IN BRIEF
- รู้จักกับโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ต่างๆ ทั้งที่จุฬาฯ พัฒนาเอง และเปิดให้ภาคเอกชนภายนอกเข้ามาพัฒนา จัดการและบริหารโดย สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)
- พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ของจุฬาฯ กินพื้นที่มากกว่า 30% ของที่ดินของจุฬาฯ ทั้งหมด ครอบคลุมทั้งย่านสยาม สวนหลวง และสามย่าน
- ในปีนี้และนับจากนี้เป็นต้นไป จะมีโครงการต่างๆ ที่เปิดใหม่อีกมากมายบนที่ดินของจุฬาฯ ทั้ง ลิโด้ คอนเน็คท์ สามย่านมิตรทาวน์ สยามสเคป และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อถามถึงย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่กว้างใหญ่ ครบครัน และเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะตอบว่า “สยาม” ย่านใจกลางเมืองที่มีศูนย์การค้ามากมายมาอยู่รวมกัน จิ๊กซอร์ตัวสำคัญที่ทำให้ย่านสยามมีชีวิตชีวาได้มากขนาดนี้ ก็คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้โดดเด่นแค่การศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ยังโดดเด่นในแง่ของการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและพาณิชย์อีกด้วย จนหลายๆ คนน่าจะไม่เคยนึกถึงกันเลยทีเดียว ว่าสยามสแควร์ที่หลายๆ คนเติบโตมาพร้อมกับที่นี่ ตั้งแต่ไปเรียนพิเศษ หาของกินอร่อยๆ และช้อปปิ้ง เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
วันนี้ LivingPop ขอพาทุกคนมาเปิดอาณาจักรแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแง่มุมที่เป็นผู้สร้างสรรค์ศูนย์การค้าและย่านพาณิชย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่ไม่ได้มีแค่สยามสแควร์เท่านั้น แต่ยังมีโครงการอื่นๆ ที่จุฬาฯ ดำเนินการเอง รวมไปถึงให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ มากมาย โดยในบทความนี้ เราขอแบ่งออกเป็น 3 ย่านด้วยกัน ได้แก่ สยาม สวนหลวง และสามย่าน
สนใจเรื่องไหน กดข้ามไปอ่านก่อนได้นะ

PMCU นักพัฒนาโครงการฯ ระดับประเทศ
สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) หน่วยงานในสังกัดของจุฬาฯ เป็นผู้บริหารจัดการที่ดินและพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ต่างๆ บนผืนที่ดินของจุฬาฯ ทั้งการให้เอกชนเข้ามาพัฒนาโครงการ และ PMCU พัฒนาโครงการเอง ในปี 2558 จากรายได้หลากหลายช่องทางของจุฬาฯ PMCU สามารถสร้างรายได้ให้กับจุฬาฯ ได้เป็นอันดับ 2 มูลค่ากว่า 4,950 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้ทั้งหมดของจุฬาฯ ในปีนั้น โดยอันดับ 1 นั้น คือเงินอุดหนุนจากรัฐบาล มูลค่ากว่า 7,117 ล้านบาท
ที่ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยและย่านการค้า
จากที่ดินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้พระราชทานกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาจนถึงวันนี้ จุฬาฯ ก็มีที่ดินกว่า 1,153 ไร่ เป็นพื้นที่การศึกษา 50% ให้หน่วยงานราชการอื่นๆ เช่า 20% และเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์อีก 30% (โซนคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นที่ดินของสภากาชาดไทย)

⬤ พื้นที่ที่ใช้สำหรับการศึกษาของจุฬาฯ
⬤ สถานศึกษาของหน่วยงานรัฐอื่นๆ
⬤ พี่นที่เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย PMCU
⬤ พื้นที่พาณิชย์ที่พัฒนาโดยภาคเอกชน
⬤ พื้นที่อาคารพาณิชย์ สวนหลวง – สามย่าน
⬤ พื้นที่ศูนย์ราชการ (กำลังก่อสร้าง)
⬤ พื้นที่รอการพัฒนาในอนาคต
⬤ สวนสาธารณะสำหรับประชาชนทั่วไป
⬤ พื้นที่ที่เช่าโดยกรมพลศึกษา (สนามกีฬาแห่งชาติ)
⬤ หน่วยงานของสภากาชาดไทยบนที่ดินของจุฬาฯ
⬤ หน่วยงานของสภากาชาดไทยและหน่วยงานของจุฬาฯ บนที่ดินของสภากาชาดไทย


เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของย่านจุฬาฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างปี 2547 และ 2562 (พื้นที่ที่ล้อมกรอบคือที่ดินของจุฬาฯ และสภากาชาดไทย)
ย่านสยาม

สยาม หนึ่งในย่านช็อปปิ้งใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ในฝั่งของจุฬาฯ มีทั้งโครงการที่จุฬาฯ พัฒนาเอง และให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนา ในฝั่งขวาของถนนพญาไท ก็จะมีโครงการชูโรงของ PMCU นั่นก็คือสยามสแควร์ ซึ่งในสยามสแควร์นั้นก็ยังมีอีกหลากหลายโครงการ และในฝั่งซ้ายก็จะเป็นศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ที่เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการ
สยามสแควร์
สยามสแควร์ ศูนย์การค้าเปิดโล่งแนวราบขนาดใหญ่ ที่ถือว่าเป็นศูนย์การค้าแรกของจุฬาฯ จากเดิมที่ที่แห่งนี้เป็นสวนผักและชุมชนแออัด ก็ได้เริ่มก่อสร้าง เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นย่านการค้าแทนในปี 2507 โดยชื่อที่เคยเกือบจะนำมาเป็นชื่อของสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ปทุมวันสแควร์ แต่ภายหลังจากนั้น บริษัท เซ้าท์อีสท์เอเชียก่อสร้าง จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่ได้รับมอบหมายจุฬาฯ ทั้งการก่อสร้างและการบริหารโครงการ ได้ตัดสินใจนำชื่อ “สยามสแควร์” มาใช้แทน เพราะไม่อยากให้โครงการนี้เป็นแค่โครงการระดับอำเภอ แต่อยากให้โครงการนี้เป็นโครงการระดับประเทศ!! (ขณะนั้น ที่แห่งนี้ยังคือ “อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร” อยู่) ซึ่งรูปแบบสัญญาที่จุฬาฯ ได้ทำกับภาคเอกชนก็คือ ให้เข้ามาก่อสร้างและได้รับสิทธิ์บริหารโครงการช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อหมดช่วงเวลานั้นแล้ว โครงการนี้ทางจุฬาฯ ก็จะเข้ามาบริหารงานต่อแทน

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ ย้อนอดีต…วันวาน)
สยามสแควร์.. จุดเริ่มต้นของย่านสยาม
จากการเปลี่ยนชื่อจาก “ปทุมวันสแควร์” มาสู่ “สยามสแควร์” ทำให้โรงแรมที่กำลังก่อสร้างที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสยามสแควร์ต้องตั้งชื่อว่า “สยาม” ตาม (โรงแรมสยาม-อินเตอร์คอนติเนนตอล) ซึ่งหลังจากนั้น ทางโรงแรมก็ได้สร้างศูนย์การค้าเพิ่มมาอยู่ข้างๆ ก็ตั้งชื่อว่า “ศูนย์การค้าสยาม” ทำให้ย่านนี้ จากเดิมที่เรียกว่าย่านปทุมวัน กลายมาเป็นย่านสยามแทน และจนถึงวันนี้ ศูนย์การค้าสยามก็กลายมาเป็นสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งข้างๆ สยามเซ็นเตอร์ก็มีสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มเข้ามา ส่วนโรงแรมสยาม-อินเตอร์คอนติเนนตอล ก็ทุบทิ้ง แล้วสร้างใหม่เป็นสยามพารากอน
ถ้าวันนั้นสยามสแควร์ยังใช้ชื่อว่า “ปทุมวันสแควร์” ห้างที่เราเดินๆ กัน คงจะชื่อว่า “ปทุมวันพารากอน” ก็เป็นได้..

(ที่มาภาพ : gowithstock / Shutterstock.com)
บนพื้นที่ของสยามสแควร์ก็มีทั้งอาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่เป็นทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม สินค้าแฟชั่น ธนาคาร โรงเรียนกวดวิชาต่างๆ มากมายมารวมกันอยู่ที่นี่ นอกจากอาคารพาณิชย์แล้วก็ยังมีสวนสาธารณะ Park @ Siam และอาคารต่างๆ มาอยู่ในสยามสแควร์อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ทาง PMCU กำลังผลักดันให้สยามสแควร์เป็นช้อปปิ้งสตรีตระดับแถวหน้าของโลก ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า The New Siam Square 2020 ซึ่งจะทำให้สยามสแควร์มีความเป็นถนนคนเดินมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนเราไปเดินถนนคนเดินที่เป็นย่านช้อปปิ้งในประเทศต่างๆ ทั้งการปรับปรุงทัศนียภาพ เอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน

(ที่มาภาพ : PMCU)
อีกทั้งจะทำให้สยามสแควร์ซอย 7 ถนนเส้นหลักของสยามสแควร์ ที่เริ่มต้นจากถนนอังรีดูนังต์ มาสิ้นสุดที่ถนนพญาไท กลายมาเป็นถนนคนเดินเต็มรูปแบบ ไม่ให้รถมาใช้ถนนเส้นนี้ และปรับเปลี่ยนผังของร้านค้าที่อยู่ริมสยามสแควร์ซอย 7 ที่ในปัจจุบัน มักจะเป็นธนาคาร ร้านทำฟัน คลินิกเสริมความงาม ให้เป็นร้านเสื้อผ้า ร้านอาหารแทน แล้วขยับธนาคาร ร้านทำฟัน คลินิกฯ ไปโซนอื่นของสยามสแควร์แทน ซึ่งการมีโครงการสยามสเคป จะทำให้มีอาคารจอดรถอยู่ริมถนนพญาไทเลย บวกกับอาคารจอดรถของอาคารสยามกิตติ์ที่อยู่ริมถนนอังรีดูนังต์ ก็จะทำให้ลดการสัญจรของรถยนต์ภายในสยามสแควร์ และเปลี่ยนถนนในสยามสแควร์ให้กลายเป็นถนนคนเดินได้นั่นเอง..
จากผู้บริหารสยามสแควร์ในวันนั้น สู่ซีคอนสแควร์ในวันนี้
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้สยามสแควร์จะไม่ได้บริการงานโดยบริษัท เซ้าท์อีสท์เอเชียก่อสร้าง จำกัด แต่ทุกวันนี้ บริษัท เซ้าท์อีสท์เอเชียก่อสร้าง จำกัด ก็กลายมาเป็น “ซีคอมโฮม” บริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งซีคอนโฮมก็เป็นบริษัทในเครือเดียวกับ ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ บริษัทรับเหมาก่อสร้างซีคอน รองเท้านันยาง และผงชูรสตราไทยชูรส นั่นเอง..

(ที่มาภาพ : PMCU)
สยามสแควร์วัน – สยามกิตติ์ – วิทยกิตติ์
สยามสแควร์วัน ศูนย์การค้าที่พัฒนาโดย PMCU ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของโรงภาพยนตร์สยาม ภายในศูนย์การค้านี้จะมีทั้งโซนติดแอร์และโซนโอเพนแอร์ มีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และที่นี่ยังมี Starbucks ร้านกาแฟระดับพรีเมียมโดยสาขาที่นี่เปิดถึง 3 ชั้นด้วยกัน Siam Innovation District (เมืองนวัตกรรมแห่งสยาม) ศูนย์การเรียนรู้นวัตกรรมที่มีทั้งพื้นที่ให้จัดงาน และ Co-Working Space ซึ่งสามารถเข้ามาใช้งานได้ทั้งบุคลากรของจุฬาฯ และบุคคลภายนอก LINE Village สวนสนุกในร่มโดย LINE และ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ โรงละครโดยเวิร์คพอยท์ ซึ่งโรงละครแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกรุงเทพฯ รองจากโรงละครเมืองไทยรัชดาลัยเธียร์เตอร์ ของซีเนรีโอ ที่ตั้งอยู่ในเอสพลานาด รัชดา

(ที่มาภาพ : The Office of Bangkok Architects)
นอกจากสยามสแควร์วันแล้ว ก็ยังมีโครงการที่พัฒนาโดย PMCU และตั้งอยู่ในสยามสแควร์ ทั้ง สยามกิตติ์ อาคารที่เต็มไปด้วยโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะขยายต่อเป็นโรงแรม 3 ดาว ซึ่งมีห้องพักจำนวน 300 ห้อง ตกแต่งแบบสไตล์ Loft และ วิทยกิตติ์ หรือที่หลายๆ คนมักเรียกว่าตึกศูนย์หนังสือจุฬาฯ ซึ่งอาคารนี้เป็นอาคารสำนักงาน ที่มีทั้งสำนักงานของจุฬาฯ เอง และสำนักงานของเอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ รวมไปถึงโรงเรียนกวดวิชา สถาบันสอนภาษา และศูนย์หนังสือจุฬาฯ อีกทั้งที่ชั้นใต้ดินก็ยังมีศูนย์อาหารราคาถูกไว้บริการให้บุคลากรของจุฬาฯ และบุคคลภายนอกอีกด้วย ถ้าใครอยากแวะฝากท้องในราคาสบายกระเป๋า ก็สามารถมาที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ได้เลย

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กโปรไฟล์ Siamkit Siamsquare)
โรงภาพยนตร์สกาลา – ลิโด้ คอนเน็คท์
เมื่อพูดถึงโรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อโลน หลายๆ คนก็มักจะนึกถึง โรงภาพยนตร์สยาม ลิโด สกาลา โรงภาพยนตร์ของเครือเอเพ็กซ์ที่อยู่คู่กับสยามสแควร์มาเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่จนถึงปัจจุบัน เครือเอเพ็กซ์ก็เหลือแค่โรงภาพยนตร์เดียว นั่นก็คือโรงภาพยนตร์สกาลา ซึ่งโรงภาพยนตร์ที่แห่งนี้ นอกจากจะฉายภาพยนตร์แล้ว หลายๆ อีเวนต์ ทั้งทอล์กโชว์ สัมมนา ละครเวที ก็มักจะมาใช้ที่นี่ในการจัดงานเช่นกัน โดยที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวอยู่หลายๆ ครั้ง ว่า PMCU จะไม่ต่อสัญญาในการเช่าพื้นที่เพื่อทำโรงภาพยนตร์แห่งนี้ต่อ ทำให้ในช่วงต้นปี 2561 ทาง PMCU ได้มาให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ ว่าสัญญาในการเช่าพื้นที่ ได้หมดมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้ต่อสัญญาเช่าแบบปีต่อปี และทาง PMCU ก็ไม่ได้ต้องการที่จะทุบสกาลาทิ้งอย่างแน่นอน ซึ่งทางเครือเอเพ็กซ์ก็ได้บอกกับ PMCU ว่าถ้าจะเอาลิโดคืน ก็จะไม่ทำสกาลาต่อ เพราะทุกวันนี้ประสบปัญหาขาดทุนในการทำโรงภาพยนตร์ ซึ่งรายได้ที่ประคองธุรกิจอยู่ ก็คือพื้นที่ที่ทางเครือเอเพ็กซ์ปล่อยเช่าต่อให้กับร้านค้ารายย่อยต่างๆ ที่มาตั้งอยู่ในลิโด

(ที่มาภาพ : joe_kittidate / Shutterstock.com)
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ สกาลายังดำเนินการฉายหนังอยู่ แต่ในอนาคต ถ้าเครือเอเพ็กซ์ไม่อยากทำต่อแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะได้อยู่ต่อ เพราะสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แสดงความสนใจมายัง PMCU ว่าอยากเช่าพื้นที่ของสกาลานี้ต่อ เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ และจะยังฉายหนังต่อไปด้วย แต่อาจจะต้องเปลี่ยนจากโรงภาพยนตร์ที่ตอนนี้เป็นโรงขนาดใหญ่ 1 โรง จำนวน 800 ที่นั่ง มาซอยย่อยมาเป็นโรงเล็ก 3 โรงแทน ซึ่งในช่วงที่ PMCU ได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ ทางสมาคมฯ ก็ได้เจรจาพูดคุยกับภาคธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ให้มาร่วมกันทำสกาลากัน รวมไปถึงกลุ่มทุนต่างๆ ให้เข้ามาช่วยสนับสนุนโครงการ เพราะค่าเช่าที่ดินของ PMCU ราคาก็แอบสูงอยู่ โดยในช่วงกลางปี 2561 ทางเครือเอเพ็กซ์ก็ได้ต่อสัญญาการเช่าพื้นที่กับ PMCU ไปจนถึงกลางปี 2563 (นับจากนี้ อีกแค่ร่วมๆ ปีเท่านั้น..) ก็ต้องมาติดตามกันต่อไป ชะตากรรมของสกาลาในอนาคตจะเป็นอย่างไร..

(ที่มาภาพ : joe_kittidate / Shutterstock.com)
จากที่ได้เล่าไปว่าสามโรงภาพยนตร์ของเครือเอเพ็กซ์ เหลือเพียงแค่สกาลาเท่านั้น นั่นก็เป็นเพราะโรงภาพยนตร์สยาม ได้เกิดเพลิงไหม้จากเหตุความไม่สงบในปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เครือเอเพ็กซ์หมดเวลาการเช่าพื้นที่โรงภาพยนตร์สยามกับ PMCU พอดี ทำให้ทาง PMCU ขอไม่ต่อสัญญาเช่าต่อ และนำพื้นที่ตรงนี้มาพัฒนาเป็นสยามสแควร์วันแทน ส่วนโรงภาพยนตร์ลิโด ทาง PMCU ก็ไม่ต่อสัญญาเช่าต่อเช่นเดียวกัน โดยให้ค่ายเพลง LOVEiS ของบอย โกสิยพงษ์ เข้ามาเช่าแทน ซึ่งทาง LOVEiS ได้เปลี่ยนโฉมโรงภาพยนตร์ลิโดให้กลายเป็น ลิโด้ คอนเน็คท์ (มีไม้โทเพิ่มเข้ามาเหนือ ด.เด็ก) ที่ซึ่งเป็นพื้นที่ในการปล่อยของของศิลปิน นักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งร้านค้าเดิมๆ ที่เช่าอยู่ในโรงภาพยนตร์ลิโด และโรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรง ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากที่ฉายภาพยนตร์ทั่วไป เป็นการฉายภาพยนตร์อิสระ (หนังอินดี้) ในโรงที่ 1 เป็นพื้นที่สำหรับศิลปินหน้าใหม่ไร้สังกัดในโรงที่ 2 และเป็นพื้นที่สำหรับการจัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต การแข่งขันอีสปอร์ตในโรงที่ 3 แทน

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ LIDO CONNECT)
เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ – โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์
เมื่อเวลาผ่านไป สถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในสยามสแควร์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างเซ็นเตอร์พอยท์ ย่านการค้าและลานกิจกรรมสำหรับวัยรุ่นใจกลางสยาม ซึ่งเป็นโครงการของเอกชนที่เข้ามาพัฒนา ก็ได้ย้ายจากสยามสแควร์ไปอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 2550 (ในปัจจุบันไม่มีแล้ว แต่ไปสร้างสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำรายการแทนที่ซอยลาซาน) ทำให้พื้นที่นี้ ทาง PMCU ได้ให้ Asset World (TCC Land ในขณะนั้น) เข้ามาพัฒนาโครงการ ซึ่งได้พัฒนาเป็นดิจิทัลเกตเวย์ ศูนย์รวมสินค้าไอทีย่อมๆ ใจกลางสยามสแควร์
แต่ดิจิทัลเกตเวย์กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผู้คนมักเดินเข้าห้างนี้เพียงแค่เดินข้ามฝั่งจากสยามเซ็นเตอร์มาสยามสแควร์เท่านั้น ทำให้เปลี่ยนรูปแบบโครงการเป็นศูนย์รวมเครื่องสำอางและสินค้าความงาม ในชื่อว่า เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ แทน โดยใช้ชื่อเดียวกับเซ็นเตอร์พอยท์เดิมที่เคยตั้งอยู่บริเวณนี้ (แต่ Asset World กับเซ็นเตอร์พอยท์เดิม ไม่ได้เป็นอะไรกัน) ปัจจุบัน Asset World อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อเตรียมเข้าซื้อขายในตลากหลักทรัพย์ฯ ทำให้ Asset World ได้ขายเซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ไปให้ TCC Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ดูแลแทน (เบียร์ช้าง – ไทยเบฟ เป็นบริษัทในเครือของ TCC Group ซึ่งในข่าวธุรกิจ มักเรียก TCC Group ว่าเบียร์ช้าง)

(ที่มาภาพ : charnsitr / Shutterstock.com)
อีกหนึ่งโครงการที่ในปัจจุบันก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ก็คือสยามโบวล์ ลานโบวลิ่งที่เป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป ความนิยมก็ลดน้อยถอยลง สยามโบลว์จึงเป็นเพียงอดีต และพื้นที่ของสยามโบวล์ก็ได้เปลี่ยนมาเป็น โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ แทน ตั้งอยู่ระหว่างสยามซอย 5 กับ 6 ตรงข้ามกับสยามกิตติ์

(ที่มาภาพ : โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์)
เอ็มบีเค เซ็นเตอร์
จากฝั่งขวามือของถนนพญาไท ย้ายฝั่งมาซ้ายมือกันบ้าง กับโครงการ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ อีกหนึ่งโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของย่านสยาม แต่เดิมมีชื่อว่ามาบุญครอง เปิดให้บริการในปี 2528 และเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ในปี 2543 ซึ่งในห้างนี้มีทั้ง ห้างสรรพสินค้าโตคิว จากประเทศญี่ปุ่น แหล่งรวมร้านโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่ ที่มีทั้งร้านตู้ ร้านขายส่ง ศูนย์บริการต่างๆ นานา โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ ซีเนม่า และ เอ็มบีเค ทาวเวอร์ อาคารสำนักงาน ที่ธนาคารธนชาต (ธนาคารที่ MBK Group ถือหุ้นอยู่) ก็มาใช้อาคารนี้เป็นสำนักงานใหญ่อีกด้วย (แต่เมื่อธนชาตควบรวมกับทีเอ็มบีแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องย้ายสำนักงานหรือไม่)
ที่ฝั่งสยามสแควร์เอง เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ก็ไปสร้างอาคารเล็กๆ อยู่ฝั่งนั้นด้วย ในชื่อ อะลาอาร์ท ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนพญาไท และมีทางเชื่อมระหว่างเอ็มบีเคเซ็นเตอร์และอะลาอาร์ทไว้ให้เดินข้ามฝั่งกันด้วย โดยในอะลาอาร์ทนี้จะมีทั้งร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และร้านชุดนักศึกษาที่มีอยู่ในเกือบทุกๆ ชั้นเลย

(ที่มาภาพ : Panya7 / Shutterstock.com)
สยามสเคป

ข้ามกลับมาที่ฝั่งสยามสแควร์ กับโครงการ สยามสเคป (Siam Scape) โครงการที่กำลังก่อสร้างโดย PMCU ซึ่งโครงการนี้มาแทนที่โบนันซ่ามอลล์ ศูนย์รวมชุดนักศึกษา ที่ไม่ว่าจะเด็กนักศึกษาจุฬาฯ หรือนักศึกษาสถาบันอื่น หลายๆ คนก็เลือกที่จะมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ ซึ่งโครงการสยามสเคปนี้จะเป็นโครงการมิกซ์ยูสสูง 25 ชั้น ที่ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ ซึ่ง PMCU ตั้งใจจะให้โรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ตามจุดต่างๆ ในสยามสแควร์และในอาคารสยามกิตติ์ ย้ายมาอยู่รวมกันที่สยามสเคป และเปลี่ยนอาคารสยามกิตติ์ให้ไปโฟกัสเรื่องการรองรับนักท่องเที่ยวแทน เพราะที่สยามกิตติ์ ในอนาคตจะมีโรงแรม และตรงข้ามสยามกิตติ์ ก็มีโรงแรมโนโวเทลอีกด้วย โดย PMCU บอกว่าโครงการสยามสเคปน่าจะเปิดให้ได้ใช้กันในปี 2563 นี้

(ที่มาภาพ : PMCU)
3 สยามจับมือ.. สู้ย่านราชประสงค์
นอกจากฝั่งสยามสแควร์ และเอ็มบีเคเซ็นเตอร์แล้ว ในย่านสยาม ก็ยังมีโครงการวันสยามของสยามพิวรรธน์ ประกอบไปด้วยสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำให้ทาง PMCU MBK Group และสยามพิวรรธน์ จับมือกันจัดตั้ง สมาคมการค้าพลังสยาม (Siam Synergy) ขึ้น เพื่อร่วมกันจัดโปรโมชั่นต่างๆ อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างสกายวอล์กเชื่อม เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ – สยามดิสคัฟเวอรี่ – สยามสแควร์ – หอศิลป์ – รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (BTS) สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ อีกด้วย //ที่ย่านราชประสงค์ ร่วมกันตั้งสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) และทำสกายวอล์คด้วย ย่านสยามก็ขอทำบ้าง..

(ที่มาภาพ : Chuchawan / Shutterstock.com)
หลังจากที่สกายวอล์คนี้เปิดให้ใช้งานในปี 2560 ทางสมาคมฯ ก็ได้เปิดการประกวดตั้งชื่อให้กับสกายวอล์กนี้ ซึ่งผลการประกวดที่ออกมา ทำให้สกายวอล์คนี้มีชื่อว่า “วันสยาม” แต่ที่น่าสังเกตก็คือ.. ในปี 2561 ทางสยามพิวรรธน์ก็ตั้งชื่อ “วันสยาม” ในการเรียกรวมกันของสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เช่นเดียวกัน //ชื่อเหมือนกันเด๊ะเลย..

(ที่มาภาพ : สมาคมการค้าพลังสยาม)
ย่านสวนหลวง

ถัดจากย่านสยามมาทางซ้าย ผ่านสนามกีฬาแห่งชาติ ก็จะเข้าสู่ย่านสวนหลวง ย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องกีฬา ถ้าใครกำลังหาเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา มาที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอน รวมถึงย่านที่มีร้านของกินอร่อยๆ ขึ้นชื่อเยอะมากกกกก ไว้โอกาสหน้าจะพาไปกินกันนะฮะ
สเตเดียม วัน
สเตเดียม วัน คอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้คอนเซ็ปต์ศูนย์รวมด้านกีฬาครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการของกลุ่มศิษย์เก่าวิศวฯ จุฬาฯ ที่เข้ามาประมูลทำโครงการบนที่ดินผืนนี้ เหตุที่ PMCU ให้กลุ่มศิษย์เก่านี้ชนะการประมูล ก็เป็นเพราะคอนเซ็ปต์ของโครงการนี้ที่เป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากศูนย์การค้าอื่นๆ ซึ่งโครงการนี้ตั้งอยู่ที่หัวมุมสี่แยกเจริญผล ติดกับสนามกีฬาแห่งชาติ ตรงข้ามกับเทสโก้ โลตัส พระรามที่ 1
ภายใต้โครงการสเตเดียมวัน ประกอบไปด้วย ร้านเครื่องกีฬา ชุดกีฬาต่างๆ ทั้งแบบค้าปลีกและค้าส่ง ฟิตเนสต่างๆ ทั้ง Jets Fitness ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง Yak Fitness ฟิตเนสสัญชาติไทย และ RSM Muay Thai คลับมวยไทยของเบียร์สิงห์ ร้านอาหารขึ้นชื่อของย่าน สวนหลวงและสามย่าน ที่ทางศูนย์ฯ ได้รวบรวมมาอยู่ที่นี่ และ NapLab Co-Working Space ที่มีทั้งนิสิตจุฬาฯ และบุคคลทั่วไปมาใช้บริการที่นี่

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ Stadium One – The Sports Society)
สวนหลวงสแควร์ – ดราก้อนทาวน์ – แอมพาร์ค
จากที่เป็นอาคารพาณิชย์ในอดีต PMCU ก็เริ่มพัฒนา ปรับเปลี่ยนหลายๆ พื้นที่ให้เป็นโครงการต่างๆ ที่เปิดให้ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ มาอยู่ภายในโครงการ ทั้ง สวนหลวงสแควร์ โครงการของ PMCU เอง และให้ภาคเอกชนเข้ามาทำโครงการ ดราก้อนทาวน์ (ชื่อเดิม Zy Walk) โครงการในสไตล์จีน และ แอมพาร์ค คอมมูนิตี้มอลล์ ที่อยู่ติดกับอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ Suanluang Square)

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ Dragon Town ดราก้อนทาวน์)
อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โครงการเชิงพาณิชย์ แต่ก็เป็นทาง PMCU ที่เป็นผู้ดำเนินงาน โดย อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เป็นสวนสาธารณะที่เปิดให้ทั้งบุคคลากรจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้บริการ พักผ่อนหย่อนใจ มีพื้นที่ประมาณ 29 ไร่ และจากการออกแบบที่ล้ำสมัยของสวนนี้ ทำให้ได้รางวัลจากสถาบันมากมายทั่วโลก

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
นอกจากนี้ ในย่านสวนหลวง ก็ยังมีอาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่อยู่มาแต่เดิม CU Terrace และ CU iHouse โครงการที่อยู่อาศัยของ PMCU ศูนย์ราชการต่างๆ ของตำรวจและกรุงเทพมหานคร ทั้งสำนักงานเขตปทุมวัน อนามัย ดับเพลิง และ สน.ปทุมวัน ที่จะย้ายมาอยู่รวมกันในโซนใหม่ ใกล้กับสวนหลวงสแควร์ และ อาคารมั่นคงการเคหะ ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของมั่นคงเคหะการ บริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย

(ที่มาภาพ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ย่านสามย่าน

ถัดลงมาจากอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ก็จะเข้าสู่ย่านสามย่าน ย่านที่ติดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) บนถนนพระรามที่ 4 ในย่านนี้มีโครงการขนาดใหญ่ ทั้งของ PMCU เอง และของภาคเอกชน รวมไปถึงโครงการขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาในอนาคตอีกด้วย
จตุรัสจามจุรี
ในปี 2538 ได้มีเอกชนเข้ามาลงทุนก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ริมถนนพระรามที่ 4 ติดหัวมุมแยกสามย่าน ภายใต้ชื่อ “จุฬาไฮเทค” //ได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก เหมือนจุฬาฯ จะมาทำห้างขายของไอที แต่ก่อสร้างได้ถึงแค่ชั้นที่ 13 ในปี 2540 ก็ประสบกับวิกฤตต้มยำกุ้งจึงทำให้โครงการนี้ต้องล้มไป แต่ทางจุฬาฯ ก็ไม่ปล่อยให้อาคารนี้เป็นตึกร้างบนผืนที่ดินของจุฬาฯ เลยส่ง PMCU เข้าไปดูแลจัดการบริหารโครงการนี้ต่อ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกที่ทาง PMCU ได้รับมอบหมายให้มาดูแล
PMCU จึงได้ปัดฝุ่นโครงการใหม่ แล้วแปลงโฉมให้เป็น จตุรัสจามจุรี (Chamchuri Square) มิกซ์ยูสริมถนนพระรามที่ 4 ที่มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัยภายใต้ชื่อจามจุรีสแควร์ เรสซิเดนซ์ ในส่วนของศูนย์การค้า ก็มีทั้งเทสโก้ โลตัส ที่มาในไซส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ขนาดย่อม โดย อพวช. รัฐวิสาหกิจที่ทำพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในที่ต่างๆ รวมไปถึงที่รังสิตด้วย และในส่วนของอาคารสำนักงาน ก็มีดีแทค ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใครๆ ก็รู้จัก มาเช่าที่อาคารแห่งนี้เป็นสำนักงานใหญ่ ที่ขนาดที่มีโลโก้ของดีแทคอยู่ด้านบนของอาคารอีกด้วย

(ที่มาภาพ : Sombat Muycheen / Shutterstock.com)
สามย่านมิตรทาวน์
อีกหนึ่งโครงการที่กำลังจะเปิดในเดือนกันยายนนี้ นั่นก็คือ สามย่านมิตรทาวน์ อีกหนึ่งโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการของ Goldenland บริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและพาณิชย์ในเครือ TCC Group ภายในโครงการประกอบไปด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรมทริปเปิ้ล วาย และคอนโด ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเดนซ์ ซึ่งคอนโดที่นี่จะไม่มีการขายขาด แต่เปิดให้เช่าระยะยาว 30 ปี เนื่องจากโครงการนี้อยู่บนที่ดินของจุฬาฯ ซึ่งทางโครงการเช่ามาอีกทีหนึ่ง
ในส่วนของศูนย์การค้า จุดเด่นที่นี่คือการตอบโจทย์ด้านการศึกษาตามโจทย์ที่ PMCU ได้มอบให้ และเอาใจคนที่ชอบหาที่นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือนอกบ้าน เพราะที่นี่จะมีโซนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครที่ชอบหัวแล่น คิดงานออกตอนดึกก็มาใช้บริการที่นี่กันได้เลย ซึ่งในโซนนี้จะมีทั้ง..
- Co-Learning Space พื้นที่สำหรับนั่งทำงานและหาความรู้
- Big C Foodplace รูปแบบใหม่ของ Big C ซึ่งเป็นสาขาที่สองต่อจากเกตเวย์ แอท บางซื่อ
- ร้านอาหารต่างๆ จากเครือไทยเบฟ ทั้ง KFC Shabushi Starbucks และ C asean
- Celebrity Fitness ฟิตเนสสัญชาติอินโดนีเซีย ที่ Fitness First เข้าควบรวมกิจการด้วยในปี 2560 ที่ผ่านมา โดย Fitness First จะใช้แบรนด์นี้มาเปิดที่ไทยในสามย่านมิตรทาวน์เป็นหนึ่งในสองสาขาแรก (อีกหนึ่งสาขาเปิดที่อาคารสิงห์ เอสเตท ซึ่งจะเปิดในเดือนพฤศจิกายนทั้งสองสาขา //เปิดทั้งในห้างเบียร์ช้างและเบียร์สิงห์เลย..)
- รวมไปถึงธนาคาร ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ อีกมากมาย
ซึ่งทั้งหมดนี้จะเปิดให้ใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดศูนย์การค้าตลอด 24 ชั่วโมงของสามย่านมิตรทาวน์ น่าจะทำให้ Too Fast To Sleep คาเฟ่ 24 ชั่วโมงที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม สั่นคลอนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ Samyan Mitrtown)
นอกจากนี้ที่เป็นอีกสองไฮไลต์ อย่างแรกก็คือ Samyan Food Legends ศูนย์อาหารโดย MBK Food Island ทีมงานเดียวกับที่ทำศูนย์อาหารในเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ MBK ออกมาทำศูนย์อาหารให้ที่อื่น โดยราคาของอาหารที่นี่ จะเริ่มต้นเพียง 35 บาทเท่านั้น !! (โดยทั่วไปแล้ว ศูนย์การค้าในเครือ TCC Group จะทำศูนย์อาหารเอง ภายใต้ชื่อ Food Street)
และอีกหนึ่งไฮไลต์นั่นก็คือ House SAMYAN โรงภาพยนตร์นอกกระแส ที่หนึ่งในเจ้าของเป็นลูกของเสี่ยเจียง เจ้าของสหมงคลฟิล์ม โดยทางสามย่านมิตรทาวน์ใช้เวลากว่า 2 ปีในการทาบทามทาง House ให้มาย้ายมาอยู่ที่นี่ ซึ่งโรงภาพยนตร์แห่งนี้ เดิมอยู่ที่ RCA แหล่งบันเทิงชื่อดังย่านพระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลที่เดินทางไม่ค่อยสะดวก ไม่ติดรถไฟฟ้า พอย้ายมาอยู่ที่สามย่านมิตรทาวน์ คอหนังที่ชื่นชอบในโรงภาพยนตร์ House ก็จะเดินทางกันง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยากเลย เพราะสามย่านมิตรทาวน์เชื่อมต่อตรงกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) สถานีสามย่าน ผ่านอุโมงค์ทางเชื่อม ซึ่งเป็นความร่วมมือของสามย่านมิตรทาวน์ PMCU และ กทม. ซึ่งการมีอุโมงค์นี้ทำหน้าที่ในการเชื่อมระหว่างสามย่านมิตรทาวน์กับจตุรัสจามจุรีอีกด้วย

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ House RCA)
อาณาจักรพระราม 4 ของ TCC Group
สามย่านมิตรทาวน์เป็นหนึ่งในโครงการตลอดแนวถนนพระรามที่ 4 ของ TCC Group ซึ่งนอกจากสามย่านมิตรทาวน์แล้ว ก็ยังมี One Bangkok, The Parq และ FYI Center ที่เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ Thaibev Quarter อาคารสำนักงานเก่าของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มารีโนเวตเปลี่ยนเป็นสำนักงานใหญ่ของไทยเบฟ และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ โดยที่บริษัทในเครือของ TCC Group เป็นผู้เช่าโครงการจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง มาบริหารศูนย์ประชุมแห่งนี้ต่ออีกทีหนึ่ง
Block 28 – Block 33 – Block 34
ในย่านสามย่าน ยังมีที่ดินอีกสามแปลง ที่ PMCU กำลังจะพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ อีกถึงสามโครงการด้วยกัน ทั้ง Block 28 ที่ตั้งติดกับตลาดสามย่านทางทิศใต้ และเกือบติดกับถนนพระรามที่ 4 (มีตึกแถวมาคั่น) ซึ่งเป็นที่ที่รวมอาคารสูง 3 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยที่นี่จะเป็นอาคารสำนักงานสำหรับธุรกิจสตาร์ตอัป และชั้นล่างจะเป็นพื้นที่สำหรับร้านอาหารและคาเฟ่
ส่วน Block 33 และ Block 34 จะตั้งอยู่ติดกับอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ทางทิศใต้ โดย Block 33 จะมุ่งเน้นไปในด้านการอยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพ ซึ่งจะมีศูนย์การแพทย์ชั้นนำในที่นี้ด้วย และสำหรับ Block 34 จะเป็นพื้นที่ที่รวบรวมและจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ จากทั้งในประเทศไทยเองและต่างประเทศ ซึ่งทาง PMCU เองตั้งใจจะให้ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต

(ที่มาภาพ : PMCU)

(ที่มาภาพ : รายงานประจำปี 2559 – 2560 ของ PMCU)
นอกจากนี้ ในย่านก็ยังมีอาคารพาณิชย์ ตลาดสามย่าน ตลาดสดของ PMCU ที่ด้านบนของตลาดสดจะเป็นศูนย์อาหาร ที่เกือบทุกร้านจะขายสเต๊ก หอพักยูเซ็นเตอร์ หอพักของเอกชน แต่ผู้ที่จะพักได้จะต้องเป็นนิสิตของจุฬาฯ เท่านั้น โดยด้านล่างของหอพักเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และโรงเรียนกวดวิชา

(ที่มาภาพ : Panya7 / Shutterstock.com)
* จริงๆ แล้ว ทาง PMCU ได้รวมย่านสวนหลวงและย่านสามย่านเข้าเป็นย่านเดียวกัน แต่ผู้เขียนมองว่าจะใหญ่เกินไป จึงขอแยกเป็นย่านสวนหลวง และย่านสามย่าน
โมโนเรลจุฬาฯ ที่สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้น
จากที่เคยได้กล่าวไปในบทความ G LAND ว่า กทม. มีแผนที่จะสร้างโมโนเรลร่วมกับ G LAND เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่โครงการย่านพระราม 9 ในช่วงเวลานั้น กทม. ก็มีแผนที่จะทำโมโนเรลร่วมกับจุฬาฯ เช่นเดียวกันในปี 2553 โดยระยะแรก เส้นทางของโมโนเรลเส้นนี้จะมีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีสามย่าน ข้างๆ จตุรัสจามจุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) สถานีสามย่าน และไปสิ้นสุดที่สี่แยกปทุมวัน เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (BTS) สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
ส่วนระยะที่ 2 และ 3 สถานีเริ่มต้นและสถานีสุดท้ายคือสถานีเดียวกับระยะแรก แต่เส้นทางของระยะที่ 2 จะวิ่งเข้าย่านสวนหลวง – สามย่าน ส่วนระยะที่ 3 จะวิ่งไปทางถนนพระรามที่ 4 เลี้ยวเข้าถนนอังรีดูนังต์และเลี้ยวเข้าพื้นที่สยามสแควร์ที่สยามสแควร์ซอย 7 จนมาสิ้นสุดที่สถานีปลายทางของระยะที่ 1 โดยอู่ซ่อมบำรุงจะตั้งอยู่ที่หัวมุมสี่แยกสามย่าน (สามย่านมิตรทาวน์ในปัจจุบัน) และที่อู่ซ่อมบำรุง ศูนย์ราชการต่างๆ ของ กทม. และตำรวจจะมารวมกันอยู่ในที่เดียวกันด้วย (แผนปัจจุบัน ศูนย์ราชการไปตั้งอยู่ใกล้กับอุทยาน จุฬาฯ 100 ปี) มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการอยู่ที่ประมาณ 7,200 – 9,600 ล้านบาท !! ซึ่งในช่วงนั้นก็มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากบุคลากรของจุฬาฯ เอง ซึ่งในฝั่งที่บอกว่าไม่เห็นด้วย ก็ได้ให้เหตุผลว่าโมโนเรลจะไปบดบังทัศนียภาพของจุฬาฯ

(ที่มาภาพ : คุณ Max Leelertyuth ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ อภินิหารตำนาน “จุฬาฯ”)
แต่หลังจากนั้นก็ต้องพับแผนไปชั่วคราว เพราะในช่วงนั้น กทม. ต้องประหยัดงบเอาไปซ่อมแซมเมืองหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่มา จากนั้นในปี 2556 กทม. ก็ได้กลับมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง แต่ปีต่อมา ในปี 2557 ก็ต้องใจสลาย เพราะจุฬาฯ มีการปรับเปลี่ยนแผนในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งทำให้โครงการโมโนเรลต้องพับแผนไปอย่างถาวร อย่างไรก็ดี ในปี 2561 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่า กทม. จะร่วมกับ RTC BUS (ที่ปัจจุบันมีผลงานการวิ่งรถเมล์ที่เชียงใหม่) สร้างรถรางไฟฟ้า มากกว่า 10 สาย โดย 2 สายแรกจะวิ่งเป็นวงกลม จุฬาฯ – สวนลุมพินี – ราชดำริ – ราชประสงค์ – ประตูน้ำ – สยาม ส่วนอีกสายจะวิ่งเป็นวงกลม สวนลุมพินี – ราชดำริ – ราชประสงค์ – ประตูน้ำ – ราชปารภ – ชิดลม – วิทยุ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน – เขียวเข้ม – น้ำเงิน – ส้ม – แดงอ่อน – แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ก็หวังว่าโครงการนี้จะได้เกิดขึ้นจริง

นอกย่านจุฬาฯ.. จุฬาฯ ก็มีที่ดินเพียบ
นอกจากที่ดินในย่านจุฬาฯ แล้ว จุฬาฯ ก็ยังมีที่ดินอีกมากมาย ทั้งย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างในจังหวัดสระบุรี นครปฐม น่าน ชลบุรี ที่ใช้สำหรับการศึกษา ส่วนในความดูแลของ PMCU ก็มีทั้งพระตำหนักดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่จุฬาฯ ได้เข้าซื้อในปี 2492 เพื่อใช้สำหรับการศึกษา แต่หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์แทน ส่วนที่ดินเพื่อการพาณิชย์อย่างที่ PMCU ถนัด ก็มีทั้งที่ระยอง (เดิมใช้เพื่อการศึกษา) รังสิต พระราม 9 รามคำแหง อ่อนนุช ที่ ณ ตอนนี้ภาคเอกชนกำลังพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ในชื่อ People Park ซึ่งในขณะนี้เปิดให้บริการแล้วบางส่วน และหัวหิน ที่ปัจจุบันภาคเอกชนเข้าพัฒนาเป็นวรบุระ รีสอร์ท แอนด์ สปา

(ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ People Park Onnuch ปัจจุบันย้ายไปเพจใหม่ที่ PeoplePark)
เรียกได้ว่านอกจากบทบาทของการเป็นมหาวิทยาลัยที่ทำได้ดีอยู่แล้วของจุฬาฯ ในบทบาทของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ทั้งพัฒนาเอง และร่วมมือกับภาคเอกชน จุฬาฯ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน หลังจากนี้ไปก็ต้องมาติดตามกันว่า โครงการในอนาคตที่ PMCU จะพัฒนาขึ้น จะน่าไปเที่ยวและน่าไปใช้บริการมากน้อยแค่ไหน
โดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง อยากจะฝากให้ PMCU พัฒนาท่ารถตู้โดยสารให้เป็นระบบ แบบที่เมืองทองธานีและฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตทำ เพราะในปัจจุบัน ท่ารถตู้โดยสารรอบๆ สยามสแควร์ยังไม่เป็นระเบียบเท่าที่ควร เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของโครงการของ PMCU ใครที่อ่านจบแล้วก็ขอฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะครับ สำหรับในครั้งต่อไป LivingPop จะนำเรื่องอะไรดีๆ มานำเสนอ ก็ขอให้ติดตามกัน สำหรับบทความนี้ สวัสดีครับ 😀
