fbpx
วิเคราะห์ทำเล

ส่องทำเล “จรัญ-บางอ้อ” ย่านติดรถไฟฟ้าสายหลักที่ราคาคอนโดยังถูกอยู่!… 😄

ถ้าพูดถึงทำเลที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าสายหลักที่คอนโดยังราคาจับต้องได้ไม่แพงโดดไปมาก หลายคนก็คงนึกถึงโซนรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ไกลออกไปอย่างแถวลำลูกกา, สมุทรปราการ หรือถ้าเข้ามาในเมืองมากกว่านี้ก็อาจจะอยู่ในซอยหรือถนนสายย่อยไปเลย

แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับทำเลที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป หรือรู้สึกว่าไกล หรือไม่เคยอยู่ในใจเวลาเลือกทำเลเลย นั่นก็คือ “ทำเลจรัญ-บางอ้อ” นั่นเอง! ซึ่งทำเลนี้ก็มีจุดเด่นหลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการติดรถไฟฟ้าสายหลักอย่างสายสีน้ำเงิน หรือระยะห่างจากใจกลางเมืองที่จริงๆ แล้วอาจจะใกล้กว่าที่คิด

รวมไปถึงโครงการในอนาคตอันใกล้อย่าง “สะพานเกียกกาย” ที่เพิ่งจะมีการอนุมัติงบประมาณก่อสร้างไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง บอกเลยว่าโครงการนี้ไม่ใช่แค่สะพานข้ามแม่น้ำโดดๆ แต่มาพร้อมเครือข่ายทางยกระดับเชื่อมต่อที่ช่วยให้การเดินทางข้ามแม่น้ำในย่านนี้สะดวกขึ้น เข้าเมืองง่ายขึ้นอีกเยอะเลยด้วย

เอาเป็นว่าย่านบางอ้อ-จรัญสนิทวงศ์จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันได้ในบทความนี้เลยครับ 😁


ก่อนจะไปเจาะโซนบางอ้อ ก็อยากจะขอเล่าเกร็ดประวัติของถนนจรัญสนิทวงศ์กันนิดๆ หน่อยๆ ครับ 😊

ถนนจรัญสนิทวงศ์ เดิมเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินสาย 306 ของกรมทางหลวง โดยเริ่มจาก “วงเวียนท่าพระ” ที่ปัจจุบันคือที่ตั้งของแยกท่าพระและสถานี MRT ท่าพระ วิ่งขึ้นทิศเหนือขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงบางกรวย จากนั้นข้ามแม่น้ำโดยใช้สะพานพระราม 6 ร่วมกับทางรถไฟสายใต้ จากนั้นจะวิ่งเลียบแม่น้ำต่อไปจนถึงตัวอำเภอเมืองนนทบุรี โดยสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 หรือราวๆ 80 ปีมาแล้ว

โดยที่มาของชื่อถนนก็ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับ “หลวงจรัญสนิทวงศ์” ซึ่งเป็นข้าราชการในสายที่เกี่ยวข้องกับถนน ทางรถไฟ ตั้งแต่ปี 2465 จนดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็นปลัดกระทรวงคมนาคมในปี 2489

ในยุคต่อมาได้มีการโอนถนนในช่วงท่าพระถึงสะพานพระราม 6 ให้ กทม. ดูแล ซึ่งในช่วงแรก กทม. ได้ปักป้ายชื่อถนนและชื่อซอยต่างๆ ว่า “จรัลสนิทวงศ์” (สะกดผิดจาก ญ เป็น ล) แต่ต่อมาก็มีการแก้ไขให้ถูกต้องเป็น “จรัญสนิทวงศ์” จนถึงปัจจุบันครับ

และด้วยปริมาณการเดินทางที่มากขึ้น ในปี พ.ศ.2535 จึงได้มีการสร้าง “สะพานพระราม 7” ขึ้นมาขนานกับสะพานพระราม 6 เดิม เพื่อย้ายเส้นทางรถยนต์ไปวิ่งบนสะพานแห่งใหม่ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางข้ามแม่น้ำ และขยายทางรถไฟสายใต้ให้เป็นทางคู่ด้วย


ต่อมาเมื่อช่วงปี 2514 ในปีนั้นเป็นปีที่ทางรัฐบาลมีการจัดงานพระราชพิธีรัชดาภิเษกของในหลวงรัชกาลที่ 9 พอดีครับ โดยรัฐบาลในสมัยนั้นมีไอเดียที่จะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสให้สร้างถนนวงแหวนแทน

ทาง กทม. จึงมีโครงการสร้าง “ถนนรัชดาภิเษก” เป็นถนนวงแหวนรอบเมือง โดยเป็นการรวมถนนสายต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว และตัดถนนใหม่ขึ้นมาเชื่อมต่อในส่วนที่เหลือ ซึ่งถนนจรัญสนิทวงศ์ ก็ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของถนนวงแหวนสายนี้ด้วยครับ

สำหรับรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับถนนวงแหวนรัชดาภิเษก เราเคยทำคอนเทนต์เอาไว้ด้วยนะ ลองไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้นะครับ 😁
www.livingpop.com/meet-and-greet-ratchadaphisek


ซึ่งนอกจากที่ถนนจรัญสนิทวงศ์จะเป็นถนนสายหลักเพราะเป็นถนนวงแหวนรอบเมืองแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถนนจรัญฯ ยังเป็นถนนที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นรถไฟฟ้าสายหลักของ กทม. พาดผ่านตลอดทั้งสาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้สามารถเดินทางเข้าออกไปยังโซนต่างๆ ของเมืองได้สะดวกขึ้นด้วยครับ

อย่างที่จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาก็จะมีคอนโดใหม่ๆ เกิดขึ้นตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์มากพอสมควรเลย โดยส่วนมากก็จะกระจุกตัวกันอยู่แถวโซนท่าพระ บางขุนนนท์ ไปจนถึงโซนบางพลัด เพราะด้วยความที่เป็นย่านชุมชนเก่า มีความเจริญมาก่อนแล้ว

สำหรับในโซนทิศเหนือนั้น ก็มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน โดยจะอยู่บริเวณรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าอย่างสถานีสิรินธร บางพลัด และบางอ้อ ซึ่งจะอยู่ระหว่างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 2 สะพาน คือสะพานกรุงธนบุรี (สะพานซังฮี้) และสะพานพระราม 7 ครับ

โดยเมื่อมีรถไฟฟ้าเข้าถึง ก็ทำให้โซนนี้มีทางเลือกในการเดินทางเข้าเมืองได้อีกทาง คือเส้นทางรถไฟฟ้า ที่ข้ามแม่น้ำแล้วมุ่งตรงเข้าเมืองไปในโซนบางซื่อ-จตุจักรได้เลย


ดังนั้นเมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินผ่าน ชาวจรัญ-บางอ้อก็สามารถเดินทางไปในโซนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ชั้นในได้โดยใช้เวลาไม่นาน

โดยสามารถนั่งยาวๆ ไปโซนลาดพร้าว-รัชดา-พระราม 9 ได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย หรือจะเปลี่ยนไปขึ้น BTS ที่สถานีสวนจตุจักร แล้วนั่งเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือไปสยาม ก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รวมถึงสามารถไปสถานีกลางบางซื่อได้ใน 6 นาที เพื่อเชื่อมต่อไปรถไฟทางไกล รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟไปสนามบิน หรือรถไฟความเร็วสูงในอนาคตได้ด้วย

และในอนาคตอีกไม่ไกล รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็จะเปิดบริการส่วนต่อขยายฝั่งใต้ จากสถานีเตาปูนผ่านเขตเมืองเก่าแถวสามเสนไปจนถึงราชดำเนิน ซึ่งจากบางอ้อก็สามารถเดินทางไปสถานีเตาปูนได้ด้วยระยะทาง 2 สถานีเท่านั้นเอง


ด้วยความที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นเส้นทางกึ่งวงกลมรอบเมือง (แบบมีหาง) เราจึงสามารถเดินทางภายในสายเดียวนี้เพื่อไปทั่วเมืองได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนสายเปลี่ยนขบวนเลย และยังเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อกับสายสีม่วงและสายสีส้ม ซึ่งเป็นสายที่ผ่ากลางเมืองในแนวเหนือ-ใต้ และตะวันออก-ตะวันตก ทำให้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลักที่จะมีความสำคัญต่อการเดินทางในอนาคตครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งสายสีม่วงและส้มก็ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและเตรียมการก่อสร้างนะฮะ อาจจะอีกหลายปีกว่าที่จะได้เปิดให้บริการ แต่ถ้าว่ากันจริงๆ ในปัจจุบันนี้สายสีน้ำเงินก็มีความเป็นรถไฟฟ้าสายหลักอยู่แล้วล่ะครับ (บางทีต้องรอหลายขบวนกว่าจะได้ขึ้นรถไฟ 😅)


แล้วถ้าไม่นั่งรถไฟฟ้าล่ะ? เราลองซูมออกมาระดับนึง ก็จะเห็นว่าด้วยความที่ถนนจรัญเป็นถนนวงแหวนคู่ขนานกับแนวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีทางเลือกในการข้ามแม่น้ำเพื่อเดินทางเข้า-ออกเมืองอยู่หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะมุ่งขึ้นเหนือเพื่อข้ามสะพานพระราม 7 ไปทางรัชวิภา-รัชโยธิน หรือลงใต้ไปนิดนึงข้ามสะพานซังฮี้ตรงเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือลงไปอีกหน่อยก็มีทั้งสะพานพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ให้ใช้ได้

หรือถ้าจะใช้ทางด่วน ก็มีจุดขึ้นลงทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก อยู่ตรงเชิงสะพานพระราม 7 สามารถขึ้นทางด่วนข้ามแม่น้ำเข้าเมืองไปลงแถวหมอชิต 2 ได้เลย บอกเลยว่า life hack มาก แปปเดียวถึง แต่ค่าทางด่วน 65 บาทก็อาจจะจุกๆ หน่อยนึงครับ


มาถึงไฮไลต์ของย่านนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วครับ นั่นก็คือโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย หรือเรียกง่ายๆ ว่า “สะพานเกียกกาย” นั่นเอง โดยจะขนาบอยู่ด้านข้างของอาคารสัปปายะสภาสถาน รัฐสภาแห่งใหม่ของเรานั่นเองฮะ

โดยโครงการก่อสร้างสะพานนี้มีมาตั้งแต่ราวๆ ปี 2547 เป็น 1 ใน 4 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ที่กรุงเทพมหานครรับผิดชอบในการดำเนินการ ได้แก่

  1. สะพานบริเวณแยกเกียกกาย
  2. สะพานบริเวณถนนราชวงศ์-ท่าดินแดง
  3. สะพานบริเวณถนนลาดหญ้า-ถนนมหาพฤฒาราม
  4. สะพานบริเวณถนนจันทน์-ถนนเจริญนคร

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีสะพานไหนได้สร้างจริงเลย ส่วนใหญ่จะติดปัญหาเรื่องพื้นที่ก่อสร้างและการต่อต้านจากชุมชนในพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งสะพานเกียกกายก็ติดอยู่กับเรื่องเหล่านี้เช่นกัน และยังมีเรื่องของการบดบังทัศนียภาพความสวยงามของอาคารรัฐสภาด้วย จึงมีการปรับแบบกันอยู่หลายรอบ ทั้งรูปแบบของตัวเสาสะพาน และจุดขึ้นลงของสะพาน ซึ่งเราจะพูดถึงในภาพถัดไปครับ


หลายคนที่เคยติดตามข่าวก็อาจจะสงสัยกันครับ ว่าทำไมแค่สะพานข้ามแม่น้ำเนี่ยถึงได้มีปัญหาเยอะจัง ทั้งเรื่องเวนคืนและเรื่องงบก่อสร้างที่เคาะไปถึงเกือบๆ 13,000 ล้านบาท นั่นก็เพราะว่าสะพานเกียกกายนั้นไม่ใช่แค่สะพานที่ข้ามแม่น้ำเฉยๆ แล้วจบ อย่างสะพานปิ่นเกล้าหรือสะพานพุทธ แต่เค้ามาพร้อมทางยกระดับต่อเชื่อมยาวเกือบ 6 กิโลเมตร โดยมีเส้นทางดังนี้ครับ

🔎 ช่วงที่ 1 – เริ่มต้นจากถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ ผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์บริเวณบางอ้อ ข้างโรงพยาบาลยันฮี จนถึงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี

🔎 ช่วงที่ 2 – ช่วงที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา

🔎 ช่วงที่ 3 – จากริมฝั่งแม่น้ำฝั่งพระนคร ไปจนถึงแยกสะพานแดง (สุดถนนทหาร เริ่มต้นถนนประดิพัทธ์)

🔎 ช่วงที่ 4 – จากแยกสะพานแดง ตรงไปถึงแยกประดิพัทธ์ ข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายขนานไปกับทางรถไฟ แล้วเลี้ยวขวาไปจนถึงทางแยกที่ถนนพระราม 6 ตัดกับถนนกำแพงเพชร ใกล้ทางเข้าสถานีกลางบางซื่อ

🔎 ช่วงที่ 5 – จากปลายช่วงที่ 4 ตรงต่อไปตามถนนกำแพงเพชร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน สิ้นสุดที่สถานี BTS หมอชิต โดยมีทางลงแยกไปลงที่ถนนกำแพงเพชร 2 มุ่งหน้าขนส่งหมอชิต 2 ด้วย

ข่าวดีคือล่าสุดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา สภา กทม. อนุมัติงบประมาณปี 2566 ให้เริ่มก่อสร้างในช่วงที่ 2 (ช่วงข้ามเจ้าพระยา) เรียบร้อยแล้วครับ คาดว่าจะเริ่มมีการประมูลและเริ่มก่อสร้างเร็วๆ นี้เลย สำหรับช่วงอื่นๆ ก็เริ่มมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ทั้งจากฝั่ง กทม. และจากฝั่งรัฐบาล เพราะว่าโครงการนี้ทาง กทม. จะออกงบครึ่งนึง และรัฐบาลออกงบอีกครึ่งนึงครับ

แต่ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลในสภา กทม. เราได้ยินรองผู้ว่าชี้แจงว่าช่วงที่ 4 และ 5 มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องระงับไปก่อน เนื่องจากมีปัญหาในการเวนคืนที่ดินในช่วงที่ขนานไปกับทางรถไฟ ดังนั้นในระยะแรกอาจจะมีแค่ช่วงที่ 1-2-3 ครับ


พูดถึงสะพานเกียกกายไปซะยาวเลย 5555 ก็เอาเป็นว่าสำหรับใครที่คิดว่าจะต้องเดินทางเข้าเมือง สะพานเกียกกายก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอนาคตที่จะทำให้การเดินทางจากโซนบางอ้อเข้าเมืองได้สะดวกขึ้นนะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบริเวณใกล้ๆ ย่านบางอ้อเองเนี่ยก็มีแหล่งงานขนาดใหญ่อยู่เหมือนกัน เรียกว่าถ้าเลือกอยู่อาศัยในโซนนี้ แล้วทำงานอยู่ใกล้ๆ ด้วยเนี่ย ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเข้าเมืองเลย

โดยในย่านบางอ้อเองก็จะมี “โรงพยาบาลยันฮี” ที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งหลายๆ คนเข้าใจว่าเป็นโรงพยาบาลสำหรับการผ่าตัดเสริมความงามอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วเค้ามีศูนย์รักษาโรคทั่วไปเหมือนโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ ปกติเลยนะครับ และด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็เลยทำให้กลายเป็นศูนย์กลางความคึกคักของย่านบางอ้อไปโดยปริยาย

และถ้าเลยขึ้นไปหน่อยก็จะเป็นย่านบางกรวย เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ “การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT)” และโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ หนึ่งในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ผลิตไฟฟ้าป้อนให้ กทม. ซึ่งก็จัดว่าเป็นแหล่งงานที่สำคัญของโซนนี้เลยเหมือนกัน


หรือถ้าข้ามแม่น้ำไปทางสะพานพระราม 7 ก็จะเป็นโซนที่มีสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันเลยนั่นก็คือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (KMUTNB) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (RMUTP) ศูนย์พระนครเหนือ เรียกว่าเป็นทั้งแหล่งงานและแหล่งรวมนิสิตนักศึกษาที่เด่นดังในย่านพระราม 7 เลยทีเดียวครับ

และแหล่งงานขนาดใหญ่ที่น่าสนใจอีกที่นึงก็คือ “รัฐสภา” นั่นเองฮะ หลายคนอาจจะงงๆ ว่าเอ๊ะ รัฐสภาก็มี สส. สว. ทำงานกันอยู่ 700 กว่าคนไง มันจะเป็นแหล่งงานอะไรกัน อันที่จริงต้องบอกว่าในการทำงานของรัฐสภานั้น จะประกอบไปด้วยทีมงานฝ่ายสนับสนุนประจำตามหน่วยงานต่างๆ ภายในอาคารรัฐสภา ทั้งข้าราชการประจำ พนักงานราชการ และพนักงานสัญญาจ้างต่างๆ รวมกันก็หลักหลายพันคนเลยครับ และทำเลบางอ้อก็เป็นโซนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในอนาคตเมื่อมีการสร้างสะพานเกียกกายที่เชื่อมทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน


นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือทางรถยนต์ ด้วยความที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ เป็นถนนที่เลียบไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นเราก็จะมีการเดินทางด้วยน้ำเป็นหนึ่งในทางเลือกด้วยเช่นกัน แต่ในช่วงบางอ้อเองเนี่ยจะไม่มีท่าเรือในฝั่งนี้นะครับ (หลักๆ จะไปอยู่ฝั่งพระนครซะหมด) สำหรับท่าเรือที่ใกล้ที่สุดก็คือ “ท่าพระราม 7” ซึ่งเป็นท่าเรือที่สำคัญ เพราะมีเรือทุกสีทุกธงจอดที่ท่านี้หมดเลย รวมถึงเรือด่วนไฟฟ้า Mine Smart Ferry ก็จอดที่ท่านี้ด้วย สามารถเดินทางไปลงที่ท่าต่างๆ ตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ถึงย่านสาทร หรือขึ้นไปทางนนทบุรีเลยก็ได้ครับ

การเดินทางด้วยเรือเนี่ยก็เป็นหนึ่งใน life hack ในการเดินทางหนีรถติดได้เหมือนกันนะครับ พวกเราเคยทำบทความแนะนำการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเอาไว้แล้ว ใครที่สนใจก็อ่านต่อได้ที่ลิงค์นี้เลย >> www.livingpop.com/chaophraya-express-boat


อย่างที่เราบอกไปครับว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เค้าจะวิ่งเป็นวงกลม ล้อมรอบเมือง และผ่านโซนสำคัญหลายจุด ดังนั้นแต่ละโซนก็จะมีราคาคอนโดที่แตกต่างกันออกไป อย่างย่านอโศก หรือสามย่าน ราคาก็ทะลุไปไกลมากๆ แล้ว หรือถ้ามองหาคอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินฝั่งกรุงเทพด้านพระนคร อย่างต่ำส่วนใหญ่ก็ต้องมีตารางเมตรละแสนขึ้นครับ

แล้วทำไมฝั่งธนยังถูกกว่า?? ตรงนี้ก็ต้องยอมรับครับว่าฝั่งนี้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเค้าตามมาทีหลัง ความเป็นตัวเมืองและความเจริญต่างๆ ก็อาจจะยังพัฒนาไปไม่เท่ากับอีกฝั่ง ที่เริ่มบูมจากรถไฟฟ้าตั้งแต่เกือบ 20 ปีก่อน

แต่สิ่งที่เป็นโอกาสสำหรับย่านนี้ก็คือเรายังสามารถหาที่อยู่อาศัยในราคาที่ถูกกว่ามาก แต่ได้อยู่บนรถไฟฟ้าสายหลัก เส้นเดียวกัน “โดยที่ไม่ใช่สถานีที่ไกลทุ่ง หรือออกไปจนเป็นคนละจังหวัดกันแล้ว” ซึ่งโซนนี้ก็ยังเป็นโซนที่ใกล้เมืองอยู่ครับ เพียงแต่ความเจริญต่างๆ อาจจะลดทอนจากในเมืองลงมา

ช่วงจรัญ-บางอ้อเลยเป็นหนึ่งในทำเลสำหรับคนที่อยากมีที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ด้วยงบที่อาจจะไม่สูงมาก คอนโดระดับล้านกลาง-ล้านปลายใกล้รถไฟฟ้าก็ยังหาได้ที่นี่ครับ

จากการสำรวจของทีมงาน จะเห็นว่าโซนบางอ้อนี่ค่อนข้างจะมีระดับราคาเริ่มต้นเฉลี่ยที่ค่อนข้างต่ำกว่าเพื่อนๆ ในสายเดียวกันเลยครับ โดยที่ตัวทำเลเองยังได้จุดเด่นเรื่องความไม่ได้ห่างไกลจากใจกลางเมืองมากอย่างที่เราได้พาไปดูในแง่มุมต่างๆ ในภาพก่อนๆ ครับ


เกริ่นกันมาขนาดนี้ แน่นอนว่าวันนี้ Content มีลูกค้าเข้าด้วยครับ ดีใจกับทีมงานหน่อยยย สำหรับผู้สนับสนุนของเราในวันนี้ก็คืออออ

โครงการ “Supalai City Resort จรัญฯ 91”

ที่นี่น่าสนใจยังไง เราขอเล่าให้ฟังครับ ปัจจุบัน ถ้าจะหาคอนโดติดรถไฟฟ้าสายหลักที่เข้าเมืองได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสาย ไม่ว่าจะเป็น BTS สายสีลม/สายสุขุมวิท หรือ MRT สายสีน้ำเงิน ในงบล้านกลางๆ ก็ต้องบอกว่าสถานีที่พอซื้อหาได้ ส่วนใหญ่ก็จะไกลออกไปจากเมืองครับ

แต่โครงการนี้ ได้ทำเลอยู่ที่ MRT สถานีบางอ้อ ซึ่งค่อนข้างใกล้เมือง นั่งไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย และห่างจากรถไฟฟ้าเพียงแค่ 190 เมตรเท่านั้นเอง ก็เป็นระยะที่เดินได้สบายครับ และที่นี่ก็จะใกล้กับแหล่งงานในย่านนี้อย่างโรงพยาบาลยันฮี, กฟผ. และ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

จุดเด่นของโครงการนี้ก็มีหลายอย่างครับ เช่น

  • ราคาของโครงการที่เริ่ม 1.49 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 55,000
  • Facility ครบ พร้อมอาคารส่วนกลาง สระน้ำ และยิมขนาดใหญ่
  • ระยะเดินเพียงแค่ 190 เมตรจากรถไฟฟ้า
  • ที่ตั้งโครงการตรงข้ามโรงพยาบาลยันฮี
  • ได้อยู่ติดรถไฟฟ้าสายหลัก เข้าเมืองในต่อเดียว

ทำเล

มาดูกันที่จุดเด่นแรกกันก่อนครับ คือเรื่องของทำเลนั่นเอง

ที่นี่จะอยู่ในระยะ 190 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน “สถานีบางอ้อ” ครับ จุดเด่นของรถไฟฟ้าสายนี้คือเป็นรถไฟฟ้าสายที่เป็นกึ่งวงกลม และมีบางส่วนที่วิ่งผ่านเข้าไปในใจกลางเมืองโดยตรง

ด้วยที่ตั้งของสถานี MRT บางอ้อ จะอยู่ค่อนมาทางฝั่งเหนือของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ดังนั้นทำเลตรงนี้ก็จะค่อนข้างสะดวกสำหรับใครที่เน้นเดินทางไปในโซนย่านบางซื่อ, หมอชิต, ห้าแยกลาดพร้าว, รัชดา-ลาดพร้าว หรือถ้านั่งไปถึงอโศกก็สามารถทำได้ครับ โดยทั้งหมดนี่ก็จะไม่ต้องเปลี่ยนสายเลย

นอกจากนี้ต้องบอกว่าสายสีน้ำเงินเนี่ย ก็เป็นรถไฟฟ้าสายวงแหวนที่วิ่งรอบเมือง ดังนั้น เค้าก็จะตัดกับรถไฟฟ้าสายอื่นอีกเยอะเหมือนกัน สามารถเลือกใช้งานได้หลายสายครับ

ซึ่งถ้ามาดูในเส้นจรัญฯ ก็จะเห็นว่าช่วงบางอ้อตรงนี้ราคาจะยังไม่แรงมากครับ ก็จะเหมาะกับใครที่กำลังมองหาคอนโดที่ราคาหยิบจับได้ง่าย แต่ได้ความสะดวกของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเหมือนกัน

นอกจากนี้ในตัวทำเลของโครงการเอง ก็จะใกล้กับแหล่งงานหลายจุด อย่างตรงข้ามกับซอยของโครงการก็จะเป็นโรงพยาบาลยันฮีครับ

หรือถ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปก็จะเจอกับ กฟผ. และ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือครับ และใกล้ๆ กับโครงการ ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำก็จะมีรัฐสภาใหม่ ที่ในอนาคตอันใกล้ กำลังจะมีสะพานเกียกกาย ข้ามฝั่งจุดขึ้นอยู่ใกล้กับโครงการ ข้ามไปฝั่งรัฐสภาได้ครับ

นี่ก็จะเป็นจุดเด่นของทำเลย่านนี้ฮะ และถึงจุดนี้จะไม่ได้มีห้างใหญ่ๆ ก็จะมี Community Mall อยู่ใกล้ๆ และสามารถขึ้นรถไฟฟ้า 1 ป้าย ไปที่ Gateway บางโพได้ครับ


ราคา

พูดถึงทำเลไปแล้ว ราคาที่นี่ก็ต้องบอกว่าดี ตามสไตล์ศุภาลัยเลยครับ

อย่างราคาที่นี่จะเริ่ม 1.49 ล้านบาท หรือตกตารางเมตรละ 55,000 บาท ถือว่าถูกเลยครับ สำหรับคอนโดทำเลรถไฟฟ้าสายหลัก ไม่ไกลเมือง แถมอยู่ในระยะเดินได้ หรือราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการก็อยู่แค่ประมาณ 60,000 บาท/ตารางเมตร

ซึ่งโครงการของศุภาลัยก็มักจะทำราคาออกมาได้ดีเสมอ แต่ต้องบอกว่าศุภาลัยยุคใหม่ๆ ไม่ได้มีข้อดีแค่ถูกอย่างเดียว แต่ส่วนกลางที่ทำมาให้สมัยนี้ก็ออกมาดูดีใช้ได้เลยครับ

อย่างที่นี่ถึงจะเป็นคอนโดระดับ Affordable แต่ส่วนกลางก็ให้มาครบ มีอาคารส่วนกลางที่มีสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้อง Co-Living Space, ห้องประชุม, สวนและสนามเด็กเล่น และดีไซน์ก็ออกมาทันสมัยน่าใช้งาน ใครติดภาพศุภาลัยยุคก่อน ต้องบอกว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิมแล้วฮะ


อาคารส่วนกลาง

ตรงนี้จะเป็น Main Facility ส่วนกลางหลักสำหรับให้ลูกบ้านเข้ามาใช้พักผ่อนครับ โดยด้านล่างก็จะเป็นห้อง Co-Living Space ขนาดค่อนข้างใหญ่ ให้ลูกบ้านมานั่งทำงาน นั่งพักผ่อนกันได้

ในส่วนของด้านบนก็จะเป็นสระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนส ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ก็มีขนาดใหญ่อีกเช่นกันครับ เดี๋ยวเราไปดูแต่ละจุดกันครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง


สระว่ายน้ำ Infinity Edge

เริ่มกันที่สระว่ายน้ำ สระของที่นี่จะตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารส่วนกลาง แล้วทำเป็นสระแบบไร้ขอบ ดังนั้นตอนที่ว่ายก็จะสามารถรับวิวในโครงการได้แบบโล่งๆ เลยครับ บรรยากาศค่อนข้างดี นอกจากนี้เค้าก็จะมีพื้นที่ในส่วนของสระเด็กด้วยเช่นกัน


ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่

สำหรับยิมของที่นี่ก็เป็นอีกจุดที่ทำออกมาดูน่าใช้งานเหมือนกันครับ จะเป็นห้องเพดานสูง ได้กระจกตลอดแนวทั้งสามด้าน ทำให้ภายในค่อนข้างโปร่งมากเป็นพิเศษ เครื่องเล่นให้มาเยอะพอตัวครับ ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยสำหรับคอนโดระดับนี้


Co-Living Space

ห้อง Co-Living Space ที่นี่จะมีห้องสำหรับให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อน นั่งทำงานที่ชั้น 1 ของอาคารส่วนกลางครับ ขนาดห้องค่อนข้างใหญ่ นั่งใช้งานพร้อมกันได้เยอะเลย ซึ่งดีไซน์ของพื้นที่ส่วนกลาง จะออกแบบมาอิงจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของด้านฝั่งธนครับ ที่จะเป็นวิถีชีวิตริมน้ำ ทำการเกษตร รวมไปถึงมีงานหัตถกรรมจักสานต่างๆ

งานดีไซน์ของที่นี่เราเลยจะเห็นความเป็นโทนไม้ สลับกับการตกแต่งด้วยต้นไม้ต่างๆ เพิ่มความสบายตา มีการนำ element ของงานจักสานเข้ามาผสมในชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์

ซึ่งนอกจากพื้นที่ Co-Living Space แล้ว ที่นี่ก็จะมีห้องประชุม อยู่ใต้อาคารอีกจุดนึงด้วยครับ สามารถมาใช้งานได้เช่นกัน


พื้นที่สีเขียวและสนามเด็กเล่น

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ภายในอาคารแล้ว โครงการก็จะมีพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนอีก 2 จุดหลักๆ ด้วยกันครับ เริ่มจากจุดแรก เป็นสนามเด็กเล่นที่อยู่ตรงกลางของโครงการ และจะมีสวนอีกจุดที่ด้านหลังของโครงการครับ


ห้อง 1 Bedroom 27 ตารางเมตร
ราคาเริ่ม 1.49 ล้านบาท

ห้องนี้จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นครับ แปลนห้องจะเป็น 1 Bedroom แบบกึ่งๆ เป็นห้อง Studio อย่างที่บอกไปว่าห้องของที่นี่ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นห้องเริ่มต้นก็จะเริ่มที่ขนาด 27 ตารางเมตรเลย

แปลนห้องก็ไม่ซับซ้อนมากครับ เข้ามาในห้องเราจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน โดยที่ทั้ง 2 ห้องนี้โครงการก็จะมีชุดครัว และสุขภัณฑ์ต่างๆ มาให้ครบ ถัดเข้ามาก็จะมาถึงโซน Living ครับผม

โซน Living ของที่นี่ก็ถือว่าค่อนข้างกว้างเลย มีระยะห่างสำหรับดูทีวีค่อนข้างเยอะ โดยโครงการจะกั้นระหว่างโซนนั่งเล่นกับโซนห้องนอนให้ด้วยบานกระจกเลื่อนแบบเต็มความสูงเพดาน

ถัดมาที่ห้องนอน ก็จะเป็นอีกโซนที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครับ ปลายเตียงจะมีพื้นที่เผื่อสำหรับวางตู้เสื้อผ้า ตรงนี้ก็จะ Flexible ปรับได้ว่าอยากวางตู้เสื้อผ้าใหญ่ขนาดไหน หรือจะแบ่งพื้นที่มาวางเป็นโต๊ะทีวี/โต๊ะเครื่องแป้งปลายเตียงได้

นอกจากนี้ริมหน้าต่างยังมีพื้นที่กว้างพอที่จะทำโซนสำหรับนั่งทำงาน หรือโซนนั่งเล่นอีกโซนนึงได้ด้วย


ห้อง 1 Bedroom 35 ตารางเมตร
ราคาเริ่ม 1.93 ล้านบาท

อีกห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา จะเป็นห้องไซส์ 35 ตารางเมตรครับ ขนาดห้องใหญ่ขึ้นมาพอสมควร แต่ราคาเริ่มต้นของ Type นี้ก็ยังไม่เกิน 2 ล้านครับ

นอกจากขนาดนี่เพิ่มขึ้นมา ห้องก็จะมีฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรครับ เริ่มจากห้องนั่งเล่นของ Type นี้ก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น สามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ 2-4 ที่นั่งได้

ครัวของห้องนี้ก็จะได้เป็นครัวแบบปิด ใครที่ชอบทำอาหารห้องนี้ก็จะมีระบายอากาศต่างๆ ได้ดีขึ้นครับ

รวมไปถึงห้องนอนของห้องนี้ก็จะได้เป็นห้องนอนแบบมีประตูปิด มีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นเวลามีแขกไปใครมา หรือสำหรับใครที่อยู่กัน 2 คนก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวให้กับแต่ละคนมากขึ้นครับ ภายในห้องมีขนาดใหญ่ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ แถมยังมีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะข้างเตียง และมีพื้นที่สำหรับแต่งตัวโดยเฉพาะครับ


ต้องบอกเลยว่าที่นี่ทำให้เราได้รู้ว่ายังมีทำเลที่น่าสนใจ อยู่ใกล้เมือง และมีคอนโดที่ราคายังไม่โดดไปไกลมาก พอให้จับจองเป็นเจ้าของกันได้ไม่ยาก สำหรับใครที่สนใจคอนโดในย่านสถานี MRT บางอ้อ ก็อย่าลืมแวะเข้าไปดูโครงการ “ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ 91” ด้วยนะครับ ตอนนี้โครงการก็เพิ่งสร้างเสร็จ และพร้อมให้เข้าอยู่แล้วครับ

โดยในวันที่ 17-18 ก.ย. นี้ จะมีงาน Grand Opening พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่จองในงานจะได้รับชุดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 30,000 บาทด้วยนะครับ ใครที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ หรือโทรสอบถามที่เบอร์ 1720 ได้เลยครับ

Related posts
วิเคราะห์ทำเล

วิเคราะห์ทำเล “กรุงเทพกรีฑา” อะไรที่ทำให้แค่ไม่ถึง 10 ปี จากพื้นที่ว่าง กลายมาสู่โซนหมู่บ้านระดับท็อป??

วิเคราะห์ทำเล

วิเคราะห์ทำเลย่าน “บางนา” ในปี 2024 ...อะไรที่ทำให้ Developer เจ้าต่างๆ สนใจทำเลนี้??

วิเคราะห์ทำเล

ส่องทำเลและอนาคตของย่าน “เลียบด่วน เอกมัย-รามอินทรา” น่าสนใจยังไง และกำลังจะมีอะไรอีกบ้าง

วิเคราะห์ทำเล

เปิดแผนพัฒนาเมืองย่านพหลโยธิน-รามอินทรา นอกจากรถไฟฟ้าจะมีโครงการอะไรอีกบ้างมาดูกัน!