เชื่อว่าเพื่อนๆ มือใหม่ที่กำลังดูบ้านหรือคอนโด อาจจะสับสนประเภทการขายของบ้านและคอนโดกันบ้างใช่มั้ยครับ ถ้าเป็นบ้านอาจจะไม่ค่อยสับสนเท่าไหร่นัก เพราะโดยทั่วไปแล้วจะขายแบบ Fully Fitted เป็นส่วนใหญ่ แต่คอนโดนี่แหละ ตัวเจ้าปัญหา ไหนจะ Fully Fitted ไหนจะ Fully Furnished แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ
โดยทั่วไปแล้วประเภทของบ้านและคอนโดมี 4 แบบด้วยกัน นอกจากห้องแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แล้ว ยังมีประเภท Standard กับ Bareshell ด้วย วันนี้ LivingPop จะอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจมากขึ้นเอง ตามมาดูกันเลยยย
Bareshell
“Bareshell” เป็นห้องเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยครับ มีแค่พื้นและผนังปูนเปลือยที่ปรับระดับเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ผู้ซื้อต้องทำวัสดุปิดผิวในส่วนพื้น ฝ้า ผนัง และกั้นห้องใหม่เองทั้งหมด นอกจากนั้นยังไม่มีการวางระบบสาธารณูปโภคใดๆ แต่จะมีท่อแอร์ ท่อน้ำดี น้ำทิ้ง และบล็อคสายไฟไว้ให้ โดยผู้ซื้อสามารถดีไซน์และตกแต่งได้ทุกรูปแบบ ยกเว้นการทุบ-เจาะผนังกั้นยูนิต และฟาซาดอาคารด้านนอก
ข้อดี: ผู้ซื้อสามารถออกแบบห้องเอง ตั้งแต่การวางผังห้อง จัดฟังก์ชัน วางระบบไฟ ระบบน้ำ และตกแต่งในรูปแบบที่ต้องการ
ข้อจำกัด: เสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งห้องมากขึ้น และใช้เวลาค่อนข้างนานในการตกแต่ง
เหมาะกับใคร: ผู้ที่ต้องการแต่งห้องเองใหม่ทั้งหมด (ส่วนมากห้อง Bareshell จะอยู่ใน Upper Class Segment ขึ้นไป)
Tips: สำหรับใครที่ต้องการให้สถาปนิกหรือมัณฑนากรออกแบบห้องใหม่ทั้งหมด การเลือกซื้อห้อง Bareshell จะออกแบบได้ง่าย ตรงใจเรามากที่สุด
Standard
“Standard” เป็นห้องที่ยังไม่ได้ตกแต่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ และไม่มีเครื่องใช้ต่างๆ แต่จะมีการปูพื้น ทาสีผนัง ติดฝ้าเพดาน กั้นห้องน้ำ มีประตู ระเบียงภายนอก และวางระบบสาธารณูปโภคให้เรียบร้อย ส่วนที่เหลือผู้ซื้อสามารถออกแบบได้ตามใจชอบ
ข้อดี: ออกแบบฟังก์ชัน กั้นห้อง แบ่งสเปซ และแต่งห้องได้ทุกแบบทุกสไตล์
ข้อจำกัด: เสียค่าใช้จ่ายในการแต่งห้องและซื้อเฟอร์นิเจอร์ บางครั้งอาจจะต้องจ้างดีไซน์เนอร์แต่งห้อง ซึ่งทำให้งบประมาณบานปลายได้
เหมาะกับใคร: คนที่มีแบบห้องในฝันและสไตล์การตกแต่งที่ชอบ หรือผู้ที่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้วไม่ต้องการซื้อใหม่
Tips: ห้องStandard จะไม่ค่อยนิยมซักเท่าไหร่นัก เพราะผู้ซื้อต้องทำการแต่งเองและจัดวางฟังก์ชันใหม่ทั้งหมด
Fully Fitted
“Fully Fitted” เป็นห้องที่กั้นผนัง ปูพื้น ติดฝ้า วางระบบสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ มาให้เรียบร้อย บางโครงการยังมีเฟอร์นิเจอร์บางส่วนให้ด้วย โดยส่วนมากจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องห้องน้ำ ห้องครัว และเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินครับ
ข้อดี: ผู้ซื้อจะได้ห้องที่กั้นผนัง จัดฟังก์ชัน เดินงานระบบให้แล้วเสร็จ เหลือเพียงซื้อเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น นอกจากนั้นยังสามารถตกแต่งเพิ่มเติมให้เข้ากับ mood & tone ที่ชอบได้ด้วย
ข้อจำกัด: ห้อง Fully Fitted จะใช้เวลาแต่งห้องนานกว่าห้อง Fully Furnished และงบประมาณแต่งห้องอาจบานปลายมากกว่าครับ
เหมาะกับใคร: ผู้ที่อยากแต่งห้องเอง แต่ก็ไม่ต้องการเสียเวลาในการวางผังห้องและกั้นห้องใหม่ทั้งหมด
Tips: แม้ห้องแบบ Fully Fitted ผู้ซื้อจะแต่งห้องได้ตามความชอบ แต่ก็ต้องอิงกับผังห้องที่ทางโครงการวางไว้ด้วยนะครับ
Fully Furnished
“Fully Furnished” เป็นห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด เฟอร์นิเจอร์พร้อม ตกแต่งครบ แค่ลากกระเป๋ามาก็เข้าอยู่ได้เลย ห้องแบบนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุดในโครงการคอนโดเลยครับ
ข้อดี: ได้ห้องที่ตกแต่งเสร็จสมบูรณ์ คุมงบประมาณได้ และไม่ต้องเสียเวลาแต่งห้องเอง
ข้อจำกัด: ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบและสไตล์การแต่งห้องได้ เฟอร์นิเจอร์บางส่วนอาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ซื้อ ดังนั้นควรเลือกแบบห้องที่ถูกใจจริงๆ ครับ
เหมาะกับใคร: เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้ห้องพร้อมอยู่ ไม่ต้องแต่งและซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม
Tips: ควรเลือกโครงการซึ่งใช้วัสดุทำเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรง เป็นรอยยาก ประณีต และทำความสะอาดง่าย เพื่อที่จะใช้งานได้อย่างยาวนาน
เห็นไหมครับว่าห้องทั้ง 4 ประเภทนี้ ฟังจากชื่อคร่าวๆ อาจจะเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว ต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งการจะเลือกซื้อห้องแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อนั่นเอง เพราะห้องแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกัน หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ห้องในแบบที่ใช่ และสเปซในแบบที่ชอบกันนะครับ
