา : | ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท |
แบบแปลนบ้าน
รู้ข้อมูลคร่าวๆ กันไปแล้ว เราจะพาไปดูแบบแปลนของบ้านแต่ละหลังกันครับ ว่าจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแนวคิดของโครงการนี้ ตั้งใจให้บ้านโอบล้อมธรรมชาติ โดยกลางบ้านของทุกหลังจะมีสวนสีเขียวและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ทางโครงการปลูกไว้ให้เรียบร้อย เป็นต้น “มั่งมี” เรียกได้ว่าเป็นจุดพักสายตาให้กับคนทั้งบ้านได้เลยครับ
ASHER
พื้นที่ 764 ตารางเมตร (มีพิเศษ 1 หลังที่จะมีพื้นที่ 865 ตารางเมตร)
มี 5 ห้องนอน 5-7 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 120-170 ล้านบาท
BRAYDEN
พื้นที่ 726 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 5 ที่จอดรถ
ราคา 117-159 ล้านบาท
CEDRIC
มีพื้นที่ 700 และ 701 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ที่จอดรถ
ราคา 100 ล้านบาท
เห็นถึงความอลังการและพื้นที่สีเขียวของตัวบ้านกันรึยังครับ จะสังเกตเห็นว่าแปลนบ้าน โดยเฉพาะชั้น 2 และชั้น 3 เหมือนเรายก Penthouse ในคอนโดแพงๆ มาวางต่อกันเป็นบ้านเลย เพราะว่าทุกชั้นจะมีโซน Living Room เป็นของตัวเอง แถมยังมีครัวที่ใหญ่พอๆ กับคอนโดในเมืองเลย คือเราสามารถทำอาหารง่ายๆ เองได้ โดยไม่ต้องลงไปใช้ครัวที่ชั้นล่างด้วยซ้ำ มันจะสะดวกสบายและสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้านมากๆ ถ้าสมมติว่าเราเป็นครอบครัวใหญ่ที่ต้องอาศัยอยู่รวมกัน ชั้นบนสามารถทำเป็นชั้นของลูกๆ ได้ เวลาเพื่อนมาเสียงก็ไม่ไปรบกวนพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายที่อยู่ชั้นล่างด้วย
บ้านตัวอย่าง
บ้านที่เราจะพาไปดูเป็นหลังใหญ่ที่สุด หรือที่ทางโครงการเรียกว่า “Asher” มีพื้นที่ใช้สอย 764 ตารางเมตร จอดรถได้ 5-7 คัน สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง คือทางลานจอดรถ กับทางประตูเล็กที่อยู่ด้านข้างลานจอดรถ เวลามีแขกมาที่บ้านสามารถเข้ามาทางประตูเล็กนี้ได้เลย ถ้าเราเป็นคนนอกที่ขับรถเข้ามาในโครงการ เราก็ไม่รู้ว่าด้านในบ้านแต่ละหลังเป็นยังไงใช่มั๊ยครับ เพราะประตูบ้านจะปิดไปหมด แต่พอเข้ามาในบ้านแล้ว เราก็จะพบกับความร่มรื่นของต้นไม้และใบหญ้า สีเขียวกับสีฟ้าตัดกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ แค่นี้ก็สร้างความประทับใจแรกได้ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว ที่นี่มีทั้งบันไดและทางลาด เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ต้องใช้รถเข็น ประตูบ้านจะให้เป็น Digital Door Lock ด้วย
ชั้น 1
ขอเรียกตรงนี้ว่าเป็นศูนย์กลางของบ้าน เพราะพื้นที่ของห้องนั่งเล่นกับห้องครัวติดเป็นโซนเดียวกันทั้งหมด ทำให้เราสามารถมองเห็นได้เลยว่าใครทำอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง โซนนั่งเล่นจะเป็น Double Volume ด้วย ถ้าเราอยู่ชั้น 2 สามารถเดินมาคุยกับคนที่อยู่ชั้น 1 ได้เลย มีระเบียงทางเดินขนาดยาวอยู่ ไม่ต้องเดินลงบันไดหรือลิฟต์ให้เสียเวลา
โต๊ะทานอาหารแน่นอนว่าต้องมีพื้นที่พอจะวางโต๊ะขนาดใหญ่ได้ เพราะสมาชิกในบ้านอาจจะมีหลายคน ถัดไปจะเป็นชุดครัวฝรั่งของ Bulthaup นำเข้าจากเยอรมัน เอาไว้ทำอาหารแบบกรุบๆ ไม่เน้นหนัก ทางโครงการจะให้ครัวหน้าตาแบบนี้เลยนะครับ เพียงแต่ไม่มีตู้เย็นให้ ส่วนเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้านจาน เตาอบ ไมโครเวฟ ได้หมดเลย จุดที่ชอบมากๆ ของครัว คือกระจกบานใหญ่หลังอ่างล้านจาน คือเราสามารถล้างจานไปมองต้นไม้ข้างนอกไปด้วยได้ ยิ่งถ้าเราแต่งสวนสวยๆ เพิ่มสีสันของดอกไม้เข้ามาบ้าง มันจะยิ่งทำให้วิวตรงนี้น่ามองขึ้นไปอีก ไม่ค่อยได้เห็นโครงการบ้านอื่นๆ ติดหน้าต่างบานใหญ่ขนาดนี้มาให้มองวิวสักเท่าไหร่ เลยค่อนข้างชอบทันทีที่ได้เห็น
ติดกับครัวจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังระเบียงด้านนอก เป็นมุมที่ดีอีกมุมหนึ่ง เพราะเราสามารถมองความเขียวของต้นไม้ และความพริ้วไหวของสายน้ำไปได้พร้อมๆ กัน จะชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ หรือมานั่งชิวริมสระกับครอบครัว ชวนหลานๆ มาว่ายน้ำ ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจครับ
ชั้น 2
มาถึงชั้น 2 กันบ้าง ถ้าเราเดินขึ้นมาตัวบ้านจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทางซ้ายเป็นห้องนอน และทางขวาเป็น Master Bedroom กับ Living Room ทุกชั้นจะมี Living Room เป็นของตัวเองหมดเลยนะครับ ใครขี้เกียจลงไปนั่งเล่นชั้นล่าง ก็นั่งเล่นชั้นของตัวเองไป ที่พิเศษคือแต่ละชั้นจะมีโซนครัวเล็กๆ มาให้ด้วย มีตั้งแต่เตาไฟฟ้า อ่างล้างจาน ยันตู้เย็นที่ Built-in มาให้เสร็จสรรพ สามารถอยู่ชั้นเดียวได้โดยไม่ต้องลงไปไหนเลยด้วยซ้ำ
Master Bedroom จะได้ Walk-in Closet ที่ใหญ่กว่าห้องอื่น รวมไปถึงห้องน้ำด้วย ตรงกลางจะเป็นอ่างล้างหน้ามาพร้อมกระจกบานใหญ่ ซ้ายมือเป็นอ่างอาบน้ำ และขวามือเป็นห้องอาบน้ำ ในห้องอาบน้ำมีที่นั่งด้วยนะ ใครขี้เกียจยืนอาบก็มานั่งอาบได้ และยังมีชักโครกแบบ Washlet ของ TOTO มีแผงควบคุมที่เราสามารถเลือกใช้งานเองได้
ถ้าเดินผ่าน Walk-in Closet มาจะเจอกับห้องนอน ใช้รีโมตควบคุมได้นะครับ สะดวกมากๆ ไม่ต้องเดินไปเปิดเอง จะบอกว่าวิวดีมาก เพราะเราสามารถมองเห็นต้นไม้ด้านนอกได้ด้วย แล้วถ้ามองลงไปก็เห็นทั้งสวนและสระว่ายน้ำ ดูแล้วเพลินตาดี
ส่วนห้องนอนฝั่งซ้ายก็ค่อนข้างกว้าง ได้ Walk-in Closet เหมือนกัน แถมยังมีพื้นที่นั่งเล่นให้อีก ชอบแสงของที่นี่นะครับ เวลาส่องเข้ามาในบ้านแล้วมันได้ Mood&Tone ที่อบอุ่นดี แถมยังทำให้สีของรูปออกมาสวยด้วย
ห้องนอนอีกห้องก็กว้างใหญ่ไม่แพ้กัน จากรูปในห้องนอน เพื่อนๆ สังเกตไหมครับว่าบ้านที่นี่มีเสาด้วย แต่เสากลับไม่ได้ทำให้บ้านดูเทอะทะหรือรกสายตาเลย กลับทำให้ดูนุ่มนวลมากว่า ด้วยความกลมและมน ทางโครงการบอกว่าที่บ้านต้องมีเสา เป็นเพราะต้องการผลักผนังออกไป ให้สามารถติดกระจกได้อย่างเต็มพื้นที่ แสงเข้ามาได้เต็มที่ เรามองออกไปด้านนอกได้เต็มตา ซึ่งมันดูสวยและเข้ากับบ้านมากๆ
ชั้น 3
ขึ้นมาที่ชั้น 3 ก็เจอ Living Area เลย นอกจากจะมีที่นั่งเล่นแล้ว ก็มีครัว และโต๊ะทำอาหารด้วย สมมติว่าชั้นนี้เป็นชั้นของลูกๆ แล้วเราจ้างครูมาสอนพิเศษ ก็สามารถมานั่งที่โซนนี้ได้เลย มีห้องน้ำด้วยนะ ไม่ต้องเดินไปเข้าในห้องนอน
ห้องนอนชั้นนี้จะพิเศษตรงที่มีระเบียง ออกมานั่งรับลมได้ แล้วระเบียงคือใหญ่มาก จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวยังได้เลย
อีกห้องก็มีระเบียงเหมือนกันครับ ห้องนอนแต่ละห้องของที่นี่ก็มีความพิเศษแตกต่างกันไป แต่ได้วิวสวนและสระไม่ต่างกันแน่นอน
สำหรับห้องแม่บ้านจะมีทางเดินแยกนะครับ ทางเข้าก็สามารถเข้าทางโรงจอดรถได้ หรือถ้าเข้าในตัวบ้านจะมีประตูบานเลื่อนประจกอยู่ติดกับโต๊ะทานอาหาร ที่นี่จะมีครัวไว้ให้ รองรับการทำอาหารแบบเต็มที่ มีมุมวางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า ห้องนอนจะมี 2 ห้อง ติดแอร์ไว้ให้เรียบร้อยเลย
เป็นยังไงบ้างครับ กับแนวคิดของบ้านราคา 100 ล้านบาท ไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงาม แต่แปลนก็ดีไซน์มาอย่างเหมาะสมเช่นกัน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างที่คิดไปถึงระยะยาว ว่าจะจัดการอย่างไรไม่ให้เราต้องซ่อมหรือเปลี่ยนมันบ่อยๆ ทั้งยังใช้ของพรีเมี่ยม คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อที่ลูกบ้านจะได้ไม่เสียเวลามาปรับมาเปลี่ยนในภายหลัง ซึ่งวัสดุบางอย่างอาจจะไม่ได้แพงที่สุดในตลาด แต่มั่นใจได้ว่ามันคุ้มค่ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอนครับ
โปรโมชั่น
ISSARA FLEXI FOR YOU
ถ้าใครสนใจโครงการ “Issara Residence Rama 9” ตอนนี้มีโปรโมชั่นยืดดดดดดหยุ่น กับ Flexi Deal จองง่าย จ่ายน้อย ลดสูงสุด 40% ทั้งบ้าน คอนโด และวิลล่าสุดหรู โดยโครงการนี้จะลดสูงสุด 26.5 ล้านบาท จองเพียง 90,000 บาท ฟรีเงินทำสัญญา พิเศษเพียง 3 ยูนิต ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 63 สามารถเข้าไปชมบ้านตัวอย่างเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศของจริงก่อนได้นะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน